webnovel

0241 ความจริง

ตอนที่ 241 ความจริง

เมื่อถูกเผยโฉม ก้อนเนื้อปลิงสีดำจู่ๆ ก็ขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว และแปรสภาพร่างเป็นเพศหญิงที่มีความสูงเทียบเท่ากับคนปกติ ทว่าบนใบหน้ากลับแขวนไว้ซึ่งความน่าเกลียดและดุร้าย

นี่มันอสูรกาย!

ถึงแม้ว่าจะมีลักษณะเป็นหญิง แต่บนหัวของมันกลับมีเขาแหลมที่โค้งมนจนปลายชี้ไปด้านหลัง เล็บบริเวณมือและเท้าทั้งยาวและคมกริบ ขณะที่บริเวณแผ่นหลังช่วงล่าง เหนือก้นขึ้นมาหน่อยๆ มีหางอสูรยื่นออกมา

อสูรกายตัวนั้นยังคงถูกขังอยู่ในเลือดสังหาร ปากอ้าส่งเสียงหวีดตะโกนลั่น

“กรี๊ด!”

และเลือดสังหารที่ห่อหุ้มก็แตกกระจายออกไปคนละทิศทันที

อย่างไรก็ตาม ฉากนี้กลับกระตุ้นให้เพชฌฆาตตัวตลกเริ่มที่จะบ้าคลั่ง

“เผยตัวจริงออกมาแล้วสินะมารดามารกระดูกโลหิต! อยากจะสั่งเสียอะไรก็ว่ามา ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก!”

มือทั้งสองของตัวตลกแปรสภาพเป็นดาบยาว และจ้วงแทงเข้าบริเวณช่วงไหล่ของมารกระดูกโลหิตทั้งสองข้าง

อสูรกายถูกตรึงด้วยคมดาบ มันพยายามดิ้นรนต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง

เกราะรบส่วนหลังของเพชฌฆาตตัวตลกจู่ๆ ก็เด้งออก ตามด้วยคู่ปีกยักษ์อันน่าสยดสยองปรากฏขึ้นสู่สายตาของทุกผู้คน

คู่ปีกกระดูกนี้ปรากฏให้เห็นถึงร่องรอยจางๆ ของเลือดสังหาร เมื่อสองปีกกางออก มันก็เหวี่ยงกระพือไปยังเบื้องหน้าอย่างแรง

สองปลายแหลมของปีกกระดูกทิ่มลึกเข้าไปตรงกลางช่องท้องของมารกระดูกโลหิต

“อ๊า!”

มารกระดูกโลหิตกรีดร้องด้วยความคั่งแค้นและเจ็บปวด “เป็นไปไม่ได้! เจ้ารู้ถึงตัวตนของข้าได้อย่างไร!”

“เรื่องนั้นไม่จำเป็นต้องตอบ! แต่เรื่องที่ฉันพอจะบอกแกได้ ก็พอจะมีอย่างหนึ่ง นั่นคือความตายของแกน่ะ มันนับว่าเป็นความโชคดีแล้วของโลกใบนี้!” เพชฌฆาตตัวตลกกล่าว

จากนั้น ปลายแหลมของปีกที่ทิ่มลึกก็พลันระเบิดพลังออกมา แหวกร่างของอีกฝ่ายแยกออกจากกัน

ร่างมารกระดูกโลหิตถูกฉีกออกเป็นสองซีก!

อย่างไรก็ตาม ร่างซากที่ว่ากลับยังไม่ร่วงตกลงจากฟ้า มันยังคงถูกตอกตรึงอยู่บนปลายแหลมของปีกกระดูก

“ฮ่าๆๆ” ตัวตลกหัวอย่างคนวิปลาส

ชั้นหมอกเลือดสีดำฟุ้งไปทั่วอากาศ ร่างแต่ละซีกลู่ไปตามสายลม

เพชฌฆาตตัวตลกเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง มันเรียกปีกรังสีแสงสีดำออกมาจากเบื้องหลัง

คู่ปีกกระดูกที่ดูน่าสยดสยองถูกปกคลุมด้วยปีกแสงสีดำโดยสมบูรณ์ ส่งผลให้ฉากนี้แลดูคล้ายซากร่างและหัวของมารกระดูกโลหิตราวกับกำลังโผล่พ้นออกมาจากความมืดมิด

มองไปยังร่างครึ่งซีก กระทั่งหัวก็ยังครึ่งซีก และสีหน้าของอสูรกายที่ยังคงเผยถึงความหวาดกลัวค้างอยู่บนใบหน้า

ฉากนี้ทำให้ทั้งคนทั้งร่างของผู้เฝ้าดูด้านชา กระแสเย็นเยียบเสียดลึกเข้ามาในหัวใจอย่างมิอาจข่มกลั้นได้

“ฮี่ๆ ฮ่าๆๆ สุข! ช่างเป็นอะไรที่สุขใจยิ่ง!”

เพชฌฆาตตัวตลกเปล่งเสียงหัวเราะ ปากเอ่ยสารภาพ

ทว่าทันใดนั้นเอง จู่ๆ บุคลิกของมันก็เปลี่ยนกลับมาเป็นจริงจัง กระทั่งท่าทางการพูดก็ยังเปลี่ยนเป็นทางการ

“คำเตือนของกระผมคือ ความตายเป็นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น สำหรับผู้คนที่เข้าร่วมเกมแห่งชีวิตนิรันดร์”

“กระผมหวังว่าคำเตือนนี้จะฝังลึกอยู่ในสมองของทุกๆ ท่าน”

ใบหน้าแข็งค้างที่แขวนไว้ซึ่งรอยยิ้มเย็นชา ค่อยๆ ยื่นเข้าไปใกล้กล้องที่ใช้ฉายภาพส่งไปยังหน้าจอ ขณะเดียวกันมันก็ยื่นหน้าครึ่งซากของมารกระดูกโลหิตเข้ามาพร้อมๆ กันด้วย

ผู้สังเกตการณ์ที่กำลังรับชม ร่างกายของหลายคนอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน และจำต้องเบนสายตาไปอีกทาง เพื่อเลี่ยงการสบตากับเพชฌฆาตตัวตลก

“นี่คือมาร” เพชฌฆาตตัวตลกหันหน้าไปมองร่างครึ่งซีกที่ติดอยู่กับปีกและกล่าว “แต่มันไม่สามารถเข้าสู่โลกของพวกเราโดยตรงได้ จึงต้องแทรกแซงเข้ามาผ่านทางเกมแห่งชีวิตนิรันดร์แทน”

“เอ๋? นี่กระผมพูดจริงนะ ทำไมถึงทำสีหน้าอย่างกับว่าไม่อยากจะเชื่ออย่างนั้นล่ะ?”

มือของตัวตลกกางออก เขาวางลงบนริมฝีปาก แสดงท่าทีตกใจกับสิ่งที่เห็น

“อ้าวๆ นี่ยังไม่รู้กันอีกเหรอ ว่าถ้าหากกลืนเม็ดยาแห่งชีวิตนิรันดร์เข้าไป มันจะเป็นการฝังเจ้าอสูรกายตัวนี้เข้าไปในร่างกายด้วยน่ะ?”

“แม้ดูเหมือนว่าเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ จะทำการแจกรางวัลอันร้อนแรงที่ยากจะปฏิเสธ แต่เหตุผลที่แท้จริงที่มันหยิบยื่นเม็ดยาที่ว่านั่นให้ ก็เพราะต้องการที่จะฝังปรสิตตัวนี้ลงไปในร่างมนุษย์ต่างหาก!”

“สหายเอ๋ย ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ หรอกนะรู้ไหม พวกคุณเต็มใจที่จะฝังปรสิตตัวนี้เอาไว้ในร่างจริงๆ หรือ?”

ตัวตลกถาม

ความจริงที่ถูกเผยแพร่ออกมานี้ ทำให้โลกทั้งใบจมลงสู่ความเงียบ

ตัวตลกยกมือขึ้นมาปิดปากอีกครั้ง ทว่าก็ยังมีเสียงหัวเราะคิกคักดังลอดออกมาอยู่ดี

มันแสดงท่าทีเลียนเสียงชราและกล่าว “เกมต่อไปของชีวิตนิรันดร์จะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ ในช่วงเวลาเดียวกัน”

“หากพวกเจ้าต้องการที่จะได้รับชีวิตนิรันดร์และอุปกรณ์อันทรงอำนาจเหมือนกับหลิวชีหมาน…เราหวังว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมมากขึ้น”

“บางทีแชมป์เปี้ยนคนต่อไปอาจเป็นเจ้า”

“พวกเราจะได้พบกันอีกครั้งในวันพรุ่งนี้เวลาเดิม”

นี่คือคำกล่าวปิดท้ายเกมแห่งชีวิตนิรันดร์ เพื่อใช้ดึงดูดผู้เล่นให้มาเข้าร่วมเกมโดยเฉพาะ ทว่าตอนนี้ ตัวตลกกลับจงใจทวนมันซ้ำออกมาอีกรอบ

ผู้คนมองไปยังศีรษะครึ่งซีกของอสูรกายที่ติดอยู่บนปีกของเพชฌฆาตตัวตลก ก่อนจะหันไปมองหน้าคนที่อยู่ข้างกายด้วยหัวใจที่สั่นกลัว

ชีวิตนิรันดร์อย่างนั้นเหรอ?

นิรันดร์บัดซบเถอะ!

เวลานี้ ในสมองของทุกผู้คน ไม่มีใครคิดจะยื่นมือเข้าไป หรือกระตือรือร้นที่จะทดลองเข้าร่วมเกมอีกแล้ว และไม่มีใครคิดก่นด่าสาปแช่งเพชฌฆาตตัวตลกอีกต่อไป

เพราะทุกคนต่างได้รับรู้ความจริงที่ว่า การกินยาแห่งชีวิตนิรันดร์เข้าไป แท้จริงแล้วมันเป็นการกินปรสิตให้มาเป็นกาฝาก ฝังอยู่ในร่างกายของเราโดยตรงต่างหาก!

‘ถ้าต้องมีเจ้าตัวน่าขยะแขยงแบบนั้นอยู่ในร่างกาย ฉันยอมมีชีวิตธรรมดาแบบในตอนนี้เหมือนเดิมคงดีกว่า!’

มนุษย์มักจะเชื่อในสิ่งที่ตาตัวเองเห็นเสมอ

ในเวลานี้ เหล่ามืออาชีพล้วนตกตะลึง และถูกปกคลุมไปด้วยความหวาดกลัวอันไร้ที่เปรียบ

“เกมแห่งชีวิตนิรันดร์ครั้งถัดไป พวกเราหวังว่าจะได้พบเจ้าอีกครั้ง จงรีบทำการลงทะเบียนและได้รับของแถมไปเป็นปรสิตและความตาย!”

“เคี๊ยก ฮ่าๆๆ”

เพชฌฆาตตัวตลกหัวเราะดั่งคนวิปริต ก่อนที่ร่างของมันจะวูบไหว ทะยานตัวขึ้นไปในชั้นอากาศ และค่อยๆ หายลับไปในชั้นเมฆ

กระทั่งร่างของมันไกลหายไปจนสายตามิอาจมองเห็น สมองควอนตัมทั่วทั้งโลกก็ทยอยกันดับลง

ณ เวลานี้ โลกทั้งใบนิ่งงันราวกับทุกสรรพสิ่งได้ตายจาก

ภายในเฉินเตี้ยนเฮ่า

“ตีบทได้สะเทือนจิตใจมาก” กู่ฉิงซานเอ่ยยกย่อง

“ตีบทแตกจริงๆ นั่นแหละ ทีนี้ พอมนุษย์ได้เห็นว่ามีอสูรกายปรสิตแฝงมาด้วย พวกเขาคงไม่คิดจะไปเข้าร่วมเล่นเกมแห่งชีวิตนิรันดร์อีกแล้วล่ะ”

ซางหยิงฮ่าวเปิดขวดแชมเปญ

“ปกติแล้วฉันไม่ค่อยดื่มอะไรพวกนี้สักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ฉันจะขอดื่มมันเพื่อเป็นการฉลองแด่ชัยชนะ!”

“ทำได้ดีมากเลย” เขายกแก้วไปทางเย่เฟย์หยู “ฉันชอบฉากที่นายใช้เลือดสังหารจริงๆ แม้กระทั่งตอนนี้ฉันก็ยังรู้สึกอยู่เลยว่ามันสมจริงเกินไป”

ว่าแล้วทั้งสองก็ชนแก้วกัน

“ยังไงก็เถอะ ไอ้อสูรกายที่โผล่มาออกในตอนท้ายนั่นมันเป็นตัวอะไรกันแน่?” ซางหยิงฮ่าวเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“มันคือเผ่ามาร ถ้ามันสามารถเข้าสู่โลกของพวกเราได้ จำนวนปรสิตก็จะเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว พอมีปริมาณมากพอ พวกมันก็จะเริ่มขยายพันธุ์ และเผ่ามารก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนยึดครองโลกใบนี้ได้ในที่สุด” กู่ฉิงซานกล่าว

“แต่ว่านะ หลังจากที่ทุกคนได้เห็นอสูรกายปรสิตตัวนั้นแล้ว ฉันคิดว่าคงไม่มีใครกล้าที่จะเข้าไปร่วมเล่นเกมแห่งชีวิตนิรันดร์อีกแล้วล่ะ” เหลียวฮังเอ่ยสนับสนุน

“ทำไมถึงคิดแบบนั้น?” เย่เฟย์หยูถาม

“เพราะความฝันที่ว่าจะได้มีชีวิตอมตะได้ถูกทำลายลงไปแล้วยังไงล่ะ”

“ไม่มีใครต้องการที่จะรับกาฝากอย่างเจ้าปรสิตนั่นมาหรอกนะ หลังจากที่ตัวเองต้องลงมือฆ่าคนมามากมายจนได้รับชัยชนะมาน่ะ”

แต่ละคนพยักหน้าเห็นด้วย

“ผลแพ้ชนะระหว่างเรากับพวกมันถูกตัดสินแล้ว”

กู่ฉิงซานกล่าวต่อ “ ตอนนี้ก็รอดูผลว่าจะมีคนเข้าร่วมเกมในรอบต่อไปสักกี่คนกันเถอะ”

ในช่วงเวลานั้นเอง แอนนาก็ยกนิ้วมาจิ้มๆ เขา

“แล้วอาการบาดเจ็บของนายเป็นยังไงบ้าง” แอนนาถามด้วยความกังวล

“ยังคงไม่ดีนัก” กู่ฉิงซานยิ้มอย่างขมขื่น “ตอนนี้กำลังเข้าสู่ช่วงฟื้นฟูอย่างช้าๆ”

เขามองไปยังหน้าต่างระบบเทพสงคราม

เวลาในนาฬิกาทราย แสดงให้เห็นว่ายังเหลืออีกหนึ่งวัน

หลังจากผ่านหนึ่งวันสุดท้ายไป เขาก็จะต้องเข้าสู่โลกแห่งผู้ฝึกยุทธ

และอาการบาดเจ็บร้ายแรงในตอนนี้ หากไปรักษาที่นั่นโดยฉินเซี่ยวโหลวหรือผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เป็นพิเศษ อาการของเขาย่อมสามารถได้รับการฟื้นฟูจนหายดีได้อย่างรวดเร็ว

“หมายความว่านายยังไม่มีแรงพอที่จะยกดาบไหวใช่ไหม?” แอนนาเอ่ยถาม

“ใช่แล้วล่ะ ตัวฉันในตอนนี้ไม่มีกำลังมากพอที่จะออกไปสู้ได้” กู่ฉิงซานกล่าว

“นายบาดเจ็บหนักขนาดนี้ก็เพื่อฉัน เพราะเช่นนั้นมั่นใจได้เลย ฉันจะรับหน้าที่ปกป้องดูแลนายเป็นอย่างดีเอง” แอนนากล่าวด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย

ซางหยิงฮ่าว เหลียวฮัง และเย่เฟย์หยูเหลือบมองตากัน และเห็นถึงความหมายที่แฝงอยู่ในแววตาของอีกฝ่าย

“นั่นพวกนายกำลังส่งสัญญาณอะไรกันอยู่” แอนนาหันหน้ามาถาม

“หา? อ้อๆ พอดีว่าฉันรู้สึกหิวแล้วน่ะสิ เลยหันไปถามความเห็นคนอื่นๆ” ซางหยิงฮ่าวยกมือขึ้นกุมท้อง ปากเอ่ยกล่าว

“นั่นสินะ พวกเราก็อยู่กันที่นี่มาสักพักแล้ว ลงไปกินข้าวกันดีกว่า” กู่ฉิงซานกล่าว

หลังจากรับประทานมื้ออาหารค่ำเสร็จ กู่ฉิงซาน เย่เฟย์หยู ซางหยิงฮ่าวก็มานั่งรวมตัวกันบนโซฟา และตั้งวงสนทนากัน

นี่นับว่าเป็นช่วงเวลาพักผ่อนอันหาได้ยากยิ่ง

เหลียวฮังเดินกะโผลกกะเผลกมาด้วยใบหน้าบวมเป่งและจมูกที่เปื้อนเลือด ปากเอ่ยถาม “แล้วแอนนาเล่า?”

“เพิ่งจะออกไปน่ะ เห็นว่าต้องการจะไปซื้ออะไรสักอย่าง ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นกับคุณกัน?” กู่ฉิงซานกล่าว

“อ๋อ ฉันก็แค่ไปยืนอยู่หน้าทางเข้าห้องเธอ แล้วเธอก็หวดหมัดสวนกลับมาจนหน้าฉันเป็นแบบนี้นี่แหละ” เหลียวฮังบ่น ทิ้งตัวลงบนโซฟา

“สภาพแบบนี้ คงไม่ใช่ว่ากำลังพยายามที่จะติดตั้งอะไรสักอย่าง แต่ถูกเธอเจอเข้าล่ะสิ” ซางหยิงฮ่าวยิงตรงประเด็น

เหลียวฮังส่ายหัว “ฉันขอบอกแกตามตรงเลยนะ ผู้หญิงน่ะควรจะสุภาพและอ่อนโยน แต่ผู้หญิงที่เอะอะก็ชกก็เตะคนอื่น ถ้าต้องมาอยู่ด้วยกันในฐานะสามีภรรยาแล้วล่ะก็...”

ทันใดนั้นแอนนาผลักประตูเข้ามา

“นั่นจะทำให้ชีวิตคู่หลังแต่งงานของแกมีความสุขที่ซู้ดเลยล่ะ” เหลียวฮังรีบกลับคำอย่างฉับพลัน

“…” ซางหยิงฮ่าว

“…” เย่เฟย์หยู

“อ้าว ทำไมถึงรีบกลับมาเร็วจังเลยล่ะ?” กู่ฉิงซานถาม

“ลืมกุญแจน่ะ” แอนนาชูกุญแจให้ดู สาดสายตาจิกกัดไปยังเหลียวฮัง ก่อนจะหันหลังและผลักประตูเดินออกไป

เหลียวฮังนิ่งค้างเป็นอัมพาตอยู่บนโซฟา ในปากเอ่ยงึมงำ “เกือบตายไปแล้วมั้ยล่ะฉัน…”

....................................................