webnovel

ซีนที่ 7

ณ บาร์หรู สงบ ๆ แห่งหนึ่ง พี่กบกำลังอยู่คนเดียวตรงบาร์ ในมือมีแก้วที่มีเครื่องดื่มอยู่ภายในนิดหน่อย ก่อนที่จะมีชายคนหนึ่งเข้ามานั่งข้าง ๆ เขาโบกไม้โบกมือ เป็นสัญญาณให้บาร์เทนเดอร์หลบไปจากตรงนั้น

"วันนี้ถ่ายแบบเป็นไงบ้าง"

"ก็เหมือนอย่างเคย ทุกอย่างไหลลื่นตามปรกติ"

"เหรอ แล้วผู้จัดการคนใหม่ล่ะเป็นไงบ้าง"

"วันนี้มาแปลกนะท่านรอง"

พี่กบพูดพร้อมกับวางแก้วลงไปข้างหน้า แล้วหันไปพูดกับรองประธานต่อ

"ปรกติผมเห็นคุณสนใจแต่เจ้าซัท ทำไมคราวนี้ถึงสนใจผู้จัดการไปเสียล่ะ"

"ก็เพราะข่าวนั้นนั่นแหละ ได้ยินแล้วใช่ไหม ไชน่าทาวน์"

"ก็แค่เด็ก ๆ ไปเดินเที่ยวเล่นกัน ไม่เห็นมันจะน่าสนใจตรงไหน"

"ก็จริงอยู่ ว่าเป็นอะไรปรกติ แต่กับคนระดับจอมมาร ลงไปเดินเล่นบนถนน นั่นแหละที่ไม่ปรกติ"

"งั้นบอกหน่อยสิท่านรอง มันไม่ปรกติตรงไหน"

"นั่นสินะ ถ้าจะให้พูดล่ะก็ พักหลังเขาเป็นจอมมารรักสันโดษ ตีตัวออกหากจากทุกคน แม้กระทั่งพี่สาว แล้วทำไม ถึงออกไปเดินเล่นกับคนที่พึ่งรู้จักกันวันเดียวได้ล่ะ"

"ก็คงเพราะเขาไว้ใจล่ะมั้ง"

"นั่นแหละ ผมถึงได้สนใจผู้จัดการคนนั้นไง ทีแรกผมก็นึกว่าเขาเป็นชาวบ้านธรรมดา ใครจะไปรู้ ในอนาคตเขาอาจจะกลายเป็นผู้กล้าก็ได้"

พี่กบได้ฟังแล้วก็หัวเราะร่าออกมา

"ไอ้เด็กนั่นน่ะเหรอ ชาวบ้านแน่นอน ไร้ความโดดเด่นขนาดนั้น คงเป็นชาวบ้านที่ออกมาวิเดียวแบบไม่เห็นหน้า แล้วตายทันทีชัวร์ เชื่อผมเถอะ สายตาผมไม่เคยพลาดหรอก"

"ผมรู้ ผมรู้ดีกว่าใครเลย ว่าพี่กบมีสายตาเฉียบแหลมขนาดไหน ถ้าไม่ได้พี่ อาณาจักรนี้ของผมก็คงไม่ได้ยิ่งใหญ่ถึงขนาดนี้หรอก"

"แล้วพระราชาแห่งอาณาจักรสุดยิ่งใหญ่ ทำไมถึงต้องสนใจจอมมารกับผู้จัดการจืด ๆ ด้วยล่ะ"

"ก็ผมไม่ชอบอะไรที่ควบคุม หรือคาดเดาไม่ได้น่ะ ตอนแรกก็จอมมาร ตอนนี้มีผู้จัดการเพิ่มมาอีก ทีแรกผมนึกว่าเขาจะโดนเขี่ยทิ้งอย่างรวดเร็วแล้ว หลังจากนั้นเขาก็จะเอาเรื่องนั้นไปบ่นลงอินเทอร์เน็ต ทำให้กระแสของจอมมารแห่งวงการบันเทิงเลวร้ายลงไปอีก แต่มันผิดแผนไปเสียนี่ ทั้งสองคนดูจะเข้ากันได้ดี ถึงขนาดไปเดินเล่นด้วยกันทั่วไชน่าทาวน์เลย"

"และนั่นทำให้คุณหงุดหงิด"

"ใช่ มากด้วย ผมถึงอยากจะขอให้พี่กับช่วยเป็นหูเป็นตาให้หน่อย เดี๋ยวอีกไม่กี่วันจะมีถ่ายงานด้วยกันอีกไม่ใช่เหรอ"

"ใช่ แต่ผมคงไม่มีอะไรมารายงานคุณหรอกนะ งานคงผ่านไปได้อย่างราบรื่นเหมือนวันนี้นั่นแหละ"

"ผมรู้ ว่ากันตามตรงผมคาดหวังข้อมูลอะไรจากพี่กบไม่ค่อยได้เลย ช่วงหลัง ๆ มานี้ โดยเฉพาะเรื่องของจอมมาร"

"ทำไงได้ล่ะ นายเองก็คงเป็นเหมือนกันนั่นแหละ เมื่อรู้ว่ามีคนจับจ้อง รอจะโจมตีอยู่ เราทุกคนก็ต้องระวังตัวกันมากขึ้น เป็นธรรมดาของมนุษย์ทุกคนนั่นแหละนะ"

"ก็จริง แต่คนเราน่ะ ไม่ค่อยระวังคนใกล้ตัวหรอกนะ"

รองประธานพูดแล้วก็ลุกขึ้นยืน เดินตรงมากระซิบกับพี่กบว่า

"สถานะสมาชิก มันถูกยกเลิกได้นะ ถ้ามันทำประโยชน์ให้ผมไม่ได้"

พูดจบรองประธานก็เดินจากไป ทิ้งพี่กบให้ยกซดจนหมดแก้วเพียงลำพัง

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

พลูโตกับซัทกำลังเดินกุมมือกันเดินเล่นอยู่ริมหาดด้วยความหวานชื่น มีการหยอกล้อเตะน้ำทะเลให้กระเด็นใส่กันไปมาอย่างสนุกสนาน ก่อนจะลงไปนอนบนหาดทรายด้วยเนื้อตัวอันเปียกปอน ทั้งสองหันหน้ามาสบตากัน ก่อนที่จะค่อย ๆ ขยับหน้าเข้ามากันใกล้เรื่อย ๆ เรื่อย ๆ เพื่อที่จะ...

"คัท!"

พลูโตพูดขึ้นด้วยเสียงดังฟังชัด ก่อนที่ภาพในจินตนาการริมทะเลของพวกเขาจะหายไปจนหมดสิ้น พลูโตผลักซัทให้ถอยหลังห่างออกไปจากตัวเอง ที่แผ่นหลังกำลังพิงกระจกห้องซ้อมอยู่

"ใช้ได้นี่หว่านายจืด"

ซัทพูดพร้อมกับหยิบบทขึ้นมาขีดเขียนบางอย่างลงไป

"ของมันแน่อยู่แล้ว ผมเรียนเอกการแสดงนะ"

พลูโตพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมยักไหล่

"เหรอ ถ้าไม่สั่งคัทเมื่อกี้ ฉันก็คงเห็นด้วยอยู่หรอก"

"ถ้าผมไม่สั่งคัทเมื่อกี้มันคงเลยเถิดไปแล้ว"

"แต่การแสดงมันต้องดำเนินต่อไปสิ The show must go on you know!"

"แต่เมื่อกี้มันก็แค่ซ้อม ไม่ใช่โชว์!"

ซัทกับพลูโตเริ่มเถียงกันดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อย ๆ

"ฉันไม่อยากจะเถียงกับนายแล้วนายจืด ทำเสียอารมณ์หมด ในบทก็ไม่มีฉากที่คู่รักมันเถียงกันด้วย ไม่งั้นฉันไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอกนะ"

ได้ยินซัทพูดแบบนั้น พลูโตก็ได้แต่แบะปากมองบน

"แต่ก็ดีนะที่มีนายอยู่ด้วย"

น้ำเสียงกับท่าทางของซัทเปลี่ยนไป ดูอ่อนลง เข้าพูดพร้อมทิ้งตัวลงไปนั่งกับพื้น

"ถ้าไม่มีนาย ฉันคงคิดไม่ออกว่าจะต้องแสดงแบบไหน ต้องยอมรับตามตรงนั่นแหละนะ ว่านายพอจะมีความสามารถในการรับส่งอารมณ์อยู่บ้าง แม้จะไม่มีออร่าซุปตาร์ก็ตาม"

พลูโตฟังซัทพูดจนจบ ก่อนจะทิ้งตัวลงไปนั่งบ้าง

"ไม่ต้องมากวนประสาทกลบเกลื่อนเลย พี่เป็นนักแสดงมา 20 กว่าปี มีหรือจะไม่รู้ว่า บทคู่รักมันแสดงยังไง เพราะนางเอกเอ็มวีใช่ไหมล่ะ"

"ใช่ถูกต้องแล้ว พี่สาวฉันวางแผนไว้หมดเลย ตั้งแต่บังเอิญออกงานด้วยกัน ถ่ายเอ็มวีด้วยกัน แล้วอีกไม่นานเดี๋ยวก็จะต้องไปเล่นซีรีส์ด้วยกันอีก เรียกแขกกันตั้งแต่ยังไม่ทันถ่ายตอนแรกด้วยซ้ำ"

พูดจบซัทก็ถอนหายใจออกมา

"เอาน่า The show must go on พี่ว่าเองนี่"

"ก็ใช่อยู่หรอก แต่จืดเอ๊ย งานนี้ต้องเดินจูงมือพลอดรักกับเมียเก่าเชียวนะ เมียเก่าที่มีผัวใหม่ไปแล้วด้วย ไอ้ตอนที่สบตากัน ถ้าไม่ซ้อมให้ดี ไม่มีทางหรอกที่ความรักมันจะแสดงออกมา"

"ไม่เอาน่าถ้าจบกันดี ก็น่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ไม่ใช่เหรอ"

"พูดน่ะมันง่ายนะจืด ถ้านายบังเอิญเจอแฟนเก่าแบบไม่ทันได้ตั้งตัว แน่ใจเหรอว่า บรรยากาศอึดอัดมันจะไม่หลุดออกมาน่ะ"

"ก็ค่อนข้างแน่ใจนะ"

พลูโตพูดพลางยักไหล่

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

"อ้าวพลูโตเหรอนั่นน่ะ!"

เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยทัก ในขณะที่พลูโตกำลังคุยกับคนอื่น ๆ อยู่กับซัท

เมื่อพลูโตหันไปหาเจ้าของเสียง ทันใดนั้นเอง บรรยากาศก็ดูอึดอัดขึ้นมาทันตา

"ผู้จัดการรู้จักผู้กำกับของเราด้วยเหรอครับ วงการนี้มันแคบจริง ๆ ด้วย"

ผู้ชายคนที่ซัทพึ่งแนะนำให้พลูโตรู้จักว่าเป็นนักร้องนำของวง 4 Conner ที่มีกันอยู่ 3 คน เอ่ยทัก

"เอ่อ...ครับ...เธอเป็นรุ่นพี่..."

"เป็นแฟนเก่าน่ะค่ะ"

แฟนเก่าสาวรุ่นพี่ของพลูโตพูดแทรกเขาที่กำลังอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่ ก่อนที่เธอจะหันไปพูดกับซัท

"ขอรบกวนเวลาคุณซัทไปบล็อกกิ้งสักหน่อยได้ไหมคะ"

"ยินดีเลยครับ ว่าแต่เราพึ่งเคยร่วมงานกันใช่ไหมครับผู้กำกับ"

"อ๋อใช่ค่ะ ฉันชื่อบุ๊ก ยินดีที่ได้ทำงานร่วมกันกับคุณซัทนะคะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ มาค่ะรีบข้ามพิธีรีตองกันก่อนดีกว่า แสงกำลังดีเลยตอนนี้"

ผู้กำกับบุ๊กพูด ก่อนจะหันหลังเดินนำออกไป

"ก็ค่อนข้างแน่ใจนะ ค่อนข้างอึดอัดล่ะสิไม่ว่า จืดหนอจืด"

ซัทแวะมากระซิบกระซาบกับพลูโต ก่อนจะเดินตามบุ๊กไปติด ๆ อย่างอารมณ์ดี

วันที่ 8 เมษา การถ่ายทำเอ็มวีเพลง กลับมาลืม ของวง 4 Conner ที่มีกันอยู่ 3 คน ได้เริ่มต้นขึ้นช่วงเย็น ๆ เวลาที่ตะวันยังไม่ลับขอบฟ้าดี ณ ริมชายหาด

การถ่ายทำวันแรกเต็มไปด้วยซีนอารมณ์ ฉากเศร้า ๆ เหงา ๆ ของผู้ชายคนหนึ่ง ที่กลับมายังสถานที่ ที่เขาเคยมา และมีความสุขมาก ๆ ณ ช่วงเวลาหนึ่ง ในวันที่ความรักยังสุกงอม

ซัทแสดงได้อย่างไร้ที่ติ สมฐานะดาราเบอร์หนึ่งของสยาม ผู้กำกับสั่งมาแบบไหน ทำได้ตามนั้น บอกให้ร้องก็ร้องทันที น้ำตาไหลมาเป็นสาย พอสั่งคัทปุ๊บน้ำตาก็เหือดแห้งไปแทบจะในทันทีเช่นกัน

เท่าที่สังเกตดู กองถ่ายกองนี้ เป็นกองเล็กมาก มีทีมงานแค่ราว ๆ 10 กว่าคนเท่านั้น ทีมงานหลายคนก็ดูตื่นสนามพอสมควร เดินขวักไขว่กันไปมา วุ่นวายกันสุด ๆ แต่ซัทก็ยังทำสมาธิบีบน้ำตาออกมาได้ จนการถ่ายทำจบลงอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น แค่ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับที่พัก แล้วหลับใหลกันตั้งแต่หัวค่ำ

ผิดกับการถ่ายทำวันแรก การถ่ายทำวันที่สองเริ่มต้นตอนตะวันกำลังจะขึ้นลับขอบฟ้า ดูเหมือนว่าพวกเขาจะตั้งใจสื่อความหมายว่า ช่วงแรกรักเปรียบดั่งตะวันขึ้น ช่วงเลิกรักเปรียบดั่งตะวันลับ

การถ่ายทำเป็นไปอย่างราบรื่นกว่าที่คิด แม้ซัทจะเคยบ่นว่าไม่ง่ายก็ตาม แต่เขาก็แสดงมันออกมาได้ดี สมกับเป็นมืออาชีพมาก ๆ นางเอกเอ็มวีอย่างวี ที่เป็นภรรยาเก่าของเขาเองก็ด้วย และด้วยเหตุนี้เอง ทำให้การถ่ายทำที่เริ่มตั้งแต่เช้า ก็จบลงโดยเกือบจะสมบูรณ์ก่อนเที่ยง

วีขอตัวกลับทันทีที่ผู้กำกับอนุญาต ดูเหมือนว่าเธอจะมีงานต่อ ส่วนซัทจะกลับเลยก็ได้ เพราะการถ่ายทำที่เหลืออยู่ เป็นส่วนของเหล่าเจ้าของเพลงอย่าง วง 4 Conner ที่มีกันอยู่ 3 คน ซึ่งซัทก็ยินดีที่จะรอ เพื่อร่วมงานเลี้ยงปิดกล้องเล็ก ๆ ของกองถ่ายนี้ ในช่วงเย็น ๆ

บรรยากาศริมหาดยามเย็น พร้อมกับอาหารทะเลปิ้งย่าง มีนักดนตรีมืออาชีพดีดเพลงคลอ แล้วทุกคนต่างก็ร้อง ก็เล่น ก็ดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน แน่นอนว่าในงานรื่นเริง เต็มไปด้วยผู้คนแบบนี้ มันจะมีอยู่คนหนึ่ง ที่แอบเดินออกมาจากงานเงียบ ๆ ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ใครอื่น พลูโตนั่นเอง

ซัทอยู่ร่วมวงสังสรรค์พอเป็นพิธี ก่อนจะเหลียวซ้ายแลขวา แล้วพบว่าพลูโตหายไป จึงออกตามหา เขาเดินเลาะชายหาดมาเรื่อย ๆ ก่อนจะเห็นพลูโตนั่งอยู่บนหาดทรายเหงา ๆ มีคลื่นซัดขึ้นมาถึงเท้าของเขาเป็นระลอก พลูโตนั่งอยู่เพียงคนเดียว ในระยะไม่ใกล้ ไม่ไกลจากงานเลี้ยงมากนัก ซัทจึงเดินเข้าไปหา แล้วทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ ทางฝั่งขวามือของพลูโต

"ไม่ชอบงานเลี้ยงรึไงนายจืด"

ซัทเอ่ยทัก

"ก็ไม่เชิงหรอกครับ แต่ในงานคนเยอะแบบนี้ ไม่ช้าก็เร็วผมจะถูกกลืนหายไปอยู่ดี เพราะงั้นเวลาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ผมก็เลยชอบแอบย่องมาจากงาน ยังไงก็ไม่มีใครสังเกตเห็นผมอยู่แล้ว"

"มีฉันนี่ไง"

ซัทยืนกรานเสียงแข็ง

"เออ จริงด้วย คุณคือคนที่ 3 นี่นา ผมเกือบลืมไปเลย"

พลูโตบ่นพึมพำ

"คนที่ 3 หมายถึง?"

"คนที่สังเกตเห็นผมไง นอกจากพ่อกับแม่แล้ว ก็มีพี่ซัทนี่แหละ"

"เหรอแล้วผู้กำกับแฟนเก่านายล่ะ"

"พี่บุ๊กน่ะเหรอ ก็เหมือนทุกคนนั่นแหละ ต่างกันแค่ผมจีบเขาก่อน"

"ร้ายเหมือนกันนี่หว่าจืด แล้วไง ทำอีท่าไหนถึงถูกเขาทิ้งล่ะ"

"นั่นสิ ผมก็ยังสงสัยอยู่ คือเราไม่ได้บอกเลิกกันอย่างเป็นทางการหรอก เราแค่ขาดการติดต่อกันไปเฉย ๆ ส่วนหนึ่งก็เพราะตอนนั้นผมอยู่ปี 1 พี่บุ๊กเขากำลังขึ้นปี 4 พอผมขึ้นปี 2 เขาก็เรียนจบแล้ว ในขณะที่เขายุ่งอยู่กับการทำงาน ผมยุ่งอยู่กับชีวิตมหาลัย เราก็ค่อย ๆ ห่างกันไป รู้สึกตัวอีกทีเราก็ไม่ได้คุยกันแล้ว บางทีอาจจะเป็นเพราะผมก็ได้ ในฐานะคนที่ไม่ค่อยมีใครสังเกตเห็น และเป็นฝ่ายจีบเขาก่อน ผมอาจจะแค่เหนื่อยกับการพยายามมีตัวตนในสายตาคนอื่นก็ได้ พอผมเลิกพยายามทุกอย่างก็เลยจบลงเงียบ ๆ ไปแบบนั้น"

ได้ยินพลูโตพูดแบบนั้น ซัทก็ตบไหล่ขวาของพลูโตเบา ๆ อย่างเข้าใจ

"พูดในฐานะคนที่แต่งงานมาแล้วหนึ่งครั้ง ผ่านการหย่ามาอีกครั้งหนึ่งนะ แบบนี้แหละดีแล้ว ความสัมพันธ์ที่ดี ต้องพยายามกันทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่แค่ฝ่ายเดียว แต่ก็นะ ถ้าให้พูดในฐานะคนนอก ฉันฟังความข้างเดียวไม่ได้หรอก"

ได้ยินแบบนั้นพลูโตก็หันมามองค้อนใส่ซัทอย่างไม่สบอารมณ์นัก

"แล้วพี่ล่ะ หย่ากันเพราะอะไร ถูกทิ้งเพราะอีกฝ่ายต้องพยายามอยู่ฝั่งเดียวมากเกินไปรึเปล่า"

"อยากรู้เหรอ ฉันจะบอกให้ก็ได้ ข้อมูลนี้แม้แต่คุณชายสายเผือกยังไม่รู้เลย เพราะงั้นถ้าเรื่องนี้หลุดไปถึงหูคุณชายสายเผือก ฉันก็จะมีหลักฐานที่ชัดเจน ว่านายคือคุณชายสายเผือก"

"ว่ามาเลย เพราะนั่นไม่ใช่ผมอยู่แล้ว"

พลูโตพูดพลางยักไหล่

"จริง ๆ แล้ววีไม่ได้ชอบพออะไรฉันมากมายนักหรอก ตอนแรกฉันคิดว่าใช่ แต่ที่ไหนได้มันเป็นเพราะกระแสคู่จิ้นน่ะ วีตอนนั้นที่ยังไม่ดังเท่าไหร่ พอได้กระแสนั้นช่วยก็ดังเป็นพลุแตก แต่พอคู่จิ้นกลายเป็นคู่จริง กระแสเลยบางลงไป ตอนเธอพยายามเร่งรัดให้ฉันแต่ง ฉันก็เผลอคิดไปเหมือนกันว่าเราเป็นคู่จริง พอแต่งแล้วกระแสตก วีก็เริ่มตีตัวออกหาก ฉันว่าเธอคงไปเจอใครใหม่ล่ะมั้ง ต้องรอจนถึงตอนนั้นนั่นแหละ ฉันถึงได้รู้ว่าพวกเราไม่ใช่คู่จริง"

พลูโตตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก เขาพยายามจับน้ำเสียง สังเกตสีหน้าสีตาของซัท แต่ก็ไม่พบความผิดปรกติเลยแม้แต่น้อย เขาเก็บอารมณ์ความรู้สึกได้ดีมาก พลูโตคิด ก่อนจะเริ่มพูด

"ก็นะ ถ้าให้พูดในฐานะคนนอก ผมฟังความข้างเดียวไม่ได้หรอก"

พลูโตพูด แล้วยักไหล่มองบน

"ยอกย้อนเหรอจืด จะเอาใช่ไหม"

ทันทีที่ซัทพูดจบ เขาก็เอามือควักน้ำทะเลจากคลื่นที่ซัดมา สาดใส่พลูโต ก่อนจะลุกขึ้นยืนไปตั้งหลัก

เมื่อถูกจู่โจมก่อน พลูโตก็ไม่รอช้า เขารีบลุกขึ้นยืน แล้วเริ่มการโต้กลับด้วยการสาดน้ำใส่ซัททันที

สงครามสาดน้ำทะเลเริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ สังเกตได้จากเสื้อผ้าของทั้งคู่ ที่ค่อย ๆ เปียกขึ้นทีละนิด ละหน่อย จนเริ่มเปียกในระดับปานกลางแล้ว แต่ว่าสงครามก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลง จนกระทั่ง

มีจังหวะหนึ่งที่พลูโตกำลังหลบซ้ายหลีกขวา เขาไปสะดุดเข้ากับอะไรสักอย่าง จนล้มก้นจ้ำเบ้า คราวนี้เขาจึงเปียกไปทั้งตัวเป็นที่เรียบร้อย

ภาพของพลูโตที่เขาเห็นอยู่เบื้องหน้า ทำเอาซัทขำไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ ราวกับคนบ้า ก่อนที่เขาจะเริ่มสังเกตเห็นว่า สีหน้าแววตาของพลูโตไม่ค่อยดี จึงเดินเข้าไปหา

"เป็นอะไรมากรึเปล่าลุกไหวไหม"

ซัทกล่าวด้วยความเป็นห่วง พร้อมยื่นมือขวาไปเพื่อทำการช่วยเหลือ

พลูโตคว้ามือของซัทไว้แต่โดยดี ทว่าว่ามันเป็นกับดัก ว่าแล้วพลูโตก็กระชากมือซัท จนเขาล้มลงมากองข้าง ๆ ตัวเอง แน่นอนว่าซัทเปียกทั้งตัวตามพลูโตไปติด ๆ ว่าแล้วพลูโตก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ

"ไหนใครบอกว่าผมอ่านง่าย แล้วทำไมถึงโดนหลอกได้นะ"

พลูโตพูดไปพลางหัวเราะไปพลาง

"เออ หัวเราะไปเถอะ ถ้าฉันเจ็บหนักขึ้นมา นายซวยแน่"

ซัทพูดอย่างไม่สบอารมณ์

พลูโตได้ยินแบบนั้นก็รู้ตัวทันที ว่าตนเองทำเกินไป จึงรีบเอ่ยทำขอโทษ ซึ่งซัทรับไว้รึเปล่าไม่รู้ เพราะหน้าเขาบูดจนมองไม่ออก

"ทั้งสองคนทะเลาะกันอยู่เหรอ"

ผู้กำกับบุ๊กเอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ ๆ สองหนุ่ม ที่นั่งแช่กันอยู่ในทะเล

"เปล่าหรอกครับพี่ ว่าแต่พี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ"

"พึ่งมาน่ะ ได้ยินเราขอโทษคุณซัท ก็เลยนึกว่าทะเลาะกันอยู่"

"เปล่าหรอกครับผู้กำกับ พอดีผู้จัดการผมมันเล่นไม่เข้าเรื่องนิดหน่อย ว่าแต่ผู้กำกับมีอะไรเหรอครับ"

น้ำเสียงของซัทบ่งบอกได้เลยว่า ความโกรธอยู่ในระดับสิบ ตอนพูดคำว่า ผู้จัดการ แล้วหันมามองพลูโต ก่อนความโกรธจะหายไปทันที ที่เขาหันกลับไปพูดกับผู้กำกับ

"อ๋อ แค่จะมาตามให้รีบไปกิน ก่อนที่เสือโหยพวกนั้นจะกินจนหมดเสียก่อนน่ะ"

"ขอบคุณที่อุตส่าห์มาชวนครับ แต่พวกเราเปียกกันหมดแล้ว คงตรงกลับไปที่พักเลย"

"งั้นเหรอ งั้นก็ไม่เป็นไรหรอก ถึงจะเสียดายนิดหน่อยที่ไม่ได้ทำความคุ้นเคยกันก่อนวันอ่านบท แต่ยังไงก็คงได้เจอกันอยู่ดีนั่นแหละ งั้นขอตัวนะ"

"เดี๋ยวก่อนครับผู้กำกับ เมื่อกี้หมายความว่ายังไง อ่านบทอะไรอีก ผมว่าผมถ่ายเสร็จไปแล้วนะ"

สีหน้า และน้ำเสียงของซัทดูดุดันจริงจังขึ้นกว่าเดิม

"อ้าว พี่กบยังไม่ได้บอกเหรอ เห็นวันก่อนพึ่งไปถ่ายโฆษณากับแกมานี่"

ซัทฟังแล้วก็ได้แต่ทำหน้างง

"งั้นเหรอ พี่แกคงลืมจริง ๆ ด้วย งั้นขออุบไว้ก่อนแล้วกัน ไว้เจอกันใหม่เร็ว ๆ นี้นะ"

พูดจบผู้กำกับบุ๊กก็โบกมือลา กลับหลังหัน แล้วรีบเดินจากไปทันที

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

วันที่ 10 เมษา พลูโตกับซัท ยังไม่ได้กลับเข้าเมืองหลวง แม้การถ่ายเอ็มวีจะจบลงไปด้วยดีแล้วก็ตาม เหตุก็เพราะว่า ซัทมีงานอิเวนต์ต่อ ที่ห้างใหญ่แถวนั้นอยู่อีกงานหนึ่ง ซึ่งการทำงานของซัทก็ผ่านไปได้ด้วยดีตามเคย ก่อนที่พวกเขาจะได้เดินทางกลับบ้านกันเสียที

บทสนทนาระหว่างขับรถกลับบ้านรอบนี้ของพวกเขา เป็นเรื่องเดิม ๆ อย่าง คุณชายสายเผือก โดยพลูโตเป็นคนเปิดประเด็น โดยการถามว่า

"มีใครที่พี่ซัทเคยร่วมงานกันมาก่อน มากกว่า 3-4 อยู่บ้างไหม"

คำตอบที่พลูโตได้คือไม่ ก่อนที่ซัทจะจุดประเด็นว่า

"ไม่น่าใช่เรื่องบังเอิญที่พลูโตได้เจอกับแฟนเก่า ทั้งคู่อาจเป็นคุณชายสายเผือกด้วยกันก็ได้"

ซัทตั้งข้อสงสัย ก่อนจะถูกพลูโตแย้งว่า

"ถ้าพี่บุ๊ก ที่พึ่งร่วมงานกันครั้งแรกน่าสงสัย งั้นคนที่น่าสงสัยกว่าคือ พี่กบ ที่ทั้งพี่บุ๊กกับพี่ซัทรู้จัก เรื่องนี้เองก็ไม่น่าใช่เรื่องบังเอิญเหมือนกัน"

แน่นอนว่าข้อโต้แย้งของพลูโต นั้นซัทไม่เห็นด้วย ดูเหมือนซัทจะเชื่อใจพี่กบมากพอตัว

หลังจากนั้นทั้งคู่ต่างก็เถียงกันไปมาตลอดทางเรื่องคุณชายสายเผือกจนถึงบางกอก ซึ่งหากถามว่า พวกเขาได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมไหม จากการโต้เถียงกันในครั้งนี้? คำตอบนั้นก็คือ ไม่ ไม่ได้อะไรเลยสักนิด

.......โปรดติดตามซีนต่อไป.......