webnovel

ดวงใจ…เจ้าเฟยหลง

ดวงใจ…เจ้าเฟยหลง

บทนำ

ฝูงชนจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในเมืองหน้าด่านต่างมารวมตัวกันมากหน้าหลายตา พวกเขาต่างมาต้อนรับกองทัพของพระเจ้าฮั่นอู่ตี้ จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ เสียงร้องโห่ชื่นชมดังขึ้นเมื่อบรรดานายทหารเริ่มเดินเข้ามาในด่านอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย บรรดานายทหารถึงแม้จะมีอาการเหนื่อยล้าจากการเดินทาง แต่ก็มีสีหน้ายิ้มแย้มตอบรับการต้อนรับของฝูงชน การสู้รบเป็นเวลาร่วมปีทำให้พวกเขาคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนเป็นอย่างมาก การทำศึกครั้งนี้ใช้ระยะนานเป็นปีถึงสามารถรวมรวมดินแดนนอกด่านให้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินอันยิ่งใหญ่ภายใต้การปกครองขององค์จักรพรรดิผู้ปรีชาได้ หลังจากกรำศึกมาเป็นเวลานานพวกทหารก็ใกล้จะได้ถึงเวลาพักผ่อนและได้กลับไปหาครอบครัวเสียที แต่ก่อนที่จะถึงเวลานั้นพวกเขาต้องเดินทางเข้าเมืองหลวงเพื่อร่วมงานเฉลิมฉลองที่ถูกจัดให้อย่างยิ่งใหญ่เสียก่อน และก่อนที่จะเดินทางไปถึงงานเลี้ยงนั้นพวกทหารจำต้องหยุดพักในเมืองต่างๆ และแน่นอนว่าทุกเมืองที่ผ่านจะมีการต้อนรับและดูแลอย่างเต็มที่

"นั่นไง ท่านแม่ทัพเจ้า " เสียงของชายผู้หนึ่งดังขึ้นและชี้มือไปยังนายทหารที่สวมชุดเกราะนั่งอยู่บนหลังม้า สายตาของประชาชนต่างมองไปที่บุรุษผู้นั้นพร้อมๆกัน ชายผู้นั้นเป็นบุรุษร่างสูงใหญ่ ผิวสีเข้มกว่าชาวบ้านที่อยู่หลังกำแพงเมืองเนื่องจากต้องตากแดดตากฝนกรำศึกมาเป็นเวลานาน ถึงจะมีผิวสีเข้มกว่าชาวบ้านทั่วไปแต่ทว่าใบหน้าของชายผู้นั้นเป็นใบหน้าของบุรุษผู้นั้นกลับสะกดสายตาของทุกคนได้เป็นอย่างดี

" ท่านผู้นี้มีฉายาว่าแม่ทัพผู้ทระนง และเป็นผู้ที่จักรพรรดิองค์ปัจจุบันชื่นชมและมักจะได้รับหน้าที่ให้ไปทำเรื่องสำคัญบ่อยๆ " เสียงชื่นชมบุรุษผู้สง่างามบนหลังม้ายังคงดังไม่หยุด

"ท่านลงจากหลังม้าแล้ว พอลงจากหลังม้าท่านก็ยังดูสง่างามและน่าเกรงขามไม่เปลี่ยนเลย เป็นชายที่รูปงามมากเสียด้วย" เสียงประชาชนต่างพูดคุยกันไปมา

แม่ทัพหนุ่มเจ้าของฉายาแม่ทัพผู้ทระนงเดินตัวตรงมาหยุดตรงหน้า ขุนนางสูงวัยผู้มีหนวดเครายาวและเริ่มจะมีสีขาวเข้ามาแซมเป็นบางจุด เขาผู้นี้ชื่อว่าหลินฮุ่ยหวงทำหน้าที่เป็นเจ้าเมืองของเมืองหน้าด่านแห่งนี้ และแน่นอนว่าชายชราผู้นี้สามารถทำหน้าที่ของตนได้เป็นอย่างดี เขาเป็นที่รักของชาวบ้านเป็นอย่างมาก

"ขอต้อนรับท่านแม่ทัพกลับสู่ดินแดนของเราขอรับ" ท่านเจ้าเมืองเอ่ยขึ้นมาก่อนน้ำเสียงของเราราบเรียบ แต่ทว่าแววตาแสดงออกความชื่นชม

"ขอบคุณท่านเจ้าเมืองที่ออกมาต้อนรับกองทัพของเราด้วยตัวเอง" แม่ทัพผู้สง่างามเอ่ยตอบและโค้งให้เขาอีกครั้ง

"เชิญท่านและเหล่าทหารกล้าเข้ามาพักในสถานที่ๆข้าจัดไว้ให้ก่อนเถะ ทางเราได้จัดเตรียมอาหารและสถานที่พักผ่อนให้พวกท่านแล้ว" ท่านเจ้าเมืองพูดต่อ เพราะได้รับบัญชาจากองจักรพรรดิว่าหากกองทัพผ่านมาให้ดูแลเหล่าทหารกล้าให้ดีที่สุด อีกทั้งนายทหารพวกนี้ทำแระโยชน์ให้กับแผ่นดินดังนั้นบรรดาชาวเมืองจึงเต็มใจที่จะดูแลรับใช้เป็นอย่างมาก

หลังจากเห็นว่าบรรดาทหารได้รับประทานอาหารชั้นดี และได้พักผ่อนในสถานที่ๆสะดวกสบายแล้ว ท่านเจ้าเมืองก็ได้พาตัวแม่ทัพใหญ่มาที่จวนขุนนางของตนเพื่อดูแลอีกต่อหนึ่ง เนื่องจากเขาเป็นแม่ทัพใหญ่จึงต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ

"ความจริงข้าพักกับบรรดาทหารก็ได้ ท่านเจ้าเมืองจะได้ไม่ต้องลำบาก" แม่ทัพหนุ่มเอ่ยขึ้นเมื่อเข้ามาถึงที่พักของตนเอง ดวงตาคมประดุจเหยี่ยวมองรอบๆตัวอย่างสังเกตที่พักแห่งนี้มีสิ่งเครื่องเรือนครบครัน ข้าวของทุกอย่างไม่ได้หรูหรามากมายเมื่อเทียบกับสิ่งของที่มีอยู่ในจวนของเขาที่เมืองหลวง แต่ที่นี่เป็นเพียงแค่เมืองเล็กๆหน้าด่าน ดังนั้นของที่มีอยู่ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว

"ท่านเป็นผู้ที่ทำประโยชน์และเสียสละให้แผ่นดิน ดังนั้นข้าจะต้องดูแลให้ดีที่สุด"

"ไม่ใช่แค่ข้าหรอก เหล่าทหารทุกคนล้วนแต่เสียสละทั้งนั้น"

"เชิญท่านแม่ทัพพักผ่อนให้สบาย ช่วงค่ำหวังว่าท่านแม่ทัพจะให้เกียรติร่วมรับประทานอาหารกับครอบครัวของข้า" ท่านเจ้าเมืองยังคงพูดต่อ เจ้าเฟยฟลงพยักหน้ารับเล็กน้อย ไม่นานนักเจ้าเมืองสูงวัยก็เดินจากไป เพื่อให้แขกคนสำคัญได้พักผ่อนอย่างเป็นส่วนตัว

ห้องครัวของจวนขุนนางบรรดาสาวใช้ต่างทำหน้าที่ของตนกันอย่างขมักเขม่น ทุกคนมีความตั้งใจเป็นอย่างมากเนื่องจากแขกผู้นี้เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ อีกทั้งเขายังเป็นบุตรชายคนรองของท่านอ๋องเจ้า พระญาติคนสำคัญขององค์จักรพรรดิด้วย ดังนั้นทุกอย่างจึงต้องทำให้ดีที่สุด บรรดาสาวใช้หลายนางอยากจะชื่นชมและอยากจะเห็นใบหน้าของท่านอ๋องแม่ทัพกันแทบทั้งนั้น เพราะนอกจากจะเป็นเหมือนวีระบุรุษแล้วยังมีข่าวลือที่ลือกันปากต่อปากว่าเป็นแม่ทัพที่รูปงามมากเสียด้วย

"พวกชาวบ้านบอกกันว่าท่านแม่ทัพรูปงามมาก ถึงจะกรำแดดกรำฝนทำศึกมาเป็นเวลานานก็ยังงาม" สาวใช้คนหนึ่งพูดออกมาในขณะที่มือก็ยังทำหน้าที่หั่นผัก

"เจ้าไปรู้มาจากไหน"

"พ่อค้าส่งที่มาส่งของในจวนบอก"

"ข้าอยากเห็นหน้าท่านแม่ทัพจังเลย"

"ท่านแม่ทัพจะมาพักที่จวน เดี๋ยวพวกเราก็คงจะได้เห็น" บรรดาสาวใช้ต่างพูดคุยกันถึงแขกที่มาเยือนจนไม่ได้สังเกตว่าตอนนี้มีสตรีนางหนึ่งก้าวเข้ามาในห้องครัวใหญ่

"พี่ลู่เหลี่ยน" เสียงเล็กๆเสียงหนึ่งเอ่ยเรียกชื่อสตรีใบหน้าหวานรูปร่างอ้อนแอ้นอรชรที่เดินเข้ามาภายใจห้องครัว เสียงเรียกนั้นทำให้เจ้าของชื่อหันมามองและส่งยิ้มหวานให้อย่างที่เคยทำ

"กำลังยุ่งกันเลย ข้าเข้ามารบกวนหรือเปล่า" เฉินลู่เหลียนเอ่ยถาม

"ไม่เท่าไหร่ค่ะ พี่เข้ามาที่ห้องครัวอยากได้อะไรหรือเปล่าคะ" เสี่ยวชิงเอ่ยถามสาวใช้รุ่นพี่แบบใคร่รู้ ถึงแม้จะเป็นสาวใช้เหมือนกัน แต่มีหน้าที่ต่างกันไป เฉินลู่เหลียนเป็นสาวใช้ที่ฮูหยินท่านเจ้าเมืองโปรดปรานมาก ดังนั้นนางจึงต้องคอยดูแลปรนนิบัติรับใช้ฮูหยินไม่เคยห่าง นอกจากจะเป็นสาวใช้ประจำตัวฮูหยินท่านเจ้าเมืองแล้ว เฉินลู่เหลียนยังเป็นสตรีที่ได้เรียนมากกว่าบรรดาสาวใช้ในจวนด้วย นางสามารถอ่านออก เขียนได้ เรียกได้ว่าอยู่ในระดับที่ดีมากเสียด้วย เนื่องจากนางจะต้องอ่านหนังสือให้ฮูหยินฟังแทบจะทุกวัน เลยสามารถพัฒนาทักษะด้านนี้ได้ไม่ยาก

"ข้ามาขอน้ำร้อน" คำพูดที่อ่อนหวานนั้นทำให้ผู้ที่ได้ฟังต่างพึงพอใจ ถึงแม้ว่านางจะเป็นสาวใช้คนสนิทของภรรยาท่านเจ้าเมือง แต่ลู่เหลียนเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน และมีจิตใจเอเฟื้อเผื่อแผ่กับสาวใช้ด้วยกันเสมอ

"รอสักครู่ เดี๋ยวข้าจะเอาให้"

"ขอบใจมากจ๊ะ" พูดจบสาวใช้คนงามก็ส่งกาน้ำทองเหลืองขนาดใหญ่ให้กับสาวใช้รุ่นน้องและหันมาช่วยหยิบจับโน่นนี่ตามที่จะช่วยได้

"พี่ลู่เหลียนพี่เห็นท่านแม่ทัพหรือยังคะ" เสียงของสาวใช้คนหนึ่งเอ่ยถามอย่างใคร่รู้ เพราะบรรดาสาวใช้ในจวนส่วนใหญ่ถูกเกณฑ์ให้มาช่วยงานในครัว และบางส่วนก็ต้องเข้าไปดูแลความเรียบร้อยบริเวณส่วนต่างๆภายในจวน เลยทำให้ไม่ได้ออกไปต้อนรับแม่ทัพชื่อดังเหมือนกับชาวบ้าน

"ยังจ๊ะ"

"พี่ลู่เหลียนต้องคอยปรนนิบัติฮูหยินคงไม่มีเวลาไปไหนหรอก" เสี่ยวชิงเป็นฝ่ายตอบแทนสาวใช้รุ่นพี่ ตั้งแต่รู้จักกันมาพี่ลู่เหลียนของนางไม่สนใจเรื่องของบุรุษ นางใส่ใจและสนใจแต่เพียงเรื่องงานและหน้าที่ๆได้รับผิดชอบเพียงเท่านั้น

"น่าเสียดายจัง ข้าอยากจะรู้ว่าท่านแม่ทัพรูปงามสมคำร่ำลือหรือเปล่า มีเสียงลือกันว่าท่านแม่ทัพนอกจากจะมีรูปร่างสง่างามแล้วใบหน้ายังคมคายด้วย น่าจะมีบทกวีชมโฉมท่านแม่ทัพบ้างนะข้าจะได้จินตนาการใบหน้าของท่านได้โดยไม่ต้องฟังจากปากชาวบ้าน" บรรดาสาวใช้ในครัวยังคงพูดต่อ ลู่เหลียนไม่ได้ตอบอะไร นางทำเพียงแค่ยิ้มเท่านั้น

"เจ้าอ่านหนังสือออกรึ"

"ไม่ออก แต่พี่ลู่เหลียนอ่านให้ข้าฟังได้ ใช่ไหมคะ" สาวใช้รูปร่างเล็กเอ่ยถามสาวใช้รุ่นพี่เมื่อพูดจบ เฉินลู่เหลียนยิ้มบางๆแบบคนใจดี

"ถ้ามีบทกวีอย่างที่เจ้าว่า และถ้าเจ้าอยากจะฟังจริงๆข้าก็จะอ่านให้ฟัง" สาวใช้คนงามตอบจากใจจริง "แต่มันคงจะดีกว่าถ้าเจ้าอ่านด้วยตนเองและแน่นอนว่าข้าเต็มใจจะสอนเจ้าอ่านเช่นกัน" ลู่เหลียนพูดต่อ นางอยากให้บรรดาสาวใช้อ่านออกเขียนได้ด้วยตนเองมากกว่า เพราะมันเป็นความรู้ที่ติดตัวได้อย่างหนึ่ง

"ไม่เอาดีกว่าค่ะ เป็นหญิงไม่จำเป็นต้องรู้หนังสือหรอก เราไม่ได้เป็นขุนนางที่ไหนอย่างมากเราก็แค่เป็นแม่บ้าน แม่ค้าหรือไม่ก็สาวใช้เท่านั้น" คำตอบนั้นทำให้ลู่เหลียนส่ายหน้าช้าๆ จริงอยู่ที่ไม่เห็นด้วยกับคำตอบ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต่อปากต่อคำไปทำไม

"สาวใช้อย่างเราขอเพียงมีเจ้านายที่ดี แค่นี้ก็พอแล้ว และถ้าเรามีวาสนาดี อาจจะมีเศรษฐีหรือขุนนางมาขอเราแต่งงานก็ได้ พี่ลู่เหลียนคิดว่าอย่างไรคะ" สาวใช้ในครัวยังคงพูดต่อ

"ไม่รู้เหมือนกัน" เฉินลู่เหลียนตอบสั้นๆ

"เรียบร้อยแล้วค่ะพี่ลู่เหลียน" เสี่ยวชิงบอกพร้อมทั้งส่งกาน้ำที่ด้านในบรรจุน้ำร้อนให้กับสาวใช้รุ่นพี่

"ขอบใจมากจ๊ะ" เฉินลู่เหลียนรับกาน้ำมาถือไว้ ก่อนที่จะเอ่ยคำขอบคุณและเดินจากไปเงียบๆ เมื่อสาวโฉมงามออกไปแล้วบรรดาสาวใช้ที่เหลือก็ลงมือทำงานของตนต่อ

"ทำไมไปถามพี่ลู่เหลียนแบบนั้น" เสี่ยวชิงพูดขึ้นหนึ่งจากที่นิ่งฟังมานาน พอจะรู้ว่าพี่ลู่เหลียนของตนน่าจะอึดอัดกับคำถามพวกนี้อยู่มากพอสมควร

"ทำไมล่ะ ก็ข้าอยากรู้ว่าพี่ลู่เหลียนคิดอย่างไรก็เท่านั้นเอง"

"พี่ลู่เหลียนไม่สนเรื่องพวกนี้หรอก" เสี่ยวชิงตอบแทน

"ก็น่าจะจริงตั้งแต่ข้าเข้ามาทำงานในจวนแห่งนี้และได้รู้จักพี่ลู่เหลียนก็ไม่เห็นนางสนใจเรื่องของผู้ชายเลย นางเป็นผู้หญิงที่ไม่ค่อยเหมือนพวกเราเลย นางสนใจเรื่องการเรียนหนังสือราวกับว่าจะเรียนเพื่อไปรับราชการในราชสำนัก" เสี่ยวชิงส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

"พี่ลู่เหลียนแค่เป็นสตรีที่ใฝ่รู้เท่านั้น และตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เจ้าจะมาวิจารณ์พี่ลู่เหลียน แต่เป็นเวลาที่พวกเราต้องตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เพราะถ้ามัวแต่คุยเราจะทำงานไม่ทัน" เสี่ยวชิงเตือนบรรดาสาวใช้เสียงเข้ม ตอนนี้ทุกคนควรจะหันมาสนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่าจะไปนินทาผู้อื่น อีกทั้งคนที่กำลังถูกนินทาก็เป็นคนดีและมีน้ำใจกับบรรดาสาวใช้ทุกคน บวกกับนางเองก็รักลู่เหลียนเหมือนพี่สาวแท้ๆ จึงไม่อยากให้หญิงสาวที่แสนดีคนนั้นถูกนำมาเป็นหัวข้อสนทนาลับหลังแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้

ของขวัญจากผู้อ่านคือกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ช่วยส่งกำลังใจให้ไรต์หน่อยนะ!

Kulabkaewcreators' thoughts