บทที่ 10 ช่างหิน
สัปดาห์นี้อากาศไม่ค่อยดีนัก ท้องฟ้าเหนือศีรษะมักมืดครึ้มเสมอ อารมณ์ของคาร์ล ฟอว์เบิร์ตก็พลอยมืดมนหม่นหมองเหมือนอากาศไปด้วย
มีคนทักทายเขาเป็นระยะระหว่างเดินบนถนนหินอันเปียกชื้น...คาร์ลเปิดโรงเรียนขึ้นในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ ที่นี่แตกต่างจากโรงเรียนที่รับเฉพาะบุตรหลานคหบดีในเกรย์คาสเซิล เขาสอนหนังสือให้พวกเด็กๆ ลูกชาวบ้านธรรมดาๆ อย่างเท่าเทียม ดังนั้นจึงมีชื่อเสียงค่อนข้างมากในเมืองชายแดน
“อ้าว ท่านฟอว์เบิร์ต อรุณสวัสดิ์”
“ท่านฟอว์เบิร์ต ลูกชายผมเป็นเด็กดีไหม”
“คาร์ล ว่างเมื่อไรก็ไปตกปลาด้วยกันสิ”
ปกติแล้วคาร์ลมักตอบพวกเขาด้วยรอยยิ้ม ทว่าวันนี้เขาเพียงแต่พยักหน้า ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
นับตั้งแต่เห็นอันนาถูกแขวนคอตายกับตา โลกที่เขาเห็นก็ปรากฏรอยแตกร้าว...หรือหากจะพูดให้ถูกต้องบอกว่า นับตั้งแต่จากเกรย์คาสเซิลมา รอยร้าวนี้ก็คงอยู่มาตลอด เพียงแต่เขาแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น เขาใช้งานที่ยุ่งเหยิงมาเบนความสนใจตัวเอง และรอยยิ้มที่ใสซื่อบริสุทธิ์ของนักเรียนก็ช่วยปกปิดรอยร้าวได้ในบางมุม
จนกระทั่งอันนาเสียชีวิตไป เขาถึงพบว่าโลกนี้ไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย รอยร้าวรอยนั้นไม่เพียงแต่ไม่หายไป ซ้ำยังกลับจะขยายกว้างกว่าเดิม
ความทรงจำเกี่ยวกับอันนาของเขาหยุดอยู่ที่ครึ่งปีก่อน เธอไม่มีความโดดเด่นใดๆ ในหมู่นักเรียนจำนวนสามสิบกว่าคนในโรงเรียน เธอดูธรรมดา พูดจาก็ไม่มาก แต่ทว่ามีจุดหนึ่งที่ทำให้คาร์ลจำเธอได้แม่น
นั่นก็คือความกระตือรือร้นในการเรียนของเธอ ไม่ว่าเขาจะสอนอะไร ตัวอักษรก็ดี ประวัติศาสตร์ก็ดี เธอมักจำได้เป็นคนแรกเสมอ หรือแม้กระทั่งประวัติศาตร์ศาสนาที่แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกเบื่อหน่าย อีกฝ่ายก็ยังสามารถถือหนังสืออ่านได้เป็นวันๆ เขายังเคยเห็นสาวน้อยคนนี้ช่วยเลี้ยงแกะให้เพื่อนบ้านด้วย...ใต้แสงอาทิตย์ที่สาดส่อง อันนาแปรงขนแกะอย่างตั้งอกตั้งใจ มือของเธอเคลื่อนไหวอย่างอ่อนโยนราวกับกำลังลูบไล้เด็กอ่อน ภาพภาพนั้นยังตราตรึงใจเขาจนถึงทุกวันนี้ รอยยิ้มของเธอหวานจับใจ ดูอย่างไรก็ไม่มีทางเกี่ยวข้องกับสิ่งชั่วร้ายได้
ต่อมาก็เกิดเหตุไฟไหม้ขึ้นในเขตถนน แม่ของอันนาเคราะห์ร้ายเสียชีวิต อันนาเองก็ไม่ได้มาที่โรงเรียนอีก จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ก่อน เธอถูกพิสูจน์ว่าเป็นแม่มดและถูกแขวนคอตายอยู่ที่ลานเมือง
ถูกปีศาจล่อลวงหรือ เป็นผู้ไม่บริสุทธิ์หรือ เป็นสิ่งชั่วร้ายหรือ เหลวไหลทั้งเพ! นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกสงสัยสันตะสำนักตลอดจนความรู้ที่ตัวเองเคยถ่ายทอดให้คนอื่น
อันนาเป็นแม่มดหรือไม่เขาไม่รู้ แต่ที่รู้คือจะใช้คำว่าชั่วร้ายกับเธอไม่ได้เด็ดขาด! หากเด็กสาวเยาว์วัยผู้อ่อนต่อโลกและเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้คนหนึ่งถูกเรียกว่าชั่วร้ายแล้ว อย่างนั้นพวกข้าราชการในเกรย์คาสเซิลก็คงถูกส่งมาจากนรก! พวกเขาแอบเปลี่ยนวัตถุดิบหินเพียงเพื่อเงินไม่กี่ร้อยเหรียญทอง ทำให้โรงละครแห่งใหม่เกิดถล่มลงมาขณะสร้างเสร็จไปแล้วกว่าครึ่ง เป็นเหตุให้สมาชิกของสหภาพช่างหินเสียชีวิตไปสามสิบกว่าคน
ทว่าพวกเขาถูกแขวนคอหรือ ไม่เลยสักคน สุดท้ายแล้ว ผู้พิพากษาก็ตัดสินว่าประธานสหภาพช่างหินดำเนินการก่อสร้างด้วยความประมาท จึงถูกลงโทษโดยการเนรเทศ สหภาพช่างหินถูกสั่งยุบ และคาร์ลซึ่งรู้ตื้นลึกหนาบางดีก็ต้องพาครอบครัวหนีออกมาจากเกรย์คาสเซิลเพื่อความปลอดภัย เขามุ่งหน้ามาทางตะวันตกจนกระทั่งถึงเมืองชายแดน
เขาตั้งโรงเรียนขึ้นที่นี่ ได้สอนหนังสือนักเรียนจำนวนมาก รู้จักเพื่อนและเพื่อนบ้านใหม่ๆ หลายคน ทว่าตราบาปที่ได้จากเกรย์คาสเซิลครั้งนั้นยังคงฝังอยู่ในใจเขามาตลอด เวลานี้ เขารู้สึกว่าโลกกำลังเล่นตลกกับเขาอีกครั้ง...อะไรคือความชั่วร้ายกันแน่ เหล่าทวยเทพบนสวรรค์มองออกจริงๆ ล่ะหรือ
ฟางเส้นสุดท้ายที่กดคาร์ลจนทรุดก็คือนาน่า
นาน่าไม่เหมือนอันนา หรืออาจเรียกได้ว่าต่างกันคนละขั้ว เธอเป็นเด็กสาวที่สดใสร่าเริง และเป็นที่รู้จักในโรงเรียน เวลาที่ไม่ได้เข้าเรียน เธอก็แทบจะไม่อยู่นิ่งเลย หากไม่ปีนต้นไม้เล่นกับนก ก็กลิ้งไปมาอยู่บนสนามหญ้า พอถามเธอว่าทำอะไร เธอก็หัวเราะคิกคักอยู่สักพักก่อนจะตอบว่ากำลังฟังตั๊กแตนกับมดทะเลาะกัน
ใบหน้าของนาน่ามักอาบรอยยิ้มอยู่เสมอ ดูเหมือนนี่จะเป็นลักษณะประจำตัวของเธอ โลกภายนอกอันโหดร้ายหม่นหมองนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเธอเลย อย่างน้อยตอนที่อยู่ในโรงเรียน เธอก็ยังสามารถหัวเราะได้อย่างสบายใจ คาร์ลยังเคยสงสัยว่า...ตั้งแต่เกิดมาจนป่านนี้ เธอเคยร้องไห้บ้างหรือไม่
จนกระทั่งสองวันก่อน นาน่ามาหาเขาด้วยใบหน้าอาบน้ำตา “อาจารย์ ข้าจะถูกแขวนคอตายเหมือนอันนาไหม”
เขาถึงได้รู้ว่า นาน่า ไพน์ นักเรียนของตัวเองกลายเป็นแม่มดไปอีกคนแล้ว
“เอ๋ นั่นท่านฟอว์เบิร์ตนี่นา! รบกวนท่านมานี่หน่อยได้ไหม ช่วยอ่านข้อความบนนี้ให้พวกเราฟังที”
คาร์ลรู้สึกเหมือนมีคนมาดึงแขนเสื้อ พอเงยหน้าขึ้นถึงได้รู้ว่าตัวเองเดินมาถึงบริเวณลานเมืองโดยไม่รู้ตัว คนจำนวนมากกำลังส่งเสียงเอะอะอยู่รอบๆ ป้ายประกาศ พอได้ยินชื่อของฟอว์เบิร์ต ทุกคนก็หลีกทางให้เขาโดยสัญชาตญาณ
“มาได้จังหวะพอดีเชียว ช่วยพวกเราอ่านประกาศนี่หน่อยเถิด”
“นั่นสิ ปกติเจ้าหนุ่มเม็กเป็นคนอ่านตลอด วันนี้เกิดบอกปวดท้องหนีไปเข้าห้องน้ำเฉย จนป่านนี้ยังไม่กลับมาเลย”
หากเป็นเวลาปกติ เขาคงพยักหน้ายิ้มๆ แล้วอธิบายเนื้อหาบนป้ายประกาศให้ทุกคนฟังอย่างละเอียด ทว่าเวลานี้ คาร์ลพบว่าตัวเองทำไมได้...รอยยิ้มและความกระตือรือร้นของคนเหล่านี้ดูจริงใจไม่เสแสร้ง ทว่าสำหรับเขาแล้ว มันดูบาดตายิ่งกว่าการสวมหน้ากากฉาบยิ้มจอมปลอมเสียอีก
ครั้งหนึ่งประกาศแขวนคออันนาก็เคยแปะอยู่บนนี้ และทุกคนก็เคยถกเถียงกันด้วยความตื่นเต้นแบบนี้ หรือหากจะมองอีกมุม พวกเจ้าก็คือฆาตกร เขาพูดในใจ ความโง่เขลาเบาปัญญาของพวกเจ้าพรากลมหายใจไปจากนาง
คาร์ลสะกดอารมณ์ สูดหายใจเข้า แล้วเดินไปหน้าป้ายประกาศ
“เจ้าชายทรงประกาศรับสมัครคนงานก่อสร้าง มีงานหลายประเภทให้เลือกดังนี้” เขาอ่าน
แต่ข้าเองก็เป็นหนึ่งในฆาตกรเหมือนกัน ข้ามีสิทธิ์อะไรไปตำหนิพวกเขา คนที่พร่ำบอกพวกเขาว่าแม่มดคือสิ่งชั่วร้ายก็คือข้ามิใช่หรือ คาร์ลรู้สึกว่าริมฝีปากขมฝาด ดูเอาเถอะว่าข้าสอนอะไรพวกเด็กๆ ไปบ้าง ข้าเผยแพร่หลักคำสอนของศาสนจักรอย่างเอาจริงเอาจัง ซ้ำยังคิดว่าตัวเองอธิบายได้ไม่เลวเสียด้วย บัดซบที่สุด!
“คนบดหิน เพศชาย อายุระหว่างยี่สิบถึงสี่สิบปี รูปร่างกำยำแข็งแรง ค่าตอบแทนยี่สิบห้าเหรียญทองแดงต่อวัน”
“ช่างดินเหนียว ไม่จำกัดเพศ อายุสิบแปดปีขึ้นไป เคยมีประสบการณ์ด้านก่อสร้างมาก่อน ค่าตอบแทนสี่สิบห้าเหรียญทองแดงต่อวัน”
“คนงานเบ็ดเตล็ด เพศชาย อายุสิบแปดปีขึ้นไป ค่าตอบแทนสิบสองเหรียญทองแดงต่อวัน”
“...”
ไม่สิ เขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง หากเขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการตายของอันนาได้ อย่างน้อยเขาก็ไม่ควรปล่อยให้นาน่าเดินซ้ำทางเดียวกัน เสียงเสียงหนึ่งกำลังดังขึ้นในใจคาร์ล ตอนที่สหภาพช่างหินล่มสลายเขาก็นิ่งดูดาย ตอนที่อันนาถูกแขวนคอตายเขาก็ไม่ได้ลุกขึ้นมาเรียกร้องความเป็นธรรม หรือเขาจะต้องอยู่เงียบๆ แบบนี้ไปตลอด แล้วเฝ้าดูเด็กๆ ที่น่ารักพวกนี้ถูกส่งไปแขวนคอทีละคนๆ
ทว่าเขาจะทำอะไรได้ พานาน่าหนีไปจากเมืองชายแดนหรือ...เขาเองก็มีครอบครัวของเขา คนในครอบครัวเขาระหกระเหินจากเกรย์คาสเซิลมาอยู่ที่นี่ ทุกอย่างเพิ่งจะเข้าที่เข้าทางก็ต้องย้ายถิ่นอีกแล้วหรือ แล้วไหนจะนาน่าซึ่งเกิดมาในตระกูลเศรษฐีอีก เธอจะใช้ชีวิตอย่างคนเร่ร่อนได้อย่างไร
“ช่างหิน ไม่จำกัดเพศและอายุ ผู้ใดก็ตามที่เคยร่วมงานก่อสร้างของเทศบาล ป้อม หรือค่าย สำนักงานเมืองเปิดรับสมัครตำแหน่งดังกล่าวระยะยาว ค่าตอบแทนหนึ่งเหรียญทองต่อเดือน”
“หมายเหตุ ผู้ที่มีประสบการณ์มาก ทำงานดี อาจได้รับการบรรจุถาวร”
พออ่านประกาศจบ บรรดาฝูงชนก็เริ่มเอะอะขึ้นมา “ค่าตอบแทนหนึ่งเหรียญทองต่อเดือน เทียบเท่ากับทหารม้าของป้อมปราการลองซองเลยนะนี่!”
“แล้วเจ้าทำได้หรือ ขนาดก่อหลุมส้วมยังไม่ได้เรื่อง ยังคิดจะสร้างป้อมสร้างกำแพงอีกหรือ”
“พวกเจ้าอย่ามัวแต่สนใจตรงนี้สิ งานอื่นๆ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เลวนี่ หากได้ค่าตอบแทนทุกวันจริงๆ คำนวณดูแล้วก็ไม่ได้น้อยกว่าพวกนายพรานเท่าไรเลย”
“อันที่จริงล่าสัตว์ยังมีโอกาสเอาชีวิตไปทิ้งด้วย ป่าเร้นลับไม่ใช่ที่ที่ใครจะเข้าไปก็ได้เสียหน่อย”
คาร์ลไม่สนใจเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย ความสนใจทั้งหมดของเขาพุ่งไปที่ตราประทับและลายมือชื่อที่ขอบด้านล่างของประกาศ นั่นคือลายมือของเจ้าชายลำดับที่สี่ โรแลนด์ วิมเบิลดัน
เจ้าชายไม่รู้หรือว่าอีกไม่นานก็จะถึงเดือนแห่งปีศาจแล้ว ไม่ว่าคิดจะสร้างอะไรก็ยังไม่ควรลงมือเวลานี้ ดูท่าเจ้าชายจะไม่มีความรู้เรื่องการก่อสร้างแม้แต่นิดเดียว แล้วถ้าหากเขาใช้ชื่อของสหภาพช่างหินมาดึงดูดความสนใจจากเจ้าชายได้ล่ะก็...คาร์ลพลันได้ความคิด บางทีประกาศรับสมัครงานฉบับนี้อาจทำให้เขาได้พบเจ้าชาย...ผู้ปกครองสูงสุดของเมืองชายแดน
ความคิดนี้ทำให้คาร์ลกลืนน้ำลายไปหลายอึก เกลี้ยกล่อมให้เจ้าชายเชื่อว่าแม่มดไม่ชั่วร้ายอย่างนั้นหรือ ได้ยินว่าเจ้าชายมีความคิดไม่เหมือนใคร นิสัยก็ไม่เหมือนคนปกติ มิหนำซ้ำยังเกลียดศาสนจักรเข้าไส้ เขาอาจจะทำสำเร็จก็ได้! เขาคิด แม้ว่าสุดท้ายแล้วคนที่สั่งแขวนคออันนาจะเป็นเจ้าชายโรแลนด์ก็ตาม แต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เต็มใจอย่างยิ่ง
เจ้าชายเองก็เพิ่งอายุยี่สิบกว่าปี บางทีอาจจะเข้าใจอะไรได้ง่ายกว่าคนทั่วไป อยู่ดีๆ พวกเด็กสาวในวัยแรกแย้มพวกนั้นจะกลายเป็นสมุนของปีศาจจอมชั่วร้ายได้อย่างไร
แน่นอนว่ายังมีความเป็นไปได้อีกอย่างเช่นกัน นั่นก็คือเขาถูกมองว่าเป็นพวกเดียวกับแม่มด แล้วถูกจับแขวนคอไปพร้อมพวกนาง ศาสนจักรประกาศชัดว่าใครก็ตามที่ปกป้องแม่มดหรือขอความเมตตาให้แม่มด แสดงว่าเป็นสมุนปีศาจผู้ใฝ่ต่ำเช่นเดียวกัน
ได้แต่หวังว่าเจ้าชายผู้ชิงชังศาสนจักรจะเห็นกฎพวกนั้นเป็นเพียงเศษกระดาษเหมือนเขา
คาร์ลอธิษฐานในใจ
แม้ไม่รู้ว่าควรขอพรจากเทพองค์ใด เขาก็ยังคงหลับตาอธิษฐาน
เพื่ออันนาที่ตายไปแล้ว เพื่อนาน่าที่ยังมีชีวิต และเพื่อหยุดรอยร้าวในใจเขาไม่ให้ขยายกว้างไปกว่านี้
เขาตัดสินใจจะเสี่ยงดูสักครั้ง
........................................