webnovel

ตอนที่ 6 ตัวอะไรนะ

"ช่วยด้วย ช่วยด้วย" เสียงร้องให้ช่วยดังลั่นห้องนอนของหมอนิลลี่ แล้วหมอก็สะดุ้งตื่นขึ้นมานั่งหอบอยู่บนเตียง ทั้งที่ห้องนั้นมืดอยู่ และก็ดร.นิลลี่อยู่เพียงลำพัง

"ฝันร้ายเหมือนเดิมอีกแล้ว เมื่อไหร่นะ จะเลิกคิดถึงมันสักที" ดร.นิลลี่คิดในใจ

แล้วนิลลี่ก็นอนไม่หลับอีกเลย จนกระทั่งตี 4 กว่าๆ เห็นจะได้ เธอก็อาบน้ำแต่งตัว แล้วชวนมูมู่ออกไปเดินเล่น เมื่อวันนี้ฝันร้ายมาก และเคยได้ยินว่าที่ดอยมอมแมมมียอดเขาที่สวยงามเป็นที่สิงสถิตของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของคนในหมู่บ้าน และทางเดินขึ้นยอดดอยที่ว่าก็อยู่หลังบ้านของดร.เอง นิลลี่ เลยคิดว่าจะขึ้นไปชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น พร้อมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธ์บนยอดดอยเสียหน่อย เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ จึงเดินกันไปกับมูมู่ 2 คน ไม่ลืมที่จะหยิบอุปกรณ์สำหรับเดินป่า น้ำดื่มและขนมเพิ่มพลังเตรียมไปด้วย

เนื่องจากฟ้ายังไม่สว่างหมอนิลลี่เลยต้องใช้ไฟฉายนำทาง ดีว่าทางเดินขึ้นไปไม่ชันมากและมีเส้นทางชัดเจน แต่ถึงเส้นทางไม่ชัดเจน ในสมองกลของมูมู่ก็มีจีพีเอสฝังอยู่ด้วย พร้อมระบบที่ใช้ได้ทั้งออนไลน์ออฟไลน์ นิลลี่จึงไม่กลัวที่จะหลงทาง

เดินกันได้ไม่นานพอหอบเล็กๆ ก็ถึงยอดเขา วันนั้นมีหมอกจางๆ แสนสวยงามให้เห็นพร้อมกับแสงพระอาทิตย์ขึ้น วิวที่เห็นเป็นหมู่บ้านดอยมอมแมม กับอีกส่วนเป็นป่ารกทึบ แล้วพลันสายตาของหมอนิลลี่ก็ไปเห็นที่ราบกลางป่าไม้รกทึบ มีดอกไม้สีสวยๆ หลากสีเต็มไปหมด ในใจนิลลี่คิดว่าโชคดีจังสวนดอกไม้ป่าบาน เดินไปดูดีกว่า ก่อนที่จะไปนิลลี่ก็ยกมือไหว้ ศาลสถิตของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้ฝันร้ายกลายเป็นดีด้วยเถอะ

แล้วดร.กับมูมู่ก็เดินไปทางที่มีสวนดอกไม้สีสดใสนั้น เป็นทางเดินไปอีกด้านของหมู่บ้านเข้าป่ารกทึบ ซึ่งไม่มีเส้นทางเดินที่ชัดเจน แต่เนื่องจากเป็นเวลารุ่งสางแล้วก็พอที่จะเดินไปได้ โดยให้มูมู่นำทางไปเพราะตั้งคำสั่งไว้ที่ระบบเอไอของมูมู่เรียบร้อยแล้ว

เมื่อเดินมาใกล้กับสวนดอกไม้ ที่ตอนแรกคิดว่าเป็นดอกไม้ป่านั้นกับเป็นดอกฝิ่นหลากสี มีบางส่วนเป็นผลฝิ่นแล้ว นิลลี่กับมูมู่กำลังจะเดินเข้าไปในแปลงดอกฝิ่น

"เปรี้ยง" เสียงปืนดังมาจากกระท่อมที่ปลูกอยู่ข้างแปลงฝิ่นนั่นเอง น่าจะเป็นคนเฝ้าแปลงฝิ่น ดีที่ลูกกระสุนนั้นเฉียดตัว ดร.นิลลี่ไปนิดเดียว ไม่งั้นมีได้แผลแน่ๆ

"อ้อ ไอ้แม่หมอกับตัวประหลาด ที่อยู่บ้านริมน้ำนั่นเอง แกมาเสือกอะไรแถวนี้" เสียงชายหนุ่มที่ยิงปืนเข้ามาหาหมอนิลลี่ นั่นเอง

"เฮ้ย เด็กๆ มาช่วยกันจับไอ้แม่หมอนี่ แล้วมาร่วมสนุกกันดีกว่า" แล้วก็หันไปสั่งลูกสมุนให้มาช่วยกันจับตัวหมอนิลลี่

"มูมู่แปลงร่างเป็นจรวดเลย พาชั้นหนีเร็ว" แล้วมูมู่ก็รีบแปลงร่างเป็นจรวดรีบพาดร.นิลลี่กลับมาที่บ้านอย่างรวดเร็ว

"ไอ้ตัวประหลาดมันแปลงร่างได้ด้วยหว่ะ น่ากลัว หรือว่ามันจะเป็นพวกหมอผีวะ รีบไปบอกหัวหน้าให้รู้ก่อน"

รอดมาได้อย่างหวุดหวิดเพราะมูมู่แท้ๆ มาถึงบ้านดร.นิลลี่ซึ่งตื่นมาเพราะฝันร้าย แล้วมาเจอเหตุการณ์เฉียดตายขนาดนี้ ก็นั่งหอบแล้วร้องไห้ออกมาเบาๆ อยู่หน้าบ้าน

"พี่หมอ พี่หมอ เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม และเสื้อผ้าทำไมมอมแมมแบบนี้"

"ไม่มีอะไร พี่แค่ลื่นหกล้มคะ"

แล้วดร.นิลลี่ก็ขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ระหว่างที่อาบน้ำนั้นเธอก็สังเกตเห็นว่า นอกจากจะมีแผลโดนกิ่งไม้ขูดขีด แล้วยังมีรอยเหมือนโดนแมลงกัดอยู่ตามขาทั้ง 2 ข้างด้วย แต่ด้วยดร.นิลลี่ยังมีอาการกลัวและเครียดกับสิ่งที่พบเจอวันนี้อยู่ เลยไม่ได้สนใจมากนัก พออาบน้ำเสร็จออกมา ก็พบว่าลูกศิษย์คนเล็กก็มาถึงแล้ว

"วันนี้ทำไมมากันเช้าจังเลยคะ"

"พวกเราว่างก็เลยนัดกันมาหาแต่เช้าเผื่อมีอะไรให้พวกเราช่วยบ้าง"

"วันนี้ยังไม่มีคนไข้เลยจ้า"

"แม่หมอวันนี้ทำไมดูซึมๆ ไม่สบายหรือเปล่า"

"ไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ ปกติดี เอางี้ ไหนๆ ช่วงนี้เด็กๆ ปิดเทอมอยู่บ้านกันหมด แล้ววันนี้เราก็ไม่ยุ่งอะไรกัน เราเอาอุปกรณ์กำจัดเหาไปตรวจเด็กๆ กันไหม"

"ก็ดีเหมือนกันครับ เด็กๆ อยู่พร้อมกันด้วยจะได้กำจัดเหาให้ทีเดียว ไม่งั้นอยู่รวมกันแบบนี้ถ้ามีใครเป็นเดี๋ยวก็กระจายกันทั้งหมู่บ้าน"

"ดีจังที่เป็นผู้ชาย ถูกโกนผมสั้น ไม่ต้องตรวจเหาเหมือนเด็กผู้หญิง" ตุ๊ดตู่บอก

"จริงด้วย เราไม่มีผมเลยนี่ ถูกโกนซะไม่เหลือผมเลย"

"มูมู่เตรียมเพอร์เมทรินเยอะๆ เลยเราจะไปหมักฆ่าเหากัน"

มูมู่เข้าไปในห้องเตรียมยาสักพักก็ออกมาพร้อมยาฆ่าเหาหลายแกลอน เมื่ออุปกรณ์พร้อมทุกคนก็ไปที่ลานกิจกรรมของหมู่บ้าน และให้ณัฐช่วยกระจายเสียงเรียกเด็กๆ และผู้หญิงของหมู่บ้านมาตรวจหาเหาและทำการหมักผมกัน

เด็กๆ ทั้งหมู่บ้านมารวมตัวกันที่ลานกว้าง มูมู่ทำการสแกนผมของผู้หญิงทุกคน ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนที่เหลือทำหน้าที่ผสมยาและหมักผมให้ทุกคน พอเสร็จก็ให้กลับบ้านได้ โดยจริงๆ มูมู่ได้เตรียมขนมมาแจกด้วย เด็กๆ จึงให้ความร่วมมือในการกำจัดเหาอย่างเป็นอย่างดี

เมื่อเห็นว่าเริ่มว่างแล้ว หมอนิลลิ่คิดว่าเรื่องการลักลอบปลูกฝิ่นในหมู่บ้านนั้นเป็นเรื่องใหญ่และผิดกฎหมายควรที่จะบอกให้ณัฐรับรู้ไว้ และอาจจะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาปราบปรามต่อไปด้วย แม่หมอจึงเดินไปกระซิบกับณัฐว่า

"เดี๋ยวถ้าเจ้าตุ๊ดตู่กลับแล้ว นั่งคุยกันหน่อยได้ไหมคะ เรื่องสำคัญมาก"

ณัฐพยักหน้ารับทราบ แล้วก็ช่วยกันกำจัดเหาต่อไปจนกระทั่งเด็กคนสุดท้ายเดินจากไป

"ตุ๊ดตู่วันนี้เก่งมากเลย ช่วยกันกำจัดเหาให้คนทั้งหมู่บ้าน น่าจะเหนื่อยแล้วให้กลับบ้านไปพักผ่อนก่อนเลย แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาเรียนเรื่องเหากันนะ" พูดเสร็จพร้อมหันมาสบตาณัฐบอกเป็นนัยว่าอยู่คุยกันต่อหน่อย

"ก็ได้ครับพี่หมอ ศิษย์น้องวันนี้ตอนเช้าผมเห็นแม่หมอร้องไห้ด้วย ฝากศิษย์น้องดูแลพี่หมอด้วยนะ"

"ไหนเมื่อเช้าคุณบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรไง" ณัฐหันมาต่อว่าดร.นิลลี่ แล้วก็หันไปบอกตุ๊ดตู่ว่า

"ไม่ต้องห่วงศิษย์พี่กลับบ้านเถอะ เดี๋ยวศิษย์น้องจะพาอาจารย์แม่หมอกลับบ้านเอง"

เมื่อตุ๊ดตู่กลับบ้านไปแล้ว ทั้งสองคนก็เดินกลับไปที่บ้านริมน้ำกัน และแม่หมอก็เล่าเรื่องทั้งหมดที่พบเห็นให้กับคุณณัฐฟัง

"อะไรนะ มีคนแอบปลูกฝิ่นที่ป่ารกหน้าหมู่บ้านหรือครับ ไม่เคยรู้มาก่อน แม่หมอพอจะจำทางได้ไหมครับพรุ่งนี้พาไปสำรวจหน่อย ไม่ต้องกลัวไปกลับผม ผมจะคอยปกป้องดูแลคุณเอง"

"จำทางได้คะ ถึงจำไม่ได้ก็ให้มูมู่ นำทางไปได้คะ" ในใจรู้สึกพองโตที่ได้ยินคำว่า ผมจะคอยปกป้องดูแลคุณเอง แต่ก็ดึงใจกลับมาได้ก่อนที่จะเพ้อไปมากกว่านั้น

"งั้นเดี๋ยวผมกลับบ้านไปเตรียมตัวและอาวุธไว้ก่อนพรุ่งนี้รุ่งสางพบกันนะครับ จะได้กลับมาก่อนศิษย์พี่มา"

คืนนั้นด้วยความที่ ดร.นิลลี่กังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ เพราะไม่ได้ระวังตัว ไม่มีอาวุธติดตัว จึงได้เกือบเอาชีวิตไม่รอด ถึงแม้พรุ่งนี้จะไปดูลาดเลากับคุณณัฐก็ตามแต่ก็ไปกันแค่ 3 คน และก็ไม่รู้ว่าทางฝ่ายคนดูแลไร่ฝิ่นจะมีกี่คน

ดังนั้นด้วยมันสมองอันแสนฉลาดของนิลลี่ แม้เธอจะจบวิศวกรรมทางการแพทย์แต่ก็สามารถออกแบบ อาวุธที่ไม่ได้ซับซ้อนได้

"มูมู่ มาอัพเวลหน่อย จะติดอาวุธบางอย่างเอาไว้นะ พร้อมโปรแกรม เอาไว้ป้องกันชั้นกับคุณณัฐ เข้าใจนะ"

แล้วดร.ก็เริ่มดัดแปลงบางส่วนของมูมู่เป็นหุ่นยนต์นักรบ ติดอาวุธที่พอจะช่วยให้มีเวลาในการหลบหนีจากศัตรูได้ทัน สรุปก็เลยไม่ได้นอนไปอีกหนึ่งคืน

รุ่งสางยังไม่ทันที่คุณณัฐจะมาถึง แม่หมอก็ได้ยินเสียงเรียก

"พี่หมอผมไปด้วย" เมื่อวานเจ้าตุ๊ดตู่แกล้งทำเป็นเดินกลับบ้าน แต่จริงๆ แล้วเดินมาหลบอยู่ในซอกของบ้านริมน้ำ เพื่อแอบฟัง หมอนิลลี่คุยกับคุณณัฐนั่นเอง

"เดี๋ยวเรารู้ได้ไง ว่าพี่มีนัดกับคุณณัฐ จะไปข้างนอกกัน"

"ก็มีญาณทิพย์ไง รับรู้ทุกอย่าง นะไปด้วยนะ มีเรื่องสนุกๆ แบบนี้ต้องขอตามไปดูหน่อย"

"ไม่ได้ ศิษย์พี่ มันอันตรายเกินไป ที่ที่จะไปไม่เหมาะกับเด็ก กลับบ้านไปนะ"

"ไม่มีทาง"

"ไม่ให้ไป" เสียงหมอนิลลี่กับคุณณัฐประสานเสียงกันตอบเจ้าตุ๊ดตู่

ตุ๊ดตู่ทำหน้างอ แล้วก็ทำเป็นเดินกลับบ้านไป เนื่องจากรู้อยู่แล้วว่าทั้ง 2 จะไปไหน ในใจคิดไว้ว่าเดี๋ยวค่อยเดินตามไปห่างๆ เพราะตนเองก็รู้จักทางไปที่บนยอดดอยมอมแมมดี

เมื่อเห็นว่าทั้ง 3 คนเดินห่างไปสักพัก ตุ๊ดตู่ก็แอบเดินตามไปห่างๆ

พอถึงตรงไร่ฝิ่นแล้ว ทุกคนก็ค่อยๆ แอบย่องเข้าไปดู และเดินเข้าไปใกล้กระท่อมข้างไร่ฝิ่น มีแต่เจ้าตุ๊ดตู่ที่เดินเข้าไปในไร่ฝิ่นแล้วก็ไปเหยียบกิ่งไม้เข้า

"เปรี้ยง" เสียงปืนดังมาจากกระท่อมเช่นเดิม แต่ทั้ง 3 คนแอบซ่อนอยู่ชายที่เฝ้าไร่ฝิ่นจึงไม่เห็น

"เฮ้ย ไอ้ตุ๊ดตู่แกมาทำอะไรที่นี่ ซนจริง อยากตายหรือไง เด็กๆ จับไอ้ตุ๊ดตู่ไว้"

"เปรี้ยง" ยังไม่ทันขาดคำก็มีเสียงปืน ดังขึ้นและลูกกระสุนก็เข้าไปที่แขนข้างซ้ายของชายเฝ้าไร่ฝิ่น

เสียงปืนของณัฐนั่นเอง คราวนี้พวกนั้นจึงหันเข้ามาทาง 3 คนเพื่อจะล้อมจับให้ได้ทั้งหมด

"มูมู่ดูแลตุ๊ดตู่นะ ไม่ต้องห่วงชั้น ชั้นมีอาวุธมาด้วย" แล้วหมอนิลลี่ก็โชว์ปืนกระบอกน้อยให้ดู

แม้เมื่อวานจะเครียดจนร้องไห้ไป และก็เพิ่มเลเวลของหุ่นมูมู่ไว้เพื่อป้องกันอันตราย แต่จริงๆ แล้วคุณพ่อของหมอนิลลี่ได้สอนเธอยิงปืนไว้ตั้งแต่เด็กๆ และดร.นิลลี่เองก็ชอบยิงปืนตามงานวัด ไปล่าตุ๊กตาเป็นประจำ จนเพื่อนๆ ที่มหาวิทยาลัยเคยเรียกดร.นิลลี่เข้าแข่งขันยิงปืน

เมื่อหัวหน้าของกลุ่มไร่ฝิ่นถูกยิง และลูกน้องก็วิ่งแบ่งเป็น 2 ทาง เพื่อไล่จับทั้ง 4 คน มูมู่ที่ได้รับคำสั่งก็เข้าไปช่วยตุ๊ดตู่ได้สำเร็จ

"มูมู่พาตุ๊ดตู่กลับบ้านก่อน ทางนี้ไม่ต้องห่วงจะรีบตามไป"

แล้วมูมู่ก็รีบแปลงร่างเป็นจรวดพาตุ๊ดตู่กลับบ้านไปก่อน

ส่วนดร.นิลลี่กับณัฐยังคงหลบหลีกการตามล่าของฝ่ายไร่ฝิ่นอยู่ ระหว่างที่กำลังวิ่งหนีอยู่นั้น

"เปรี้ยง" เสียงปืนของทางฝ่ายไร่ฝิ่นยิง เฉียดใบหน้าของนิลลี่ไปเล็กน้อย แต่ยังหลบทัน

แต่ทางลูกสมุนทางฝ่ายนั้นเข้ามาประชิดได้ 2 คนที่ตัวของดร.นิลลี่ ไม่ทันที่จะจับตัวเธอได้ นิลลี่ก็แสดงฝีมือนักแม่นปืน ยิงปืนโดนท้องของคนร้ายคนหนึ่งไปหนึ่งนัด ส่วนอีกคนหนึ่งกำลังจะเข้ามา

"เปรี้ยง" เสียงปืนของณัฐ ยิงโดนแขนขวาของคนร้ายพอดีทำให้ปืนของคนร้ายหล่นลง

ทั้ง 2 ได้จังหวะนี้ที่คนร้ายที่เหลือยังมาไม่ถึงตัว รีบวิ่งหนีออกมาจากไร่ฝิ่นทันที และก็สามารถหลบหนีรอดมาได้อีกครั้งหนึ่ง

เมื่อถึงบ้านริมน้ำ เห็นตุ๊ดตู่กับมูมู่นั่งรออยู่อย่างปลอดภัย

"เห็นไหมบอกว่าไม่ให้ตามไป ทำไมไม่เชื่อฟังกัน เกือบจะโดนยิงแล้วเห็นไหม" นิลลี่รีบดุตุ๊ดตู่

"แต่ช่างมัน เหมือนพวกคนร้ายจะเป็นคนในหมู่บ้านนะ เห็นว่ารู้จักพวกเราทั้งหมด ไหนตุ๊ดตู่กับคุณณํฐ คุณรู้จักและจำหน้าพวกนั้นได้ไหม"

"ไม่ใช่คนในหมู่บ้านทั้งหมดหรอกครับ คนที่เป็นหัวหน้าที่รู้จักชื่อพวกเราทุกคน คนเดียวที่เป็นคนในหมู่บ้านชื่อ ไอ้มั่น บ้านอยู่ใกล้ๆ พ่อหมอหน่ะ ส่วนคนอื่นๆ ไม่คุ้นหน้าเลย ศิษย์พี่ว่าไงบ้าง"

"ผมก็รู้จักแค่พี่มั่นคนเดียวเหมือนกันครับ"

"คุณณัฐคุณคิดยังไงบ้างหลังจากที่เราเข้าไปดูวันนี้แล้ว"

"ไร่เนื้อที่กว้างพอสมควร นอกจากกระท่อมที่พักของคนเฝ้าไร่แล้ว ผมไม่แน่ใจว่ามันมีโกดังเก็บฝิ่นหรืออาวุธอยู่ตรงไหน แต่ที่สำคัญเราต้องสืบให้ได้ว่าใครเป็นนายใหญ่ของไอ้มั่น เพื่อจะได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองมาจับ พอดีผมเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับสารวัตรสถานีตำรวจตรงทางขึ้นดอยครับ ไว้เดี๋ยววันหลังเราลงหากันเมื่อได้ข้อมูลมากกว่านี้ก่อน"

"'งั้นวันนี้ทุกคนเนื้อตัวมอมแมมกันหมด แยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่า เถอะ เดี๋ยวเย็นนี้ค่อยกลับมาเรียนกัน พี่ยังไม่ลืมสัญญาเรื่องเหา"

หลังจากณัฐกับตุ๊ดตู่กลับไปแล้ว นิลลี่ก็เข้าไปอาบน้ำเช่นกัน วันนี้เธอมีอาการคันมากที่ตุ่มที่โดนกัดเมื่อวาน เมื่อเปิดออกดู มีตุ่มเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก ส่วนตุ่มเก่าก็คันมาก ยิ่งเกายิ่งคัน และก็บวมแดงมากขึ้น เมื่ออาการมันมากขึ้น นิลลี่เริ่มนึกในใจ ที่มันในป่าเขาภาคเหนือของไทย ช่วงนี้เริ่มเข้าหน้าแล้ง หรือจะเป็นคุ่นกัดหว่า

ดังนั้นเมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จออกมานั่งในห้องนั่งเล่นแล้วก็สั่งมูมู่ว่า

"ใช้เอไอที่ตั้งระบบดูลีชั่นแล้ววินิจฉัยหน่อย ว่าชั้นเป็นอะไร" สักพักหลังจากมูมู่ยิงเลเซอร์ไปที่ตุ่มแล้วก็สแกนตุ่มไป ประมวลด้วยสมองอัจฉริยะแล้วก็ส่งคำตอบไปที่ตา ให้ดร.นิลลี่อ่าน

"อืม คุ่นจริงดัวย ขอบใจมูมู่" ในใจเริ่มเซ็ง เพราะคราวก่อนที่ถูกคุ่นกัดนั้นแพ้หนักมาก คันเป็นตุ่มอยู่กว่าครึ่งปีกว่าจะหาย คราวนี้เป็นครั้งที่ 2 อาการแพ้จะมากขึ้น จะหายช้าไหมนี่

"มูมู่ไปเอาสเตรียรอยด์ ทั้งกินทั้งทามาเลยนะ ชั้นจะได้หายไวหน่อย" คงต้องกินเพรดนิโซโลนช่วย นิลลี่คิดในใจไม่งั้นแย่แน่ๆ

ตกเย็นลูกศิษย์ทั้ง 2 ก็มาอย่างพร้อมเพรียงเช่นเดิม

"สัญญาเรื่องเหาเนอะ เดี๋ยวเพิ่มเรื่องตัวคุ่นอีกเรื่อง พอดีพี่โดนคุ่นกัดเต็มสองขาเลย ฮา ฮา ฮา"

"ผะบอหรือ พี่พี่ไม่ขำนะ ผมเคยโดนกัดนี่คันไปเป็นเดือนเลย"

"อะไรนะ ผะบอ"

"พวกเราเรียก คุ่น ตามภาษาของบ้านเราว่า ผะบอครับ คุณหมอ"

"อ้อ ของพี่ เมื่อก่อนเคยโดนครั้งนึงนี่คันไปครึ่งปี เข็ดมาก นี่กินยาทายาแล้วคิดว่าคงหายไวขึ้น"

"อ้าวไหน ตุ๊ดตู่บอกพี่หมอหน่อยว่า เคยเห็นเหาตัวเป็นๆ ไหม"

"เคยครับ เคยไปแกล้งเพื่อนผู้หญิงที่ผมยาวๆ ไปคุ้ยมาได้หลายตัว เอาไปปล่อยไว้บนหัวของเพื่อนผู้หญิงอีกคน ตอนนั้นสนุกมากเพราะทำเพื่อนที่ถูกเอาเหาไปปล่อยไว้ ร้องไห้ใหญ่เลย สุดท้ายโดนคุณครูทำโทษให้ถูห้องเรียนอาทิตย์นึง จำได้ขึ้นใจเลย"

"แล้วจำได้ไหมคะ คุณณัฐ ว่าหมอให้เจ้ามูมู่เตรียมยาชื่ออะไร"

"เพอร์เมทรินครับ"

"ถูกต้องคะ การรักษาที่ถูกต้องต้องใช้ยาตัวนี้นะ หมักผมไว้ 10-30นาที แล้วสระออกหลังจากนั้นทำซ้ำอีกที เมื่อครบ 1 อาทิตย์ งั้นอย่าลืมเตือนพี่นะว่าอาทิตย์หน้าต้องไปหมักผมฆ่าเหาอีก ที่ย้ำว่าให้ใช้ตัวนี้เพราะในตลาดถ้าไปซื้อยาตามร้านโชห่วยก็จะได้ยาอะไรมาไม่รู้ ใช้ไม่ได้ผลหรอก"

"ครับ" ทั้ง 2 ตอบอย่างพร้อมเพรียง

"ส่วนตัวคุ่น เป็นแมลงท้องถิ่นของที่นี่อยู่แล้วเนอะทุกคนรู้จัก เจอตอนเข้าหน้าแล้ง กัดแล้วเป็นตุ่มแดงคันมาก การหายเร็วช้าขึ้นกับแต่ละคน คนเป็นน้อยแค่ทายาสเตรียรอยด์อย่างเดียวไม่เกิน 1 อาทิตย์หาย แต่ถ้าคนเป็นเยอะก็ต้องให้เสตรียรอยด์แบบกินด้วย"

"เครวันนี้เรียนแค่นี้ กินข้าวเย็นด้วยกันไหม ไหนๆ ก็ผจญภัยด้วยกันมา 2 วัน"

"ได้ครับ" ตอบพร้อมกันอีกแล้ว

"เรียนเข้าใจดีเนาะ แล้วต้องเตือนพี่หมอเรื่องอะไรนะ"

"เตือนเรื่องหมักเหาอาทิตย์หน้าครับ คราวนี้ขอถามพี่หมอกลับได้ไหม ตัวคุ่นพวกเราเรียกว่าอะไรนะ"

"ผะ... อะไรนะ ฮา ฮา ฮา ล้อเล่นหน่ะ ผะบอ ถูกไหม"

"นึกว่าแม่หมอจะจำไม่ได้หรือ ไอ้ศิษย์พี่"

เย็นนั้นก็รับประทานอาหารเย็นกันอย่างเหน็ดเหนื่อยและเครียดกับการไปแปลงฝิ่นผิดกฏหมายเข้า

พอทั้ง 2 แยกย้ายกันกลับบ้าน นิลลี่ก็มานั่งเกาตุ่มที่ขาอย่างเมามัน สุดท้ายก็ต้องเรียกให้มูมู่เอายาต้านฮีสตามีนมาให้กิน แล้วก็ง่วงหลับไป เฮ้อแมลงประจำถิ่นก่อกวนซะแล้ว

พอครบสัปดาห์ก็ไปหมักเหาให้เด็กกับผู้หญิงในหมู่บ้านอีกครั้งหนึ่ง ส่วนตุ่มไม่เหลือบวมลามไปทั้งขา คันและเกาไม่หยุดอยู่ทั้งสัปดาห์เลย

ของขวัญจากผู้อ่านคือกำลังใจในการสร้างสรรค์ผลงาน ช่วยส่งกำลังใจให้ไรต์หน่อยนะ!

DrNillycreators' thoughts