เมื่อกลับมาอยู่ที่บ้านก็พบว่าเวลาผ่านไปแค่ชั่วโมงกว่าเหมือนเดิม ที่หากคำนวณแบบง่ายๆก็พอจะเดาได้ว่า เวลาในมิติปิดกั้นเดินเร็วกว่าบนโลกสี่เท่า เพราะเวลาที่ผมเข้ามิติปิดกั้นจะอยู่ราวสี่ชั่วโมงตลอด แต่พอกลับออกมาเวลาพึ่งผ่านไปชั่วโมงกว่า ดังนั้นมันก็ควรจะเป็นแบบนั้น มั้งนะ
"เที่ยงแล้ว กินข้าวเลยดีกว่า แต่จะออกไปซื้ออีกก็ขี้เกียจ กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเอาละกัน"
ผมต้มน้ำเพื่อทำบะหมี่กินเป็นมื้อเที่ยง แต่ก็นึกขึ้นได้ว่ามีเนื้อปลาเกือบร้อยกิโลกรัมอยู่ในช่องเก็บของต่างมิติ ดังนั้นลองเอามากินดูน่าจะดี เพราะเมื่อตรวจสอบข้อมูลกับระบบแล้ว ทำให้รู้ว่าเนื้อปลาพวกนี้กินได้ ชักชอบที่มีระบบให้ใช้แล้วสิ
"โอ้ ดึงของออกมาได้ตามต้องการด้วย เจ๋งเลย"
ผมทดลองใช้ทักษะช่องเก็บของต่างมิติ โดยเลือกที่จะหยิบเนื้อปลาเสือลายเมฆออกมาหนึ่งชิ้น แล้วจำนวนที่แสดงให้เห็นก็ลดลงหนึ่งหน่วย ซึ่งการใช้งานแบบนี้ทำให้ง่ายต่อการเก็บของในอนาคตเป็นอย่างมาก
เพราะถ้าผมเก็บเสบียงอาหารไว้ในช่องเก็บของนี่ เวลาเข้ามิติปิดกั้นก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องน้ำกับอาหารอีก หรือหากได้วัตถุดิบมาเป็นจำนวนมากก็ไม่ต้องตัดใจทิ้ง เหมือนที่ได้ปลามาจากการทำภารกิจเมื่อครู่
แต่ยังติดปัญหาอยู่นิดหน่อย ตรงที่ผมไม่รู้ว่าอาวุธ หรือพวกเสื้อผ้าจะสามารถทำแบบเดียวกันได้รึเปล่า เพราะหากยึดตามระบบของเกมแล้ว อุปกรณ์สวมใส่จะต้องใช้หนึ่งช่องต่อชิ้น ดังนั้นวิธีที่ง่ายที่สุดคือทดลอง
"เอาดาบออกมาก่อน แล้วลองใส่มีดลงไป"
เคร้ง
เสียงมีดตกกระทบพื้นดังขึ้นพร้อมกับภาพมีดปอกผลไม้ปรากฏอยู่ในช่องหนึ่งด้าม ส่วนอีกด้ามที่เหมือนกันก็ตกอยู่แทบเท้า และสิ่งนี้ก็ยืนยันในความคิดของผม ว่าพวกอุปกรณ์สวมใส่จะต้องใช้หนึ่งช่องต่อหนึ่งชิ้นจริงๆ
"เอาเหอะ แค่เก็บวัตถุดิบได้ก็มีประโยชน์มากแล้วละน่า"
ผมพูดออกมาเพื่อปลอบใจตัวเอง ที่ต้องเก็บเลเวลใหม่อีกครั้ง เพื่อสะสมแต้มทักษะไว้แลกทักษะฟื้นฟูขึ้นสูง ที่ต้องการแต้มถึงหนึ่งร้อยห้าสิบหน่วย แถมผมยังพึ่งใช้แต้มแลกทักษะช่องเก็บของต่างมิติมา ทำให้แต้มเหลือแค่สิบหน่วยเท่านั้น
"เปิดค่าสถานะ"
ผู้ถูกเลือก เลเวล 23
ชื่อ ทวีโชค ใจงาม
สัญชาติ ไทย
พลังชีวิต 185 พลังเวท 10
ความแข็งแกร่ง 12 ความอดทน 50
ความว่องไว 10 (+5) ความแม่นยำ 10
พลังโจมตี 6 (+15) พลังป้องกัน 100
แต้มทักษะ 10
ทักษะ
- ฟื้นฟูขั้นกลาง
- ช่องเก็บของต่างมิติขั้นต้น
ความสามารถพิเศษ - ควบคุมประจุไฟฟ้าในร่างกายและพลังงานไฟฟ้าในอากาศ
"เฮ้อ จะดูกี่ทีก็เหลือแค่สิบ ให้ตายเถอะ"
แล้วยิ่งเลเวลมากขึ้นเท่าไหร่ การเพิ่มเลเวลก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น ทำให้การล่าสัตว์มายาในพื้นที่เดิมๆ ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป แต่เงื่อนไขการได้รับภารกิจของระบบก็ค่อนข้างตายตัว
ด้วยการเข้ามิติปิดกั้นจะได้รับภารกิจเริ่มต้นเสมอ โดยจะยึดเอาจุดที่ทำการออกจากมิติเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ ดังนั้นเป้าหมายต่อไปคงต้องเป็นป่าหิมพานต์เท่านั้น เพราะจะออกหาปลาต่อมันก็น่าเบื่อด้วยส่วนหนึ่ง
"ว่าแต่ ไอ้เนื้อปลาเสือลายเมฆนี่ก็อร่อยดีแฮะ แค่ต้มเฉยๆยังอร่อยเลย"
ผมกินบะหมี่สำเร็จรูปใส่ไข่และเนื้อปลาตัดเป็นชิ้นพอดีคำ ที่ถึงหน้าตาจะดูไม่ค่อยได้เท่าไหร่ แต่รสชาติถือว่าอร่อยสำหรับผมแล้ว และดูเหมือนผมจะหิวกว่าที่คิด เพราะบะหมี่สองห่อไม่ได้ทำให้อิ่มเหมือนที่เคย
จากนั้นระหว่างรอบะหมี่สุก ผมก็อ่านข้อมูลของทักษะช่องเก็บของต่างมิติ ที่ในระดับขั้นต้นจะมีช่องเก็บของให้สิบช่อง และของที่เก็บไว้จะเน่าเสียช้ากว่าปกติ เพียงแต่มันก็ไม่ต่างจากช่องแช่แข็งของตู้เย็นเท่าไหร่
และหากต้องการให้ของที่เก็บไว้ไม่มีทางเน่าเสียและสดเหมือนใหม่ตลอดเวลา จำเป็นจะต้องเพิ่มระดับทักษะเป็นขั้นสูง โอเค ใช้แค่ขั้นต้นก็พอ เก็บแต้มทักษะไว้แลกทักษะอื่นดีกว่า
"เอาล่ะ ท้องอิ่มแล้วก็ไปลุยกันต่อดีกว่า"
แต่ก่อนจะเข้าสู่มิติปิดกั้น ผมก็ไม่ลืมที่จะเอามีดปอกผลไม้ออก แล้วใส่ดาบหนอนชาเขียวกลับเข้าไปใหม่ เพราะหากเข้าไปทั้งแบบนั้น มีหวังได้ใช้พลังจิตจนเจียนตายอีกชัวร์
และการเข้ามิติปิดกั้นนั้นก็ไม่ได้สะดวกสบายและง่ายดายเท่าไหร่ เนื่องจากระบบจะกำหนดเวลาขั้นต่ำที่ผู้ถูกเลือกจะต้องอยู่ในมิติก่อนใช้คำสั่ง หวนคืน เหมือนกับมีระยะเวลาที่ต้องรอเพื่อใช้ใหม่เหมือนในเกม
ทำให้ในแต่ละครั้งที่ผมจะเข้ามิติปิดกั้น การเตรียมพร้อมด้วยความระมัดระวังจึงจำเป็น และด้วยความงกส่วนตัวของผม กระดูกกับหนังที่เน่าเสียยากจึงถูกใส่ลงถุงดำ แล้วเอาไปเก็บซ่อนไว้ในห้องของผม
และสาเหตุไม่เก็บไว้ในตู้เย็น ก็เป็นเพราะว่าพื้นที่ในตู้เย็นของบ้านผมนั้นมันไม่เหลือแล้ว แถมต่อให้มีที่ว่าง ไอ้การเก็บกระดูกปลาที่ยาวเป็นเมตรในตู้เย็นธรรมดามันก็คงเป็นไปไม่ได้
ดังนั้นผมจึงได้แต่หวังว่า กระดูกและหนังปลาพวกนี้จะไม่เน่าเสียก่อนผมกลับมาจากมิติปิดกั้น
-ท่านเข้าสู่มิติปิดกั้น-
-ท่านได้รับภารกิจ กำจัด ปูแดงยักษ์ วัยเยาว์ จำนวนสิบตัว-
แล้วโผล่มาก็ได้ภารกิจทันทีเหมือนเคย แต่ปูแดงยักษ์วัยเยาว์ อารมณ์มันจะเหมือนลูกปูที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติรึเปล่าหว่า แถมมันยังมีกระดองที่ใช้ป้องกันตัวจากการโจมตีจากศัตรูได้ด้วย สงสัยงานนี้ต้องใช้พลังจิตช่วยอีกแล้วสิ
"เอ ปูๆ เจอละ"
ผมค้นหาจากแผนที่ระบบ ก็ได้พบเป้าหมายอยู่บริเวณเดียวกับแอ่งน้ำที่พึ่งล่าปลาเสือลายเมฆไป เพียงแต่มันจะอยู่ในจุดที่น้ำลึกกว่า ดังนั้นผมจึงใช้วิธีเดิม คือการใช้เนื้อปลาเป็นเหยื่อล่อ และโชคยังดีที่อุปกรณ์ที่ผมทิ้งไว้ก่อนออกไปยังอยู่
จากนั้นผมก็เหวี่ยงคันเบ็ดที่หน้าตาไม่ต่างจากท่อนไม้พันด้วยเถาวัลย์ โดยอาศัยพื้นที่ชายป่าเป็นจุดตกปู ที่ถึงจะเสี่ยงกับสัตว์มายาในป่าหิมพานต์นิดหน่อย แต่จุดนี้ก็เป็นจุดที่ใกล้รังปูจากแผนที่มากที่สุดแล้ว เพราะผมไม่อยากลุยน้ำไปสู้กับปูอ่ะนะ
"โอ๊ะ กินเหยื่อเร็วดีแฮะ"
เมื่อเบ็ดกระตุกผมก็รีบดึงทันที แต่พละกำลังของผมดูจะสู้สิ่งที่กินเหยื่อไม่ได้ ดังนั้นก่อนที่มันจะดึงผมร่วงลงแอ่งน้ำ พลังจิตก็ถูกใช้งานโดยแลกกับอาการปวดหัวนิดหน่อย ที่แทบจะไม่รู้สึกอะไรแล้ว สงสัยจะชินกับความเจ็บปวด หรือไม่ก็ทักษะฟื้นฟูขั้นกลางทำการรักษาเร็วจะไม่ให้รู้สึกเจ็บละมั้ง
เปรี๊ยะ
เสียงไฟช็อตดังขึ้นก่อนที่ผิวน้ำจะกระเพื่อมเล็กน้อย จากนั้นเมื่อทุกอย่างสงบลง ผมก็ลากสิ่งที่กินเหยื่อมาดู และพบว่ามันคือปูสีแดงที่มีก้ามข้างหนึ่งใหญ่กว่าอีกข้างมาก แต่ดูจากขนาดตัวแล้วคงใช่เป้าหมายของภารกิจแล้ว แต่เพื่อความแน่นอน ลองใช้ระบบตรวจดูดีกว่า
"ดูจากรูปแล้ว คงใช่แหละ"
จากนั้นการตกปูของผมก็ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ราวกับเป็นการผักผ่อนหย่อนใจก็ว่าได้ แถมยังไม่มีสัตว์มายามากวนใจอีกด้วย ที่คิดว่าน่าจะเป็นเพราะเลเวลที่มากขึ้น จนสัตว์มายาที่มีเลเวลต่ำกว่าผมไม่กล้าเข้าใกล้
-ท่านทำภารกิจ กำจัด ปูแดงยักษ์ วัยเยาว์ จำนวนสิบตัวสำเร็จ ได้รับเสื้อเกราะปูแดง-
ผมหยิบเสื้อเกราะที่ทำมาจากกระดองปูสีแดงขึ้นมาดู ที่ถึงจะแลดูอัปลักษณ์ไปสักหน่อย แต่มันก็น่าจะช่วยป้องกันการโจมตีได้ ดังนั้นผมจึงไม่ลังเลที่จะใส่มันทันที และตัวผมในตอนนี้ที่มีเสื้อเกราะใส่พร้อมถือดาบกับโล่ ก็เหมือนกับตัวละครเริ่มต้นในเกมสมัยก่อน ที่หาความเข้ากันของอุปกรณ์สวมใส่ไม่ได้ เน้นแต่การใช้งานเท่านั้น
"เอาเหอะ ความสวยงามไม่ได้ช่วยให้เอาตัวรอดได้ในชีวิตจริงนี่หว่า"
ผมพูดปลอบใจตัวเองหลังจากมองดูเงาของตัวเองบนแอ่งน้ำ ที่สารรูปออกจะทุเรศไปสักหน่อย แต่มันก็เป็นของที่ผมมีทั้งหมดในตอนนี้แล้ว
จากนั้นผมก็หันมาสนใจซากปูจำนวนสิบตัวที่กองอยู่ริมน้ำ ก่อนจะทดลองจับใส่ช่องเก็บของต่างมิติ แล้วสิ่งที่คิดก็เป็นจริง เพราะศพปูหนึ่งตัวปรากฏขึ้นในช่องเก็บของ
และมันหมายความว่าผมสามารถเก็บศพสัตว์มายาที่ไม่ยอมสลายไปเข้าช่องเก็บของได้ทั้งตัว ซึ่งมันสามารถประหยัดช่องเก็บของไปได้มาก และหลังจากนี้ผมก็ไม่จำเป็นต้องชำแหละเองให้เสียเวลา แต่เอาซากไปขายได้ทั้งตัวเลย
ทว่าปัญหาก็ยังคงมีอยู่ เพราะการขายอาหารที่ไม่ทราบแหล่งที่มามักจะโดนกดราคา แถมจะโดนสงสัยเอาได้ ว่าไปเอาสัตว์หน้าตาประหลาดแบบนี้มาจากที่ไหน ยกเว้นว่าผมจะหาคนกลางมาออกหน้าแทน
"เฮ้อ นี่ต้องติดต่อยัยเตี้ยนั่นจริงๆเหรอเนี่ย"
ผมถอนหายใจอย่างอับจนในหนทาง แต่ในเมื่อมันมีแค่ทางนี้ จะมัวคิดมากก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา แต่เรื่องนี้ไว้ค่อยทำหลังจากกลับถึงบ้านละกัน
หลังจากเก็บกวาดทุกอย่างเข้าช่องเก็บของจนหมด ผมก็มุ่งหน้าเข้าป่าหิมพานต์ เพราะภารกิจเมื่อครู่ไม่สามารถทำให้เลเวลของผมเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้นการล่าสัตว์มายาที่แข็งแกร่งขึ้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้
-ท่านเข้าสู่พื้นที่ป่าหิมพานต์-
เสียงระบบดังขึ้นหลังจากผมเดินเข้าป่ามาได้ราวร้อยเมตร แต่คราวนี้กลับไม่มีภารกิจให้เหมือนทุกครั้ง จนชักจะสงสัยว่าเงื่อนไขการได้รับภารกิจมันคืออะไรกันแน่ แต่ไม่ทันจะได้ค้นหาข้อมูลจากระบบ สัตว์มายาที่เคยทำให้ผมต้องนอนจมกองเลือดก็ปรากฏแก่สายตา
"ไอ้ลิงครึ่งนกนั่นนี่หว่า"
ผมรีบหลบเข้าหลังต้นไม้ และดูเหมือนไอ้ลิงครึ่งนกจะไม่ทันสังเกตด้วย แต่การที่มันอยู่ตัวเดียวแบบนี้ ก็หมายความว่ารังของมันน่าอยู่ไม่ไกล ยกเว้นมันจะออกหากินจนหลงฝูง แต่ส่วนตัวแล้วผมอยากให้มันเป็นอย่างหลังมากกว่า
"เอาไงดีวะ ถ้ามันเรียกพวกมามีหวังเผ่นป่าราบอีกแน่"
หลังจากคิดหาวิธีจัดการกับไอ้ลิงครึ่งนกอยู่นาน ผมก็ตัดสินใจลองใช้เหยื่อล่ออีกครั้ง โดยคราวนี้ผมใช้ปูที่พึ่งได้มาโยนไปใกล้ๆมัน จากนั้นก็เฝ้าดูว่ามันจะทำยังไง และไม่นานเมื่อมันเห็นซากปู ก็รีบบินเข้าไปหาทันที
"ดีละ ระหว่างนี้ต้องรีบอ้อมไปด้านหลังมัน"
ลิงครึ่งนกลงมือฉีกกินเนื้อปูอย่างเอร็ดอร่อย โดยที่ไม่รู้ว่ามันกำลังจะชะตาขาด เพราะเมื่อผมอ้อมมาอยู่ด้านหลังของมันได้แล้ว ดาบหนอนชาเขียวก็แทงลงในที่หลังคอของมันจนทะลุออกมาทางปาก เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มันส่งเสียงร้องได้
ฉึก
แล้วเมื่อลิงครึ่งนกสิ้นชีพเรียบร้อย ร่างของมันก็ค่อยๆสลายไปจนไม่เหลือแม้แต่ซาก จนผมชักจะสงสัยว่ามันใช้อะไรเป็นตัวกำหนด ว่าสัตว์มายาตัวไหนจะเหลือซากให้เก็บเกี่ยวได้กันนะ
-ท่านทำตามเงื่อนไข ได้รับทักษะซ่อนเร้นขั้นต้น-
"ห๊ะ"
ผมรีบปิดปากตัวเองก่อนจะส่งเสียงดังจนเรียกสัตว์มายามาหา ก่อนจะรีบหลบไปตั้งสติที่ชายป่า ก่อนจะเรียกข้อมูลการได้ทักษะของระบบขึ้นมาอ่าน แต่ไม่ว่าจะอ่านยังไงมันก็บอกว่าต้องใช้แต้มทักษะแลกเท่านั้น
"เดี๋ยวนะ หรือว่าไอ้ทักษะซ่อนเร้นนี่จะไม่มีในระบบ"
จากนั้นผมก็ค้นหาเรื่องทักษะ จนได้พบกับคำอธิบายเกี่ยวกับทักษะของระบบ ว่าแยกเป็นทักษะที่ไม่สามารถฝึกฝนได้และต้องแลกจากระบบเท่านั้น กับทักษะที่สามารถฝึกฝนได้เอง และต้องใช้การฝึกฝนเพื่อพัฒนาทักษะด้วย
"เฮ้ย นี่อ่านข้ามเรื่องสำคัญแบบนี้เลยเหรอวะ แม่ง ชักจะไม่แปลกใจตัวเองแล้วที่สอบไม่ติด เวรเอ๊ย"
แล้วเป้าหมายของผมก็ต้องเปลี่ยนอีกครั้ง เพราะการได้ทักษะมาโดยไม่ต้องใช้แต้มแลกนั้น เป็นผลประโยชน์ที่ไม่อาจมองข้ามได้ และดูเหมือนว่าในครั้งนี้ผมจะต้องอยู่ในมิติปิดกั้นนานกว่าปกติซะแล้วสิ
*****
(มุมมองบุคคลที่สาม)
"ตอนนี้เรารวบรวมผู้ถูกเลือกได้กี่คนแล้ว"
ชายสูงวัยที่มีใบหน้าเข้มงวดถามขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน ก่อนที่ทหารหนุ่มผู้ดูแลเมริสาจะลุกขึ้นอ่านรายงานด้วยน้ำเสียงฉะฉาน
"ตอนนี้เรามีผู้ถูกเลือกในความดูแลทั้งสิ้นสิบหกคนครับ และอยู่ระหว่างดำเนินการเจรจาอีกสี่คน"
"หมายความว่าเรามีผู้ถูกเลือกรุ่นที่หกแค่หนึ่งในห้า น้อยไปมากนะ"
น้ำเสียงไม่พอใจของผู้อาวุโสในชุดนายพลผู้ร่วมประชุมคนหนึ่งดังขึ้น พร้อมกับการพยักหน้าเห็นด้วยของบรรดานายทหารทั้งหลาย จนนายทหารหนุ่มผู้อ่านรายงานต้องกัดฟันด้วยความอับอาย
"เพราะรุ่นก่อนๆก่อเรื่องไว้มากนั่นแหละ ผู้ถูกเลือกถึงได้ปิดบังตัวตนกันมากขึ้น"
เพราะความวุ่นวายในอดีต ทำให้ผู้ถูกเลือกรุ่นใหม่เลือกที่จะทำตามใจตัวเอง แทนที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลและกองทัพ เพราะเคยเห็นแล้วว่าถึงให้ความร่วมมือไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
แถมยังต้องอยู่ในกฎระเบียบที่เข้มงวด แม้จะได้รับเงินทองและการสนับสนุนในหลายๆด้าน แต่ผลประโยชน์ดังกล่าวมักจะตกอยู่กับครอบครัวของผู้ถูกเลือกมากกว่า ทำให้ความสนใจที่จะร่วมมือลดทอนลงอย่างมาก
แต่ทางรัฐบาลก็ไม่สามารถให้ความสะดวกสบายกับผู้ถูกเลือกได้มากนัก เพราะต้องส่งไปฝึกฝนในมิติปิดกั้นอย่างหนัก และความยากลำบากนี้เองที่ผู้ถูกเลือกหลายคนยอมแพ้และพยายามหลบหนี จนเกิดการปะทะกันในที่สุด
แล้วข่าวเรื่องนี้ก็แพร่หลายในสื่อสังคมออนไลน์อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง จนทางรัฐบาลไม่สามารถปิดข่าวได้ ส่งผลให้เกิดการต่อต้านจากกลุ่มผู้ถูกเลือก และเลยเถิดจนถึงขั้นนองเลือดหลายครั้งด้วยกัน
"เรื่องดึงตัวผู้ถูกเลือกต้องใช้เวลา เร่งไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก มาสนใจผู้ถูกเลือกที่ยอมร่วมมือกับเราดีกว่า"
ข้อเสนอของนายทหารอาวุโสที่ให้บรรยากาศเหมือนคนแก่ใจดี ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดในที่ประชุม ก่อนที่นายทหารคนเดิมจะรายงานผลการฝึกให้ที่ประชุมทราบ
"ตอนนี้การฝึกในมิติปิดกั้นเป็นไปอย่างราบรื่น ส่วนหนึ่งคาดว่าพึ่งเริ่มต้นการฝึก แต่ในบรรดาผู้ถูกเลือกรุ่นนี้ ก็มีหลายคนที่คาดหวังได้ครับ"
แล้วเอกสารผลการฝึกของผู้ถูกเลือกแต่ละคนก็ถูกแจกจ่ายให้ผู้เข้าร่วมประชุมผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเอกสารนี้จะทำลายตัวเองเมื่อเวลาผ่านไปหลังจากการประชุมจบลงครึ่งชั่วโมง ดังนั้นทุกคนจึงต้องตั้งใจอ่านระหว่างประชุม
"เท่าที่ดู มีใช้ได้อยู่สองคนในความเห็นผม ทุกท่านคิดว่ายังไง"
"อันดับหนึ่งกับสองสินะ ก็ใช้ได้นะ"
"งั้นก็ให้การสนับสนุนสองคนนี่เต็มที่ ส่วนที่เหลือก็ตามสมควรแล้วกัน"
แล้วการประชุมถึงการตัดสินชะตากรรมของประเทศก็ดำเนินไปด้วยความเห็นของคนกลุ่มเล็กๆ ที่คิดว่าตนเองนั้นมีคุณสมบัติที่จะตัดสินผู้ถูกเลือกของพระเจ้า โดยที่คนกลุ่มนี้ไม่รู้ตัวเลยว่า แท้จริงแล้วพวกมันเองที่เป็นสาเหตุหลักของความล้มเหลวก่อนหน้านี้