webnovel

บทที่ 11

เช้าอันสดใส ผมลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่น อาจเป็นเพราะที่นอนนี่นุ่มมาก ทำให้ผมหลับยาวยันเช้า แต่ผมก็ต้องสะดุ้ง เมื่อหันไปพบการเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมฆารูมเมทอันเป็นที่รักของผม มันแก้ผ้าตอนไหนไม่รู้ เช้าอันสุดใสของผมต้องมาพังลงเพราะดันไปเห็นเสาชิงช้าของเมฆา

ผมลุกไปเข้าห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปงานปฐมนิเทศ หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมก็เห็นเมฆาลุกมานั่งอยู่บนที่นอนแล้ว ตอนนี้เขานุ่งผ้าขนหนูเพื่อเตรียมอาบน้ำ

"รอแปบนะ เราอาบน้ำแปบเดียว" พูดจบเมฆาก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ

ผมค่อนข้างตื่นเต้นนะ เพราะครั้งแรกในชีวิตที่ใส่ชุดนักศึกษา ผมยืนส่องกระจก เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว กางเกงขายาวสีดำ น่าแปลกที่ทางมหาลัยเตรียมไว้ได้พอดีกับตัวผมเลย ผมลองส่องกระจกดูพบว่าชุดนี้ไม่ค่อยเหมาะกับผม อาจเพราะผมที่ยาวรุงรังลงมาถึงไหล่ (ก็ผมไม่ชอบตัดผมนี่ ตัดครั้งล่าสุดตอนปีก่อน ลุงแสงบอกว่าถ้าไม่ตัดผม จะไม่ให้ดูทีวี เลยจำต้องยอม)

หลังจากที่พวกเราแต่งตัวกันเรียบร้อย ก็เดินออกมาจากหอพัก ผมไม่เห็นคนอื่นในหอพัก ทั้งหอเงียบมากเหมือนมีแค่พวกเรา 2 สองคน

เราเดินมาที่ตึกใหญ่ ที่ผมเห็นเมื่อวาน ตึกนี้คือตึกเรียน มันสูง 10 ชั้น สีขาว หน้าประตูมีรูปปั้นยักษ์ยืนอยู่สองข้าง มีเถาวัลย์เลื้อยอยู่ด้านข้างตึกทั้งสองฝั่ง

ผมและเมฆาเดินเข้าประตูใหญ่ เมื่อเข้ามาก็เจอป้าย 'งานปฐมนิเทศ ' ป้ายบอกให้เราไปทางซ้าย เราก็เดินตามทางมา และเจอห้องปฐมนิเทศในที่สุด

เมื่อเข้าไปห้องอันกว้างใหญ่ มีเวทีอยู่ด้านหน้า ที่นั่งจัดแบบไล่ลำดับความสูง โดยที่ต่ำสุดจะอยู่ด้านหน้าติดกับเวที

ทั้งห้องมีอยู่ 5 คน คือ ผม เมฆา แล้วก็ผู้ชายคนหนึ่ง และผู้หญิงอีก 2 คน

มีเจ้าหน้าที่เดินมาบอกให้ไปนั่งรวมกันข้างหน้าเพราะคนน้อย

ครู่หนึ่ง พิธีการก็เริ่มขึ้น ถ้าคุณคิดว่าจะเห็นฉากแฟนตาซี อธิการบดีจะขี่ไม้กวาดมาละก็เสียใจด้วยนะครับ ท่านอธิการเดินขึ้นเวทีมาแบบปกติ ท่านเป็นคุณตาที่ดูใจดี แววตาสีน้ำตาลดูเศร้าๆ ผมสีขาวแซมดำใบหน้าเหี่ยวย่น รอยตีนกาบ่งบอกถึงอายุที่มากแล้ว คำแรกที่ท่านพูดคือ "ขอแสดงความยินดีที่ทุกคนมาถึงที่นี่โดยที่ยังไม่ตาย" ว้าววว คำทักทายนี่มันอบอุ่นมากๆ เลยครับ

"ผมเชื่อว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ ทั้งหมด เอ่อ 5 คนใช่ไหม" ท่านอธิการ พยายามนับ "ผมขอให้ทุกคนตั้งใจศึกษาวิชาอาคมต่างๆ เพื่อตัวเอง ทุกคนคงรู้อยู่แล้วว่าเราเกิดมาไม่เหมือนมนุษย์ปกติ พวกคุณเกิดมาพร้อมกับ 'จิต' ที่ทรงพลัง มันสร้างความลำบากให้กับพวกคุณไม่น้อยเลย ทั้งพวกผีที่ชอบมาก่อกวน ทั้งพวกที่เล่นไสยดำ พวกนี้ต่างหมายตาที่จะเข้ามาทำลายชีวิตของพวกคุณ" ท่านอธิการ พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

"ในช่วงปี 1 พวกคุณจะได้เรียนพื้นฐานและการเอาตัวรอดทั้งหมด ในปีที่ 2 – 4 จะเป็นการออกไปฝึกงานในสถานที่จริง โดยปี 2 จะรับผิดชอบการช่วยเหลือดวงวิญญาณ ปี 3 จะเป็นการแก้คุณไสยมนต์ดำ และปีสุดท้ายจะฝึกงานเกี่ยวกับการรับมือพวกอสุรกาย"

ฟังแล้วว้าวมากเลย ตลอด 4 ปีที่นี่ดูเหมือนจะมีแต่เรื่องเสี่ยงตาย ผมหันไปมองเพื่อนๆ ว่ามีปฏิกิริยายังไง เริ่มจากเมฆา หมอนี่ดูตื่นเต้นมาก เหมือนจะชอบเรื่องเสี่ยงตาย

ส่วนผู้ชายอีกคน ผมสังเกตเขาจากด้านข้าง เขาค่อนข้างผิวขาว สันจมูกโด่ง ปากแดง ตัดผมสั้น เซ็ตผมตั้งแสกกลาง มองผ่านๆ เหมือนพวกดาราที่เห็นในทีวี เขานั่งฟังแบบนิ่งๆ ดูไม่ตื่นเต้นอะไรเลย

ถัดไปเป็นผู้หญิงผมยาวหน้าคมปากกระจับ โครงหน้าเรียวยาว พูดได้ว่าสวยมากเลย เธอกำลังหันไปซุบซิบกับเพื่อนผู้หญิงอีกคน หัวเราะคิกคัก

ทำไมดูเหมือนจะมีผมคนเดียวที่รู้สึกว่าสถานการณ์ที่นี่มันเหมือนเสี่ยงตายจังเลย

อธิการพูดต่อ "หลังจากครบ 4 ปีเรียนจบ พวกคุณมีทางเลือกคือกลับไปใช้ชีวิตแบบมนุษย์ปกติ โดยทางเราจะใช้เส้นสายหางานที่พวกคุณอยากทำให้ หรือพวกคุณจะทำงานกับกระทรวงไสยเวทย์ก็ได้ แล้วแต่พวกคุณ"

"กระทรวงไสยเวทย์ มีด้วยเหรอครับ" เพื่อนผู้ชายหน้าขาวยกมือถาม

"กระทรวงนี้มีมาแต่โบราณ เธอในฐานะลูกหลานตระกูลโหรอาจจะรู้จักในนามกระทรวงแพทยา มีหน้าที่ในการชำระคดีเกี่ยวกับคุณไสย หรือคนที่ใช้ภูตผีในทางที่ผิด รวมถึงการปกป้องประเทศจากไสยเวทย์ของประเทศอื่น ปัจจุบันกระทรวงนี้ไม่ได้หายไป แต่เปลี่ยนมาเป็นกระทรวงไสยเวทย์ และเคลื่อนไหวแบบไม่เปิดเผย" ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างเข้าใจ

ส่วนเมฆาฟังท่านอธิการพูดมาถึงตรงนี้ยิ่งดูตื่นเต้นหนักเข้าไปอีก

"เราเรียกว่าโลกเบื้องหลัง โลกที่มีเพียงผู้ที่มีจิตถึงจะมองเห็น คนปกติมองไม่เห็นวิญญาณ หรืออาคมต่างๆ แน่นอนว่าหน้าที่ของเราก็คือการปกป้องคนปกติ จากสิ่งที่พวกเขามองไม่เห็น"

"เอาละ มีใครสงสัยอะไรอีกไหม"

ทุกคนนิ่ง

"ถ้า อย่างนั้นพรุ่งนี้เปิดเรียนวันแรก ก็ขอให้สนุกกับที่นี่ ระเบียบก็อ่านจากเอกสารเอา แต่จำไว้อย่างหนึ่งว่า ห้ามตายเด็ดขาด"

สุดยอดไปเลย การปลุกใจนี้ทำให้ผมอยากจะว่ายน้ำหนีออกจากเกาะนี้จังเลย หลังจากพูดจบก็แยกย้าย

พี่วายุเดินมาจากข้างหลัง เรียกเรา 5 คนมาคุย เพื่อแนะนำตัวกัน

ผู้ชายผิวสีขาวคนนี้ ชื่อสายหมอก เขาอยู่ห้อง 102 คือห้องถัดไปของเรา

"ทำไมสายหมอกถึงอยู่ห้องเดี่ยวละครับ" ผมถามเพราะผมก็ยังไม่เข้าใจ ตึกหอพักมีห้องมากมายทำไมผมต้องมาอยู่กับคนชอบแก้ผ้านอนด้วย

"นโยบายความปลอดภัย การอยู่สองคนจะช่วยในการดูแลกันและกันได้มากกว่า แต่สายหมอกเขามีข้อยกเว้น เพราะพลังของเขาไม่เหมาะกับการอยู่ร่วมกับคนอื่น" ระหว่างที่พี่วายุอธิบาย สายหมอกยังคงทำหน้าเฉยเมยไม่พูดอะไร

"เราชื่อบุปผา อยู่ตึกเดียวกับนายแต่เราอยู่อีกฝั่ง ห้อง110 มีอะไรก็เรียกเราได้" หญิงสาวผมยาวทักทาย

"เราชื่อลำธารนะ เป็นรูมเมทบุปผา เรามีปัญหาเรื่องสองบุคลิกอยู่ ถ้าเห็นเราทำอะไรแปลกๆ ก็ช่วยห้ามทีนะ" หญิงสาวผมยาวประบ่า ใบหน้าสดใส แก้มป่องๆ รวมกับตาโตๆ ของเธอทำให้เวลาเธอยิ้มโลกดูสดใสมาก

ผมแทบไม่เคยใกล้ชิดกับผู้หญิงเลย และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมมีเพื่อนเป็นผู้หญิง มันน่าตื่นเต้นจริงๆ ผมทำตัวไม่ถูก ยืนบิดไปบิดมา กลายเป็นเมฆาที่ชิงพูดก่อน "หมอนี่ชื่อพนาเป็นรูมเมทเรา ส่วนเราชื่อเมฆานะเป็นน้องของลุงคนนั้น" เมฆาพูดพลางพยักหน้าไปทางพี่วายุ

"เอาละวันนี้แยกย้ายกันไปพักเถอะ พรุ่งนี้เริ่มเรียนวันแรก มีสมาธิดีๆ ละ" พูดจบพี่วายุก็เดินออกไป

"เราไปสำรวจรอบๆ มหาลัยกันไหม" ลำธารชวน

"จริงๆ เรามาที่นี่เกือบอาทิตย์หนึ่งแล้ว เดี๋ยวเราเป็นไกด์ให้" เมฆาตอบ

หลังจากนั้นบุปผาก็หันไปชวนสายหมอก "สายหมอกไปด้วยกันไหม" สายหมอกคิดอยู่ประมาณ 1 วินาที

"ไม่ไป"