ตอนที่ 621 การตัดสินใจของสมาคม
ลอร่าจากไปด้วยความพึงพอใจ
ในเมื่อรุกขชาติศักดิ์สิทธิ์มาเป็นพยานด้วยตัวมันเองแล้ว นั่นย่อมหมายความว่าไม่ช้าก็เร็ว กู่ฉิงซานจะกลายเป็นคนของอาณาจักรหนาม ทุกเรื่องเป็นไปตามที่เธอต้องการโดยสมบูรณ์
ส่วนเวลานี้ เธอก็จะปล่อยให้เขาทำภารกิจของตัวเองไปก่อน
เรือเหาะลำใหญ่ของอาณาจักรหนามถอนสมอจากสมาคมกำปั้นเหล็ก เบนหัวเรือออกไป และบินหายเข้าสู่โลกอันกว้างใหญ่หลายร้อยล้านชั้น
กู่ฉิงซานยกมือขึ้นลูบไล้ตำแหน่งใต้หน้าอกของเขาเบาๆ
ตรงจุดที่สัญลักษณ์สีมรกตที่มองไม่เห็นกำลังซ่อนตัวอยู่เบื้องล่างนั้นอย่างเงียบๆ
เมื่อกู่ฉิงซานนึกคิดถึงมัน ตัวสัญลักษณ์ก็จะปรากฏขึ้น และพร้อมที่จะรับฟังเขาตลอดเวลา
เมื่อเขาเรียกใช้ตราสัญลักษณ์นี้ เขาก็จะกลายเป็นเอิร์ลแห่งอาณาจักรหนามโดยอัตโนมัติ
สำหรับสิ่งที่เอิร์ลสามารถทำได้ มีอำนาจหรือข้อจำกัดใดๆบ้างนั้น กู่ฉิงซานไม่ได้ถามออกไป และลอร่าเองก็มีเวลาไม่มากนักที่จะพูดคุยกับเขา ดังนั้นเรื่องเล็กน้อย แบบนี้เจ้าตัวจึงเลือกที่จะไม่ถามใดๆ และโยนมันไว้เบื้องหลัง
แบรี่เดินเข้ามา และตบลงบนไหล่ของกู่ฉิงซาน “ฉันล่ะจินตนาการไม่ออกจริงๆ ว่านายจะยืนหยัด เผชิญหน้ากับระบบของราชามาร แถมยังพบหนทางที่กำจัดมันลงได้อีกด้วย ”
“พอดีว่าผมไม่ค่อยจะชอบเจ้าระบบนั่นสักเท่าไหร่น่ะ” กู่ฉิงซานกล่าว
แบรี่ผงกหัวว่าเข้าใจ บนใบหน้าของเขาเผยถึงความตระหนักรู้บางอย่าง
เขากล่าว “นั่นสินะ ระบบนั่นก็เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดสำหรับฉันเหมือนกัน มันพยายามขยายอำนาจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด สังหารทุกสิ่งมีชีวิตเพียงเพราะความปรารถนาส่วนตน...”
แม้จะพึงพอใจในตัวของกู่ฉิงซานอยู่ก่อนแล้ว แต่ตอนนี้บอกตรงๆ ว่ามันเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเยอะทีเดียว
แม้ความแข็งแกร่งจะต่ำต้อย แต่กลับกล้าที่จะเผชิญหน้ากับระบบของราชามาร แถมยังคว้าชัยชนะจากมันมาได้อีก บุคคลเช่นนี้เหมาะสมแล้วจริงๆ ที่จะเป็นสมาชิกใหม่ของสมาคม
เมื่อคิดถึงจุดนี้ แบรี่ก็อ้าปากและกล่าว “คือว่านะ ถ้าพูดแบบทั่วๆ ไปแล้ว...”
เสี่ยวเหมียวกล่าวแทรกทันที “ถ้าพูดกันแบบทั่วๆ ไปแล้วล่ะก็ ในสายตาของฉันนายมันวีรบุรุษชัดๆ!”
แบรี่ยื่นคอ จ้องมองเสี่ยวเหมียวที่กล่าวต่อ “ฉันคิดว่า ไอ้คำพูดที่ฉันเคยเตือนพี่ชายไปก่อนหน้านี้ ดูเหมือนเขาจะลืมเกี่ยวกับมันไปจนหมดสิ้นแล้ว”
“ดังนั้นฉันขอแนะนำด้วยความหวังดีเลยนะ นายทิ้งเขาไว้แล้วไปจากที่นี่เถอะ!”
“ฉันเองก็ไม่อยากจะพูดแบบนี้หรอกนะ แต่ฉันอยากให้นายจากไปในสภาพครบสามสิบสอง รีบหนีไปก่อนที่พี่ชายของฉันจะ...”
“ผายลมเถอะน้องพี่ แค่บอกดีๆ ว่าไม่ต้องทำพิธีรับน้องใหม่ของสมาคมก็พอแล้ว อีกอย่างจะให้เขาไปได้อย่างไร ในเมื่ออาหารเย็นยังไม่ได้กินกันเลย…”
แม้ว่าพี่ชายน้องสาวจะปะทะฝีปากกัน แต่ทั้งสองก็ยังอยู่ในห้วงอารมณ์ที่ดีมากๆ
ความสามารถของกู่ฉิงซานที่เข้าร่วมกับสมาคม ได้รับการยอมรับจากทั้งสองคนแล้ว
ตอนนี้สิ่งที่กู่ฉิงซานได้ทำลงไปทั้งหมด ได้ช่วยยืนยันความสามารถของเขายิ่งกว่าเดิม“เฮ้กู่ฉิงซาน เรื่องของนายเมื่อครู่ฉันได้ฟังแค่คร่าวๆ เท่านั้นเอง ตอนนี้นายพอจะบอกรายละเอียดยิบย่อยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฉันหน่อยจะได้ไหม นั่นมันวัตถุดิบชั้นยอดในการเขียนนิยายชัดๆ”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหรอก แต่หนี้ของสมาคมเราจ่ายไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ? ถ้าเช่นนั้นทำไมคุณถึงยังเขียนนิยายอยู่อีก?” กู่ฉิงซานถาม
“หืม?” เสี่ยวเหมียวอึ้งไปเล็กน้อย
กู่ฉิงซาน “ก็คุณไม่ได้ทุ่มเทเขียนนิยายอย่างหนักเพราะต้องการจะหาเงินเก็บไว้ใช้ซื้อของกินไม่ใช่เหรอ แต่ตอนนี้พวกเราไม่มีหนี้อีกต่อไปแล้ว ขาของแบรี่เองก็ดีขึ้น คุณเองก็เป็นตัวตนทรงอำนาจ ดังนั้นคงไม่จำเป็นต้องทนอึดอัดอยู่แต่ภายในนี้อีกแล้วสิ”
เสี่ยวเหมียวค่อยๆ ตอบสนองอย่างช้าๆ
“จริงสิ…พวกเราไม่มีหนี้อีกต่อไปแล้วนี่นา และฉันเองก็ไม่ได้เป็นกังวลว่าพี่ชายของฉันจะถูกลอบฆ่าอีกต่อไป ขอบใจนายมากนะที่เตือนฉัน!”
เสี่ยวเหมียวมองแบรี่ด้วยความตื่นเต้น “พี่ชายช่วยดูประวัติเครดิตของพวกเราหน่อยสิ ว่ามันกลับมาเป็นปกติแล้วรึยัง?”
แบรี่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “พี่เพิ่งจะตรวจสอบมันเมื่อครู่นี้เอง ไม่ว่าจะเป็นของทางสมาคมผู้พิทักษ์หอสูง โรงแรมใหญ่ กาสิโน ร้านอาหาร รีสอร์ต ฯลฯ สถานะเครดิตของพวกเราทั้งหมดกลับมาเป็นดี ปกติอีกครั้งแล้ว!”
“หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือ...” เสี่ยวเหมียวพูดอย่างตื่นเต้น
“ใช่แล้วน้องพี่ อีกความหมายหนึ่งก็คือ” แบรี่ยิ้ม
แล้วทั้งสองพี่น้องก็ตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน
“พวกเราสามารถติดเงินคนอื่นได้อีกครั้งแล้ว!”
กู่ฉิงซานมองไปยังพี่น้องที่กำลังตื่นเต้น ในหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“นี่ๆ พวกคุณเป็นตัวตนทรงอำนาจนะ ทำไมถึงจะกลับไปทำอะไรที่ไร้จุดหมายแบบนั้นอีกล่ะ ไม่ลองพยายามหาวิธีสร้างรายได้กันบ้างเลยเหรอ?” เขาเอ่ยถาม
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ หลังจากที่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมาเป็นเวลานาน ตอนนี้ฉันอยากจะออกไปช้อปปิ้งเสียก่อน เพื่อระบายความตึงเครียดเล็กน้อย” เสี่ยวเหมียวหรี่ตาแคบลง คล้ายกับเพิ่งนึกออกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้
“กู่ฉิงซาน หาเงินน่ะมันก็แค่เรื่องเล็กน้อย” แบรี่ตบไหล่เขาและกล่าว “วันพรุ่งนี้ฉันจะพานายไปบ่อนกาสิโนเรือสมุทรธงดำ ที่นั่นอาหารอร่อย ไม่ว่าอะไรก็สนุกไปหมด ทุกคนมักจะพูดถึงเรื่องราวที่มันน่าสนใจ ฉันชอบที่นั่น และถ้านายคันไม้คันมือ ก็สามารถไปลองเสี่ยงโชคดูได้ วางเดิมพันสักครั้งสองครั้ง บางทีนายอาจจะได้เงินก้อนโตติดไม้ติดมือกลับมาก็ได้นา”
“แต่ตอนนี้พวกเรายังไม่มีเงินนะ” กู่ฉิงซานงง
“ฉันลืมบอกนายไปเลย ว่ามันมีกฎเกณฑ์ในโลกเก้าร้อยล้านชั้นที่คนทั้งหมดจะต้องปฏิบัติตามอยู่”
“ยื่นหูมาตั้งใจฟังให้ดี”
“ในฐานะที่เป็นเจ้าของโลกมิติอนันต์ และเช่นเดียวกันกับที่ฉันมีสถานะเป็นตัวตนทรงอำนาจระดับจ้าววงการ ด้วยสองสิ่งนี้ จะช่วยให้สมาชิกของสมาคมกำปั้นเหล็กมีเครดิตหรือความน่าเชื่อถือที่สูงมาก ดังนั้นเงินที่สามารถหยิบยืมมาใส่บัญชีได้ก็ย่อมสูงมากขึ้นตามเป็นธรรมดาเช่นกัน” แบรี่กล่าว
“ใช่แล้วล่ะ นายสามารถติดบิลของนายไว้ก่อนในฐานะสมาคมได้ แล้วค่อยนำมันไปจ่ายในภายหลัง” เสี่ยวเหมียวตะโกนก้อง
“ฉันเกือบจะลืมลงทะเบียนให้กู่ฉิงซานไปเสียสนิทเลย” แบรี่ตบหัวของเขาและกล่าว “เสี่ยวเหมียว น้องช่วยไปผูกข้อมูลส่วนตัวของกู่ฉิงซานหน่อยสิ แล้วลงทะเบียนภายใต้ชื่อของสมาคม และประกาศออกไปให้ทั่วทั้งหมื่นโลกาเลย ถ้าเรียบร้อยแล้ว นับจากนี้ไปถ้าเขาเดินทางไปที่ไหนก็ตามในหมื่นโลกา เขาก็จะสามารถใช้บัญชีของเราได้ในทุกสถานที่ โดยไม่ต้องควักเงินสดออกมาจ่ายตรงๆ”
“รับทราบ” เสี่ยวเหมียวรับคำ
เธอคว้าจับเอากลิ่นอายของกู่ฉิงซานมาไว้ในกำมือ ก่อนจะเริ่มดำเนินการบางอย่างในอากาศที่ว่างเปล่า
ในขณะที่ขั้นตอนยืนยันตัวตนอันแสนซับซ้อนกำลังดำเนินการ เสี่ยวเหมียวก็หันมาพูดด้วยความภูมิใจ “เอาล่ะ จากนี้ไป ถ้านายบอกว่าตัวเองมาจากสมาคมกำปั้นเหล็ก นายก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินอีกต่อไป”
“แต่แบบนั้น พวกเราจะไม่ถูกไล่เก็บหนี้เหมือนเดิมอีกหรอกเหรอ?” กู่ฉิงซานถามด้วยความกังวล
“แน่นอนว่าไม่ เพราะคราวนี้เป็นทางอาณาจักรหนามที่ได้จ่ายหนี้ทั้งหมดให้กับเรา ทำให้สถานะเครดิตในปัจจุบันของเราสูงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน”
“ฟังดูสะดวกสบายดีจัง”
กู่ฉิงซานกล่าวด้วยอารมณ์
เขาได้ร่วมลงทะเบียนกับเสี่ยวเหมียวจนเสร็จสิ้น
จากนั้น
เขาก็โยนคำถามของตนเองเมื่อครู่นี้ไว้เบื้องหลังทันที
เพราะนับตั้งแต่ช่วงเวลานี้ไป ทางสมาคมกำปั้นเหล็ก ได้เพิ่มนักก่อหนี้ชั้นเซียนเข้าสู่ตลอดทั้งหมื่นโลกาเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งหน่อแล้ว!
“เอาล่ะ ตอนนี้ผมคงต้องขอตัวกลับโลกของผมก่อนแล้วนะ เพราะที่นั่นกำลังเกิดสงครามอยู่” กู่ฉิงซานกล่าว
“สงครามงั้นเหรอ?” แบรี่ยกคิ้วสูงขึ้น
“ใช่แล้ว โลกของผมได้ทำการผสานรวมเข้ากับโลกปรภพ เหมือนกับที่ได้บอกพวกคุณในช่วงก่อนหน้า ดังนั้นเวลานี้ ในโลกหกวิถีอื่นๆจึงเกิดความโลภ และต้องการที่จะยึดโลกของผมไปทำการผสานรวมกับโลกของพวกเขา” กู่ฉิงซานกล่าว
แบรี่กับเสี่ยวเหมียวมองหน้ากัน ทั้งคู่ต่างเริ่มสนใจ
“ถึงนายจะเคยพูดให้ฟังแล้วก็เถอะ แต่ไม่ใช่ว่าโลกหกวิถีแต่เดิมมันมีอยู่แค่ในดินแดนอัศจรรย์หรอกเหรอ? จะไปมีที่แบบนั้นในโลกกระจัดกระจายได้อย่างไร?”
เสี่ยวเหมียวกล่าว “กู่ฉิงซาน เรื่องที่นายเพิ่งพูดไปฉันค่อนข้างสนใจมากทีเดียว ฉันรู้สึกว่าพวกเราคงไม่ไปแวะดู มันไม่ได้เสียแล้วล่ะ”
แบรี่คิดเกี่ยวกับมันและกล่าว “นั่นสินะ คงจะเป็นการดีกว่าถ้าพวกเรากลับไปที่นั่นพร้อมกับนาย และถ้ามันมีเรื่องอะไรที่ยากเกินไป ตัวฉันแบรี่ ในฐานะเจ้าของสมาคมก็จะช่วยแบ่งเบามันให้เอง!” แบรี่ตอบอย่างซื่อตรง
“ใช่ๆ นายเป็นสมาชิกของสมาคมของเรา แถมนายยังสามารถทำลายระบบของราชามารลงได้ ดังนั้นนายย่อมต้องมีอนาคตที่สดใสรออยู่ ฉะนั้นพวกเราจะไปกับนาย ไปจัดการปัญหาในโลกของนายให้เอง!” เสี่ยวเหมียวสนับสนุน
“พูดได้ดีนี่นาน้องพี่ เอาล่ะตกลงตามนี้นะ นี่คือการตัดสินใจของพวกเราสมาคมกำปั้นเหล็ก!” แบรี่ปรบมือ
กู่ฉิงซานพอได้ฟังก็ตะลึงงัน แต่ขณะเดียวกันเขาก็มีความสุขมากทีเดียวต้องไม่ลืมนะว่าทั้งแบรี่และเสี่ยวเหมียวน่ะเป็นตัวตนทรงอำนาจระดับจ้าววงการของโลกเก้าร้อยล้านชั้น
แบรี่ได้ออกเดินทางไปทั่วทุกสถานที่เพื่อทำการช่วยเหลือโลกต่างๆ ต่อต้านอิทธิพลชั่วร้ายอย่างเต็มกำลัง จนเป็นที่เลื่องลือไปตลอดทั้งโลกเก้าร้อยล้านชั้น
มิฉะนั้นเสี่ยวถายที่แม้จะได้กลายเป็นมารไปแล้ว คงไม่มีทางพยายามที่จะตอบแทนแบรี่ถึงขนาดนี้หรอก
กระทั่งลอร่าที่ไม่ไว้ใจในตัวกู่ฉิงซาน ทันทีที่ได้ยินว่าเจ้าตัวมาจากสมาคมกำปั้นเหล็ก เธอก็ยังเลือกที่จะปรากฏตัวออกมา
กระทั่งนักธุรกิจและสมาคมต่างๆ ในตลอดทั้งหมื่นโลกา ยังอนุญาตให้พวกเขาติดหนี้ได้อย่างมหาศาล
เสี่ยวเหมียวได้ลงมืออย่างเต็มกำลังในสงครามครั้งนี้ เปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตัวเองออกมาต่อหน้าพวกเขา
ส่งผลให้แม้แต่ผู้อาวุโสของสมาคมผู้พิทักษ์หอสูงเอง ในช่วงเวลาวิกฤติของสงคราม ก็ยังต้องบินมาถามความคิดเห็นของเสี่ยวเหมียว เพื่อที่จะตัดสินสถานการณ์โดยรวมของสนามรบ
หลังจากสงครามครั้งนี้จบลง ผู้คนจึงต่างตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของทั้งสองพี่น้องคู่นี้ ว่าช่างโดดเด่นเพียงใด
คงไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมแล้วนะว่าสองคนนี้แข็งแกร่งถึงขนาดไหน?
แต่เวลานี้ พวกเขากลับเสนอตัวที่จะติดตามไปกับกู่ฉิงซาน! ในหัวใจของเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเกิดประโยคหนึ่งผุดขึ้นมา
‘ก็เอาสิ อยากจะรู้จริงๆ ว่าคราวนี้จะมีใครหน้าไหนกล้ามาแส่หาเรื่องกับฉันอีก!?’
........................................