ตอนที่ 963 มังกรมารออกโรง
ไม่ว่ากู่ฉิงซานจะปฏิเสธอย่างไร ลอร่ายืนกรานว่าเขาต้องใช้ซากแขน
นางถึงขั้นบอกล่าวกับกู่ฉิงซานว่าหากเขาไม่ใช้ นางจะโยนซากแขนเข้ากระแสวังวนความว่างเปล่า
กู่ฉิงซานไม่มีทางเลือกนอกจากรับข้อเสนอนาง
เขาถือซากแขนเอาไว้ แถวหิ่งห้อยยังคงปรากฏขึ้นบนหน้าต่างระบบเทพสงคราม
“ของแปลกประหลาด: มือแห่งมิตรภาพ (มีเพียงสองข้าง: เพราะยังมีแขนอีกข้างหนึ่ง)”
“ไอเท็มนี้สามารถเข้าใจความปรารถนาของผู้ถือได้ คาดการณ์สภาพแวดล้อมที่ผู้ถือจะเผชิญได้และข้ามขีดจำกัดของมิติเพื่อช่วยผู้ช่วยเหลือร่วมกัน”
“จำนวนครั้งที่ใช้ได้หนึ่งต่อสองครั้ง”
“ขั้นตอนการใช้”
หนึ่ง หยิบมันขึ้นมา
สอง ใช้มันจับความว่างเปล่า
สาม จับผู้ช่วยเหลือร่วมกันที่อยู่ในสภาพความเป็นความตายในมิติที่เขาอยู่
กู่ฉิงซานลอบประหลาดใจ
สิ่งนี้มีสามหน้าที่ หนึ่งในนั้นสามารถข้ามขีดจำกัดของมิติเพื่อช่วยคนได้
ระบบลี้ลับนับว่าทรงพลังแล้ว แต่ความแปลกประหลาดและสงสัยใคร่รู้ยังอยู่เหนือกว่าพวกมัน
เพียงแต่สิ่งที่อยู่ทางฝั่งแปลกประหลาดหายากจนไม่ค่อยได้พบเห็น
“จะใช้สิ่งนี้ได้อย่างไร มันยากหรือเปล่า?”
หลินยืนอยู่ด้านข้างขณะถามด้วยความสนใจ
กู่ฉิงซานมองแถวหิ่งห้อยบนหน้าต่างระบบเทพสงครามแล้วตอบว่า
“ดูเหมือนจะไม่ยาก”
หลังจากพูดจบ เขาจับปลายซากแขนก่อนให้มันคว้าในความว่างเปล่า
แขนพุ่งไปในความว่างเปล่าก่อนกลับมา
แต่มันไม่ได้คว้าอะไรมา
ทั้งสามรู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อย
“นี่ ทำไมเจ้าถึงไม่คว้าผู้ช่วยเหลือมาสักคนเลยล่ะ” ลอร่าอดที่จะถามไม่ได้
“ทำแล้ว ข้าเพิ่งคว้าคนที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายมา เขาตายทันที ฉะนั้นข้าก็เลยปล่อยไป” ซากแขนตอบ
“พึ่งพาไม่ได้เลย” กู่ฉิงซานกล่าวด้วยความผิดหวัง
ดวงตาบนซากแขนเบิกกว้างก่อนแย้งว่า “เจ้าหนู เจ้าน่าจะรู้ข้อบกพร่องตัวเองนะ”
“รู้ข้อบกพร่องตัวเองหรือ” กู่ฉิงซานถาม
ซากแขนกล่าวอย่างจนใจว่า “มันยากนักที่จะตามหาผู้ช่วยเหลือร่วมกันที่เหมาะกับคนอย่างเจ้าได้”
“แล้วต้องทำอย่างไรล่ะ” กู่ฉิงซานถามอย่างจนใจเช่นกัน
“ขอเวลาข้าดูหน่อย ข้าต้องจับตาดูให้ดี”
ดวงตาบนซากแขนมองไปในความว่างเปล่า ดวงตายังคงขยับราวกับกำลังสังเกตโลกมากมาย
ทันใดนั้น มันร้องออกมา
“เร็ว พยายามคว้าอย่างสุดความสามารถอีกครั้ง ข้าพบสหายแสนดีของเจ้าคนหนึ่งแล้ว แต่เขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายมากและกำลังจะตาย”
กู่ฉิงซานรีบถือซากแขนก่อนให้มันดึงไปในความว่างเปล่าอีกครั้ง
หลังจากได้รับบทเรียนจากคราวที่แล้ว เขาถึงขั้นใช้วิชาดาบในคราวนี้เพื่อคว้าคนที่กำลังจะถูกสังหารอย่างรวดเร็ว
ซากแขนกวาดไปทั่วความว่างเปล่า
กู่ฉิงซานพลันรู้สึกถึงน้ำหนักบนแขนที่ถือไว้
“คว้ามัน!”
เขาพ่นลมออกจมูกก่อนดึงซากแขนด้วยมือทั้งสองข้างจนกระเด็นถอยกลับมา
ในเวลาเดียวกัน
โลกเก้าร้อยล้านชั้น
พื้นที่ควบคุม
โลกที่ถูกทำลายบางส่วนสักแห่งใกล้พื้นที่จ้าวโลก
วิญญาณกรีดร้องเคลื่อนลงมาจากท้องนภา
ทั่วโลกยังคงสั่นสะเทือนและพังทลาย
ภายใต้การโจมตีอย่างต่อเนื่อง โลกเริ่มถูกทำลายอย่างสมบูรณ์
“เมื่อเผชิญหน้ากับความโกลาหลไม่มีสิ้นสุด แม้แต่ท่านก็มีแต่ต้องพบทางตันเท่านั้น” วิญญาณกรีดร้องกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
ตรงข้ามเขา ผู้ชายคุกเข่าข้างหนึ่งลงมาก่อนเช็ดโลหิตจากมุมปากออก
เขากล่าวอย่างสงบว่า “น่าเสียดายที่ร่างข้าไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่อย่างนั้น”
วิญญาณกรีดร้องกล่าวอย่างไม่ยินดีว่า “ท่านไม่มีโอกาสหรอก ข้าได้รับพลังโกลาหลมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อให้ร่างท่านมาจากก้นบึ้งหุบเหวไม่มีสิ้นสุด ข้าก็ไม่หวาดกลัวท่านอีกต่อไปแล้ว”
“ทีนี้ตายได้แล้ว!”
พลังไม่มีสิ้นสุดระเบิดออกจากมัน
ความว่างเปล่าบิดเบือนก่อนกระจายไปทั้งสองฝั่ง
ในสายลมที่โหมกระหน่ำ การโจมตีของพลังโกลาหลสุดกำลังปรากฏ!
ผู้ชายถอนหายใจ ดวงตาคมปลาบ
แม้กระทั่งวินาทีสุดท้ายก็ต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้!
เขาทุ่มเทอย่างสุดกำลัง
‘ตูม!’
พลังมหาศาลของความโกลาหลพุ่งออกไปกระแทกทั่วร่างของเขาลงกับพื้นจนเกินกว่าจะต้านทานไหว
ตอนนี้ ซากแขนประหลาดพลันยื่นออกมา คว้าผู้ชายเอาไว้มั่นก่อนหายไปจากโลกใบนี้
“ไม่”
วิญญาณกรีดร้องคำรามอย่างเกรี้ยวกราด
มันเกือบจะเคลื่อนลงถึงพื้นแล้ว
แต่ไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น
มีเพียงผลพวงจากความผันผวนวิญญาณเท่านั้นที่ยังกระจายอยู่ทุกทิศทาง
วิญญาณกรีดร้องหมอบลงอย่างรวดเร็ว มันหลับตาเพื่อสัมผัสความผันผวนในมิติ
“ใกล้กับพื้นที่เอกฐาน…”
“ไกลเกินไป” วิญญาณกรีดร้องกล่าวอย่างเสียดาย “ไม่ ข้าอยากไปพื้นที่จ้าวโลกเพื่อทำลายบัญญัติก่อน นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด!”
มันยืนขึ้น ทะยานขึ้นในอากาศก่อนออกจากโลกที่พังทลายไป
…
อีกด้านหนึ่ง
‘ตูม!’
เงาสีดำตกลงกับพื้น
คนสามคนล้อมเข้ามาเพื่อมุงดูผู้ชายที่เต็มไปด้วยฝุ่น
บาดแผลบนร่างของชายคนนั้นน่าตกตะลึง ตอนนี้เขาอยู่ในอาการสาหัส
ซากแขนถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนกล่าวอย่างยินดีว่า “ดีล่ะ เขายังมีลมหายใจเฮือกสุดท้ายอยู่ เพราะเขายังมีตัวตน ดังนั้นขอแค่ไม่ใช้พลังมาโจมตีใส่ เขาก็จะดีขึ้นอย่างช้าๆ ”
“ธุระของข้าเสร็จแล้ว ลาก่อน”
ซากแขนโบกมือให้กู่ฉิงซาน ลอร่าและหลิน
มันทะยานขึ้นท้องนภาก่อนหายไปจากสายตาของทั้งสาม
พวกเขาทั้งสามหันสายตากลับมามองที่พื้น
ผู้ชายคล้ายกับเพิ่งถูกกระแทกออกจากซากปรักหักพัง ทั้งตัวเต็มไปด้วยอิฐปูน ทำให้มองไม่เห็นใบหน้าแม้แต่นิดเดียว
“หมอนี่ใครน่ะ” ลอร่าถาม
“เจ้าไม่รู้ แล้วข้าจะไปรู้ไหม” กู่ฉิงซานถามกลับ
เขาเอื้อมมือออกไปเพื่อใช้วิชา
วิชาชะล้าง
ฝุ่นทั้งหมดบนร่างของผู้ชายปลิวหายในความว่างเปล่านอกยานอวกาศต้นไม้หนามโบราณ
รูปลักษณ์และชุดของผู้ชายปรากฏตรงหน้าของทั้งสามชัดเจน
หลินมองรูปลักษณ์ของผู้ชาย ทันใดนั้นก็ตกตะลึง
“ทำไมถึงดูเหมือนในข่าวลือเลยนะ…”
นางพึมพำ คุกเข่าลงแล้วตรวจสอบผู้ชายอย่างละเอียด
ร่างกายไม่มีปัญหา
นี่คือมนุษย์เพศชายธรรมดาที่มีทรงผมทันสมัยกับแว่นตากรอบดำตรงสันจมูก
เขาเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร
แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือพละกำลังอันน่าสะพรึงของอีกฝ่ายต่างหาก ทำไมเขาถึงถูกอัดแบบนี้ได้
ใช่ มันเป็นไปไม่ได้
หัวใจของหลินผ่อนคลายลงช้าๆ
กู่ฉิงซานเริ่มตรวจสอบบาดแผลของผู้ชาย
“อืม…บาดแผลสาหัสเล็กน้อย แต่ซากแขนบอกว่าเขาจะไม่ตาย ดังนั้นข้าจะรักษาบาดแผลของเขาก่อน”
กู่ฉิงซานกล่าว
ตอนนี้บนอวกาศต้นไม้หนามโบราณพลันสั่นไหวก่อนจอดนิ่งกับที่
บางสิ่งคล้ายกับขวางเส้นทางที่ถูกกำหนดไว้ของยานอวกาศ ทำให้มันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี สักพัก
ลอร่าและหลินเงยหน้ามองพร้อมกัน
พวกนางเห็นยานอวกาศปรากฏขึ้นจากวงวันความว่างเปล่าลำแล้วลำเล่า
ยานอวกาศเหล่านี้จอดตรงวังวนความว่างเปล่าเป็นกลุ่ม ขวางทางไปต่อข้างหน้าจนมิด
“เปลี่ยนเส้นทางกันเถอะ!” หลินกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
“ช้าไปแล้ว” ลอร่ากล่าว
ยานอวกาศจำนวนมากปรากฏขึ้นจากทุกทิศทาง
ยานอวกาศเหล่านี้ล้อมลอร่าและยานของพวกนางเอาไว้
กลุ่มยอดฝีมือทะยานออกจากยานอวกาศตัวเองมายังยานอวกาศต้นไม้หนามโบราณ
“ส่งราชินีหนามมาซะ!”
ผู้นำตะโกนเสียงดัง
ลอร่าวิ่งมาอยู่หลังกู่ฉิงซาน ใช้นิ้วจิ้มเขาแล้วกล่าวว่า “เอาไงดี ข้าสู้ไม่เก่งด้วยสิ”
กู่ฉิงซานยังก้มศีรษะเพื่อรักษาบาดแผลของผู้ชาย
“หลิน”
เขาพ่นคำพูดออกมาอย่างแผ่วเบา
หลินมองเขา จากนั้นมองใบหน้าวิงวอนของลอร่าแล้วยิ้มออกมา “ปกติข้าไม่ปฏิเสธการต่อสู้นะ แต่…”
“พี่สาว มีปัญหาอะไรหรือ” ลอร่าถามทันที
“ไม่ใช่เรื่องยากก็จริง แค่มันน่าเบื่อไปหน่อยที่ต้องมาตบยุงพวกนี้น่ะ” หลินกล่าว
นางเห็นร่างละเอียดอ่อนของอีกฝ่ายย่อตัวเล็กน้อย ตั้งท่าบนชั้นดาดฟ้า จากนั้นต่อยความว่างเปล่าตรงหน้าอย่างช้าๆ
มันเป็นแค่หมัดเดียวเท่านั้น
แต่ระหว่างทาง หมัดนี้สั่นไหวนับครั้งไม่ถ้วนด้วยความเร็วที่ตรวจจับไม่ได้
หน้า หลัง บน ล่าง ซ้าย ขวา
ยอดฝีมือทั้งหมดที่ล้อมยานอวกาศต้นไม้หนามโบราณเอาไว้ล้วนแตกสลายด้วยหมัดที่พลันปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า
ในกระแสวังวนความว่างเปล่า แสงสีแดงสดใสพลันปกคลุมทั่วอวกาศ จากนั้นกลายเป็นคลื่นปั่นป่วนก่อนจากไปอย่างรวดเร็ว
นี่คือวิชายุทธ์ที่น่าทึ่งนัก
เมื่อหลินกลับสู่จุดสูงสุด นางจะแข็งแกร่งมาก
กระแสวังวนความว่างเปล่าที่เพิ่งเริ่มส่งเสียงอึกทึกภายใต้หมัดของนางกลับมาสงบอีกครั้ง
“ข้าไม่ชอบรังแกคนอ่อนแอเลยจริงๆ แต่ในเมื่อพวกเจ้ากล้ายั่วโมโหก็ต้องรับผิดชอบกับความเป็นความตายตัวเองด้วยล่ะ”
หลินดึงหมัดกลับก่อนกล่าวอย่างสงบ
ในเวลาเดียวกัน
ในพื้นที่จ้าวโลกห่างไกล
มังกรหุบเหวยืนอยู่ในกองสมบัติไร้ขีดจำกัดขณะนับสมบัติที่ลงทะเบียนไว้ในหนังสือเล่มเล็กอย่างละเอียด
ทันใดนั้น เสียงที่เคร่งเครียดและว้าวุ่นดังขึ้นในความว่างเปล่า
“เทพผู้ยิ่งใหญ่ พวกข้ามีบางสิ่งมารายงานให้ท่านทราบ”
มังกรมารขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด สายตาจ้องมองหนังสือเล่มเล็กก่อนกล่าวว่า “มีเรื่องอะไร ผู้ศรัทธาของข้า”
“ในสถานที่ใกล้กับพื้นที่เอกฐาน บนทางน้ำลับนั่น คนที่พวกเราส่งไปพบราชินีหนามแล้ว แต่พวกเขาล้วนถูกฆ่า”
“ว่าอย่างไรนะ!”
มังกรมารเงยหน้าขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดขณะกล่าวด้วยเสียงคมปลาบ
เสียงอีกฝ่ายตึงเครียดขึ้นขณะรายงานต่อว่า “มีคนแข็งแกร่งที่พวกเขาไม่สามารถสู้ได้คอยปกป้องราชินีหนามอยู่ นางฆ่าคนของเราหมดเลย”
“เป็นต้นไม้หนามโบราณหรือเปล่า”
“ไม่ใช่ ตามการคาดการณ์ของพวกเรา น่าจะเป็นอารักขาส่วนตัวของราชินี”
“อารักขาส่วนตัวหรือ เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว พวกเจ้าถอนกำลังออกมาก่อน”
“ขอรับ”
มังกรหุบเหวครุ่นคิดอย่างเงียบงันสักพัก
“อารักขาที่ทรงพลังขนาดนั้น…นี่นับว่าแปลก”
มันพึมพำก่อนตัดสินใจอย่างช้าๆ
“ดูท่าข้าต้องไปที่นั่นด้วยตัวเองแล้วล่ะ”
“ไม่ว่าอย่างไร ราชินีที่ดูแลสมบัติมีชะตาจะต้องเป็นทาสของข้า!”
……………………………