"อรุณสวัสดิ์คะ"
เด็กผู้หญิงที่อยู่บนตักผม กล่าวสวัสดีตอนเช้า ด้วยความใส แต่ผมกับรู้สึกแปลกๆบางอย่าง
"ละ แล้ว~ เธอเป็นใครกัน!?"
ผมถามเด็กหญิงด้วยสีหน้าแววตาที่สับสน และมึนงงอย่างถึงที่สุด
ทั้งที่ตัวเธอนั่งทับผมอยู่แท้ๆ แต่ผมกับแทบจะไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของเธอเลย ทั้งที่ตัวก็ไม่ได้เล็กขนาดนั้นแท้ๆ และอีกอย่าง ผมของเธอก็นุ่มมาก เหมือนกับก้อนสำลีเลย และก่อนที่จะได้ทันตอบอะไร ผมก็สังเกตได้ว่าเธอนั้นไม่ได้สวมใส่อะไรเลย มีเพียงผมของเธอที่ปกคลุมเธออยู่
"อ้าาา!!!"
ผมตกใจและก็ตกเตียงในเวลาเดียวกัน
"ธะ ธะ เธอ!! ไม่ได้ ใส่เสื้อผ้าอย่างงั้นหรอ"
เมื่อเธอเห็นผมพูดแบบนั้น หน้าของเธอก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง และเอาผมของเธอมาปิดเอาไว้อย่างช้าๆ และก็พูดปนเขินออกมาว่า
"พะ พะ พอ~ มะ มะ มีอะไรให้หนูใส่ไหมคะ หรือ ถะ ถ้าพี่ชายอยากคุยต่อ สะ สภาพนี้ หนูก็ไม่ว่าหรอกนะคะ"
เธอพูดอย่างนั้นพลางหยิบผมของเธอมาปิดหน้า ผมลนลานมาก และรีบไปหาเสื้อสักตัวมาให้เธอใส่ จากนั้นผมก็ยื่นเสื้อให้เธอ และในขณะที่รอเธอใส่เสื้ออยู่นั้น ผมก็ได้ถามเธออีกครั้งว่า
"สรุปแล้วเธอเป็นใครกัน? ไม่สิเธอเป็นตัวอะไรกันแน่!?" "ฉันเห็นเธอในร่างของเหลวสีดำทุกคืน และจู่ๆมันก็กลายมาเป็นเธอได้ยังไงกัน!?"
"คือมันอธิบายยากนะคะ ถ้าเป็นไปได้หนูก็อยากเล่าให้พี่ชายฟังอยู่หรอกนะคะ"
"'งั้นก็บอกอะไรที่มันง่ายๆก่อนแล้วกัน เช่นเธอเป็นใครหรือตัวอะไรกันแน่!?"
"หนูคือหนึ่งในผู้สืบทอดคะ มีนามว่า Ruby(รูบี้) ผู้สืบทอดสกิล Undying(อันไดอิ้ง)"
เธอแนะนำตัวเธอและบอกชื่อความสามารถของเธอ ผมพยักหน้าตอบรับและตอบกลับเธอไปว่า
"อ๋อ~ เธอเป็นหนึ่งในผู้สืบทอดนี้เอง" "เดี๋ยว!! อะไรนะ!! เธอเป็นผู้สืบทอดอย่างงั้นหรอ!! แล้วเธอจะบอกความสามารถของเธอทำไมล่ะ มันควรจะเป็นความลับของแต่ละผู้สืบทอดไม่ใช่หรอ"
"กะ ก็ พี่ชายถามหนูว่าเป็นใครและตัวอะไรไม่ใช่หรอ ละ และอีกอย่างมันก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรสักหน่อยนิ"
ผมตกใจเมื่อรู้ว่าเธอคือหนึ่งในผู้สืบทอด เลยตะโกนออกไปด้วยความตกใจ และเธอก็ตอบกลับมาด้วยอาการตกใจและสะอื้นในเวลาเดียวกัน
"ขะ ขอโทษทีนะ ไม่ได้อยากทำให้ตกใจ"
ผมกล่าวขอโทษเธอที่อาจจะส่งเสียงดังไปหน่อย แต่ผมก็ไม่ได้เข้าใจความหมายของผู้สืบทอดมากนักหรอก
'เพราะจริงๆแล้ว ผู้สืบทอดนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับคนปกติ และอีกอย่าง พวกเขาแทบไม่เปิดเผยตัวตนออกมาเลย '
"เห้อ~ งั้นไหนๆเธอก็บอกชื่อตระกูลของเธอแล้ว งั้นจะเป็นอะไรไหมถ้าเธอจะอธิบายเพิ่มเติม"
"ดะ ได้คะพี่ชาย ตระกูลแห่งความโดดเดี่ยว Undying(อันไดอิ้ง) หนูเป็นผู้สืบทอดคนแรกของตระกูลคะ ความสามารถก็คือ เมื่อหนูได้รับบาดเจ็บจนถึงแก่ชีวิต บาดแผลทั้งหมดจะได้รับการรักษาในทันที และจะคืนชีพอีกครั้งคะ"
"อย่างงี้นี่เอง ความสามารถก็ตรงตามชื่อเลยสินะ แต่ถึงแม้เธอจะอธิบายตัวเธอให้ฉันฟังก็ตาม แต่ทางนี้ก็จะไม่บอกอะไรกับเธอหรอกนะ"
"คะ หนูทราบดี เพราะสุดท้ายแล้วผู้สืบทอดทั้งหมดจะต้องถูกทำให้เป็นหนึ่งเดียวกัน โดยการเหลือรอดมาเป็นคนสุดท้าย แต่ถึงอย่างนั้นหนูก็ไม่ว่าอะไรพี่ชายหรอกคะ เพราะหนูรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับพี่ชายอยู่แล้วล่ะคะ"
"มะ หมายความว่ายังไงกัน"
"เป็น ความ ลับ คะ"
รูบี้ขยิบตาและชูนิ้วมาไว้ตรงปาก ผมก็ไม่เข้าใจว่าเธอทำอย่างนั้นทำไม หรือเธอพูดจริงไหมเรื่องที่เธอรู้เกี่ยวกับตัวผม ถึงยังไงก็ตาม มันเป็นเรื่องที่อันตรายมากเมื่อมี ผู้สืบทอดสองคนมาเผชิญหน้ากัน เราทั้งคู่เอาแต่จ้องกัน ไม่ขยับไปไหนอยู่พักใหญ่
"คะ คือ ถ้าจะจ้องหนูแบบนี้ มะ มัน ออกจะแปลกๆนะคะ"
"ขะ ขอโทษนะ คะ คือ-"
ก่อนที่ผมจะถามอะไรเธอออกไป เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา ทำให้ผมต้องรับสาย
"ขวัญหรอ ว่าไง" "โอเครพี่จะรีบไป บาย" ผมตัดสายขวัญและหันกลับไปคุยกับรูบี้ต่อ "แล้วเธอจะเอายังไงต่อ"
"หนูตามไปด้วยได้ไหมคะ"
'เอาไงดี แค่มีผู้สืบทอดสองคนในสถานที่เดียวกันก็แย่พอแล้ว ถึงแม้จะสู้กันตรงนี้ไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เนื่องด้วยความสามารถ อันไดอิ้ง ของเธอ มันโกงจนไม่รู้จะเอาชนะยังไงเลย และอีกอย่างความสามารถของฉันตอนนี้ ต่อให้สู้กับคนที่ไม่ได้เป็นอมตะก็จัดอยู่ว่า เป็นความสามารถที่ไร้ประโยชน์ที่สุดในหมู่ผู้สืบทอดเลยก็ว่าได้ ทำยังไงดีนะ!!'
ผมครุ่นคิดอยู่พักนึง ก่อนจะรู้ตัวอีกทีว่า ผมได้พาเธอมาที่ร้านแล้ว
"มาสายนะคะวันนี้ ไม่ทราบว่าในร้านมีกฎที่หักเงินเดือนเจ้าของร้านไหมค่ะ"
เสียงขวัญดังขึ้นเมื่อเห็นผม
"ฮ่าาา ฮ่าา ฮ่า~ ถ้ามีฉันคงล้มละลายไปแล้วละ"
ผมขำประชดใส่ขวัญไป และก่อนที่จะได้แนะนำรูบี้ให้รู้จัก ขวัญก็ดันทักมาก่อนว่า
"โห้~ ใครค่ะเนี้ย น่ารักจังเลย เหมือนลูกครึ่งเลยคะ อย่าบอกนะว่า เป็นลูกของพี่หรอค่ะ"
"ปะ ป่าวนะ!! เธอเป็น อ่าา~ เธอเป็น-"
"หนูเป็นญาติห่างๆกับพี่ชายนะคะ พอดีคุณแม่เขาฝากหนูไว้กับพี่ชายพักนึงคะ"
รูบี้ตอบแทนผม ที่กำลังจะคิดหาทางออกที่ดีที่สุดอยู่
"ญาติหรอ? ถึงแม้หน้าตาจะไม่คล้ายกันเลยก็เหอะ แต่ก็น่ารักดีนะคะเนี้ย"
ขวัญพูดชมรูบี้สักพักนึง ผมก็พึ่งสังเกตได้ว่า ทำไมขวัญถึงไม่ทักเรื่องผมที่ยาวลากพื้นของเธอกันนะ และเมื่อผมหันไปมองรูบี้ ผมก็ตกใจจนเหงื่อตก
"หะ หายไป!"
ผมของรูบี้ที่ยาวราวๆสามเมตร ตอนนี้มันสั่นลงจนเหลือแค่เมตรเศษๆ
'เกิดอะไรขึ้นนะ หรือนี้เป็นความสามารถของเธอกันแน่ ไม่สิเท่าที่ฟังเธออธิบายมา ถึงแม้จะไม่ได้เชื่อเธอทั้งหมดก็เถอะ แต่เท่าที่รู้ก็คือ ส่วนใหญ่ความสามารถของผู้สืบทอดนั้น จะเกี่ยวข้องหรือมีความสอดคล้องกับชื่อตระกูลหรือชื่อความสามารถ อันไดอิ้ง อย่างงั้นหรอ หรือว่าเธอโกหกเรากันนะ อันตรายอย่างที่คิดจริงๆด้วยที่พาเธอมาที่นี่'
ในขณะที่ผมกำลังคิดตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรดีนั้น รูบี้ก็หันมาพร้อมรอยยิ้ม ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ได้แต่ดูสถานการณ์ไปเรื่อยๆ และหวังว่าจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
เวลาก็ได้ผ่านไปจนกระทั่งปิดร้าน และขวัญได้เดินทางกลับบ้านเป็นที่เรียบร้อย เหลือไว้เพียงชายหนุ่มกับเด็กหญิงท่ามกลางความมืดมน มีเพียงแต่แสงไฟสีขาวนวลของเสาไฟ ลมก็พัดใบไม้แห้งตามพื้น ทำให้เกิดเสียงเบาบางไปทั่ว อากาศก็เริ่มหนาวเย็น ช่วยให้บรรยากาศกลางมหาลัยดูสยองขวัญขึ้นไปอีก และทันใดนั้นเอง
"ปัง!!!"
อยู่ๆเสียงปืนก็ดังขึ้น และในขณะเดียวกันนั้น
"รูบี้!!!" "ปะ เป็นอะไรไหม?"
รูบี้ถูกยิง ต่อหน้าผม แม้ว่าผมจะเข้าไปรับตัวเธอไว้ ก็ไม่สามารถกันกระสุนนั้นไว้ได้
"รูบี้!!! รูบี้!! เป็นอะไรหรือป่าว"
ผมนั่งเรียกเธออยู่อย่างนั้น
"ปัง!!!"
เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง
"ไม่ยอมหรอกน่า!!!"
ผมได้ดีดก้อนกวดตรงพื้นให้กระเด็นไปทาง ที่เสียงปืนนั้นดังขึ้น ทำให้นัดนั้นพลาดจากตัวผมไป แต่ก็ยังกระเด็นเฉียดโดนแก้มผมอยู่ดี
'แย่แล้วสิ รูบี้ก็สลบอยู่ด้วย แต่จะทิ้งเธอไว้อย่างงี้ก็ไม่ได้ ต้องหาที่ซ่อนก่อน'
ผมได้วิ่งเข้าไปที่ตึกคณะสถาปัตย์ที่อยู่ใกล้ๆ และรีบวิ่งเข้าไปจุดอับเพื่อจำกัดวิธีกระสุน และหลังจากนั้นผมได้ซ่อนรูบี้ไว้ที่ห้องเรียนในคณะ แล้วค่อยวิ่งขึ้นไปชั้นอื่นเพื่อหาตัวมือปืน
"เจ้าพวกวัยรุ่นทั้งหลาย อย่าทำให้มันยาก และออกมาดีกว่าน่า!!"
จู่ๆมือปืนก็ตะโกนขึ้นมา ทำให้ผมตกใจจนไปชนกับแจกันข้างบันได แต่ผมเอามือคว้ามันไว้ทันก่อนที่มันจะตกแตก แต่จู่ๆก็
"พวกแกอยู่ที่ชั้น2นี่เอง ไม่ต้องหนีหรอก สุดท้ายแล้ว พวกแกก็ตายอยู่ดี"
ผมรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย ว่าทำไมเจ้านั้นถึงรู้ตำแหน่งของผม ทั้งที่ก็ไม่ได้มีเสียงอะไรเลย
'เจ้านั้นรู้ได้ยังไงนะว่าเราอยู่ชั้นบน ทั้งที่ทั้งตึกนี่มันก็ไม่ได้เปิดไฟเลยแท้ๆ และฉันก็ไม่ได้ส่งเสียงอะไรเลยด้วย ทำไมกันนะ!'
หลังจากที่มือปืนรู้ถึงตำแหน่งของผมแล้ว ผมก็ได้รีบวิ่งขึ้นไปชั้นต่อไปเรื่อยๆ และก็มีเสียงฝีเท้าวิ่งตามมาอย่างติดๆ
"ทางตันแล้วสินะ เจ้าหนู แล้วไปเอาเจ้าเด็กน้อยที่เป็นผู้สืบทอดเอาไว้ไหนแล้วละ"
"อะไรนะ!!? นี่แก! อย่าบอกนะว่า แกก็เป็นผู้สืบทอดนะ!?"
"เออถูกต้องแล้ว ฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่า แกเป็นใคร แต่การที่แกรู้เรื่องผู้สืบทอดเนี้ย ก็แสดงว่าแก ก็เป็นสินะ ผู้สืบทอดนะ!!!"
เราวิ่งไล่กันมาจนถึงด้านฟ้าของตึก
'ทำยังไงดี เท่าที่คิดออกไม่ว่าจะตอบแบบไหน ฉันก็ต้องตายอยู่ดี แต่ว่า' อยู่ๆหน้าของรูบี้ก็พรุดเข้ามาในหัว 'ถ้าเป็นอย่างนี้ก็คงตายไม่ได้แล้วสินะ'
"ใช่!! ฉันคือหนึ่งในผู้สืบทอด ตระกูลแห่งการหลอกลวง Recall(รีคอล)"
ตระกูลแห่งการหลอกลวง ปะทะกับ มือปืนปริศนาผู้ที่อาจเป็นหนึ่งในผู้สืบทอด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นศึกนี้เดิมพันด้วยชีวิต
ตอนนี้สถานการณ์กำลังดุเดือดอย่างมาก และกำลังเข้าสู่การต่อสู้ที่จริงจัง มาร่วมเป็นกำลังใจให้เขากันเถอะ
ผมอยากได้ feedback จากทุกท่านนักอ่านทั้งหลาย เพื่อช่วยให้ผมสามารถพัฒนางานได้ดีมากขึ้น ขอบคุณครับ