ตอนที่ 557 ความจริงของโลก
ราชามารวิญญาณมรณะไม่สามารถไล่ติดตามมาได้อีกต่อไป
กู่ฉิงซานที่รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหลังจึงตัดสินใจหยุดดู
ก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะสังหารต้นตระกูลจักรพรรดิฟูซีที่เรียกกันว่าโครงกระดูกในชุดคลุมดำ กู่ฉิงซานก็เคยใช้ก้าวข้ามผ่านมหาสมุทรแห่งความทุกข์ระทมมาก่อนแล้วเหมือนกัน
และตอนนี้ ดูเหมือนว่าพลังของข้ามผ่ามหาสมุทรจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิมมากทีเดียว
หรือว่ามันอาจเป็นเพราะนี่คือโลกที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพบรรพกาลที่มีความเกี่ยวข้องกันกับมันรึเปล่านะ?
หรือจะเป็นเพราะนี่คือยอดภูเขาหิมะสูงสุดของเทพบรรกาล ดังนั้นวิหารที่พวกเขาสร้างขึ้นมันจึงพิเศษและมีคุณสมบัติเช่นกันกับภูเขา?
แต่ไม่ว่าจะเป็นในกรณีใดๆ ก็ตาม ยามเมื่อมีดาบเช่าหยินอยู่ในมือ กู่ฉิงซานจะรู้สึกราวกับว่า
โลกใบนี้ทั้งใบกำลังศิโรราบ เขาคิดหมายสิ่งใด มันก็จะทำตามที่เขาต้องการ
ความรู้สึกนี้ไม่เหมือนกับเป็นเพียงจินตนาการภาพลวงตา แต่มันเป็นเพราะดาบเช่าหยินกำลังเผชิญหน้า กับโลกทั้งใบอยู่
หรือว่า…เบื้องล่างนี้จะเป็นทะเลกันนะ?
ในหัวใจของกู่ฉิงซานเริ่มบังเกิดความสงสัยมากขึ้น
เขาจับลอร่า และบินลึกลงไปในน้ำ
ภายนอกถ้ำน้ำแข็ง
ราชามารวิญญาณมรณะยกสองมือขึ้นกุมศีรษะตน ความเจ็บปวดอันสาหัสนี้ส่งผลให้ความโกรธในจิตใจของมัน มิอาจข่มระงับได้!
ทำไมข้าถึงลงไปในน้ำไม่ได้กัน?
แต่มันก็ไม่เต็มใจที่จะเสียเวลาขบคิดเกี่ยวกับปัญหานี้อีกต่อไป
เพราะทุกปัญหา เมื่อเผชิญกับพลังอำนาจของมัน ทั้งหมดย่อมมิแคล้วถูกทำลายล้าง!
ก๊าซ!
ราชามารวิญญาณมรณะลุกขึ้นยืน สองแขนของมันลุกไหม้ไปด้วยเพลิงทมิฬ ขู่คำรามระเบิดโจมตีไปยังผิวน้ำตรงหน้าอย่างรุนแรง
ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของอสุรกายปฐมบทแห่งความโกลาหล ผิวน้ำทั้งมวลถูกระเบิดเป็นแอ่งลึกทันที
แสงเรืองรองสีดำเข้ามาแทนที่ โถมเข้าปกคลุมไปตลอดทั้งผิวน้ำ เปลี่ยนสภาพน้ำให้กลายเป็นพื้นแข็งๆ สีดำ ลุกลามไปด้วยรอยแตกร้าว
ทว่าพื้นหลุมลึกก็อยู่ได้เพียงชั่วขณะเท่านั้น
เพราะกระแสน้ำระลอกใหม่ได้ผุดขึ้นมาจากเบื้องล่าง เข้าเติมเต็มหลุมบ่อพื้นแข็งๆ ให้กลับคืนเป็นน้ำดังเดิมอีกคราอยู่ดี
ราชามารวิญญาณมรณะไม่คิดละความพยายาม มันยังคงระเบิดโจมตีอย่างต่อเนื่อง
แต่กระแสน้ำก็เข้ามาเติมเต็มการโจมตีของมันอย่างรวดเร็ว
ไม่ว่าราชามารวิญญาณมรณะจะโจมตีออกด้วยอำนาจอันแข็งกร้าวเพียงใด กระแสน้ำก็เพียงแค่เข้าเติมเต็มอย่างเงียบๆ เท่านั้น
กระบวนการเหล่านี้ เดิมเหมือนจะดำเนินต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
แต่แล้วจู่ๆ ก็มีบางอย่างเกิดขึ้นท่ามกลางความเงียบ
ยังจำกันได้ไหมว่า วิหารที่ตั้งอยู่บนยอดภูเขาน้ำแข็งนี้เป็นสิ่งที่เทพบรรพกาลสร้างขึ้น
ด้วยการโจมตีอย่างต่อเนื่องของราชามารวิญญาณมรณะ ส่งผลให้ยอดภูเขาน้ำแข็งคล้ายกับถูกกระตุ้น
บังเกิดรูนสีทองอันแสนลึกลับนับไม่ถ้วนผุดขึ้นบนชั้นพื้นผิวของภูเขาน้ำแข็ง แม้กระทั่งตัววิหารเองก็ยังแผ่กลิ่นอายอันน่าเกรงขามออกมา
กู่ฉิงซานที่กำลังบินลึกลงไปในน้ำชะงักงัน เขาสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลง แหงนหน้ามองดูบนยอดเขาด้วยความประหลาดใจ
“ดูนั่นสิ นั่นมันอักษรโบราณของเทพ”
ลอร่าร้องด้วยความประหลาดใจ และชี้ไปยังสัญลักษณ์บนน้ำแข็ง
“เห็นแล้วล่ะ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมบนยอดภูเขานี้ อำนาจเทวะ เคารพและศรัทธา ถึงยังคงอยู่” กู่ฉิงซานกล่าวขึ้นทันใด
เขาได้ศึกษาพจนานุกรมหมื่นโลกาของสมาคมผู้พิทักษ์หอสูงมาก่อนแล้ว จึงเป็นธรรมดาที่จะล่วงรู้ว่า อักษรเหล่านี้คือหนึ่งในภาษาที่เก่าแก่ที่สุดของโลกตลอดทั้งเก้าร้อยล้านชั้น
มันเป็นภาษาเขียนที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพบรรพกาล
แม้ภาษานี้ยากนักที่จะพบเจอ แต่หากมีใครที่รู้วิธีใช้พลังเหนือธรรมชาติกับการเขียนอักษรเหล่านี้ได้ คนๆ นั้นก็จะสามารถเลียนแบบอำนาจเทวะได้อย่างง่ายดาย
แต่น่าเสียดาย ที่มีผู้สืบสายโลหิตจากทวยเทพเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่สามารถล่วงรู้ได้ว่าต้องทำอย่างไร
ลึกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง
กู่ฉิงซานสัมผัสได้ถึงพลังอันยิ่งใหญ่
พลังนี้เหมือนกันกับอำนาจเทวะ เคารพและศรัทธา ที่ปกคลุมตลอดทั้งยอดภูเขาน้ำแข็ง แต่มันอาจจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าอย่างน้อยก็สิบเท่า
“มันคือพลังเหนือธรรมชาติ พลังเหนือธรรมชาติที่ถูกระตุ้นโดยภาษาของเทพบรรพกาล และกำลังสั่งสมพลังอยู่” ลอร่าอธิบาย
กู่ฉิงซานพยักหน้าเล็กน้อย
ดูเหมือนว่านี่จะเป็นวิธีการที่เทพบรรพกาลเหลือทิ้งเอาไว้เพื่อมิให้โลกใบนี้สลายไป
ตลอดทั้งยอดเขาน้ำแข็ง อักษรแล้วอักษรเล่าเริ่มสาดประกายแสงสีทอง ทั้งหมดเชื่อมต่อเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว
วิหารบนยอดภูเขาหิมะ แปรเปลี่ยนเป็นยอดภูเขาทองคำสูงตระหง่านในพริบตา
ระหว่างช่วงเวลาเดือดพล่าน ยอดภูเขาน้ำแข็งก็พลันระเบิดเสาแสงสีทอง พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
ราชามารวิญญาณมรณะถูกห่อมหุ้มด้วยแสงดังกล่าวนี้ มันถูกผลักดันจนทะลุผ่านเพดานวิหาร ปลิวขึ้นไปบนฟากฟ้า
เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ แข้งขาของผู้เข้าสู่วิถีมารมากกว่าสองร้อยล้านก็พลันกลายเป็นอัมพาต มิกล้าขยับเขยื้อนกายต่อไปแม้เพียงน้อย
เสาแสงสีสองคงอยู่เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ก่อนที่มันจะกระจายหายไปโดยสมบูรณ์
และไร้ซึ่งร่องรอยใดๆ ของราชามารวิญญาณมรณะที่อยู่บนท้องฟ้า
ทั้งราชามารวิญญาณมรณะ และเทพนักรบที่ติดสอยห้อยตามไปด้วยกัน ถูกเป่ากลายเป็นผงกระดูกสีขาว ฟุ้งกระจายบนท้องฟ้า ก่อนจะปลิวไปตามแรงลม ผสมกลืนหายเข้าไปกับเกล็ดหิมะ
เมื่อแสงสีทองจางหายไป พายุหิมะก็กลับคืนมาสู่โลกทั้งใบอีกครั้ง
บนยอดเขาของเหล่าทวยเทพ ก็กลับคืนสู่น้ำแข็งสีฟ้าอีกครา
จำเป็นต้องใช้เวลาอยู่สักพักหนึ่งเลยทีเดียว กว่าที่พวกผู้เข้าสู่วิถีมารจะกล้าขยับตัวอย่างช้าๆ
พวกเขายืนยิ่งอยู่ในสถานที่เดียวกัน และไม่มีใครกล้าปีนป่ายขึ้นไปบนยอดภูเขาหิมะอีกต่อไป
“เมื่อครู่มันคืออสุรกายปฐมบทแห่งความโกลาหลมิใช่หรือ นี่มันตายไปแล้ว??” ลอร่าถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“กระหม่อมเริ่มจะเข้าใจขึ้นมานิดหน่อยซะแล้วสิ ว่าทำไมต้นกำเนิดถึงไม่สามารถทำตามที่มันต้องการได้” กู่ฉิงซานกล่าว
ใช่แล้วล่ะ แม้กายจะจากไป แต่เจตนารมของเทพบรรพกาลก็ยังคงอยู่ที่นี่
ขณะที่ต้นกำเนิดเพียงอย่างเดียว หรือกระทั่งผู้เข้าสู่วิถีมารกกว่าสองร้อยล้านคน ย่อมไม่อาจเอาชนะสิ่งที่เทพบรรพกาลทิ้งเอาไว้ได้
ดูเหมือนว่าจะต้องมีความลับอันน่าตื่นตะลึงถูกเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึกของโลกใบนี้เป็นแน่!
ไม่น่าเชื่อเลยว่าทริสเต้จะสามารถครอบครองโลกใบนี้ได้
แถมยังมีเรื่องที่น่าสงสัยอยู่อีก ว่าทำไมเธอถึงเลือกที่จะนำโลกใบนี้ออกมา
นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะ?
กู่ฉิงซานครุ่นคิดสักครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปถามลอร่า “ทริสเต้ได้ครอบครองโลกใบนี้มานานแค่ไหนแล้ว?”
“นานแค่ไหนเหรอ?” ลอร่าหยุดนึกชั่วคราว “นี่คือโลกที่เธอได้รับมาจากท่านแม่ของเรา น่าจะซักประมาณหกวันได้แล้วล่ะมั้ง”
“ทำไมท่านแม่ของฝ่าบาทถึงได้ตัดสินใจมอบโลกใบนี้ให้กับเธอ?” กู่ฉิงซานถามทันที
“เพราะทริสเต้เป็นหัวหน้าองครักษ์แห่งราชวัง เธออุทิศทั้งกายใจเพื่อปกป้องราชวงศ์ แล้วอีกอย่างเราก็กำลังจะได้ขึ้นฉลองตนเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นท่านแม่จึงมอบมันเป็นรางวัลเพื่อคาดหวังว่าทริสเต้จะ รับหน้าที่พิทักษ์เราเป็นอย่างดีในครั้งนี้ และพิทักษ์อาณาจักรวิหคนับจากนี้ไป”
กู่ฉิงซานไตร่ตรองและกล่าว “หกวันเท่านั้นเองหรือ เวลามันสั้นมากเลย … ”
“ใช่ และวันนี้ก็เป็นวันที่หก”
“แล้วปฏิกิริยาของทริสเต้ตอนที่เธอได้รับโลกใบนี้ล่ะ มันเป็นอย่างไร?”
“เธอแสดงออกว่าตื่นเต้นมาก และน้อมกายขอบคุณท่านแม่ของเราครั้งแล้วครั้งเล่า”
“ถ้าไม่นับวันนี้ ก็เท่ากับว่าทริสเต้ได้รับโลกมาเพียงแค่ห้าเวลาสั้นๆ สินะ กระหม่อมคิดว่าบางทีเธออาจจะยังไม่คุ้นเคยกับโลกใบนี้ก็ได้” กู่ฉิงซานพิจารณา
ลอร่าย้อนนึกกลับไปและกล่าวว่า “เราจำได้ว่า เมื่อสองวันก่อน เธอได้ค้นพบว่าโลกใบนี้มีสิ่งมีชีวิตโบราณอยู่ ในช่วงเวลานั้นเธอดูจะมีความสุขมาก”
“มันก็น่าจะยินดีอยู่หรอก เพราะเจ้าสิ่งมีชีวิตโบราณคงจะเป็นตัวเพิ่มแต้มพลังวิญญาณให้กับเชื้อไฟเป็นอย่างดีไง” กู่ฉิงซานถอนหายใจ
ขณะกล่าว กู่ฉิงซานก็อุ้มลอร่า และเริ่มพุ่งลึกลงไปในน้ำอย่างรวดเร็ว
และแน่นอน ไม่ว่าเขาจะเร็วแค่ไหน แต่กระแสน้ำที่ขวางกั้นเบื้องหน้าก็จะแยกออกก่อนเสมอ เปิดเป็นอุโมงค์ให้เขาผ่านไป
ด้วยความเร็วสูงสุดของกู่ฉิงซาน ทำให้ใช้เวลาเพียงไม่นาน จากส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็ง ในที่สุดก็มาถึงส่วนล่าง
กู่ฉิงซานข้ามผ่านภูเขาน้ำแข็งจากภายในโดยตรง
มองผ่านชั้นผิวน้ำแข็งโปร่งใสออกไป จะเห็นถึงผู้เข้าสู่วิถีมารที่กระจุกตัวกันอยู่อย่างหนาแน่น แม้กระทั่งการแสดงออกทางสีหน้าของพวกมัน ทั้งสองก็ยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
หากกู่ฉิงซานชะลอความเร็วลงเขาก็คงจะได้พบกับฉากอันน่าสาสมใจยิ่ง
ด้านนอกภูเขา เหล่าผู้เข้าสู่วิถีมารกำลังเฝ้ามองกู่ฉิงซานกับลอร่า ในแววตาของมันคุกรุ่นไปด้วยความโกรธและไม่ยินยอม
แต่พวกมันได้รับบทเรียนจากราชามารวิญญาณมรณะมาก่อนแล้ว ทั้งหมดจึงไม่กล้าขึ้นไปบนภูเขา และไม่กล้าที่จะไล่ตามกู่ฉิงซานไป
ภายในภูเขาน้ำแข็ง กู่ฉิงซานโอบลอร่า พุ่งลงไปในน้ำลึกอย่างเงียบๆ ราวกับดาวตกที่ร่วงหล่นลงจากฟากฟ้า
ทั้งสองฝ่ายได้แต่มองหน้ากันด้วยความขบขัน
เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในที่สุด กู่ฉิงซานก็มาถึงส่วนล่างของภูเขาน้ำแข็งแล้ว
ตรงส่วนกลางของยอดเขา จะมีก้อนน้ำแข็งผสมปนเปไปกับน้ำ ลอยเคลื่อนไหวไปตามกระแสอย่างช้าๆ แต่เมื่อมาถึงส่วนล่าง น้ำแข็งทั้งหมดกลับหายไป ไม่อาจมองเห็นได้อีกเลย
ที่นี่มีเพียงกระแสน้ำวนอันรุนแรง หากผู้มาเยือนไม่ใช้เทคนิคมนตราป้องกันใดๆ ก็คงจะถูกมันกวาดล้างหายไปทันที
ท่ามกลางแสงสีน้ำเงินจากส่วนลึก มันไม่มีสิ่งใดอยู่เลย
กู่ฉิงซานมองไปยังหน้าต่างระบบเทพสงคราม
ดูเหมือนว่าที่นี่คือโลกที่ถูกสร้างขึ้นโดยเทพบรรพกาล ดังนั้นการลดลงของแต้มพลังวิญญาณจึงเป็นไปอย่างเชื่องช้ามาก และกว่าจะกินแต้มพลังวิญญาณแต่ละครั้ง มันก็ใช้เวลากว่าครั้งละราวๆ สามวินาที
ซึ่งในกรณีนี้ จะส่งผลให้กู่ฉิงซานไม่จำเป็นต้องกังวลว่าแต้มพลังวิญญาณของเขาจะถูกสูบกลืนมากจนเกินไป
กู่ฉิงซานเหวี่ยงดาบเช่าหยิน เพื่อเปิดทาง และหลีกเลี่ยงกระแสน้ำวนที่ไหลเชี่ยว และตรงเข้าไปในส่วนลึกของมัน
สิบเมตร
หลายร้อยเมตร
หลายพันเมตร
หนึ่งหมื่นเมตร!
ในที่สุดดาบเช่าหยินก็ได้ส่งข้อความบางอย่างมา
ขณะที่กำลังดำลงไปในน้ำ กู่ฉิงซานก็สัมผัสได้ถึงเสียงของเช่าหยิน
ครู่หนึ่งเขาก็เข้าใจในทันที
เขาถือดาบเช่าหยินในมือและเอ่ยถาม “โลกใบนี้มันเหมือนกับยุคโบราณของโลกเทวะอย่างนั้นเหรอ? ตรงส่วนที่เป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่อะนะ?”
ดาบเช่าหยินผงกหัวรับ
“นี่มันไม่ถูกต้อง หากนี่เป็นมหาสมุทรจริงๆ แล้วเหตุใดข้าจึงไม่สามารถพบเจอกับสิ่งมีชีวิตโบราณตนอื่นๆ ได้เลยกันล่ะ?” กู่ฉิงซานถามอีกครั้ง
คราวนี้ดาบเช่าหยินชี้ไปยังส่วนล่างของก้นทะเลลึก และส่งเสียงฮึมฮัมอย่างต่อเนื่อง
กู่ฉิงซานรับฟังอย่างตั้งใจ
เขาสามารถสื่อสารกับเช่าหยินผ่านทางจิตได้ และตอนนี้เช่าหยินก็กำลังเล่าถึงเรื่องราวอันค่อนข้าง ที่จะน่าเหลือเชื่อให้แก่ตน
“โลกใบนี้…แท้จริงแล้วซ่อนอยู่ใต้มหาสมุทร…”
กู่ฉิงซานบ่นพึมพำ
ณ ขณะนี้ เขาได้มาถึงส่วนล่างของก้นสมุทรแล้ว
เบื้องล่างเขา เป็นเปลือกน้ำแข็งสีฟ้าคราม
ผ่านชั้นน้ำแข็งเล็กๆ นี้ไป กู่ฉิงซานสามารถมองเห็นฉากเบื้องล่างได้อย่างชัดเจน
มันคือภูเขา
แม่น้ำ
ผืนดิน
และที่สำคัญที่สุดก็คือ…
เมือง!
เมืองที่อยู่ภายใต้แสงสลัวๆ กำลังสาดแสงน้อยๆ คล้ายกับดวงดาราท่ามกลางฟากฟ้า ปรากฏขึ้นในสายตาของเขา
กู่ฉิงซานเพ่งสังเกตทุกอย่างเบื้องล่าง ในหัวใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกช็อก
ทันใดนั้นในเขาก็ตระหนักได้ถึงสิ่งหนึ่ง
ชั้นผิวโลกใบนี้ มันถูกปกคลุมไปด้วยหิมะและน้ำแข็ง จึงส่งผลให้ทุกคนเข้าใจผิด คิดว่านั่นคือโลกสมบัติจริงๆ ของทริสเต้
แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น!
หิมะและน้ำแข็งที่ปกคลุมเป็นเพียงผิวชั้นนอกของโลกใบนี้ต่างหาก!
ภายใต้หิมะและน้ำแข็ง ยังมีมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
และภายใต้มหาสมุทร ก็ยังมีอารยธรรมโลกที่ถูกทิ้งไว้โดยเทพบรรพกาล!
นี่นั่นเองคือความจริงของโลกใบนี้!
…………………………………..........