webnovel

ซีนที่ 9

งานเฟทเฟสฯ วันที่ 17 วันสุดท้าย คอนเสิร์ตเริ่มต้นและปิดฉากลงอย่างสนุกสนาน ไม่มีใครสนใจ หรืออาจจะไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่า วงการบันเทิงได้เสียบุคลากรคุณภาพไปหนึ่งราย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะถึงพี่กบจะได้รับการยกย่อง จากคนในวงการขนาดไหน แต่เขาก็เป็นคนเบื้องหลังคนหนึ่ง ซึ่งไม่ได้โด่งดัง จนคนนอกทุกคนรู้จักเหมือนกับคนเบื้องหน้าอย่างพวกศิลปินดารา

วันที่ 18 เมษา เป็นธรรมเนียมประจำหลังงานเฟทเฟสฯ ที่บริษัทจะจัดงานการกุศลขึ้นมา เพื่อแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งจากงานเฟทเฟสฯไปทำบุญ โดยมีดารานักแสดงบางส่วนไปร่วมงานด้วย ซึ่งในตารางงานของซัท เขาเองก็ต้องมางานนี้เช่นกัน แต่เขายกเลิกมันไปแล้ว เพื่อไปรับศพ เพื่อไปงานศพของพี่กบ ผู้เป็นเสมือนพ่อของเขานั่นเอง

ในห้องแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ภายในมูลนิธิเฟท มีชายสองคนกำลังยืนคุยกันอยู่ลำพัง และหนึ่งในนั้นก็คือรองประธาน ทั้งสองมองต่ำออกไปทางนอกหน้าต่าง ด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วพูดคุยกันโดยไม่สบตา

"ฝีมือคุณเหรอ"

ชายอีกคนหนึ่งเอ่ยถาม

"เปล่าหรอก ผมจะทำแบบนั้นไปทำไม"

รองประธานตอบ

"แต่ท่านเองก็คงไม่ได้สนหรอก ว่าผมทำหรือไม่ทำ ที่ท่านกังวลคือเรื่องอื่น ซึ่งผมรับประกันได้เลยว่าไม่มีปัญหาแน่นอน ผมไม่เอาพวกเราไปเสี่ยงหรอก"

"ได้ยินแบบนั้นก็ดี การเลือกตั้งใกล้เข้ามาแล้ว"

"ผมรู้ ท่านไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนั้นหรอก ท่านแค่ทำตามบทบาทของท่านไป ผมเองก็จะทำตามบทของผม แม้ว่าการเสียสมาชิกรุ่นก่อตั้งอย่างพี่กบไป จะไม่อยู่ในแผนก็ตาม แต่การแสดงยังต้องดำเนินต่อไป"

สิ้นเสียงของประธาน บรรยากาศก็ดูนิ่งเงียบลง ราวกับเวลาถูกหยุดเอาไว้ จนกระทั่งมีเสียเคาะประตูดังขึ้น พร้อมกับเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า

"ได้เวลาแล้วค่ะคุณ"

"เข้ามาได้"

ท่านผู้นั้นตะโกนตอบ

รองประธานกลับหลังหัน ก่อนจะพูดทิ้งท้ายไว้ว่า

"เอาล่ะหมดเวลาของผมแล้ว เจอกันคราวหน้า หวังว่าจะเป็นตอนที่ท่านถูกเลือกแล้วนะ"

พูดจบรองประธานก็เดินออกไป

"ฉันก็หวังไว้เช่นนั้น"

ท่านผู้นั้นบ่นพึมพำกับตัวเอง

ในจังหวะที่รองประธานเดินไปใกล้จะถึงทางออก ประตูห้องก็ค่อย ๆ เปิดออก แล้วเผยให้เห็นใบหน้าของหญิงเจ้าของเสียงนางนั้น

"ไงวี นักข่าวถามเรื่องพี่กบแน่เตรียมคำตอบให้ดี ๆ ล่ะ"

นักแสดงสาวพยักหน้าตอบคำถามของรองประธาน

"งั้นฉันให้เวลาเธอกับสามีเตรียมตัวอีกห้านาทีนะ"

"ค่ะท่านรอง"

หลังสิ้นสุดการสนทนา รองประธานกับนักแสดงสาว ก็เดินสวนทางกัน คนหนึ่งเข้า คนหนึ่งออก ก่อนที่ประตูบานนั้นจะค่อย ๆ ปิดลงอย่างเชื่องช้า

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ข่าวบอกว่าพี่กบเสียชีวิตในขากลับลงมาจากทางตอนเหนือของประเทศ เพื่อกลับเข้ามายังเมืองหลวง ทว่าเขามาไม่ถึง เนื่องจากรถที่พี่กบขับมานั้น ถูกรถโดยสารที่คาดว่าคนขับหลับใน ชนท้ายทำให้รถของพี่กบเสียหลักตกเขา จึงต้องใช้เวลาในการกู้ซากรถ รวมถึงยืนยันตัวตนกันประมาณหนึ่ง การสอบสวนจากผู้โดยสารบนรถ และผู้เห็นเหตุการณ์ รวมถึงพยานหลักฐานต่าง ๆ ก็ชี้ได้ชัดว่าเป็นอุบัติเหตุจริง ๆ ทางตำรวจจึงอนุญาตให้นำศพมาประกอบพิธีทางศาสนาต่อไปได้

งานศพของพี่กบ กินระยะเวลาถึง 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 17 เมษา ไปจนถึงวันที่ 21 เมษา โดยมีซัทกับพี่สาวและบริษัทเฟท เป็นเจ้าภาพ เนื่องจากพี่กบไม่มีครอบครัว และไม่มีญาติคนอื่น ๆ จะมีก็แค่สองพี่น้องนี่เท่านั้น ที่พอจะเรียกได้ว่าเป็นครอบครัวที่เหลืออยู่ของพี่กบ

บรรยากาศภายในงานจะว่าเศร้าก็ไม่เชิง เพราะคนที่เศร้าจริง ๆ นั้นมีน้อยเหลือเกิน อย่างซัทกับพี่สาว ส่วนคนอื่น ๆ นั้นก็เศร้า เฉพาะตอนที่กล้องบันทึกภาพอยู่ ก็อย่างที่รู้กันว่า พี่กบเป็นคนเบื้องหลังที่มีชื่อเสียงประมาณหนึ่ง ก็จะมีคนในวงการมากมายแวะเวียนมา นักข่าวก็เช่นกัน

แล้วก็เพราะเป็นการเสียชีวิตของคนในวงการบันเทิง ที่มีนักข่าวหลายสำนักมาทำข่าวนี่แหละ มันเป็นจึงโอกาสอันดีที่หลาย ๆ คนต้องการใช้มันให้เป็นประโยชน์มากที่สุด เช่น

ดาราบางคนที่หายหน้าหายตาจากวงการไปแล้ว ก็ฉวยโอกาสนี้ ไปพูดคุยกับสื่อ ตีหน้าเศร้าเล่าความจริงว่า พี่กบเป็นงั้น เป็นงี้ เคยทำงานกันตอนนั้น บลา ๆ ๆ แล้วก็ร้องไห้

บางคนมาไม่ได้ หรืออาจจะไม่ใช่คนเด่นดังอะไร ก็ใช้โอกาสนี้โปรโมทตัวเอง หรือสินค้า ด้วยพวงหรีดติดยี่ห้อของสินค้าหรือบริษัทของตัวเองไปสิ อาจจะไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ แต่ยังไงตากล้องก็คงถ่ายรูปติดไปบ้างนั่นแหละนะ

ไม่มีงานไหนที่จะดูปลอมเปลือกไปกว่างานนี้อีกแล้ว ก็นะ นี่มันวงการมายา

อย่างไรก็ดี คนที่ไม่หิวแสง ไม่ให้สัมภาษณ์สื่อใด ๆ ตั้งใจมาร่วมงานเพื่อทำความเคารพศพ นอกจากซัทกับประธานที่เป็นเจ้าภาพแล้ว ก็ยังมีอยู่บ้าง อย่างพลูโต ที่ก็ไม่ใช่คนดังอะไรอยู่แล้ว วีกับสามี บุ๊ก คุณตำรวจตาณ เบอร์สองอย่างชีค รองประธาน พวกเขาเหล่านี้ ต่างก็แวะเวียนกันมา ไม่ได้มาพร้อมหน้ากันหรอก

หลังงานศพผ่านพ้นไป ทนายความของพี่กบ ก็ได้มาแจ้งให้ซัทได้รับรู้ว่า มรดกส่วนใหญ่ พี่กบมอบมันให้กับเขา และอีกส่วนหนึ่งก็นำไปบริจาค ในพินัยกรรมของพี่กบ ไม่ได้มีถ้อยแถลงอะไรแต่อย่างใด เพราะเขาจากไปอย่างกะทันหันมาก

วันที่ 22 หนึ่งวันหลังจากเสร็จสิ้นงานศพ และทุกสิ่งอย่างเกี่ยวกับพี่กบ ช่วงสาย ๆ ของวันนี้ ซัท ประธาน และพลูโต ต่างก็ขับรถกันไปคนละคัน เพื่อไปยังบ้านของพี่กบ

บ้านของพี่กบเป็นบ้านเดี่ยว ตั้งอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เป็นบ้านสองชั้นไม่เล็ก ไม่ใหญ่ เท่าไหร่ แต่หากนึกได้ว่า พี่กบอยู่บ้านหลังนี้เพียงคนเดียว มันก็ดูใหญ่อยู่ไม่น้อย

ภายในบ้านของพี่กบ ตกแต่งอย่างเรียบง่าย แม้พี่กบจะเป็นตากล้องมานาน แต่กลับไม่มีรูปผลงานของตัวเอง หรืองานศิลปะใด ๆ ภายในบ้านเลย แต่มีรูปของพี่กบ กับครอบครัวของซัทอยู่เต็มไปหมดแทน

ซัทกับพี่สาว ต่างค่อย ๆ เดินสำรวจบ้าน เดินมองดูรูปภาพต่าง ๆ เพื่อรำลึกถึงความหลัง และพี่กบไปเรื่อย ๆ แล้วทั้งคู่ ก็มาหยุดอยู่ตรงหน้ารูปภาพใหญ่รูปหนึ่ง ซึ่งสองพี่น้องต่างมองมันด้วยความเศร้า

"ตอนนั้นไม่มีใครคิดเลยว่าพวกเราจะได้อยู่พร้อมหน้ากันเป็นครั้งสุดท้าย"

ประธานเริ่มการสนทนา

"ใช่ พี่กบได้เป็นผู้กำกับภาพครั้งแรก ผมก็ได้รับบทเด่น ๆ เป็นครั้งแรก พ่อเลยพาพวกเราไปฉลอง..."

"แล้วหลังจากนั้นไม่ถึงปีพ่อก็ตาย"

ประธานพูดแทรกน้องชายตัวเอง สองพี่น้องยืนมองรูปอย่างเงียบสงบอยู่สักพัก แล้วหลังจากนั้นทั้งคู่ต่างก็แยกย้ายกันเดินสำรวจบ้านต่อไป โดยที่ซัทขึ้นไปยังชั้นสอง ส่วนพลูโตก็เดินมาที่รูปนั้น

มันเป็นภาพครอบครัว 4 คน ที่กำลังยิ้มแย้มอยู่ริมทะเล ในภาพมีซัทน่าจะอายุราว ๆ 10 ขวบ กับประธานในวัยมัธยม ผู้หญิงสวย ๆ กับผู้ชายในรูปก็น่าจะเป็นพ่อกับแม่ของทั้งคู่

"งั้นคนถ่ายรูปคงเป็นพี่กบสินะ"

พลูโตบ่นพึมพำก่อนจะตามซัทขึ้นไปยังชั้นสอง

ซัทกำลังรื้อเสื้อผ้าในตู้ของพี่กบออกมา โดยมีพลูโตยืนมองอยู่ตรงประตูห้องอย่างตั้งใจ

"จะเงียบแบบนี้ทั้งวันเลยรึไง กินอะไรผิดสำแดงมาเหรอ"

ซัทพูดยียวน ในขณะที่กำลังไล่รื้อเสื้อผ้าในตู้ออกมาทีละชิ้น สองชิ้น

"ก็ผมไม่รู้จะพูดอะไรดี เอาเป็นว่าผมขอโทษเรื่อง..."

"ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ"

ซัทรีบพูดแทรกพลูโต ก่อนที่จะวางมือจากสิ่งที่ทำ แล้วหันหน้าเดินตรงมาหาพลูโต

"ฉันขอโทษ ฉันมันงี่เง่าเองแหละ ฉันรู้ว่านายมีเจตนาที่ดี ฉันไม่โกรธนายหรอก...หมายถึงตอนนี้นะ"

"ผมเข้าใจครับ ถ้าตอนนั้นเป็นผม ผมก็คงหัวร้อนเหมือนกัน"

สิ้นเสียงของพลูโต บรรยากาศก็เข้าสู้โหมดเงียบ ทั้งสองยืนจ้องตากันอยู่ครู่หนึ่ง

"เอ่อ...มาช่วยขนเสื้อผ้าพวกนี้หน่อยสิ"

ซัทพูดอย่างอึกอัก ก่อนจะกลับหลังหัน แล้วเดินตรงกลับมาที่ตู้เสื้อผ้า

"เอ่อ...คะ...ครับ"

พลูโตเองก็กระอักกระอ่วน ไม่แพ้ซัท แล้วเขาก็เดินแบบเก้ ๆ กัง ๆ ตามซัทเข้าไปในห้อง

"โอ๊ย!"

พลูโตอุทานออกมาเสียงดัง ด้วยความเจ็บ และตกใจ

"เป็นอะไรรึเปล่า"

ซัทพูดแล้วรีบวิ่งมาดู

"ไม่เป็นไรครับ ผมเหยียบอะไรก็ไม่รู้น่ะ"

พลูโตพูดแล้วยกเท้าขึ้นมาดู ในขณะที่ซัทก้มลงไปหยิบบางอย่างบนพื้น

"นี่มัน..."

ซัทบ่นพึมพำในขณะที่จ้องมองไปยังวัตถุชิ้นเล็ก ๆ ที่อยู่บนมือของเขา

"เข็มกลัด กระดุม หัวแหวน อะไรหว่า"

พลูโตบ่นพึมพำ ในขณะที่จ้องมองมันเช่นกัน

"ก็อาจจะนะ แต่ไม่ยักรู้มาก่อนว่าพี่กบชอบอะไรแบบนี้"

"รูปร่างหน้าตามันดูคุ้น ๆ นะ แต่ผมนึกไม่ออก"

พลูโตทำท่าทางคิดหนัก

"มันคือปลาดาวไง"

ซัทคลายข้อสงสัยของพลูโตให้

"อ๋อ ผมรู้แล้ว ผมเคย..."

เพล้ง! มีเสียงแก้วดังขึ้นที่ชั้นล่าง ทำให้สองหนุ่มต้องทิ้งความสงสัยเอาไว้ก่อน

พลูโตเดินนำหน้าไป ในขณะที่ซัทเก็บมันใส่กระเป๋า แล้วรีบเดินตามไปทันที

เมื่อมาถึงชั้นล่าง พลูโตก็เห็นประธานนั่งหน้าซีดอยู่ตรงเก้าอี้ในครัว ที่พื้นใกล้ ๆ กันนั้นมีเศษแก้วแตก และน้ำเจิ่งนองอยู่บนพื้น เขาจึงก้มลงไปเก็บ แล้วซัทก็โผล่มาพอดี จึงรีบเดินเข้าไปหาพี่สาวของตน

"พี่เป็นอะไรรึเปล่า"

"หน้ามืดนิดหน่อยน่ะ ช่วงนี้คงโหมงานหนักไปหน่อย"

"ไปหาหมอไหม เดี๋ยวผมพาไป"

"ไม่เป็นไร นั่งพักสักเดี๋ยวก็หายแล้ว ช่วงนี้พี่เป็นแบบนี้บ่อย ไม่ต้อง..."

ประธานหยุดพูดไปกลางคันพร้อมกับทำหน้าตาพะอืดพะอม แล้วยกมือขึ้นมาปิดปาก ซัทเห็นท่าไม่ดี จึงรีบหยิบหม้อแถว ๆ นั้นมาให้ แล้วประธานก็สำรอกออกมายกใหญ่

ในขณะที่ซัทกำลังช่วยลูบหลังพี่สาว เขาก็หันไปสบตากันกับพลูโต เหมือนจะถามว่า

คิดเหมือนกันใช่ไหม แล้วพลูโตก็ตอบกลับมา ผ่านสายตาว่าใช่

หลังจากที่ประธานอ้วกออกมา แล้วนั่งพักดื่มน้ำดื่มท่า พักหายใจจนมีสีหน้าที่ดีขึ้น ซัทก็เริ่มทันที

"พี่ไปหาหมอเถอะ"

"ไม่ต้องหรอกเสียเวลา"

"ไปเถอะครับประธาน ประธานเคยเป็นมาก่อนแล้วใช่ไหม ผมว่าควรตรวจให้รู้เรื่องนะ"

หลังจากซัทกับพลูโตช่วยกันกล่อมอยู่ครึ่งชั่วโมงในที่สุด ประธานก็ยอมแพ้

ทั้งสามคนนั่งรถประจำตำแหน่งของพลูโต ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด โดยที่พลูโตเป็นคนขับ ส่วนซัทนั่งข้าง ๆ พี่สาว แล้วโทรบอกพี่เขยของตน

หลังจากไปถึงโรงพยาบาลแล้ว ระหว่างที่รอหมอตรวจ สักพักรองประธานก็มาถึงพอดี พร้อมกันกับที่การตรวจร่างกายเสร็จสิ้น หมอจึงออกมาบอกข่าวดีว่า ประธานกำลังท้อง

ด้วยวัยเกือบ ๆ จะ 40 ของประธาน ที่พยายามจะมีลูกมาตลอด 10 ปี ของชีวิตคู่แต่ไม่เคยเป็นผล ในเวลานี้ตอนนี้ ผลแห่งปาฏิหาริย์มันได้ผลิดอกแล้ว ว่าที่คุณพ่อ กับคุณแม่มือใหม่ ต่างก็น้ำตาไหลด้วยความยินดีแต่ไม่ใช่กับว่าที่คุณน้าอย่างซัท

เป็นอีกครั้งที่พลูโตเห็นความผิดปรกติของซัท ผู้ซึ่งปรกติแล้วจะจัดการอารมณ์ เก็บอารมณ์ได้ดีมาก ๆ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ แววตาของซัทดูสับสนแปลก ๆ เหมือนความโกรธ กังวล และยินดี มันตีกันอยู่ในหัว

หลังจากสิ้นเรื่องสิ้นราวที่โรงพยาบาลแล้ว ทุกคนต่างก็แยกย้าย ประธานก็กลับบ้านพร้อมสามี ซัทก็กลับไปพร้อมพลูโต โดยที่ระหว่างทางพลูโตพยายามจะชวนเขาคุยเหมือนทุกครั้ง แต่ซัทกลับไม่ตอบสนองใด ๆ กลับมา ราวกับถูกชักปลั๊กออกไปแล้ว

ปัง!

เสียงพลุดังขึ้น พร้อมกับเสียงดนตรี และเสียงใครสักคนป่าวประกาศผ่านไมค์

"คุณซัท คุณซัท คุณซัทครับ!"

ทีมงานหลังเวทีตะโกนเรียกเขาอยู่หลายรอบกว่าเขาจะได้สติ

ซัทหันไปมองทีมงานด้วยความมึนงง แล้วพูดว่า

"มีอะไรเหรอ"

"จะอะไรอีกล่ะครับ รีบออกไปได้แล้ว"

ทีมงานหนุ่มตะคอกใส่ซัท ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ควร เลยจะเอ่ยขอโทษ แต่ซัทก็เดินหายไปจากตรงนั้น ออกไปยังหน้าเวทีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

"เฮ้ย ใช้ได้นี่หว่ากล้าดุจอมมารด้วย"

"เออ นึกว่าจะซวยแล้วแปลกมาก"

"นั่นสิ ปรกติเขาเรื่องมาก ชอบเหวี่ยง ชอบวีนก็จริง แต่ไม่ค่อยทำงานพลาดแบบนี้เลยนะ"

"คงเพราะพี่กบแหละมั้ง พวกเขาสนิทกับเหมือนพ่อลูกเลย"

"ก็คงงั้นแหละ"

พนักงานหนุ่มทั้งสองแอบซุบซิบกัน ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเอง โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่า พลูโตที่ยืนอยู่แถวนั้น ได้ยินทุกคำพูดของพวกเขา ซึ่งพลูโตก็เห็นด้วยนะ ซัทดูแปลก ๆ ไปเหมือนคนไร้วิญญาณ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ หลังกลับมาจากโรงพยาบาล

ตอนนี้พวกเขาอยู่ในงานเปิดตัว ซีรีส์เรื่องใหม่ นักฆ่าใจกล้า โปรเจกต์ใหญ่ ที่ได้ ซัท วี และ ชีค มารับบทนำร่วมกัน ซึ่งนี่เป็นครั้งที่สองเท่านั้น ที่ทั้งสามได้กลับมาร่วมงานกันพร้อมหน้าอีกครั้ง แถมครั้งนี้ ซัทจะพลิกบทบาทมารับบทร้ายอีกด้วย

อย่างไรก็ดีถึงแม้ว่าเหล่านักแสดงนำจะเป็นตัวท็อปของวงการก็ตาม แต่ผู้กำกับพอส นักเขียนฝน ผู้กำกับภาพหรือตากล้องบุ๊ก ล้วนแล้วแต่เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงด้วยกันทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าคนนอกอาจจะไม่รู้จักพวกเขาก็ตาม แต่คนในนั้นรู้จักพวกเขากันพอสมควร และที่สำคัญคือ ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง หรือคนเบื้องหลัง ต่างถูกทาบทามมาโดยพี่กบ ผู้ที่เป็นโปรดิวเซอร์

นอกจากนักแสดงนำทั้งสาม หัวเรือใหญ่ของทีมเบื้องหลังทั้งสาม ที่มาปรากฏตัวในงานแล้ว อีกคนที่ขาดไม่ได้ก็คือโปรดิวเซอร์คนใหม่ ที่ต้องมาทำหน้าที่แทนพี่กบ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น รองประธานของเฟทนั่นเอง

ก่อนจะเริ่มช่วงถามตอบ รองประธานรุจ ได้มีการกล่าวสุนทรพจน์ถึงพี่กบเล็กน้อย ว่าเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน รวมถึงตอบคำถามก่อนจะถูกถามว่าทำไมถึงโปรเจกต์นี้ถึงยังได้ไปต่อ ทั้งหมดก็เพื่อเป็นเกียรติให้กับพี่กบ ผู้ซึ่งเป็นคนริเริ่มโปรเจกต์นี้ และมันเป็นงานสุดท้ายของพี่กบอีกด้วย

พอมาถึงช่วงตอบคำถาม แน่นอนว่าคำถามส่วนใหญ่ก็พุ่งไปที่นักแสดงนำทั้งสาม ซึ่งวี กับชีค ตอบคำถามได้เป็นอย่างดี ผิดกับซัทที่วันนี้ดูเหม่อ ๆ สติไม่อยู่กับร่องกับรอย ตอบคำถามไม่ฉะฉานเหมือนเคย ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ทำให้พลูโตที่มองมาจากหลังเวที ยิ่งมั่นใจว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับซัท

หลังเสร็จสิ้นงานในวันนี้ ในห้องพักหลังเวที เมื่อมีโอกาสอยู่ด้วยกันสองต่อสอง พลูโตจึงไม่รอช้า รีบถามซัทอย่างตรงไปตรงมาทันทีว่า

"พี่เป็นอะไร"

แต่คำตอบที่เขาได้คือความเงียบ เขาจึงเดินไปใกล้ ๆ แล้วตะโกนถามว่า

"พี่ซัทพี่เป็นอะไร"

แน่นอนว่าตะโกนดังขนาดนี้ มีหรือที่ซัทจะไม่ได้ยิน ซัทจึงหันมาถามว่า

"ไงนายจืด เมื่อกี้นายว่าไงนะ"

ได้ยินซัทพูดแบบนั้น พลูโตก็ได้แต่ทำหน้าหน่ายใจ

"พี่ซัทวันนี้พี่เป็นอะไรทั้งวันเลย ไม่สิตั้งแต่เมื่อวานแล้ว หลังกลับจากโรงพยาบาล เรื่องพี่กบเหรอ ผมนึกว่าพี่จะโอเคขึ้นแล้วเสียอีก"

"โอเคจืด ฉันโอเค ฉันแค่คิดเรื่อง...บทน่ะ บางอย่างมันติดอยู่ในหัว เวลาฉันสวมบทจะเป็นแบบนี้แหละ ปรกติไม่ต้องกังวลไปหรอก"

"เหรอ งั้นผมช่วยอะไรได้บ้าง"

"เอ่อ...คือ..."

ซัทอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไปครู่หนึ่ง เพื่อเรียบเรียงความคิดในหัว

"คือ ตัวละครนี้มันคุ้มดีคุ้มร้ายน่ะ ฉันเลยข้องใจนิดหน่อยว่า มันควรจะไปต่อดีรึเปล่า แล้วเดี๋ยวค่อยไปคุยกับคุณฝนให้ปรับบทอีกที"

"แล้วเรื่องอะไรที่ตัวละครนี้มันลังเลอยู่ล่ะ"

"ก็มันจะมีอยู่ฉากหนึ่ง ที่ต้องจับตัวนางเอกไป เพื่อล่อพระเอกออกมา โดยที่รู้ว่านางเอกท้องอยู่ ในบทไม่ได้อธิบายไว้ว่าตัวละครนี้รู้สึกยังไงน่ะ อย่างที่บอกตัวละครนี้มันเทา ๆ บางครั้งมันก็ทำดี บางครั้งก็ไม่ เลยสงสัยว่ามันจะจับคนท้องไปเป็นตัวประกันจริง ๆ เหรอ"

"ผมเข้าใจแล้ว ถ้างั้นก็คงต้องกลับไปทบทวนแหละว่า ทำไปเพื่ออะไร เป้าหมายคืออะไร จริง ๆ ผมชอบนะตัวละครเทา ๆ แบบนี้ ก็แบบพวกคนดีน่ะโลกสวย เลือกใช้แต่วิธีที่ถูก ไม่ยอมเสียสละ จะเอาแต่ได้ลูกเดียว เพราะแบบนี้แหละมั้ง ในชีวิตจริงคนดีถึงตายก่อน คนชั่วเลยลอยนวล เพราะพวกมันไม่เลือกวิธีการ"

"นายจะบอกว่า ถ้าเพื่อสิ่งที่ถูกแล้ว ก็ต้องยอมให้ตัวเองมือเปื้อนเลือดบ้าง อย่างงั้นสินะ"

"ใช่ แต่เราพูดถึงตัวร้ายกันอยู่ไม่ใช่เหรอ"

"อ๋อ เออ นั่นแหละ หมายถึงเพื่อเป้าหมาย บางครั้งก็ต้องทิ้ง เอ่อ ต้องแหกกรอบ แหกกฎของตั้วเองบ้าง แบบนั้นใช่ไหมล่ะ"

ซัทพูดแบบอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ จนสังเกตได้ แต่พลูโตไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าการเข้าถึงบทบาทของซัท

"ก็ประมาณนั้น"

พลูโตพูดพร้อมยักไหล่

"โอเค ขอบใจมากนายจืด เรากลับกันเถอะ"

ซัทกล่าวแล้วเดินผ่านพลูโตตรงไปยังประตูทันที

ในจังหวะที่ซัทเปิดประตูเดินออกไปนั้น เขาก็ดันไปชนเข้ากับคนคนหนึ่งพอดี พร้อมกับมีเสียงเหมือนของชิ้นเล็ก ๆ ตกลงสู่พื้น ซัทกล่าวขอโทษ ก่อนจะก้มลงไปหยิบมันขึ้นมา พอเห็นว่าสิ่งนั้นคืออะไร ทำให้ซัทตาเบิกโพลง แล้วรีบเงยหน้าขึ้นมาดูเจ้าของมันทันที

"อ่าวไงนายเองเหรอ โทษทีนะพอดีฉันไม่ทันมอง"

ชายคนนั้นเอ่ยทักทันทีที่เห็นหน้าซัท

"ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ นี่ครับ"

ซัทพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนยื่นของที่หยิบมาส่งคืนเจ้าของ

"นี่คือปลาดาวใช่ไหมครับ ไม่ยักรู้ว่าพี่ชอบอะไรแปลก ๆ แบบนี้ด้วย มันมีความหมายอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ"

"ไม่มีอะไรหรอก"

รองประธานพูด พร้อมกับยื่นมือมาคว้าสิ่งนั้นคืนไป

"ก็มันแปลก ๆ อย่างที่นายว่านั่นแหละ แล้วมันก็สวยดีด้วย งั้นฉันไปก่อนนะ"

"ครับฝากดูแลพี่สาวผมด้วย"

หลังจากยืนฟังซัทพูดจนจบ รองประธานก็ค่อย ๆ เดินผ่านไป และในจังหวะที่รองประธานเดินหันหลังให้กับตัวเขาแล้ว ใบหน้าของซัท จากยิ้มแย้มก็ค่อย ๆ แปลเปลี่ยนไปเป็นความไม่พอใจ

"นายจืด รีบกลับกันเถอะ"

ซัทพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น โดยไม่หันกลับไปมองพลูโต ก่อนที่เขาจะเดินไปในทางทิศตรงข้ามกันกับรองประธาน

ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองรึเปล่า แต่พลูโตรู้สึกว่า บรรยากาศตอนซัทคุยกับรองประธานมันตึงเครียดแปลก ๆ แม้ใบหน้าของทั้งคู่จะดูปรกติดีก็ตาม

.......โปรดติดตามซีนต่อไป.......