"มึงสติดีอยู่ปะเนี่ย"
ผมเงียบไปเกือบนาทีแล้วหันมาจ้องหน้าของนับหนึ่งราวกับจะค้นหาความผิดปกติบนหน้ามันแต่สีหน้าของนับหนึ่งก็นิ่งเกินไปซะจนผมเดาอะไรไม่ออก
"สติกูครบ ไม่ได้เมา" นับหนึ่งตอบแล้วเลิกคิ้ว "ว่าไง จะให้กอดมั้ย หรือมึงไม่กล้า?"
คิ้วกระตุกเลยสิครับ "คนที่ไม่กล้าน่ะคือมึงมากกว่า" บ่นแล้วขยับตัวนั่งดีๆ เพราะเมื่อกึ้ล้มนั่งบนตักไอ้เพื่อนตัวดี "กลัวผีก็พูดมา"
จะมาอ้างขอกอด
เพราะกลัวสินะ หึ ไอ้อ่อนเอ๊ย
"ไม่ได้กลัว!" นับหนึ่งเถียง
"ไม่กลัวผีก็ไม่ต้องกอด"
"เออ กูกลัวผี"
"..." ผม
อะไรของมึงวะเนี่ย
"สรุปคือจะกอดกูให้ได้" ถอนหายใจเฮือกใหญ่
"เออ" นับหนึ่งพยักหน้าแล้วดึงผมล้มเข้าไปในอ้อมกอดมันอีกรอบ "ก็มึงบอกกอดได้"
กูล้อเล่นมั้ย ไอ้เหี้ย
ผมแค่พูดเล่นและมันก็กำลังเล่นผมกลับอยู่สินะ
งั้นได้... อยากกอดผมนักใช่มั้ย
"เมื่อกี้มึงบอกจะจ่ายให้กูห้าแสนใช่มั้ยไอ้ป๋า" ผมหยุดความคิดที่จะต่อต้านมันและเปลี่ยนมาหาผลประโยชน์ใส่ตัวเองแทน "มึงโอนเงินมาก่อน"
นับหนึ่งหน้าบึ้ง "ทำไม? กลัวกูเบี้ยวไม่จ่ายรึไง"
ก็เออน่ะสิ ขี้งกจะตาย
เปย์อยู่แค่น้องชายสุดที่รักกับพวกคู่ขาคู่ควง
เป็นเพื่อนกันมายี่สิบปี ไม่เคยจะได้แอ้มเงินมันเลยนอกจากเงินเดือนกับโบนัส
ไม่รู้เพราะสีหน้าผมมันฟ้องอยู่รึเปล่าเลยยิ่งทำให้เด็กชายนับหนึ่งผู้แสนเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจยิ่งหงุดหงิดงอง้ำกว่าเดิมจากนั้นมันก็ผลักผมออกและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
กดสามสี่จึกก็ยื่นให้ผมดู...
"มึง..."
สลิปโอนเงินจำนวนห้าแสนบาทและบัญชีผู้รับก็เป็นชื่อของผมเอง เชี่ย โอนไวไปแล้วมึง
"โอนแล้ว กอดได้ยัง" นับหนึ่งว่าหน้าตายก่อนจะโยนโทรศัพท์ไปอีกด้านและพูดกับผม "ถ้ามึงเบี้ยว มึงต้องโอนคืนกูมาหกแสนนะ"
"เชี่ย! หกแสนอะไรของมึง" ผมตาถลน
"เงินกูหกแสนและอีกหนึ่งแสนค่าทำขวัญจิตใจแสนบอบช้ำของกู" มันว่าหน้าตายสนิท
ค่าทำขวัญจิตใจบอบช้ำ? เดี๋ยวได้เจอตีนผมนี่แหละ
แน่นอนว่าผมจะไม่ยอมเสียเงินให้มันและไม่คืนเงินแน่ๆ เลยจำใจเอนตัวไปพิงไหล่มันก่อน แต่ไอ้เหี้ยนับหนึ่งมันกลับดึงผมเข้าไปนั่งเกยตักแล้วกอดเอวผมแน่น
ผมเหล่มองมันแล้วระบายลมหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะกดรีโมทเริ่มเล่นหนัง... เมื่อหนังเริ่มแล้วก็รู้สึกว่าคนที่กำลังกอดผมตัวเกร็งขึ้นมา
หึ ไอ้คนกลัวผีเอ๊ย
กลัวแล้วยังจะเสือกดูหนังผีอีก
เมื่อหนังเริ่มแล้ว ผมก็ค่อยๆ จมไปกับเรื่องราวแต่ไอ้คนด้านหลังดูจะไม่ได้สนใจหนังสักเท่าไร
"ทำไมเงียบ"
ผมขบเม้มริมฝีปากเล็กน้อยแล้วพูดกับมันแต่ว่าตายังจับจ้องที่จอหนังอยู่ "กำลังคิดอะไรนิดหน่อย" อืม ก็มีเรื่องให้คิดจริงๆ นั่นแหละ
"แล้วคิดอะไร" เสือกนะมึงเนี่ย
"แค่ตกใจนิดหน่อย" ก็ไม่นิดนะ ค่อนข้างเยอะเลย "อยู่ๆ ก็ได้เงินมาแบบไม่ต้องลงแรงอะไร"
มันเป็นอารมณ์แบบมึนๆ งงๆ น่ะครับ แค่ปล่อยให้กอดสองชั่วโมงก็ได้เงินมาห้าแสนแล้ว แถมเงินห้าแสนนี่เทียบเท่ากับเงินเดือนผมหนึ่งเดือนเลยนะ ใช่ ไอ้เพื่อนโคตรรวยคนนี้มันให้เงินเดือนผมห้าแสนต่อเดือน ได้เงินเยอะแต่งานก็หนักโคตรๆ
พอได้เงินห้าแสนมาง่ายๆ แบบนี้มันก็มึนๆ งงๆ แอบหดหู่นิดหน่อย
ลาออกจากงานแล้วมาปล่อยให้มันกอดวันละสองชั่วโมงแทนได้มั้ย จะได้ไม่เหนื่อย เฮ้อ
"โดนกูเปย์แคนี้ ช็อกเลยเหรอ" ไอ้คนที่กำลังกอดผมดูหนังผีอยู่ถามขำๆ
"เออ หัวใจจะวายเลยเนี่ย" ผมงึมงำแล้วมองจอโปรเจกเตอร์ไปด้วย "แต่ก็ดี มีเงินช้อปปิ้งเพิ่มขึ้น"
ผมเป็นคนที่ค่อนข้างใช้เงินเยอะ เยอะมาก และบ้าการช้อปปิ้งสุด เสื้อผ้าของใช้เป็นแบรนด์เนมทั้งหมด แต่ผมก็ไม่ได้ใช้เกินตัวนะ อืม แต่เดือนนี้มีค่าช้อปปิ้งเพิ่มมาห้าแสนแล้ว เอาไปซื้ออะไรดี
น้ำหอมตัวใหม่ก็กำลังจะออกแล้วไม่ใช่เหรอ มีเงินซื้อพอดีเลย
"อยากมีเงินช้อปปิ้งเพิ่มมั้ย"
"อยาก"
"ลองอ้อนกูสิ"