webnovel

ซีนที่ 15 จบ

หลังจากนั้นไม่นานนัก รถของพวกเขาก็มาจอดหลบในมุมลับตามุมหนึ่ง ที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล จากบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งที่ติดอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

"เป็นอย่างที่ชีคบอกไว้จริง ๆ ด้วย"

ตาณบ่นพึมพำก่อนจะรีบกระโดดลงจากรถไป

"นายจืด ฟังนะนายมาได้แค่นี้แหละ"

"แต่..."

"ไม่มีแต่ มันอันตรายเกินไป ฉันสัญญาว่าฉันจะกลับมาตอบคำถามของนายทุกคำถามเลย ไม่ต้องห่วง นายทำสัญญากับซาตานเลยนะ ฉันรักษาสัญญาแน่นอน"

พูดจบซัทก็กระโดดลงจากรถไปอีกคน เขาเดินไปทางฝั่งคนขับแล้วพูดว่า

"ฝากดูแลเขาด้วยนะครับคุณตำรวจ"

คนขับก็ตอบมาว่า ค่ะ ก่อนจะลงมาจากรถ พร้อมเสื้อกันกระสุน เพื่อนำมาให้พลูโตใส่ พลูโตจึงได้เห็นหน้าของเธอเต็ม ๆ และเขาจำได้ว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นพนักงานต้อนรับในสนามยิงปืน เธอส่งเสื้อกันกระสุนมาให้พลูโต ในขณะที่เสียงปืนเริ่มดังขึ้น พลูโตมองตามเสียงนั้น แล้วพบว่ามันดังขึ้นในทิศทางที่ซัทมุ่งไป

ณ บริเวณรอบบ้านที่เป็นแหล่งกบดานของประธานรุจ มีกำลังตำรวจนับสิบพร้อมอาวุธครบมือปิดล้อมอยู่ โดยมีตาณเป็นผู้บังคับบัญชา ในทีแรกเขาตั้งใจจะเจรจาให้มอบตัว แต่เมื่อฝั่งนั้นเปิดฉากยิงก่อน ทางเลือกนั้นจึงถูกตัดทิ้งไป

หลังจากนั้นทั้งสองฝั่งก็ยิงโต้ตอบกันไปมา ทั้งตำรวจทั้งผู้ร้าย รายแล้วรายเล่า ต่างก็ล้มระเนระนาดไปตลอดทาง จนในที่สุดซัทกับตาณก็บุกเข้าไปจนถึงฝั่งแม่น้ำ ตรงท่าเรือประธานรุจกับลูกสมุนอีก 2-3 คนอยู่ห่างจากเรือไปไม่กี่ก้าวเท่านั้น แต่พวกเขาก็ก้าวไปไม่ถึง เมื่อซัทยิงปืนลงพื้นดักหน้าเขาเอาไว้

"หยุดได้แล้วคุณรุจ อย่าคิดหนี นัดหน้าผมไม่ยิงลงพื้นแน่ ๆ"

ทันทีที่ซัทพูดจบ ประธานรุจก็ยกมือและอาวุธขึ้นไปเหนือหัว แล้วค่อย ๆ หันหลังกลับมา พวกลูกน้องของเขาก็เช่นกัน

"มอบตัวเถอะประธานรุจ ถ้าให้การเป็นประโยชน์ มีทนายเก่ง ๆ คนบ้านรวยแบบคุณไม่นานก็ได้ออกมาแล้ว ส่วนคนอื่น ๆ คิดดูแล้วกันว่าเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่มันคุ้มไหม"

ตำรวจตาณพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว เขากับเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหลายคน ที่จำนวนมากกว่าฝั่งประธานรุจ ต่างก็หันปากกระบอกปืนไปทางท่านประธาน แล้วบรรยากาศก็เงียบสงบลง จนกระทั่ง

"ขอโทษครับนาย"

ลูกน้องคนหนึ่งพูดกับประธานรุจ ก่อนที่จะโยนอาวุธลงน้ำไป ลูกน้องคนอื่น ๆ ก็ทำแบบเดียวกัน แล้วค่อย ๆ เดินอย่างช้า ๆ ไปหาตำรวจ

"สัจจะไม่มีในหมู่โจรงั้นสินะ"

"คุณยังกล้าพูดอีกเหรอคุณรุจ ในเมื่อคุณหักหลังไอ้ชีคมันก่อน มันถึงคายทุกอย่างออกมาไง"

"ฉันเนี่ยนะหักหลังมันก่อน ดูเหมือนมันจะใส่ความฉันเสียเละเลยนะ ทั้ง ๆ ที่มันแอบทำอะไรลับหลังฉันเองแท้ ๆ แต่ช่างเถอะพูดไปก็เท่านั้น เอางี้นะซัท ฝากดูแลลูกเมียฉันด้วย"

พูดจบประธานรุจก็รีบลดมือลง แล้วลั่นไกออกไปข้างหน้าหนึ่งนัด แล้วทางฝั่งตำรวจก็ยิงสวนใส่ตัวเขาไปอีกหลายต่อหลายนัด จนร่างของเขาค่อย ๆ เซไปเซมาจนร่วงหล่นลงไปในแม่น้ำ ในตอนที่ฟ้าเริ่มจะสว่างแล้ว

ช่วงเวลาหลังจากนั้นก็เป็นการเคลียร์พื้นที่ รักษาคนเจ็บ แล้วก็กั้นพื้นที่ เพราะอีกเดี๋ยวเหล่านักข่าวก็จะแห่กันมาแล้ว ไหนจะไทยมุงอีก เกิดเหตุยิงกันสนั่นเมืองขนาดนี้ ไม่มีผู้คนเหล่านี้ตามมาถือว่าแปลก

ในระหว่างที่ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำงานของตัวเองกันไป พลูโตก็ออกเดินตามหาซัท แล้วเห็นเขายืนอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จึงเดินเข้าไปยืนอยู่ข้าง ๆ

"มันจบแล้วจืด มันจบแล้ว"

"ใช่ครับจบแล้วจริง ๆ ความฝันในการเข้าไปทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ของผม"

ได้ยินพลูโตพูดแบบนั้นซัทก็หลุดหัวเราะออกมา

"แล้วจากนี้ไปนายจะทำยังไงต่อล่ะจืด"

"ก็คงต้องกลับไปตั้งใจเรียนให้จบ แผนเดิมคือไม่ตั้งใจ เพราะยังไงก็มีงานทำ แต่ตอนนี้ทำงั้นไม่ได้ละ แล้วพี่ล่ะจะทำอะไรต่อ กลับเข้าวงการไหม"

"อืม.....ไม่ล่ะ ยังก่อน ฉันคือจอมมารแห่งวงการบันเทิงนะ คงกลับไปทำงานลำบากถ้าขาดผู้จัดการข้างกาย"

สองหนุ่มยืนคุยกันอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังโผล่ขึ้นมาที่เส้นขอบฟ้า

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ซัทเล่าให้พลูโตฟังที่หลังว่า เขาคงตายจริง ๆ ไปแล้ว ถ้าไม่ได้คุณชายสายเผือกคนปัจจุบัน อย่างวีมาช่วยเอาไว้

การจากไปอย่างกะทันหันของบุ๊กไม่ได้อยู่ในแผน และไม่มีใครคาดคิด แต่ที่เหนือความคาดหมายมากที่สุดคือการที่วีใช้เพจคุณชายสายเผือกในการติดต่อกับตำรวจ ในทีแรกพวกเขาก็คิดว่ามันเป็นกับดัก และนั่นก็เป็นตอนที่พลูโตเข้ามาเป็นผู้จัดการให้กับวี แล้วก็พบว่า มีคนคอยจับตาดูทั้งคู่อยู่ นั่นเท่ากับว่า พวกนั้นไม่ได้เชื่อใจพลูโต ทางตำรวจเลยจับตาดูวีกับพลูโต พร้อม ๆ กับจับตาดูคนที่มาจับตาดูวีกับพลูโตอีกทีหนึ่ง

พวกเขาก็ไม่รู้หรอก ว่าวีมีสัมผัสพิเศษหรืออะไร แต่เธออัปรูปในไอจีพร้อมแคปชั่นว่า

"ขอบคุณทุกคนที่จับตาดูและเป็นกำลังใจให้หนูมาตลอด พรุ่งนี้มาเจอกันนะ"

เธอโพสต์แบบนั้น พร้อมรูปหันข้างที่โชว์ให้เห็นว่าเธอใส่ตุ้มหูรูปปลาดาว พวกเขาจึงตีความไปว่า เธออยากจะเจอกับหนึ่งในพวกเขา วันพรุ่งนี้ พวกเขาจึงแฝงตัวไปในหมู่แฟนคลับ ซึ่งโชคดีมากที่พวกเขาคิดถูก คนของทำตำรวจจึงได้มีโอกาสพูดคุยกับวีสั้น ๆ และบอกกับเธอว่า

"พวกเราคอยจับตาดูเธอมาตลอด ถ้ามีโอกาสก็อยากเจอกับเธออีกสักครั้ง"

และวีตอบกลับมาว่า

"ช่วงนี้เธอไม่ค่อยไปไหนหรอก ถ้าหายไปก็คงอยู่แต่ในบ้าน ถ้ามีข่าวอะไรไม่ดีกับเธอ ก็อย่าไปเชื่อนะ"

คำพูดของวีเป็นการบอกใบ้ เพราะในช่วงค่ำวันนั้น วีก็หายตัวไป พร้อม ๆ กันกับที่เพจคุณชายสายเผือกลงข่าวว่า พบเห็นวีแอบเดินจูงมืออยู่กับหนุ่มปริศนาแถวไชน่าทาวน์ ทำให้คนที่คอยจับตาดูเธออยู่ในบ้าน ต้องถอนกำลังและตามไปไชน่าทาวน์ ซึ่งคนของตำรวจไม่ได้ตามไปอย่างที่เธอบอกใบ้ไว้ ก่อนจะเห็นวี ค่อย ๆ เดินออกมาจากบ้านของตัวเองจึงส่งรถไปรับ

วี ซัท และตาณ ทั้งสามคนนั่งอยู่บนรถคันเดียวกัน วีได้เปิดเผยว่า แผนของพวกเขารองประธานรุจมองออกเกือบหมดแล้ว และพวกนั้นกำลังวางแผนซ้อนแผนพวกเขา เพื่อนำมากำจัดซัท โดยยืมมือชีค กับพลูโต ซึ่งพวกเขามีแต่ต้องตามน้ำไปเท่านั้น โดยวีเสนอแผนซ้อนแผน เพื่อมาซ้อนแผนของรองประธานรุจอีกทีหนึ่งให้พวกเขาฟัง ซึ่งทางตำรวจก็ยอมเล่นด้วย

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

แผนของรองประธานรุจคือ การสลับเอาปืนจริงไปแทนที่ปืนปลอม แล้วให้ชีคยิงใส่ซัท เรื่องทั้งหมดก็จะดูเหมือนว่าเป็นเพียงแค่ อุบัติเหตุในการถ่ายทำ เขาจะให้พลูโตพิสูจน์ตัวเอง โดยการให้พลูโตเอาของบางอย่างไปวางไว้ในสถานที่และเวลาที่กำหนด โดยที่พลูจะไม่รู้ว่าของสิ่งนั้นคืออะไร และห้ามเปิดดูในกล่องเป็นอันขาด แล้วหลังจากนั้นก็จะมีคนมาเอาของไปวางไว้ในห้องเก็บอุปกรณ์ แล้วก็จะมีคนอีกคนหนึ่งมาหยิบปืนปลอมออกไป ทีนี้พอทีมงานมาหาก็จะเจอปืนจริงอยู่เพียงแค่กระบอกเดียว

ซึ่งทีมงานในกองถ่ายเรื่องนักฆ่าใจกล้านั้น ส่วนใหญ่เป็นทีมงานหน้าใหม่ ไร้ความรู้ด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีทางแยกของจริงกับของปลอมออกอยู่แล้ว และเพราะเต็มไปด้วยทีมงานหน้าใหม่นั่นแหละ รองประธานจึงสามารถส่งคนของตัวเองแฝงตัวเข้าไปได้ ซึ่งนั่นเป็นจุดบอดของแผนการนี้ ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้เลยว่าใครเป็นใคร ใครเป็นมิตร เป็นศัตรู ใครเป็นคนธรรมดา

ในการถ่ายทำวันนั้น หลังจากพลูโตส่งของเสร็จ คนของทางตำรวจที่แฝงตัวเข้าไป ก็เอากล่องใส่ปืนจริงออกไป แล้ววางกล่องใส่ปืนปลอมเอาไว้ ทีนี้ไม่ว่าจะสลับปืนปลอมกับปืนปลอมกี่รอบ ผลก็ออกมาเหมือนเดิม ซึ่งในตอนถ่ายทำ ยังไงซัทก็ต้องใส่เลือดปลอมไว้อยู่แล้ว พอเขาถูกยิงตกน้ำตามบทของซีรีส์ ตามมาตรการการรักษาความปลอดภัยในกองถ่าย จะมีเจ้าหน้าที่รออยู่ในน้ำอยู่แล้ว ก็ให้เจ้าหน้าที่ ตำรวจแฝงตัวไปเสียก็สิ้นเรื่อง

พอซัทถูกยิงตกน้ำแผนที่วางไว้ เจ้าหน้าที่ที่เข้ามารวบตัวซัทก็เริ่มโวยวายว่า ถูกยิง มันปืนจริงอะไรก็ว่าไป แล้วก็รีบนำตัวซัทส่งโรงพยาบาล แน่นอนว่าให้เตรียมรถและเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลไว้ก่อน แล้วก็แน่นอนว่าของปลอมทั้งนั้น พวกเขาและเธอเป็นตำรวจ จากนั้นก็พาซัทไปโรงพยาบาล พาเข้าห้องผ่าตัด โดยไม่ได้ทำการผ่าตัดอะไรหรอก เพราะหมอรู้เห็นเป็นใจด้วย

จากนั้นก็เอาศพใครก็ไม่รู้ ที่หน้าตาคล้ายซัทมาแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ให้ดูคล้ายเขายิ่งกว่าเดิมเตรียมไว้ ก่อนให้หมอไปแจ้งข่าวร้ายกับครอบครัวของซัท จากนั้นก็เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้ว ซึ่งรองประธานรุจได้คอยสังเกตอากัปกิริยาของพลูโตว่าเป็นยังไง ซึ่งพลูโตเสียใจมาก ก็เป็นอันว่าแผนของวีสำเร็จ ที่เหลือก็แค่รอให้พลูโตเก็บหลักฐานไปเรื่อย ๆ จนกว่าเขาจะทนไม่ไหว แล้วเริ่มเคลื่อนไวด้วยตัวเองก็เป็นอันปิดฉากการแสดงชุดใหญ่อันนี้ได้

นั่นคือความจริงที่คนไม่กี่คนรับรู้ เพราะทางตำรวจแถลงข่าวว่าซัทเป็นสายของตำรวจ ซึ่งเขาถูกยิงจริง แต่ทางตำรวจยื้อชีวิตเขาไว้ได้ และพาไปซ่อนตัวไว้เพื่อความปลอดภัย จากนั้นปล่อยข่าวลวงให้อีกฝั่งตายใจ ซึ่งทางตำรวจกับซัทเองก็ได้กล่าวขอโทษต่อทุกคนในการกระทำครั้งนี้ของพวกเขาด้วย

เมื่อซัทไม่ได้ตายลงไปจริง ๆ คนที่ทำความผิดในคดีนี้จึงรอดพ้นจากทุกข้อกล่าวหา และถูกปล่อยจากการคุมขัง ซึ่งหนึ่งในคนเหล่านั้นก็คือ ชีค ผู้ที่ทำข้อตกลงลับ ๆ กับตำรวจว่า ถ้าปล่อยเขาให้พ้นผิด จะยอมช่วยเหลือทางตำรวจ แน่นอนว่าตาณตกลง และในที่สุดชีคก็ถูกปล่อยตัวออกมา

อย่างไรก็ดี ทางตำรวจแค่ปล่อยให้เขาพ้นผิดในคดีของซัทเฉย ๆ เพราะเขาไม่ได้ผิดอะไรอยู่แล้ว แต่คดีที่เขาทำร่วมกันกับประธานรุจ และก่อนหน้าที่ประธานรุจจะมาเจอตัวเขานั้น ทางตำรวจไม่ได้ปล่อยผ่านไปแต่อย่างใด เป็นการปิดฉากชีค หรือชื่อเดิมก่อนจะสร้างประวัติใหม่ กับทำหน้าใหม่ ก็คือไอ้โชค นักต้มตุ๋น และแมงดาชื่อฉาวโฉ่ ผู้ก่อคดีมาตั้งแต่สมัยยังไม่บรรลุนิติภาวะ ก่อนประธานรุจนำมาชุบตัว

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

การล่มสลายของเฟท ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง มีผู้คนอีกหลายคนเสี่ยงที่จะตกงาน พวกเขาจึงหันไปพึ่งสมาคมคนแรงงานบันเทิง เพื่อฟ้องร้องเรียกค่าชดเชยต่าง ๆ หากบริษัทปิดตัวลงไปในอนาคต ซึ่งตอนนี้เฟทเข้าใกล้การล้มละลายมาก ๆ แล้ว มูลนิธิของเฟทเองก็มีการสอบสวนเช่นกัน แน่นอนว่าพบหลักฐานการฟอกเงินมากมายปีละเป็นพันล้านเห็นจะได้

ส.ส.ทีป ธิปติพัศ ณิชกุล หนึ่งในผู้ท้าชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของประเทศ ที่มักจะไปร่วมงานการกุศลของมูลนิธิเฟท ปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องการฟอกเงิน หรือเรื่องของมัจฉาดาราแต่อย่างใด ซึ่งน่าเสียดายที่ทางตำรวจก็ไม่มีอะไรที่จะสาวไปจนถึงตัวเขาได้เช่นกัน

แต่ก็ใช่ว่าเขาจะได้อยู่รอดปลอดภัยนะ เพราะเพจคุณชายสายเผือกได้ทำการแฉว่า ภรรยาของเขาอย่างวี ที่เป็นนางเอกอันดับ 1 ของประเทศคบชู้ ส่วนทางฝั่งสามีเองก็ชอบทุบตีภรรยาเช่นกัน เป็นคู่ผีเน่ากับโลงผุ ซึ่งพอเรื่องนี้ถูกปล่อยออกไป การฟ้องหย่าก็ได้เริ่มต้นขึ้น ข่าวฉาวและการขึ้นโรงขึ้นศาลต่าง ๆ ของเขานั้น มีมากพอที่จะทำให้เขาไม่มีเวลาลงมาหาเสียงเลือกตั้ง ดีไม่ดีอาจจะหมดอนาคตทางการเมืองไปเลยก็ได้

กลุ่มมัจฉาดารานั้น ไม่ได้หยั่งรากลึกลงไปแค่ในวงการบันเทิงเท่านั้น เพราะมันยังเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มชนชั้นสูง และเหล่าผู้มีอำนาจอีกมากมายภายในประเทศ ทำให้เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก หลังความจริงอันเน่าเฟะของบริษัทได้ถูกเปิดเผยออกมา ไม่ว่าจะค้ายา ค้ามนุษย์ ฟอกเงิน การกดขี่ข่มเหงกันภายใน ใช้อำนาจในทางไม่ชอบ การคุกคามทางเพศ การกลั่นแกล้ง และอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน

ทว่าก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่หลายคนเลือกที่จะปิดหูปิดตา ทำเหมือนว่ามันมีอะไรเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่นน้องอิฐ รุ่นน้องในมหาลัยเดียวกันกับพลูโต ผู้ถูกนำไปเสนอให้กับชนชั้นสูง เพื่อแลกกับความก้าวหน้าในอาชีพ

น้องให้การว่า ไม่ได้มีการค้ามนุษย์อะไรทั้งนั้น การที่คนเรามีความลึกซึ้งต่อกัน จะให้บางอย่างเป็นการตอบแทนนั้นไม่ใช่เรื่องผิด ซึ่งก็มีหลายคนเช่นกันที่ให้การไปในแนวทางนี้ ก็อย่างว่าใครจะไปอยากทิ้งฐานที่มั่นของตัวเองล่ะ ซึ่งนั่นทำให้การสาวไปถึงตัวเหล่าสมาชิกระดับสูงขององค์กรมัจฉาดาราเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก

ประธานของบริษัท B-Leave ผู้ที่เป็นพ่อของ ประธานรุจ ก็ออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับการกระทำของลูกชาย แม้ทางตำรวจจะแย้งว่า มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าบริษัทขนส่ง B-Leave เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด แต่ทางบริษัทก็ยังปฏิเสธโดยอ้างว่า มันอาจจะเป็นการกระทำโดยพลการของพนักงานบางคนก็ได้ ซึ่งบริษัทไม่มีทางรับรู้ แต่รับปากว่าจะทำการตรวจสอบ และยินดีให้ความร่วมมือกับทางตำรวจทุกอย่าง

อดีตประธานของเฟท และภรรยาของประธานรุจอย่าง คุณจันทร์ ปุณณมา ทรัพยสิทธิกุล เองก็ให้การว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการกระทำใด ๆ ของสามีเลย คือรู้ว่าสามีของตนมีบางอย่างซ่อนเอาไว้ แต่ตนไม่ได้อยากรู้ และไม่อยากไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของสามีมากนัก เพราะไม่ว่าใครต่างก็มีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ด้วยกันทั้งนั้น

ผู้รับผิดชอบในคดีนี้อย่าง พลตำรวจตรี ตาณ ตุลยากร ถิระคุณ ได้จัดการแถลงข่าวว่า คดีนี้มีความเชื่อมโยงไปในทุกภาคส่วนของประเทศ ตั้งแต่บุคคลระดับรากหญ้า ไปจนถึงระดับผู้นำประเทศ ซึ่งโชคร้ายที่ คนเดียวที่จะสาวไปถึงบุคคลที่ว่ามานั้นได้ อย่างประธานรุจได้ตายลงไปแล้ว แต่กระนั้น คุณตำรวจตาณก็ยังยืนยันว่า คดียังไม่สิ้นสุด และทางตำรวจจะมุ่งมั่นทำหน้าที่ต่อไปอย่างเต็มที่ จนกว่าจะทำการขุดรากถอนโคน องค์กรชั่วร้ายที่หยั่งลึกลงไป และแตกแขนงออกไปมากมายในประเทศ ให้หมดไปให้ได้.....ในสักวันหนึ่ง

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เสียงนาฬิกาดังบอกเวลา 6 โมงเช้า ได้เพียงเสี้ยววิ เสียงนั้นก็ลาลับไป

เด็กหนุ่มตาเบิกโพลง จ้องมองโทรศัพท์ในมือขวา อย่างเต็มตา หาใช่ความงัวเงียประสาคนพึ่งตื่น เพราะเขาตื่นมาสักพักแล้ว

ความจริงคือ เมื่อคืนนี้เขานอนหลับไม่สนิทเท่าใดนัก เหตุเพราะว่า เขาตื่นเต้นกับวันนี้มาก

เด็กหนุ่มลุกจากที่นอนด้วยความทะมัดทะแมง อาบน้ำแปรงฟันอย่างอารมณ์ดี ไม่มีสะดุดเลยแม้แต่น้อย เขาใส่สูทผูกเนกไทอย่างทะมัดทะแมงและมั่นใจ

เด็กหนุ่มเดินลงมาจากชั้นสองด้วยความสบายใจ และตรงไปยังโต๊ะกับข้าว ที่มีอาหารเช้าแบบฝาหรั่ง ไข่ดาว เบคอน ขนมปังปิ้ง 2 แผ่น และกาแฟอีกแก้ว นอนรอเขาอยู่บนจานอย่างสวยงาม

เด็กหนุ่มทิ้งตัวลงบนเก้าอี้นั่งพิจารณาว่า อาหารผู้โชคดีชิ้นไหนกันนะ ที่จะได้เข้าปากเขาก่อน เขานั่งคิดอย่างใจเย็น และในที่สุดเขาก็หยิบขนมปังเข้าปาก เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ มีเสียงหนึ่งเอ่ยทัก

"ลงมาช้านะวันนี้ ไหนบอกว่าต้องไปทำงานวันแรกไง"

เด็กหนุ่มไม่ได้พูดอะไรตอบผู้เป็นพ่อ เพราะขนมปังยังคาปากอยู่ เขายกมือซ้ายขึ้นมาดูนาฬิกาบนข้อมือ ที่เข็มยาวขี้ไปตรงเลข 3 ส่วนเข็มสั้นอยู่เลยเลข 7 มาหน่อย

เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาก็เด้งพรวด คว้าข้าวของ แล้ววิ่งหน้าตั้งออกจากบ้านทันที

"อุตส่าห์แต่งตัวอย่างดี หัดวางตัวให้ดีด้วยสิ ไอ้ลูกคนนี้นี่นะ"

ผู้เป็นพ่อบ่นพึมพำ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนก้มลงไปพิจารณาว่า อาหารผู้โชคดีที่อยู่เบื้องหน้าของเขาตอนนี้ ชิ้นไหนกันนะ ที่จะได้เข้าปากเขาก่อน

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ดวงตาของเด็กหนุ่มเปี่ยมไปด้วยความโมโหและโกรธเกรี้ยว กับภาพที่อยู่ตรงหน้า ตรงทางด้านซ้ายของจานมีเบคอนนอนเรียงรายกันอยู่ 3 แผ่น ในขณะที่ฝั่งขวา มีไส้กรอกชิ้นเท่านิ้วโป้งมือ เรียงรายกันอยู่ 3 ชิ้น ส่วนตรงกลางจาน เป็นข้าวผัดในรูปทรงกลม พร้อมธงโจรสลัดติดไม้จิ้มฟันปักอยู่ด้านบน

"ชุดคุณหนูอีกแล้ว"

พลูโตบ่นพึมพำ

"ทำไมอะไม่ชอบเหรอนายจืด หลานฉันชอบมากเลยนะ ใช่ไหมกล้า"

ซัทหันไปพูดกับเด็กน้อยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ซึ่งน้องกล้าก็ส่งเสียงตอบกลับมา แน่นอนว่าไม่เป็นภาษาคน

"เห็นไหม หลานบอกว่า น่าอร่อยจะตายมาไม่พอใจอะไรก่อน"

"น้องยังพูดภาษาคนไม่รู้เรื่องสักหน่อย อย่าอ้างเด็กหน่อยเลย"

"นายนั่นแหละนายจืด ฟังภาษาเด็กไม่ออกเองแล้วก็ไปโทษเขา แย่จังเลยคนคนนี้ ใช่ไหมกล้า"

พูดกับพลูโตเสร็จ ซัทก็หันไปพูดกับน้องกล้าต่อ

"เอาล่ะเลิกทะเลาะกันได้แล้วนะทั้งสองคน ไปเตรียมตัวได้แล้วซัท เดี๋ยวก็สายหรอก"

หลังจากโดนพี่จันทร์ดุ ซัทก็พูดว่าครับ แบบลากเสียงยาว ๆ ก่อนจะลุกจากโต๊ะ แล้วเดินขึ้นบ้านไป

"ประธาน เอ๊ย! พี่จันทร์สบายดีนะครับ ต้องรับมือกับเด็กสองคนแบบนี้ น่าจะเหนื่อยแย่"

"ก็นิดหน่อยนะ อ่อ แล้วก็ขอโทษนะ ที่ไม่ได้ไปงานรับปริญญาน่ะ"

"ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวนี่ไม่ง่ายเลย ว่าแต่ช่วงสองปีมานี้ คนอื่น ๆ เป็นไงกันบ้างครับ"

"ก็นานทีปีหนตาณจะแวะมาสักที ตอนนี้เขาเป็นตำรวจยศใหญ่แล้ว แค่หาเวลามาเจอได้ พวกเราซาบซึ้งจนน้ำตาแทบจะไหลเป็นสายอยู่แล้ว ส่วนวีเจอครั้งล่าสุดก็ปีที่แล้ว หลังเธอเคลียร์งาน เคลียร์เรื่องหย่าเสร็จ ก็มาลาน่ะ เห็นว่าไปอยู่เมืองนอกถาวร"

"อย่างนี้นี่เอง เพจคุณชายสายเผือก หยุดอัปเดตไปก็ในวันที่แฉเรื่องของวีกับสามีนั่นแหละ เดาว่าเธอคงไม่อยากลบเพจที่บุ๊กตั้งใจทำขึ้นมา"

"นั่นสินะ ในตอนนั้นทุกคนต่างก็สูญเสียไปแทบจะทุกอย่าง พวกเราเองถ้าไม่ได้บ้านหลังนี้ที่พี่กบให้ซัทไว้ ก็คงไม่มีที่ซุกหัวนอนกันไปแล้ว"

"จะว่าไป เป็นเพราะพี่กบเลยนะครับ ทุกอย่างมันถึงจบได้ด้วยดีแบบนี้ หรือเขาจะวางแผนไว้แบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว"

"เรื่องนั้นเราไม่มีทางรู้หรอก ยังไงพี่กบก็ตายไปแล้ว ส่วนคนเป็นก็ต้องใช้ชีวิตกันต่อไป"

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็หยุดพูดคุยกัน แล้วก้มลงกินข้าวผัดชุดคุณหนู ที่ซัททำไว้ให้ และราว ๆ หนึ่งชั่วโมงต่อมา ซัทก็เดินลงมาข้างล่าง

"ไปกันได้รึยังนายจืด"

ซัทตะโกนเรียกพลูโต แล้วยืนรออยู่ตรงประตูหน้าบ้าน

"งั้นพวกเราไปก่อนนะครับ ประ...เอ๊ย! พี่จันทร์ ไปก่อนนะน้องกล้า"

พลูโตหันไปพูดแล้วโบกมือให้น้องกล้า โดยที่น้องก็พูดอ้อแอ้แล้วโบกมือกลับมาให้เขาเช่นกัน

"ไปดีมาดีนะทั้งสองคน"

พี่จันทร์พูดอวยพรให้ทั้งคู่ ก่อนที่พวกเขาจะเดินออกจากบ้านไป แล้วประตูก็ปิดลง

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------

พลูโตยืนอยู่ตรงหน้ารถญี่ปุ่นธรรมดาธรรมดาทั่วไป คันเดิมที่เขาเคยขับ มันทำให้เขาหวนไปนึกถึงความหลัง สมัยยังเป็นเด็กฝึกงาน เมื่อราว ๆ 2 ปีก่อน

"นายจืดไปทำอะไรตรงนั้น"

เสียงของซัทไม่ได้ดังมาจากข้าง ๆ ตัวเขา พลูโตจึงหันซ้ายทีขวาทีเพื่อมองหา ก่อนจะพบว่า ซัทยืนอยู่หน้ารถสปอร์ตสีแดงเปิดหลังคาคันงามคันหนึ่ง

"ปรกติต้องคันนี้ไม่ใช่เหรอครับ"

พลูโตพูดแล้วชี้ไปที่รถญี่ปุ่น

"ฉันเข้าใจนะ ว่านายเป็นผู้จืดการ เลยต้องการขับรถคันจืด ๆ เหมือนนาย แต่วันนี้ไม่ได้หรอก วันนี้ต้องคันนี้ เพื่อประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่า จอมมารแห่งวงการบันเทิง กลับมาแล้ว"

.......อวสาน.......

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาดู เข้ามาอ่าน

ไปจนถึงคนที่ไม่รู้ว่าเข้ามาทำไมด้วยนะครับ

ทุกวิวล้วนแต่เป็นกำลังใจในการเขียนจนจบ

ขอบคุณจริง ๆ ครับ

หากผิดพลาดไปประการใด

ก็ขออภัยมาในโอกาสนี้ด้วยนะครับ

ขอให้ทุกท่านดูแลสุขภาพให้ดี

เพื่อรอจนกว่าเราจะพบกันใหม่

ลงชื่อ ชานมหวานน้อยไม่มุก

Just_Milk_Teacreators' thoughts