บทที่ 30 มาจากหมอก
คนเหล่านั้นผลัดกันเข้ามาประดาบกับไบรอันได้ไม่กี่ท่า อาวุธก็ถูกปัดกระเด็น
แทนที่จะบอกว่าพวกเขาเป็นกองลาดตระเวน สู้บอกว่าเป็นกลุ่มนักเลงดีกว่า ไบรอันคิดอย่างแค้นเคือง คนพวกนี้ทำอะไรบ้างนอกจากรีดไถและข่มขู่ เขากับเกรย์ฮาวด์ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเอาจริงเอาจัง แต่กลับกลายเป็นตัวประหลาดของคนทั้งกลุ่ม
แต่ว่า...สุดท้ายก็เป็นสวะกลุ่มนี้ คนสารเลวที่ทรยศเมืองเพื่อหันไปพึ่งป้อมกลุ่มนี้ฆ่าเกรย์ฮาวด์ตายด้วยวิธีที่ต่ำทรามที่สุด
อภัยให้ไม่ได้!
เขาแกว่งดาบพุ่งเข้าไปหมายจะตัดคอฝ่ายตรงข้ามที่กำลังผุดสีหน้าหวาดกลัว...
จังหวะนี้เอง เงาดำเงาหนึ่งก็พุ่งแทงออกมาจากด้านหลังเป้าหมาย เข้าประชิดตำแหน่งหัวใจของไบรอันในชั่วพริบตา การจู่โจมครั้งนี้เร้นลับมาก กว่าไบรอันจะรู้ตัวก็ตั้งรับไม่ทันแล้ว
ในจังหวะคับขันนั้น เขากระทืบพื้นอย่างแรงแล้วดีดตัวไปด้านหลัง ขณะเดียวกันก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอก
ไบรอันตีลังกาสองครั้งแล้วลุกขึ้นยืน ตั้งท่าป้องกันอย่างรวดเร็ว ดาบที่ลอบจู่โจมเมื่อครู่นี้แทงถูกเสื้อนอกและผิวหนังเขาเท่านั้น ยังไม่ได้โดนส่วนสำคัญ แต่ประเด็นก็คือใครเป็นคนแทงดาบนี้ออกมา! เท่าที่เขาจำได้ ไม่มีใครในกองลาดตระเวนใช้ดาบได้ดีระดับนี้
“เอ๋ หลบพ้นด้วยหรือนี่” คนคนนั้นผลักเพื่อนร่วมกองที่เถูกปัดอาวุธทิ้ง แล้วเดินเข้ามาทีละก้าวๆ
ใต้แสงสว่างนั้น ไบรอันมั่นใจว่าตัวเองไม่รู้จักฝ่ายตรงข้ามแน่นอน...เขามีรูปร่างไม่สูง แต่แขนกลับยาวจนผิดส่วน เวลาทิ้งแขนลงข้างลำตัวปลายแขนยาวจนเกือบถึงเข่า ใบหน้าก็ดูแปลกตา ไบรอันสาบานได้ว่าไม่เคยพบเห็นใบหน้านี้มาก่อน
“เจ้าไม่ใช่คนในกองลาดตระเวน...เจ้าเป็นใครกันแน่”
แม้เขาจะไม่ค่อยสุงสิงกับคนห้องข้างๆ อีกห้าคน แต่อย่างน้อยก็จำหน้าพวกเขาได้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าคนตรงหน้านี้มาแทนที่หนึ่งในนั้น แล้วลักบลอบเข้ามาในปราสาทพร้อมพวกเขา ขบวนของเขาเดินทางตอนกลางคืน เขาไม่สังเกตเห็นไม่ใช่เรื่องแปลก แต่พวกแผลฉกรรจ์ไม่มีทางไม่เห็นแน่นอน ในเมื่อพวกเขาดูไม่มีท่าทีแปลกใจแม้แต่น้อย อย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือ แผลฉกรรจ์ตั้งใจพาคนคนนี้มาร่วมขบวนด้วย
“เจ้าก็เดาคำตอบได้แล้วนี่ เหตุใดจึงต้องถามอีกเล่า” เขาหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ “อย่างไรเสียเจ้าก็จะต้องตายเร็วๆ นี้แล้ว”
“ให้ตายเถอะ มันทำร้ายข้า!” แผลฉกรรจ์พูดอย่างเคียดแค้น “งูพิษ ตัดแขนขามันเร็วเข้า ข้าอยากรีดเลือดมันให้หมดตัว!”
“เสียใจด้วย ฮิลส์ ข้าจำเป็นต้องทำภารกิจที่ท่านเอิร์ลสั่งก่อน”
เมื่อเพียงพูดจบ คนที่ถูกเรียกว่างูพิษก็โยกตัวไปข้างหน้า เขาจู่โจมจากองศาที่ประหลาดชอบกล ยิ่งเมื่อมีแขนอันยืดยาวนั่นด้วยแล้ว ไบรอันจึงตกที่นั่งลำบากทันที เขาถูกบีบจนถอยร่น หาโอกาสตอบโต้อีกฝ่ายไม่ได้เลย
ประมาทเกินไปจริงๆ! ไบรอันเริ่มร้อนรน พวกเขาสู้กันที่ทางเดินใต้ดินตั้งนาน คนข้างบนน่าจะรู้สึกผิดสังเกตบ้างแล้วสิ
ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจจะแก้แค้นให้เกรย์ฮาวด์ด้วยมือตัวเองแท้ๆ แต่ตอนนี้เขาขอแค่ยื้อสถานการณ์ไว้ให้นานขึ้นอีกนิดเท่านั้น อีกประเดี๋็ยวองครักษ์ของเจ้าชายคงรีบมาล้อมปราบวายร้ายพวกนี้
“ดูเหมือนเจ้ากำลังรออะไรอยู่นะ” งูพิษพลันชะลอการโจมตี “ข้าเดาว่ากำลังรอให้คนของเจ้าชายลงมาช่วยกระมัง น่าเสียดายที่ปราสาทหินประเภทนี้ไม่เหมือนกับร้านเหล้าหรือโรงแรมที่เจ้าเห็นทั่วๆ ไป อาคารไม้น่ะเวลาคนทำอะไรกันก็ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังลั่นไปทั้งชั้น แต่ที่นี่หากลองปิดประตูแล้ว ต่อให้เจ้าตะเบ็งเสียงจนคอแตกอย่างไร คนข้างบนก็ไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น”
ไบรอันถูกพูดแทงใจดำก็ตกใจ และงูพิษก็กำลังรอโอกาสนี้พอดี เขากดปลายดาบลงเพื่อไม่ใช่อีกฝ่ายขยับตัวได้ มืออีกข้างยกขึ้นเล็กน้อย แล้วเหนี่ยวไกหน้าไม้ที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อ
ลูกศรที่มีความยาวประมาณนิ้วชี้พุ่งออกมาจากแขนเสื้อ ตอนที่ไบรอันได้ยินเสียงดีดหน้าไม้เบาๆ ลูกศรดอกนี้ก็ปักเข้าปอดเขาแล้ว
ความเจ็บปวดอันยากจะทานทนพลันแผ่ซ่านออกมาจากอก ไบรอันเสือกดาบใส่งูพิษที่กระโจนเข้ามา แล้วหมุนตัววิ่งหนีไปข้างหลัง ทว่าเลือดที่ซึมออกมาจากปอดทะลักเข้าหลอดลมอย่างรวดเร็วจนเขาหายใจลำบาก ไบรอันวิ่งไปได้ไม่ไกลเท่าไรก็สะดุดธรณีประตู ล้มลงกับพื้นอย่างแรง
งูพิษรีบตามมาจะปลิดชีวิตอีกฝ่าย แต่แผลฉกรรจ์ห้ามไว้ก่อน
“ข้าเอง” เขากัดฟันกรอด “ข้าจะทำให้เจ้าหมอนี่รู้ว่าจุดจบของคนที่ทำร้ายข้าเป็นเช่นไร!”
ใบหน้าของงูพิษฉายแววเย็นชา ทว่าสุดท้ายก็ยังเบี่ยงตัวหลีกทางให้ “เช่นนั้นก็ทำให้ไว อย่าลืมงานหลักของพวกเรา”
แผลฉกรรจ์กระชากผมไบรอัน คำรามเบาๆ “เชื่อข้าสิ เจ้าจะตายอย่างทรมาน”
ไบรอันอยากจะถ่มเลือดใส่หน้าอีกฝ่าย แต่เรี่ยวแรงทั้งหมดไหลออกจากร่างกายราวกับสายน้ำ เขารู้ว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานแล้ว ความเสียดายต่างๆ จึงผุดท่วมหัวใจ อย่างเช่นภรรยาที่ยังไม่รู้จักกัน หรือความใฝ่ฝันจะเป็นอัศวินที่ยังไม่เป็นจริง ทว่าสิ่งที่เสียดายที่สุดก็คือ...เขาไม่สามารถแก้แค้นให้เกรย์ฮาวด์ได้
ช้าก่อน นั่นมันอะไร
เขากระพริบตา มีผู้หญิงนั่งอยู่บนลังไม้ข้างหน้า แม้ว่าใต้แสงอันมืดสลัวจะมองเห็นลักษณะของอีกฝ่ายได้ไม่ชัด แต่รูปร่างบอบบางอ้อนแอ้นแบบนั้นบ่งชัดว่าเธอเป็นผู้หญิง
ให้ตายเถอะ นี่คือภาพลวงตาหรือ...ตอนที่เขากลิ้งลงมาในห้องนี้ เขาไม่เห็นใครสักคนนี่นา หรือว่าพระเจ้าบนสวรรค์ได้ยินคำตัดพ้อของเขา จึงสร้างภาพลวงตามาปลอมประโลมใจเขา
“นี่ พวกเจ้ามาสู้กันในที่คนอื่นเสียครื้นเครงเชียวนะ ซ้ำยังคิดจะฆ่าคนต่อหน้าข้าอีก ดูไม่ค่อยเหมาะสมเอาเสียเลย”
ไบรอันรู้สึกว่ามือของแผลฉกรรจ์สั่นเล็กน้อยก่อนจะปล่อยผมเขาอย่างรวดเร็ว เขาได้ยินเสียงชักดาบดังขึ้นรอบตัวพร้อมๆ กับเสียงตวาดอย่างโหดเหี้ยม “เจ้าเป็นใคร”
ปฏิกิริยาตอบโต้ของพวกเขาดูออกจะ...ช้าก่อน ไบรอันคิดด้วยสติอันเลือนราง หรือว่าสิ่งที่เขาเห็นจะไม่ใช่ภาพลวงตา
“ข้าย่อมเป็นคนของที่นี่” หญิงสาวกระโดดลงมาจากลังไม้ ก้มตัวปัดเศษฝุ่นบนชุด ใต้แสงสว่างอันน้อยนิดนี้ ไบรอันเห็นลวดลายแปลกประหลาดบนชุดของเธอ...สามเหลี่ยมเรียงกันสามอัน ตลอดจนดวงตาขนาดใหญ่ที่ฝังอยู่ตรงกลาง เค้าโครงของดวงตาเปล่งประกายสีทองออกมาเมื่อต้องกับแสงไฟ
“แล้วพวกเจ้าเล่า หนูที่แอบมุดเข้ามาจากอุโมงค์ระบายน้ำหรือ” เสียงของเธอหวานกังวาน ทว่าปราศจากอารมณ์ใดๆ ช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย...คนที่เห็นการเข่นฆ่ากันแบบนี้ไม่ควรจะสุขุมขนาดนี้
งูพิษเองก็สังเกตเห็นข้อนี้เหมือนนี้ เขาหน้าตาเคร่งขรึม เดินอ้อมไปข้างๆ อีกฝ่ายอย่างช้าๆ แล้วยกดาบแทงทันที
หญิงสาวไม่แม้แต่จะหันหน้า เพียงแค่โบกมือผาดๆ งูพิษรู้สึกเพียงว่ามีลมเย็นพัดผ่านเขาไป ยังไม่ทันได้เห็นแม้แต่อาวุธของเธอ
เสียงร้องโหยหวนพลันดังขึ้น แผลฉกรรจ์เบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา เขาเห็นงูพิษพุ่งเข้าไปแล้วก็ถอยออกมาอย่างรวดเร็ว อวัยวะที่ถือดาบหายวับไป
แขนของเขาร่วงลงพื้นพร้อมกับดาบ
แผลฉกรรจ์รู้สึกกลัวจับใจ คนอื่นๆ อาจจะไม่รู้ แต่เขารู้พื้นเพของงูพิษดี ‘อำมหิตเลือดเย็น เจ้าเล่ห์อันตราย’ นี่คือคำที่ท่านเอิร์ลใช้ประเมินคนคนนี้ คนที่สามารถทำให้ท่านเอิร์ลพอใจและเรียกใช้งานได้ย่อมมีฝีมือไม่ธรรมดา แม้แต่ไบรอันเองจะรับมือเขาแม้เพียงอึดใจก็ยังลำบาก ทว่าตอนนี้ เขากลับถูกผู้หญิงคนหนึ่งโจมตีเอาง่ายๆ แขนของเขาถูกตัดขาดไปทั้งท่อน
“พวกเจ้ามัวยืนเซ่ออะไรอยู่ รีบฆ่านางเร็วเข้า!” งูพิษกุมบาดแผลพลางตวาด
ไบรอันที่เสียเลือดไปมากสายตาเริ่มพร่ามัว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าสับสนดังขึ้นจากทุกทิศรอบตัว รวมทั้งเสียงอาวุธกระทบกัน แล้วก็...เสียงร่างคนกระทบพื้น เกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาพยายามกลอกตามองไปข้างหน้า...
จากนั้นหัวหน้ากองลาดตระเวนก็ได้เห็นภาพที่ซับซ้อนเกินจะเข้าใจ
ร่างของหญิงสาวคนนั้นราวกับวิญญาณ เธอเดินนวยนาดอยู่กลางวงล้อมของทุกคน ประเดี๋ยวก็ปรากฏตัว ประเดี๋ยวก็หายตัว จู่โจมแต่ละทีล้วนถูกที่สำคัญของศัตรู หากจะเรียกว่าเข่นฆ่า สู้เรียกว่าร่ายรำน่าจะเหมาะกว่า เขาไม่เคยเห็นใครรำอาวุธสังหารคนได้งดงามเท่านี้มาก่อน เงาดาบพลิ้วไหวขึ้นๆ ลงๆ กรีดอากาศเป็นเส้นโค้งงามตาน่าเหลือเชื่อ เธอทำให้คนที่อยู่รอบๆ ตัวเธอดูไม่ต่างจากตัวตลกโง่เง่า พวกเขาจู่โจมอย่างไร้ประโยชน์ แล้วก็ล้มลงอย่างไร้ประโยชน์...จนในที่สุด ที่ตรงนั้นก็เหลือเธอยืนเด่นเป็นสง่าเพียงลำพัง
นั่นคือภาพสุดท้ายที่ไบรอันเห็นก่อนจะสูญสิ้นสติสัมปชัญญะไป
........................................