ตอนที่ 1285 ผู้สืบทอดของบรรพบุรุษหมื่นมังกร
กู่ฉิงซานเปลี่ยนรูปลักษณ์ขณะยืนอยู่ใต้เมือง
เมืองแห่งความว่างเปล่า
มีโลกนับไม่ถ้วนอยู่ในความว่างเปล่า บุคคลทรงพลังหลายร้อยล้านคนต่างมาที่นี่ด้วยความจริงใจ
นี่คือเมืองขนาดใหญ่
ภายใต้ราตรี กำแพงเมืองสีดำราวเหล็กกล้ามุ่งตรงสู่ท้องนภาไม่มีจุดสิ้นสุด
กู่ฉิงซานมองเห็นเพียงยอดกำแพงเมืองสูงตระหง่านเหนือทะเลหมู่เมฆแม้ว่าจะใช้จิตเทพก็ตาม
ตอนนี้ ที่ยอดกำแพงเมืองส่วนหนึ่ง ยานอวกาศยาวหลายร้อยเมตรจอดอยู่ตรงสุดขอบ ยอดฝีมือจำนวนมากง่วนอยู่กับการขนของลงจากยานอวกาศ
กู่ฉิงซานตกตะลึงที่ได้เห็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับนภายามค่ำอยู่ในกลุ่มขนของเช่นกัน
ระดับพลังขนาดนั้นแต่ยังต้องมาขนของด้วยหรือ
กู่ฉิงซานกวาดมองของเหล่านั้น
ของล้วนเป็นซากปรักหักพังที่ไม่รู้จัก บางอย่างไม่ตอบสนองหลังจากถูกยกขึ้นมา บางอย่างเจาะเข้าสู่ร่างมนุษย์โดยตรง
มีอัญมณีระเบิดจากอากาศบางก่อนกลายเป็นภูตผีโดดเดี่ยว มันสังหารคนถ่ายทันทีก่อนเริ่มกลืนกินซากศพ
คนขนของคนอื่นร่วมมือกันสังหารภูตผีทันที
คนขนของทุกคนจะต้องพึ่งวิชาตัวเองเพื่อยับยั้งของที่ยังไม่ถ่ายก่อนจึงจะสามารถขนของต่อได้
นี่คืองานที่อันตรายจริง ๆ
ความคิดของกู่ฉิงซานนิ่งไปสักพัก มันดึงความสนใจของผู้ฝึกยุทธ์ระดับนภายามค่ำ
ผู้ฝึกยุทธ์ระดับนภายามค่ำปลดปล่อยจิตเทพจนพบจิตเทพของอีกฝ่ายมีความผันผวนแรงกล้าจนมั่นใจได้ว่าเป็นปรมาจารย์ระดับขุนเขาเซียวหมี จากนั้นจิตสังหารจากร่างของเขาหายไป
เขาส่งกระแสจิตออกไป “ขอแนะนำหนึ่งอย่าง อย่าใช้จิตเทพเพื่อตรวจสอบผู้คนหลังจากเข้าเมืองแล้ว ไม่อย่างนั้นเจ้าจะพบกับทางตัน”
หลังจากพูดจบ เขาร่ายวิชาอย่างไม่ใส่ใจ
กู่ฉิงซานเพียงรู้สึกถึงความเจ็บปวดตรงหว่างคิ้วก่อนมองไม่เห็นฉากเหนือทะเลเมฆอีก
จิตเทพถูกทำลาย
“เอ่อ… ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย” เขากล่าวอย่างแผ่วเบา
มนุษย์หมาป่าที่อยู่ข้างหน้าชำเลืองมองเขาก่อนถามอย่างไม่พอใจว่า “เจ้าหมายถึงข้างั้นหรือ”
“เปล่า” กู่ฉิงซานปฏิเสธทันที
มนุษย์หมาป่าชำเลืองมองเขาก่อนหันหลังกลับ
กู่ฉิงซานเดินตามแถวยาวเข้าไปในเมือง
ความจริง ความเร็วของการเข้าเมืองนับว่าไว ทุกสิบนาที ใครบางคนจะออกมาเพื่อนำกลุ่มคนผ่านประตูเมือง
ไม่ช้าก็ถึงตาของกู่ฉิงซาน
เขาเห็นยามเฝ้าประตูเมืองกำลังใกล้เข้ามาก่อนตะโกนอย่างหงุดหงิดว่า “อีกสักครู่ข้าจะพาไปที่ประตูเมืองเพื่อเข้าเมืองด้วยหมัดเดียว ถ้าพวกเจ้าทนไม่ได้ก็ต้องตาย ถ้าศพถูกทิ้งไว้ตรงจุดนั้น มันจะถูกใช้เป็นปุ๋ยในภายหลัง พวกเจ้าได้ยินชัดเจนหรือไม่ ถ้าชัดเจนแล้วรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมาก็ไสหัวไปจากที่นี่ซะ!”
กลุ่มคนตามทหารยามไปที่ประตูเมือง
มนุษย์หมาป่ามองกู่ฉิงซานก่อนเผยรอยยิ้มกว้างออกมา มันกล่าวว่า “ช่างเปราะบางยิ่งนัก ทำไมถึงรีบรนหาที่ตายล่ะ”
“เริ่มได้!” ทหารยามตะโกน
แสงสีเขียวกวาดผ่านทุกคนอย่างรวดเร็ว
“ตุบ!”
กู่ฉิงซานรู้สึกเพียงว่าถูกต่อยเล็กน้อย
พละกำลังนี่… นับว่าธรรมดา
วินาทีต่อมา
มนุษย์หมาป่าถูกต่อยด้วยแสงจนลอยออกไป มันตกลงสู่พื้นจนถึงแก่ความตาย
นอกจากนั้น มีห้าถึงหกคนตายเช่นกัน
ทหารยามจำนวนมากก้าวมาข้างหน้าเพื่อลากศพไป
ทหารยามที่ตะโกนเมื่อครู่โบกมือแล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ คนที่รอดถือว่าผ่านการทดสอบพละกำลังระดับต่ำสุด อย่าลืมเปลี่ยนเหรียญด้วยล่ะ”
กู่ฉิงซานตามทุกคนเข้าสู่ประตูเมือง
เห็นได้ชัดว่าวิธีการเข้าโลกวิญญาณชั่วร้ายเข้มงวดมาก เพราะอย่างนั้นวิญญาณดาบวิญญาณชั่วร้ายจึงไม่มั่นใจว่าจะให้เขาเข้าไปดีหรือไม่
ว่ากันว่านี่คือโลกการค้าขนาดใหญ่ มันอยู่ใกล้โลกวิญญาณชั่วร้ายมาก เพราะอย่างนั้นวิญญาณดาบวิญญาณชั่วร้ายจึงเคลื่อนย้ายพริบตามาที่นี่
กู่ฉิงซานครุ่นคิดเงียบ ๆ ไม่ช้าก็มาถึงสถานที่ที่แลกเหรียญ
สัตว์ประหลาดที่ดูเหมือนกันคางคกออกมาเผชิญหน้ากับกลุ่มคนเพิ่งผ่านบททดสอบเข้าเมือง
“ข้าจะอธิบายให้ฟัง”
“เหรียญในเมืองแห่งความว่างเปล่าล้วนเลียนแบบมาจากชิ้นส่วนที่สามของ ‘สิ่งที่ใช้ส่งผ่าน’ ในตำนาน แต่ละเหรียญเต็มไปด้วยพลังเหนือธรรมชาติ”
ใครบางคนขัดขึ้น “เหมือนกับเหรียญในพื้นที่จ้าวโลกของโลกเก้าร้อยล้านชั้นงั้นหรือ”
กบมองเขาแล้วตอบว่า “เหรียญของที่นั่นเลียนแบบมาจากชิ้นส่วนที่ห้าของ ‘สิ่งที่ใช้ผ่าน’ ซึ่งแตกต่างจากพวกเรา จำเอาไว้ เหรียญของพวกเขาไม่สามารถใช้ที่นี่ได้!”
หลังจากพูดจบ มันเดินกลับไปนั่งแล้วโบกมือ “เข้ามาทีละคน นำของออกมาเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินกับข้า”
“อย่าหาว่าข้าไม่เตือน หลังจากเข้าเมืองแห่งความว่างเปล่าแล้ว เป็นการยากที่จะทำอะไรหากไม่มีเงิน”
ทุกคนเข้าแถวเพื่อแลกเหรียญทีละคน
กู่ฉิงซานตกสู่ห้วงความคิด
เหรียญมิติและเวลามีรายชื่อยาวเหยียด หนึ่งในนั้นคือ “เศษเสี้ยวของเส้นทาง”
คาดไม่ถึง ยังมี “เศษเสี้ยวของสิ่งที่ใช้ส่งผ่าน”
แต่สิ่งที่เป็นสากลนี้คืออะไร
มันจะนำไปที่ใด
ขระที่กำลังคิดก็เกิดความโกลาหลขึ้นตรงหน้า
คางคกสังหารตัวตนคล้ายภูตผี
“จำไว้ ข้าลืมบอกพวกเจ้าไปหนึ่งสิ่ง”
คางคกส่งสัญญาณให้ทหารยามจำนวนมากมาลากภูตผีออกไปแล้วกล่าวต่อว่า “อย่ากล้าเข้าเมืองโดยมีเงินไม่เพียงพอ มันเสียเวลาการทำงานของพวกข้า นี่เป็นอาชญากรรมของการหลอกลวงข้าราชการ มีแต่ต้องถูกฆ่า!”
ใครบางคนตะโกนด้วยความไม่เต็มใจว่า “ถ้าไม่มีเงินก็เข้าเมืองไม่ได้งั้นหรือ นี่มันกฎบ้าอะไรเนี่ย!”
อีกคนกล่าวเสียงดังว่า “ใช่ ข้าได้ยินมาว่าเมืองแห่งความว่างเปล่าจ้างคนมีพรสวรรค์มากมาย ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องต้องพกเงินเป็นจำนวนมากมาก่อน!”
คางคกเผยรอยยิ้มเย็นชาแปลกประหลาดออกมา “เงินคือหน่วยขั้นต่ำที่สุดที่ใช้วัดคุณค่าของพวกเจ้า หากไม่มีเงินก็จะกินไม่ได้ แบบนั้นยังจะมีคุณสมบัติไปพูดเรื่องอื่นอีกหรือ”
“ถ้าพวกเจ้าไม่มีแม้แต่เงิน หลังจากเข้าเมืองแห่งความว่างเปล่าแล้ว พวกเจ้าก็มีแต่ต้องกลายเป็นซากศพให้กับเมือง”
“หรือจะลองท้าทายข้าดูก็ได้ ผู้ที่ชนะย่อมสามารถเข้าเมืองได้ ส่วนผู้ที่แพ้ก็ต้องขอแสดงความเสียใจด้วย”
“คนต่อไป!”
ในกลุ่มคน คนต่อไปที่เข้าเมืองคือคนรวย คนคนนั้นแลกเงินกับคางคกสักพัก ใบหน้าของเขาค่อย ๆ เปี่ยมด้วยรอยยิ้ม
เมื่อคนคนนี้เข้าเมือง คางคกยืนขึ้นแล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า “เดินช้า ๆ ”
“หึ หวังว่าที่นี่จะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง” ผู้ชายกล่าวอย่างเย็นชา
คางคกไม่โกรธ มันยิ้มออกมาแล้วกล่าวว่า “อย่าห่วงไปเลย ไม่ว่าจะข้อมูลการต่อสู้ระหว่างหุบเหวนิรันดร์กับโลกวิญญาณชั่วร้าย ซื้อวิชาภูตโด่งดังหรือตามหาสัตว์ประหลาดแห่งความว่างเปล่าที่ทรงพลัง ขอแค่มีเงินจ่ายไหวก็ได้มาครอบครอง”
“อืม ถ้าแบบนั้นก็ดี” ผู้ชายจากไปอย่างพึงพอใจ
กู่ฉิงซานตกอยู่ในห้วงความคิด
เขาแค่อยากผ่านที่นี่ จากนั้นก็รีบไปโลกวิญญาณชั่วร้าย…
ตอนนี้ดูท่าจะมีค่าให้อยู่ที่นี่แล้ว
เขาตัดสินใจก่อนรีบคิดว่าเขามีของมีค่าอะไรบ้าง
…เอ่อ…
เขามีกำไลจากเจตจำนงภูตผีชางอู๋จาง
มีของดีมากมายอยู่ในนั้น แต่ในโลกนี้อยู่ใกล้โลกวิญญาณชั่วร้ายมากเกินไป ของเหล่านี้อาจจะสร้างปัญหาได้
พูดง่าย ๆ ในบรรดาโลกต่าง ๆ มีวิชามากมายที่สามารถตามรอยที่มาจากของได้
เพื่อความปลอดภัย อย่าเอาของพวกนี้ออกมาง่าย ๆ ดีกว่า
ถ้างั้นก็ต้อง
“เอาล่ะ คนต่อไป” คางคกส่งเสียงตะโกนอย่างหงุดหงิด
กู่ฉิงซานก้าวมาข้างหน้า
“สวัสดี”
“สวัสดี มีเท่าไหร่ล่ะ”
“ข้าขอเลือกสู้”
“เจ้าหมายความว่า… จะท้าทายข้างั้นหรือ” ดวงตาของคางคกค่อย ๆ หรี่ลง
กู่ฉิงซานยิ้มแล้วตอบว่า “ทุกสิ่งบนตัวข้าเป็นประโยชน์ ถ้าหากไม่สามารถมอบให้ได้ก็มีแต่ต้องสู้กันเท่านั้น”
คางคกมองเขาอย่างสงบ ทันใดนั้น ในใจก็เกิดลังเลขึ้นมา
ขระหยิบแว่น คนอื่น ๆ ต่างจับตาดูว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งแค่ไหน
เด็กคนนี้มีชุดคลุมที่ดี มันช่วยปกปิดพละกำลังเอาไว้ ทำให้ยากต่อการตัดสิน
คางคกต้องหยิบแว่นตามาสวม
“เอ่อ… ค่าพลังต่อสู้ไม่เลว” มันลอบกล่าวในใจ
คางคกกล่าวว่า “เจ้าพวกสารเลว แต่ละคนดุร้ายทั้งนั้น นี่อยากเข้าไปฆ่าคนในเมืองงั้นหรือ”
มันหยิบเหรียญทองแดงจำนวนหนึ่งมาวางตรงหน้ากู่ฉิงซาน
“นี่อะไร” กู่ฉิงซานไม่เข้าใจ
“เมืองนี้รับสมัครคนมีพรสวรรค์จากทั่วทุกสารทิศ สำหรับนักฆ่าเช่นเจ้า เจ้าก็ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานการสรรหาคนที่มีพรสวรรค์ ตามกฎของเมืองนี้ เจ้าจะได้รับค่าธรรมเนียมการตั้งถิ่นฐานเล็กน้อยด้วย” คางคกตอบด้วยน้ำเสียงเดือดดาล
“โห ของดีเลยนี่” กู่ฉิงซานยิ้ม
เขาเอื้อมมือไปหาเงินบนโต๊ะ
“ช้าก่อน นอกจากค่าธรรมเนียมการตั้งถิ่นฐานแล้ว ยังมีค่าธรรมเนียมการคัดระดับผู้มีพรสวรรค์ด้วย” คางคกกล่าว
“แล้วเจ้ารู้ได้ยังไงล่ะ” กู่ฉิงซานถามด้วยความสนใจ
คางคกตอบว่า “ข้าเพียงตัดสินพละกำลังของเจ้าได้ลาง ๆ เท่านั้น หากเต็มใจขอให้ข้าตรวจสอบประสิทธิภาพการต่อสู้ของเจ้า ข้าสามารถรู้ได้เลยว่าควรจะจ่ายให้คนที่มีพรสวรรค์เช่นเจ้าเท่าไหร่”
เมื่อกล่าวถึงตรงนั้น มันหยิบเครื่องมือขนาดเล็กที่คล้ายกับกล้องออกมาก่อนส่งสัญญาณให้กู่ฉิงซานสองครั้ง
กู่ฉิงซานรับมาก่อนกล่าวอย่างมีความสุขว่า
“เอาสิ ลองตรวจสอบดู”
เขาไม่เคยปฏิเสธเงินที่ได้รับจากคนอื่นมาก่อน
“พร้อมนะ ยิ้ม”
คางคกยกกล้องขึ้นก่อนถ่ายกู่ฉิงซาน
บางสิ่งคล้ายกับภาพถ่ายหลุดออกมาใต้กล้อง
คางคกถือภาพถ่ายแล้วมองดู
หลังจากนั้น
“โอ้!”
คางคกตะโกน ยืนขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหยิบกระเป๋าเงินขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากด้านหลัง
“นายท่าน ท่านคือผู้มีพรสวรรค์สูงสุด ข้าขอต้อนรับท่านในฐานะตัวแทนเมืองแห่งความว่างเปล่า”
มันคำนับขณะนำกระเป๋าเงินวางบนโต๊ะด้วยมือทั้งสองข้าง
กระเป๋าเงินสัมผัสโต๊ะ มีเสียงกรุ้งกริ้งหมองหม่นน่ายินดีดังชัดเจน
“นายท่าน เชิญเข้าได้เลย”
คางคกโค้งตัวก่อนผายมือให้
กู่ฉิงซานรับกระเป๋าเงินก่อนพยักหน้าให้มันแล้วเดินเข้าเมืองไป
ด้านหลังของเขา ทุกคนมอง “ภาพถ่าย” ด้วยความสงสัย
กระดูกสีขาวหนึ่งคู่ปรากฏบน “ภาพถ่าย” ภาพศีรษะมนุษย์ที่มีร่างเป็นงูมีตัวอักษรขนาดเล็กสองสามแถวอยู่ข้างล่าง
“ยอดฝีมือที่ฆ่าสัตว์ประหลาดเมื่อไม่นานมานี้: ไม่ทราบตัวตน ระดับ: sss”
“ชื่อของยอดฝีมือปรากฏขึ้นมาแล้ว หนึ่งในชื่อดังกล่าวเป็นที่รู้จักในฐานะ”
“ผู้สืบทอดบรรพบุรุษหมื่นมังกร”
………………………………………………..