ตอนที่ 180 เกราะรบ
อีกหนึ่งรังสีแสงกวาดผ่านเย่เฟย์หยู
“ข้อมูลร่างกายของเย่เฟย์หยูได้ถูกบันทึกเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”
“ก่อตั้งโครงการสรรค์สร้างเกราะรบขับเคลื่อน โดยใช้กระบวนการโครงสร้างชีวิตเป็นแกนหลัก...จะเริ่มต้นการวิจัยและพัฒนาขึ้นในไม่ช้า”
“ร้องขอให้ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติกู่ฉิงซาน ทำการตั้งชื่อโครงการโมเดลเกราะรบ”
“มันคือหุ่นรบที่ใช้โมเดลดั้งเดิมของเพลิงนางฟ้าเป็นพื้นฐาน” กู่ฉิงซานขบคิดและกล่าว “ทว่าคราวนี้มันจะถูกสรรค์สร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นเพชฌฆาตล่าสังหาร ดังนั้นโค๊ดเนมของมันก็คือ ‘เพชฌฆาต’”
“ชื่อโครงการได้ถูกจัดตั้งแล้ว ร้องขอให้ใต้เท้าผู้ทรงเกียรติดำเนินการขั้นต่อไป”
จอม่านแสงขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของกู่ฉิงซาน
กู่ฉิงซานมองขึ้นไปบนจอที่ปรากฏ โมเดล อัลกอริทึม สูตรข้างต้น เพื่อเริ่มทำการออกแบบอย่างจริงจัง
ส่วนทางด้านเหลียวฮัง เบื้องหน้าเขาก็ปรากฏจอม่านแสงขนาดเล็กขึ้นเช่นกัน
เขายังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างใจจดใจจ่ออยู่กับจอม่านแสง เพื่อทำการปลุกอุปกรณ์จัมป์ที่ลอบติดตั้งเอาไว้เมื่อ สามสิบปี ก่อนให้สามารถใช้งานได้อีกครั้ง
“ผลงานที่รักจ๋า ได้เวลาตื่นขึ้นจากห้วงนิทราแล้วนะจ๊ะ” ในปากเขาเอ่ยงึมงำ
เย่เฟย์หยูยืนอยู่ข้างกู่ฉิงซาน วิสัยทัศน์ของเขาสาดส่องบนจอม่านแสง อย่างมิอาจละสายตาออกไปได้
ซางหยิงฮ่าวเห็นท่าทีของอีกฝ่ายจึงเอ่ยถามซอกแซก “นี่นายก็รู้เรื่องกับเขาด้วยงั้นเหรอ?”
“ไม่รู้เรื่องเลยต่างหาก”
“อ่าว แล้วถ้างั้นจะยืนดูทำไม”
“นายจะไปรู้อะไร นั่นน่ะมันจะเป็นเกราะรบขับเคลื่อนตัวแรกของฉันนะ เกราะรบขับเคลื่อนเชียวนะ!”
บนใบหน้าของเย่เฟย์หยู ปรากฏให้เห็นถึงความตื่นเต้นคลั่งไคล้อย่างที่มิเคยได้เผยออกมาก่อน
ซางหยิงฮ่าวกางสองมือออก เอ่ยพึมพำ “เออ เออ ฉันว่าฉันพอจะเข้าใจความรู้สึกนั้นเหมือนกัน”
เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ประสิทธิภาพของผลงานที่กู่ฉิงซานกำลังรังสรรค์ขึ้นมานั้นสูงมาก
เจ้าสิ่งนี้คือเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบสิบปีสุดท้ายของวันสิ้นโลก ซึ่งมันได้ผ่านการทดลองในอดีตมานับครั้งไม่ถ้วน และได้รับการยกย่องในท้ายที่สุดว่ามันนี่แหละคือผลงานอันยิ่งใหญ่และมีความน่าเชื่อถือมากที่สุด
โมเดลเดิมได้หายไป และเกราะรบขับเคลื่อนใหม่เอี่ยมที่มีขนาดสูงไม่ถึงสองเมตรกำลังยืนนิ่งอยู่เบื้องหน้าคนทั้งหมด
“นี่มันค่อนข้างจะแตกต่างไปจากหุ่นรบที่ฉันจินตนาการเอาไว้” เย่เฟย์หยูกอดอก เอ่ยกล่าวอย่างไม่มั่นใจ
“แน่นอนว่ามันย่อมที่จะแตกต่างออกไป” กู่ฉิงซานกล่าว “นี่มิใช้เกราะรบขับเคลื่อนที่ให้ความรู้สึกแบบดั้งเดิม”
“แล้วมันแตกต่างกันอย่างไร” เหลียวฮังละสายตาจากงานของเขา และวิ่งเข้ามาดู
กู่ฉิงซานกล่าว “เทพธิดากงเจิ้ง เย่เฟย์หยูเตรียมตัวพร้อมแล้ว เริ่มต้นทำการสวมใส่อุปกรณ์ได้”
“ทราบแล้ว”
เสียงกระหึ่มของกลไกดังขึ้น
วินาทีนั้นเอง เกราะรบก็พลันร่วงตกลงมาบนพื้น ก่อนที่จะค่อยๆ เคลื่อนที่ไปยังร่างของเย่เฟย์หยู
หุ่นรบสลายตัวไปกลายเป็นหลายสิบชิ้นส่วน มันค่อยๆ ไต่ขึ้นไปตามเท้า ติดตั้งอุปกรณ์ชั้นแล้วชั้นเล่าตามสัดส่วนของร่างกาย จนกระทั่งชิ้นส่วนสุดท้ายอย่างหมวกเกราะถูกติดตั้ง จึงเสร็จสิ้น
เกราะรบนี้ มิได้ดูสูงใหญ่และทรงพลังใดๆ แม้จะมองจากด้านข้างก็ยังไม่อาจมองเห็นระบบอาวุธของมันได้ หากเพียงผ่านๆ แวบแรก จะดูราวกับว่าเป็นเพียงเกราะรบที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับอาวุธเย็นสมัยโบราณซะมากกว่า
“นี่คือหนึ่งในเกราะรบส่วนบุคคล” กู่ฉิงซานกล่าว “นายสามารถสวมใส่มันเพื่อใช้ปกปิดสถานะของตนเอง และหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกจดจำได้โดยผู้อื่น”
เขาจ้องมองไปยังเย่เฟย์หยูและเอ่ยเสริม “แต่นายสามารถมั่นใจได้เลยว่า วันหนึ่งที่ฉันจะปล่อยให้นายเป็นอิสระ ใช้ชีวิตภายใต้แสงอาทิตย์เหมือนกับคนอื่นๆ ทั่วไป โดยไม่จำเป็นต้องสวมใส่เกราะรบนี้อีกต่อไป”
“ฉันจะจดจำคำสัญญาที่นายเอ่ยออกมาในวันนี้เอาไว้” เย่เฟย์หยูกล่าว
กู่ฉิงซาน “เอาล่ะ ทีนี้พวกเราก็มาเริ่มสาธิตระบบอาวุธสนับสนุนกันดีกว่า”
“รับทราบแล้ว” เทพธิดากงเจิ้งกล่าว
ทันใดนั้น ก็ปรากฏจอม่านแสงเล็กๆ ฉายออกมาจากหมวกเกราะรบ มันลอยอยู่กลางอากาศเบื้องหน้าเย่เฟย์หยู
เสียงของเทพธิดากงเจิ้งดังกึกก้อง “ร้องขอเย่เฟย์หยูให้ทำการเลือกรายการอาวุธต่อสู้”
เย่เฟย์หยูกวาดสายตาไปบนจอม่านแสง สูญเสียความนึกคิดไปครู่หนึ่ง ยืนนิ่งค้างอยู่กับที่
ซางหยิงฮ่าวดูจะได้สติก่อนเป็นคนแรก เขาอุทานออกมา “พระเจ้า นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!”
“อะไรๆ มันน่าตื่นตาขนาดนั้นเชียวหรือ?”
เหลียวฮังก้าวตรงเข้ามา และจ้องมองไปยังจอม่านแสงเบื้องหน้า
ก่อนจะหันกลับมามองกู่ฉิงซาน และเผยถึงความไม่มั่นใจบางอย่างขึ้นในสายตาของเขา
กู่ฉิงซานพยักหน้ารับว่าที่พวกนายเห็นนั่นน่ะ ไม่ได้ตาฝาดไป
“มันเรื่องจริงงั้นหรือนี่” เหลียวฮังกล่าวพลางถอนหายใจ “นี่แกแน่ใจจริงๆ งั้นหรือว่าเจ้าเกราะรบนี่มันมีหน้าที่เพียงแค่ช่วยปกปิดถึงสถานะที่แท้จริงของผู้สวมใส่?”
เสียงของเทพธิดากงเจิ้งดังกังวานขึ้นภายในเกราะหมวกของเย่เฟย์หยู
“ป้อมปราการดวงดาว หมิงกวงเฮ่า ป้อมปราการดวงดาว สงหวูเฮ่า และยานรบระหว่างดวงดาวภายใต้การครอบครองโดยรัฐบาลกลาง ทั้งหมดได้เดินทางมาถึง และอยู่ในสภาวะเตรียมพร้อมรบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
“ร้องขอให้นักบินหุ่นรบเย่เฟย์หยู ทำการเลือกสรรอาวุธที่เหมาะสมเพื่อดำเนินการโจมตีศัตรู”
เย่เฟย์หยูชี้ไปบนจอม่านแสง เบนสายตามามองกู่ฉิงซาน “นี่มันเรื่องจริงหรือว่าเป็นแค่เกมกันแน่เนี่ย?”
กู่ฉิงซาน “แน่นอนว่าเป็นเรื่องจริง หุ่นรบตัวนี้ถูกควบคุมโดยระบบAIของเทพธิดากงเจิ้ง ประกอบไปด้วยระบบอาวุธจากสองป้อมปราการดวงดาว และกองยานรบประจัญบานระหว่างดวงดาว หากนายต้องการใช้อาวุธใดๆ โจมตีเป้าหมายโดยตรง ก็เพียงแค่คลิกหรือเอ่ยปากออกมาเท่านั้น นายก็จะสามารถใช้งานระบบอาวุธทุกอย่างบนป้อมปราการและกองยานรบได้ทันที”
“แน่นอนว่าการคำนวณการโจมตีข้ามเส้นขอบฟ้านั้นจะถูกจัดการโดยเทพธิดากงเจิ้ง และหน้าที่ของนายก็คือระบุเป้าหมาย และวิธีการโจมตีเท่านั้น”
เย่เฟย์หยูกล่าว “งั้นหมายความว่า ฉันสามารถเริ่มต้นสงครามได้เลยเพียงแค่ลมปากเดียว?”
“ถูกต้อง เพียงลมปากเดียว นายสามารถเริ่มสงครามได้ หรืออย่างมากที่สุดก็สามารถทำลายล้างพื้นที่ส่วนหนึ่งในโลกได้เลย” กู่ฉิงซานกล่าวติดตลก
ทว่าหากได้ยินคำสั่งนั้น ย่อมเป็นธรรมดาที่เทพธิดากงเจิ้งจะสามารถทำการตัดสินใจด้วยตนเอง และเลือกที่จะไม่ฟังคำสั่งของเย่เฟย์หยู
อย่างไรก็ตาม เย่เฟย์หยูก็ดูจะเชื่อสนิทใจไปแล้ว
สีหน้าของเขาแดงปลั่ง ทั้งคนทั้งร่างเต็มไปด้วยความตื่นเต้นโดยสมบูรณ์
“แล้วมันยังมีอะไรเจ๋งๆ อย่างอื่นอีกไหม” เขาถาม
“ชุดเกราะรบนี้มีน้ำหนักเบามาก ส่วนประกอบทั้งหมดของมันทำมาจากโลหะสังเคราะห์รุ่นใหม่ล่าสุด และมันจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อการเคลื่อนไหวของนาย ขณะเดียวกันระดับความทนทานของมันก็ยังอยู่ในขั้นมาตรฐานสูงสุด ครอบครองพลังป้องกันอันน่าอัศจรรย์ใจจนไม่อาจจะจินตนาการได้”
“นอกจากนี้มันยังมีตัวแปรที่ใช้ในการคำนวณความเร็ว และเสริมพลังให้หน่วยควบคุมต่างๆ เพิ่มความรวดเร็วว่องไวในการบินได้ดั่งใจนึกตามที่นายต้องการ”
“มันมีความสามารถในการเชื่อมต่อกับเครือข่ายของรัฐบาลกลางได้โดยอัตโนมัติ และสามารถแจ้งเตือนนายให้ทราบถึงผลลัพธ์ความสำเร็จทั้งหมดที่เกิดจากอารยธรรมมนุษย์”
“มันมีความสามารถในการเชื่อมต่อกับทุกสิ่งอย่างบนโลก ไม่ว่าจะเป็นอินเทอร์เน็ต คลังความรู้ หรือข้อสงสัยใดๆ แม้ในสถานการณ์สู้รบ มันจะสรุปย่อๆ แล้วให้คำตอบแก่นาย”
“หนุนเสริมด้วยหัวฉีดกระตุ้นมอร์ฟีน หากนายได้รับบาดเจ็บอย่างร้ายแรง หัวฉีดจะทิ่มลงไปโดยอัตโนมัติ เป็นการรับประกันว่า นายจะไม่มีทางตกตายลงภายในสามสิบนาทีต่อจากนั้นอย่างแน่นอน”
“ระดับพลังงานนาโนที่เป็นเทคโนโลยีสนับสนุนหลักยังคงอยู่ในช่วงกระบวนการวิจัย สิ่งนี้ไม่ง่ายนัก ดังนั้นเลยต้องดึงสามชุดพลังงานสำรองออกมาใช้งานก่อน”
“นายสามารถสั่งการในเลือกสรรทุกสรรพาวุธที่ต้องการได้ และเกราะรบนี้จะรวบรวมอาวุธเย็นที่สอดคล้องและเหมาะสมต่อการใช้งานสำหรับนายมาให้ใช้งานเอง”
“นอกจากนี้มันยังมีระบบเกมของสตาร์การ์เดียนส์ถูกเสริมเข้ามาช่วยเหลือ พร้อมทั้งมีการประเมินรูปแบบการต่อสู้ และทำการคำนวณถึงคุณภาพการต่อสู้ จากนั้นก็จะส่งข้อมูลแนะนำกลับมาเพื่อนำไปใช้ปรับปรุง…”
“เวลาค่อนข้างกระชั้นชิด ไว้ระบบอื่นๆ นอกจากนี้ พวกเราค่อยมาศึกษามันกันใหม่ในภายหลัง”
กู่ฉิงซานกล่าวอธิบายจนจบ
ทว่าเมื่อเขาเงยหน้าขึ้น กลับต้องพบเจอกับสีหน้าโง่งมของทั้งสามคน
“เฮ้ๆ” เขาปรบมือจนเกิดเสียงดัง “มัวอึ้งอะไรกันอยู่ พวกเรายังมีงานต้องทำนะ”
ทั้งสามคนได้สติจากห้วงภวังค์
“นายคงไม่คิดที่จะทำลายโลกหรอกนะใช่ไหม?”
ซางหยิงฮ่าวเอ่ยถามเย่เฟย์หยู
“บอกตรงๆ ว่าหลังจากที่ได้ใส่เกราะรบชิ้นนี้แล้ว ก็พอจะแอบคิดบ้างอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน” เย่เฟย์หยูเอ่ยตามจริง
เหลียวฮังถอนหายใจและกล่าว “ถ้าหากสมองของแกอัจฉริยะถึงขนาดนี้ ฉันคงต้องยอมรับเล็กน้อยแล้วล่ะว่าตัวเองแก่ลงไปตามกาลเวลา จนตามเทคโนโลยีสมัยนี้ไม่ทันแล้ว”
“เอาล่ะๆ ทีนี้พวกเราก็มาเริ่มการต่อสู้ครั้งแรกกันเลยดีกว่า” กู่ฉิงซานกล่าวอีกครั้ง
อีกสามคนพยายามเรียกสติกลับมาให้จิตใจมั่นคง
“แล้วในการต่อสู้ครั้งแรก พวกเราจะต้องทำอะไรกันบ้าง?” ซางหยิงฮ่าวถาม
กู่ฉิงซานกล่าว “ง่ายดายมาก เชือดมันซะ ต่อหน้าผู้คนทั้งโลก”
“แล้วฉันควรจะใช้อาวุธอะไรดี?” เย่เฟย์หยูกล่าวอย่างกระวนกระวายใจเล็กน้อย
“ไม่ต้องคิดมากหรอก ครั้งแรกก็แค่สร้างความประทับใจให้แก่ทุกคน นายลุยมันด้วยมือเปล่าไปเลย” กู่ฉิงซานกล่าว
“ยิ่งไปกว่านั้น…ตอนนี้ดูเหมือนว่าระบบอาวุธจะยังมีปัญหาบางอย่างอยู่...”
บนจอม่านแสง ปรากฏแถบตัวอักษรเด้งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ปัญหาอะไรงั้นเหรอ?” เหลียวฮังถาม
“สำหรับระบบอาวุธร้อน ดูเหมือนว่าจะสามารถใช้ได้เฉพาะในเขตแดนของรัฐบาลกลางเท่านั้น หากมันไปปรากฏตัวขึ้นในน่านฟ้าของประเทศอื่น ก็จะถูกค้นพบโดยระบบตรวจจับระดับชาติได้” กู่ฉิงซานกล่าว
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว ว่าแต่แล้วแกล่ะ เตรียมวางแผนที่จะทำอะไรต่อไป?” เหลียวฮังเอ่ยถามด้วยความสนใจ
“ภายในแผ่นดินของรัฐบาลกลาง พวกเราสามารถใช้อาวุธร้อนได้ โดยมีเทพธิดากงเจิ้งรับผิดชอบไปในการจัดการ”
“ส่วนในประเทศอื่นๆ พวกเราจะต้องปล่อยให้เทพธิดากงเจิ้ง ค่อยๆ เริ่มเข้าไปควบคุมอำนาจของระบบประมวลผลของพวกเขาเสียก่อน”
“เรื่องนั้นมันเป็นไปได้ยากมาก แกจะต้องเข้าไปในศูนย์ประมวลผลหลักที่แท้จริงของแต่ละประเทศ” เหลียวฮังกล่าว
กู่ฉิงซานเงียบไปครู่หนึ่งก่อนกล่าว “เทพธิดากงเจิ้งเป็นตัวตนที่อยู่เหนือกว่าศูนย์กลางประมวลผลหลัก หากให้เธอเป็นคนลงมือ พวกเราก็จะไม่จำเป็นต้องทำอะไรให้ยุ่งยากแบบนั้น หรือพบเจอปัญหาใดๆ”
“แต่การกระทำพวกนี้มันเป็นการละเมิดกฎหมายของประเทศอื่นๆ เทพธิดากงเจิ้งคงไม่บ้าไปกับพวกเราด้วยหรอก” เหลียวฮังกล่าว
กู่ฉิงซานมองไปในอากาศที่ว่างเปล่า และเอ่ยถามเบาๆ “เขาว่าอย่างงั้นแน่ะ แล้วคุณล่ะจะว่าอย่างไร”
“ฉันจะปฏิบัติและก้าวเดินตามรอยเท้าของใต้เท้าผู้ทรงเกียรติ”
เสียงของผู้หญิงที่ฟังดูเคร่งขรึมดังออกมาจากความเงียบ กังวานไปทั่วทั้งป้อมปราการดวงดาว
“ดีมากงั้นพวกเรา” กู่ฉิงซานหยุด ก่อนจะหันไปมองทั้งสาม
ทว่าบัดนี้หุ้นส่วนที่เหลือของเขา กำลังเผยท่าทีโง่งมขึ้นอีกครั้ง ราวกับกำลังพบเจอกับอสูรแห่งท้องทะเลสายพันธุ์ใหม่
“นรกเถอะ! เหลือเชื่อเกินไปแล้ว! ถึงแม้ว่าแกจะมีเทพธิดากงเจิ้งคอยหนุนหลัง แต่เธอย่อมไม่มีทางพยายามที่จะไปเข้าควบคุมหน่วยประมวลผลแกนกลางของประเทศอื่นๆ อย่างแน่นอน นี่อย่าบอกนะว่าแกได้ไปดัดแปลงอัลกอริทึมหลักของเทพธิดากงเจิ้ง?” เหลียวฮังอุทานระรัวเร็วจนลิ้นแทบพันกัน
........................................