ภายหลังจากเรื่องวุ่นวายจบลง....
ทาเนียร์ได้เดินตรงเข้าไปหาแมม่อนที่กำลังนั่งซ่อมรถม้าอย่างขมักเขม้น ที่รอบๆรายล้อมไปด้วยเหล่าลูกน้องของเธอ ถึงแม้ว่าจะได้รับคำเตือนมาจากเรย์ก็ตาม แต่อีกใจเธอก็คิดว่าชายคนนั้นไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด แค่ไม่ไปเป็นศัตรูด้วยก็พอ...
ซึ่งในขณะที่ทาเนียร์เดินเข้าไปใกล้เหล่าลูกน้องก็เริ่มสังเกตเห็นสภาพหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลเลยต่างพากันกรูเข้ามาหาด้วยท่าทีที่ดูน่าเป็นห่วง
"หัวหน้า...บาดแผลเต็มใบหน้านั่นมันอะไรกันครับ?"
"ผลจากการกระทำโดยที่ไม่คิดให้ดีอย่างไงล่ะ! แต่ก็นะ...พวกเขาไม่เอาชีวิตก็ดีถมแล้ว..."แล้วทาเนียร์ก็กำลังหันไปพูดกับทางแมม่อนที่กำลังนั่งซ่อมล้อรถม้า ก็สังเกตเห็นข้างๆมีเซเลน่านั่งอยู่ แต่ด้วยผลของจี้ที่สวมเอาไว้ทำให้เธอไม่รู้ว่าเธอคนนั้นคือใคร "ข้าต้องขอโทษพวกท่านทั้งสองด้วย ที่ข้าได้ทำสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยลงไปเสียได้!"
ทางแมม่อนไม่ได้สนใจคำพูดนั้น เพียงแค่พูดมาว่า... "บาดแผลนั่น...ถึงแม้ว่าจะพยายามใช้เวทมนตร์รักษาอย่างไงมันก็จะไม่หายไป เพราะผลของเวทรักษาจะมีผลกับแผลที่เกิดขึ้นใหม่ๆ เท่านั้น ฉะนั้นแล้วสบายใจได้..."
"ท่านค่อนข้างรู้เรื่องนี้ดีเลยนะ..."
"ก็นิดหน่อยน่ะ ว่าแต่...ทำไมท่านอัศวินถึงทำเรื่องแบบนั้นลงไป? มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น...อย่างนั้นหรอ?"
"ภารกิจน่ะ พวกเรากำลังพุ่งตรงไปยังที่ป่าสามส่วนเพื่อทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาจากพระราชา" แล้วทาเนียร์ก็ยื่นกระดาษใบหนึ่งให้กับทางแมม่อนดู
"หืม...! อย่างนี้นี่เอง" แล้วแมม่อนก็ยื่นให้กับทางเซเลน่าดูก่อนที่จะคืนกลับให้ทาเนียร์ "แต่นั่นก็คงไม่ใช่เหตุผลที่ทำอะไรแบบนี้ลงไปใช่ไหม?"
"ข้าชักเริ่มกลัวท่านแล้วสิ! ใช่แล้ว! พวกเรากำลังจะกลับไปยังเมืองหลวง แล้วในตอนนั้นก็มีคนส่งสารเอากระดาษแผ่นนี้มาให้ บอกว่ามาจากพระราชาส่งตรงมาหาข้า ให้ไปตามหาลูกชายของท่านดยุกที่เข้าไปในนั้นเพื่อหาสิ่งของสิ่งหนึ่ง..."
"แล้วท่านอัศวินพอจะบอกได้ไหม? ว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร?"
"ท่านรู้จักเวทมนตร์บรรพกาลไหม? เวทมนตร์โบราณที่หายสาบสูญ เมื่อปีที่ผ่านมานี้ได้มีข่าวลือกันในกลุ่มเหล่าทหารรับจ้างที่อ้างว่าได้เอาชีวิตรอดจากป่าแห่งนั้นออกมาได้ โดยที่ระหว่างออกมาได้หยิบสิ่งหนึ่งออกมาจากที่ป่าแห่งนั้น นั่นก็คือคัมภีร์เล่มหนึ่งที่มีบทความเขียนถึงที่ซ่อนของเวทมนตร์บรรพกาลอยู่ในนั้นด้วย..."
"อย่างนั้นเองหรอ... แต่ท่านอัศวินก็รู้ดีใช่ไหม? ว่าการที่เข้าไปในป่าแห่งนั้น ก็แปลว่า...ไอ้ลูกชายที่สมองเบานั่นยังไงก็ไม่รอดหรอก!"
"ข้าเห็นด้วยกับท่าน...แต่ว่าในภารกิจยังมีบอกอีกด้วยว่า ถ้าตายก็อยากจะให้นำสิ่งๆหนึ่งที่สามารถยืนยันตัวได้ส่งให้กับทางดยุกอยู่ดี ข้าคิดได้แค่ว่าภารกิจนี้มันมีอะไรที่ดูแปลกๆ พวกเราที่กำลังเดินทางกลับหลังจากทำภารกิจ เสบียงก็หมด เลยพยายามที่จะหาที่เติมเสบียงก่อน
...แต่ภายหลังดันเพิ่มกำหนดการภารกิจมา ทำให้แทบไม่มีเวลาต้องมาเติมเสบียงหรือว่าพักผ่อนเลย แถมยังต้องเดินทางไกลอย่างต่อเนื่องผลสรุปคือม้าที่ลากรถตายลงไปเนื่องจากใช้งานหนักเกินไป ทั้งรถม้ายังมาพังอีก ข้าคิดได้ว่านี่เป็นการกลั่นแกล้งโดยมีคนจากตระกูลข้าที่อยู่เบื้องหลัง
....จนมาถึงอย่างท่านเห็นนี่แหละ! ตัวข้าไม่มีทางเลือกเลยจำเป็นที่จะต้องทำแบบนี้...เพราะข้านั้นไม่อยากที่จะกลับไปเป็นเครื่องมือของตระกูลบัดซบนั่นอีกแล้ว!"
"แล้วเหล่าท่านอัศวินจะเอาไงต่อ?"
"ไม่มีทางเลือก...ยังไงภารกิจก็คือภารกิจ ข้าไม่สามารถเมินคำสั่งของพระราชาได้"
"ถึงจะต้องตายก็ไม่เป็นไรหรอ?" แมม่อนถามด้วยคำเตือน
"ข้าได้ให้คำสัตย์ไว้แล้วจะทำตามคำสั่งของราชา เหมือนอย่างที่ท่านวีรบุรุษเรเวนทำ"
"อ๋อ! อย่างนั้นเองหรือ..." แล้วแมม่อนก็ทำการสวมล้อรถม้าที่ซ่อมเสร็จสวมกลับไปที่เดิม "เรียบร้อย! ข้าได้ยึดมันด้วยหมุดไม้แล้ว อย่างน้อยน่าจะพอเดินทางได้ต่อ แต่ว่าถ้าเกิดถึงที่หมู่บ้านข้าแนะนำให้ช่างที่นั่นซ่อมให้จะดีกว่า แล้วอีกอย่างทางข้าได้ไปคุยกับทางลุงเจ้าของขบวนว่าให้ช่วยลากรถม้าของพวกท่านไปด้วยจนกว่าจะถึงที่หมู่บ้านแล้วเพื่อแลกกับการคุ้มครองระหว่างทาง ที่ข้าทำให้ได้ก็มีเพียงเท่านี้..." หลังจากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและกำลังจะเดินออกไปพร้อมกับเซเลน่า
"แค่นี้ก็เกินพอแล้ว... ขอบคุณท่านจริงๆ" ทาเนียร์และพวกเหล่าอัศวินก้มหัวลงเพื่อเป็นการขอบคุณอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งทางแมม่อนนั้นได้พยักหน้าตอบกลับมาโดยที่ไม่ได้พูดอะไรก่อนที่เขาทั้งสองจะเดินจากไป
...
หลังจากที่แมม่อนและเซเลน่าเดินออกมาจนพ้นสายตาพวกของทาเนียร์แล้วเรียบร้อย ทางของแมม่อนก็ได้เริ่มพูดมาก่อนว่า...
"นายท่านคิดเห็นอย่างไรบ้าง? เกี่ยวกับเรื่องนี้..." เขาพูดถึงจดหมายที่ทางทาเนียร์ได้รับ
"ถึงแม้ว่าลายเซ็นที่อยู่บนนั้นจะเป็นของท่านพ่อก็จริง... แต่ลายมือที่เขียนเนื้อหาในจดหมายนั้นไม่ใช่! แล้วทางนายล่ะ เรื่องจริงอย่างนั้นหรอที่ว่าในป่ามีเวทมนตร์บรรพกาลอยู่?"
"เท่าที่ข้าเคยเข้าไปก็ไม่เห็นจะจำได้เลยว่ามี คงน่าจะเป็นเรื่องโกหกแหละ! แต่ที่ข้าสงสัยใครกันที่เป็นคนให้ปล่อยข่าวลือนั่น และคนนั้นใช่คนเดียวกับที่เอาไข่ของสลาแมนเดอร์ไปไว้ที่ถ้ำใกล้หมู่บ้านหรือเปล่า? อีกทั้งพวกเราต้องเข้าไปในนั้นโดยที่ไม่ให้ใครรู้อีกด้วย ไม่เช่นนั้นหากพบเห็นนักเดินทางมันจะดูน่าสงสัยเกินไป..."
"ถ้าอย่างนั้นล้มเลิกดีกว่าไหม?" เซเลน่าเริ่มพูดโน้มน้าวทางแมม่อน เพราะใจจริงแล้วตัวเธอเองก็ไม่อยากจะเข้าไปนักหรอก...
"ข้าเกรงว่างจะไม่ได้ ข้าเคยบอกไปแล้วนี่ว่านอกจากไปตรวจสอบข้างในแล้วยังมีสิ่งที่ข้าต้องไปเอาคืนมาอยู่ด้วย"
"อย่าลืมนะว่าถ้าหากฉันตายนายก็จะตายด้วย เพื่อไม่เป็นการเสี่ยงฉันว่าหลบเลี่ยงเถอะนะ?"
"เรื่องนั้นสบายใจได้ ถึงแม้ว่าจะอันตราย แต่ข้ามีคนที่พอจะรู้จักอยู่ข้างในป่านั้นด้วย ส่วนเรื่องรายละเอียดไว้ค่อยเล่าทีหลัง เอาเป็นว่าคืนนี้พักผ่อนเสียก่อนเถอะ!"
เช้าวันรุ่งขึ้น...
พวกเขาก็เริ่มเดินทางกันต่อโดยมีเหล่าอัศวินของทาเนียร์คอยคุ้มกันให้ในระหว่างเดินทาง ถึงแม้ในตอนแรกจะมีคนคอยคัดค้านอยู่บ้าง แต่ก็เงียบไปเพราะเกรงใจเรย์ที่ยืนดูอยู่
จากปกติตามกำหนดการแล้วขบวนน่าจะถึงที่หมู่บ้านเมื่อวานเวลาค่ำ แต่เนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวานเลยทำให้ล่าช้าไปหนึ่งวัน จนในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านโควกะ
หลังจากนั้นทาเนียร์ได้เข้ามาขอบคุณเจ้าของขบวนที่ยอมช่วยพวกเขาในการเดินทางจนมาถึงที่หมู่บ้าน และขอโทษเหล่าชาวบ้านทุกคนอีกครั้ง ก่อนที่จะแยกตัวออกไปทำธุระและเตรียมการในการออกเดินทางเข้าป่าสามส่วนในวันรุ่งขึ้น...
ทางเซเลน่าและแมม่อนเองก็เช่นกัน หลังจากที่พวกเขาทั้งสองจองที่พักเสร็จแล้ว พวกเขาก็เตรียมพร้อมที่จะเข้าไปในป่าสามส่วนคืนนี้ก่อนพวกทาเนียร์ ซึ่งในตอนนี้พวกเขากำลังรอเวลาให้ค่ำลงในโรงเตี๊ยม...
"ไม่อยากจะเข้าไปเลย..." สีหน้าของเซเลน่านั้นไม่ค่อยสู้ดีนักหลังจากที่ได้รู้ว่าจะต้องออกเดินทางเข้าไปในป่าคืนนี้
"ท่านพูดนี้มามากกว่าสิบรอบแล้วนะ...ข้าบอกแล้วไงไม่ต้องเป็นห่วง" แมม่อนพยายามพูดให้เธอสบายใจ
"คนแข็งแกร่งอย่างนายก็พูดได้นี่ แต่สำหรับฉันแล้วมันไม่ต่างกับการวิ่งเข้าหาความตายเลยนะ" เซเลน่านอนหงายลงที่เตียงราวกับคนที่ไร้สิ้นความหวัง "นี่! ในเมื่อเรามีเป้าหมายอย่างชัดเจนแล้ว... แสดงว่านายก็จำทางได้สินะ?"
"ไม่ไหวหรอกนายท่าน... เพราะในป่าแห่งนั้นนอกจากสัตว์อสูรจะโจมตีไม่เลือกว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งกว่าหรืออ่อนแอแล้ว ป่าไม้โดยรอบก็เช่นกัน ข้าไม่รู้ว่ากลไกของป่านั้นมันทำงานอย่างไง แต่ข้ารู้สึกได้ว่าเส้นทางมันจะถูกเปลี่ยนไปทุกๆ ชั่วโมง"
"เพราะงั้นนายถึงประหลาดใจสินะ? ว่าไอ้คนที่รอดออกมาจากป่าโดยที่อวัยวะครบสามสิบสอง จะต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังเป็นแน่!"
แมม่อนพยักหน้าตอบกลับไป... "อื้ม!"
ในจังหวะนั้นก็มีเสียงเคาะดังขึ้นจากหน้าประตูห้องพักของทั้งสอง
*ตึง! ตึง!! ตึง!!!* พร้อมกับมีเสียงเรียกที่ฟังดูคุ้นเคยออกมาจากข้างหน้าประตูบานว่า...
"ขอโทษนะคะ! ใช่ท่านนักเดินทางที่พึ่งเข้ามาหมู่บ้านในวันนี้หรือเปล่าคะ?" นั่นคือเสียงของเอวาที่ดูร้อนรนเป็นอย่างมากเหมือนว่าเกิดเรื่องอะไรอยู่... "ถ้าใช่...ได้โปรดเปิดประตูออกมาด้วยค่ะ!"
เซเลน่ารีบวิ่งเข้าไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว... "เกิดอะไรขึ้น!" พอทันทีที่เปิดประตูนั้นเธอก็ได้เห็นเอวาที่บนใบหน้านั้นเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและกำลังร้องไห้อยู่
"เอเรน...เอเรน...เอเรน หายตัวไป!" น้ำเสียงที่ตะกุกตะกักปนกับเสียงสะอื้นนั้นบ่งบอกได้เลยว่าเธอนั้นไม่ได้โกหก
...
เวลาผ่านไปสักพัก...จนทางของเอวานั้นเริ่มสงบสติอารมณ์ลงได้ และจากนั้นเธอก็เริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สรุปคร่าวๆได้ว่า...
หลังจากที่เดินทางมาถึง เธอและลูกได้รีบแจ้นไปยังที่พักของสามี แต่กลับไม่พบใครอยู่เลย ด้วยความคิดแค่ว่าสามีเธอยังไม่เลิกงานเลยออกไปซื้อของเพื่อมาทำกับข้าว โดยที่ทิ้งลูกไว้ในบ้านพักคนเดียว
เมื่อออกมาซื้อของแล้วได้ลองถามชาวบ้านดูแล้วก็ได้รู้มาว่า... เมื่อราวๆ 1 สัปดาห์ก่อนได้มีชายที่อ้างว่าเป็นลูกชายของท่านดยุกเดินทางเข้ามาที่หมู่บ้านและได้เรียกกำลังพลของทหารยามกว่า 10 คน ให้ตามเข้าไปในป่าสามส่วนที่ไม่ห่างไกลจากหมู่บ้านนี้ เนื่องด้วยชนชั้นและวรรณะที่ห่างชั้นจนเกินไปทำให้พวกนั้นไม่มีสิทธิ์ที่ปฏิเสธได้
ตัวเธอที่ได้ยินแบบนั้นเลยรีบกลับไปยังที่บ้านพักอย่างทันที แต่ในตอนนั้นเองลูกสาวของเธอก็ไม่อยู่เสียแล้ว... ตัวเธอที่ยังมองโลกในแง่ดีเลยคิดแค่ว่าคงจะไปเดินเล่นอยู่แถวๆ นี้ แต่เมื่อนานๆ เข้ามันกลับไม่เป็นอย่างนั้น จนค่ำแล้วก็ตามลูกสาวของเธอก็ยังไม่กลับมา
เมื่อลองวิ่งตามหาดูทั่วหมู่บ้านแล้วก็ไม่เจอ ซึ่งในระหว่างทางนั้นเองก็ได้บังเอิญพบกับทาเนียร์ที่กำลังเตรียมเสบียงที่จะใช้สำหรับออกเดินทาง ทาเนียร์นั้นก็ปฏิเสธเหมือนกันว่าไม่เห็นลูกสาวของเธออยู่ที่ไหน แต่มีลูกน้องของเธอคนหนึ่งได้พูดออกมาว่าเห็นเธอเดินคนเดียวตรงเข้าไปยังที่แห่งหนึ่ง แล้วอัศวินคนนั้นก็ชี้นิ้วไปยังทิศทางที่ป่าสามส่วนตั้งอยู่....
"ตอนนี้ท่านทาเนียร์ก็กำลังเตรียมตัวเพื่อที่จะออกเดินทางในค่ำคืนนี้ค่ะ... แต่กำลังพลยังไม่เพียงพอ จำเป็นต้องทิ้งอัศวินบางส่วนเอาไว้ที่นี่บางส่วนเพื่อป้องกันโจรเข้ามาปล้นในหมู่บ้าน" เอวากำมือแน่นและลมหายใจเริ่มถี่ขึ้นราวกับจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง "ขอร้อง! ได้โปรด...! ช่วยเอเรนที!"
เซเลน่านั้นลำบากใจเหลือบตามองไปที่แมม่อน เพราะตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่การตัดสินใจของเธอนั้นทำให้ตัวเองต้องพบกับอันตรายจนเกินกว่าที่จะคาดถึง นั่นเองจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวเธอไม่กล้าที่จะตัดสินใจคนเดียว
ซึ่งแมม่อนเองนั้นก็รู้ถึงจุดนั้นเลยทำการพูดกับทางเอวาไปอย่างไร้เยื่อใยว่า... "ท่านเองก็รู้ดีใช่ไหม? ว่าถ้าเกิดเข้าไปในป่าสามส่วนแล้ว โอกาสที่จะรอดกลับมานั้นแทบไม่มีเลย อีกทั้งลูกของท่านก็ยังเด็กเกินกว่าที่จะดูแลตัวเองได้ ถึงเป็นแบบนั้นเจ้าก็ยังจะส่งพวกเราไปตายอีกอย่างนั้นหรอ? แต่เดิมแล้วพวกเราก็แค่นักเดินทางไม่ได้มีความสามารถที่จะช่วยใครได้หรอกนะ"
การที่เขาพูดแบบนี้ไปก็เพื่อไม่ให้ทางเอวานั้นหวังในตัวพวกเขามากเกินไป และเพื่อให้นางได้เตรียมใจเอาไว้ด้วยว่ามีโอกาสที่เอเรนจะไม่รอด
"ฉันรู้ดีว่าที่ขอมันอาจจะมากเกินไป ที่จะเอาชีวิตของพวกคุณทั้งสองมาเสี่ยงแบบนี้ ....เพราะงั้นแล้ว ฉันจะของจ้างพวกคุณทั้งสองให้ช่วยพาเอเรนกลับมา และตัวฉันที่เป็นผู้จ้าง...ก็จะไปด้วยค่ะ!" เอวาพูดออกมาด้วยสีหน้าที่แน่วแน่และจริงจัง
"โห~ แน่ใจแล้วงั้นหรอ? อาจจะตายได้เลยนะ..."
"ถ้าฉันไม่ทำอะไรเลย... อาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตก็ได้ และอีกอย่างนี่เองก็เป็นหน้าที่ของคนเป็นแม่อยู่แล้วนี่คะ"
"ข้าเข้าใจถึงความตั้งใจของท่านแล้ว ข้ารับคำขอนั้น! ช่วยไปบอกทางทาเนียร์ให้ทีว่าพวกเราจะไปช่วยสมทบอีกแรงในนามลูกจ้างของท่าน... แล้วก็ ได้โปรดช่วยรับสิ่งนี้ไปด้วย"
แมม่อนทำการยื่นแหวนวงหนึ่งให้กับทางเอวา "สิ่งนี้มันคือวัตถุเวทย์ มันจะช่วยปกป้องท่านจากภัยอันตรายได้ แต่แค่ 3 ครั้งเท่านั้น! หลังจากนั้นมันก็จะเป็นแค่แหวนขยะธรรมดาเท่านั้น ฉะนั้นโปรดระวังด้วย!"
"ท่านจะมอบของล้ำค่าขนาดนี้ให้ข้าจริงอย่างนั้นหรอ?" เอวารู้สึกสับสนเล็กน้อยเพราะว่าวัตถุเวทย์ถือว่าเป็นสิ่งที่มีค่ามหาศาล อีกทั้งยังทำขึ้นได้ยากมีเพียงแค่เผ่าดวอร์ฟเท่านั้นที่รู้วิธีสร้าง
"การคุ้มครองนายจ้างก็เป็นหนึ่งในงาน แต่! อย่าได้บอกว่าได้รับมาจากใคร ท่านช่วยสัญญากับข้าได้ไหม?"
"...ข้าให้สัญญา" เอวาตอบกลับมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง...ก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องไปเพื่อไปเตรียมตัว
เซเลน่าที่เห็นแผ่นหลังของเอวาที่กำลังเดินออกไปอย่างไม่ละสายตา พลางบ่นพึมพำออกมาเบาๆกับตัวเอง นึกถึงบรรยากาศกับความรู้สึกที่คุ้นเคย
"...แม่หรอ?"
"ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า?" แมม่อนถามอย่าสงสัย
"เปล่าหรอก...ไม่มีอะไร เอาล่ะ...พวกเราก็รีบเตรียมตัวกันก่อนดีกว่า"
...
หลังจากที่เตรียมตัวเสร็จทั้งสองก็เดินทางไปสมทบกับทาเนียร์ที่กำลังยุ่งในการตั้งขบวน เตรียมตัวรวบรวมเสบียงขึ้นบนรถม้าที่เช่ามารวมทั้งอาวุธและเชื้อเพลิงที่ใช้ในการก่อไฟ ซึ่งในเหล่าลูกน้องอัศวินที่ไปด้วยรวมกันราวๆ 6 คน จากมุมมองของแมม่อนก็สรุปได้เลยว่าพวกเขาไม่มีทางรอดแน่!
แมม่อนเดินตรงไปที่ทาเนียร์ ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า... "ขอพวกเราช่วยท่านอีกแรง..."
ทางทาเนียร์ที่ได้ยินเสียงนั้น ก็หันควับกลับมาอย่างทันที เธอมองมาด้วยสีหน้าที่ดูมีความหวัง แต่อีกใจหนึ่งก็กลับรู้สึกกังวลออกมา ก่อนจะปฏิเสธไปว่า...
"เห็นทีว่า...เรื่องนี้คงจะไม่ได้! ข้าไม่อยากจะให้พวกท่านต้องไปพบเจอกับอันตราย อีกทั้งนี่เองก็เป็นความผิดของข้าเองที่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้.... ข้าต้องรับผิดชอบ!"
"ข้าเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ว่าข้าไม่ได้อาสาไปเอง มันเป็นคำไหว้วานมาต่างหาก"
"หมายความว่าไง?"
ทันใดนั้นก็มีเสียงของเอวาดังขึ้นจากด้านหลังของแมม่อน "ดิฉันเป็นคนจ้างพวกเขาเองค่ะ! เพราะงั้นพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยเต็มๆ!" เธอเดินมาพร้อมกับสวมผ้าคลุมปกคลุมตัว สะพายกระเป๋าพอจะใส่เสบียง และถือตะเกียงมาด้วยท่าทีที่มุ่งมั่น... "และตัวฉันเองนั้นก็จะไปด้วย!"
"ไม่ได้! มันอันตรายเกินไป ข้างหน้านี้ไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไรบ้าง ลำพังตัวข้าเองนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรอดออกมาหรือเปล่า?" ทาเนียร์รีบพูดปฏิเสธออกไป
"ไม่ต้องกังวลค่ะ! เพราะว่าในฐานะนายจ้างแล้ว พวกคุณจะปกป้องดิฉันอย่างสุดชีวิตใช่ไหม?" เอวาเหลือบตามองไปที่แมม่อน...
"เรื่องนั้นมันก็แน่อยู่แล้ว...!" แมม่อนพูดออกไปอย่างมั่นใจ
ซึ่งทาเนียร์เองก็ยังไม่เข้าใจถึงความทะเยอทะยานนั้นเลยถามกับทางเอวาไป "ทำไม!? ถึงต้องทำอะไรที่มันบ้าบิ่นอย่างนี้!"
เอวาตอบกลับมาด้วยแววตาที่ดูอ่อนโยน มองตรงมาที่ทาเนียร์.. "เพราะว่าเป็นแม่อย่างไงล่ะ! การที่เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ก็เพราะว่าตัวเองดูแลลูกไม่ดีเอง... ฉันเองก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนั้นด้วย อีกทั้งสามีของดิฉัน ...ก็ยังอยู่ในนั้นเหมือนกัน ต้องไปพาตัวเขากลับมา"
ทาเนียร์ถึงกับหลบสายตากับทางเอวา กำมือจนแน่นราวกับกำลังเจ็บใจ "บางทีตอนนี้พวกเขาอาจจะตายแล้วก็ได้ ถึงอย่างนั้น คุณเองก็ยังอยากจะเจออีก...อย่างนั้นหรอ?"
"ดิฉันเชื่อค่ะ! ว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสอง...ยังมีชีวิตอยู่ ที่ไหนสักแห่งในป่าแห่งนี้อย่างแน่นอน!"
ทาเนียร์ที่เห็นจิตใจและแววตาอันมุ่งมั่นของเอวานั้นก็ถึงกับกัดฟัดพูดออกไป "ถ้างั้นฉันขอฝากคุณนายคนนี้ด้วยนะ..." เธอพูดขอร้องกับแมม่อน ซึ่งทางนั้นเองก็พยักหน้าตอบรับมาด้วยความเข้าใจ
เอวารู้สึกโล่งใจอย่างทันทีที่เห็นทางทาเนียร์ใจอ่อน ที่ยอมให้พวกเธอติดตามขบวนไปด้วย แม้ต่อให้จะโดนปฏิเสธก็ตาม พวกเธอก็จะเข้าไปกันเองอยู่ดี กลับกันสีหน้าของทาเนียร์ไม่ค่อยสู้ดีนัก ถึงแม้ง่าจะพอมีคนที่สู้ได้อยู่บ้าง แต่เหล่าลูกน้องของพวกเธอเองก็ไม่ได้เก่งพอที่จะเอาตัวรอดในป่านั้นได้ อีกทั้งตัวตนที่ไม่แน่นอนอย่างแมม่อนนั้นค่อนข้างอันตรายที่จะไว้ใจ จากตามที่เรย์ได้บอก แถมยังมีตัวถ่วงมาถึงอีกสองคน
และในจังหวะนั้นเอง ก็มีเสียงชายที่น่าคุ้นเคยดังขึ้นมาจากข้างหลังของทาเนียร์
"ฉันเองก็ขอไปด้วย..." เรย์พูดขึ้นด้วยสีหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจ
"นายเองหรอ? ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ทางนี้ก็ค่อยสบายใจหน่อย..." สีหน้าของทาเนียร์ผ่อนคลายออกมาเล็กน้อย
"อย่าเข้าใจผิดไป... ฉันไม่ได้คิดจะช่วยพวกเธอหรอกนะ ได้ยินมาว่าในป่านั้นมันมีของล้ำค่าหายากอยู่มากมาย เลยกะว่าจะไปหามาขายทำทุนสักหน่อย... และอีกอย่างสัญชาตญาณบางส่วนของฉันมันบอกว่า ถ้าเข้าไปในนั้นแล้วอาจจะเจอสิ่งที่ฉันตามหาอยู่ก็ได้!" แล้วเรย์ก็หันไปมองทางแมม่อนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยจิตอาฆาต...
ซึ่งทาเนียร์เองก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารนั้น แต่เธอก็ไม่อยากไปยุ่งด้วย ถึงแม้จะไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้ทั้งสองคนนั้นเกิดบาดหมางกันก็เถอะ!
หลังจากที่พวกทาเนียร์เตรียมตัวเสร็จและกำลังจะออกเดินทาง เธอก็เริ่มทำการทบทวนภารกิจที่จะต้องทำ... ถึงแม้ว่าจำนวนคนจะเพิ่มมาอีก 4 คน รวมกับลูกน้องของเธออีก 6 คน เท่ากับ 11 คนแล้วก็ตาม ถึงแม้ว่าเรย์จะเก่ง... แต่มันไม่ได้รู้สึกโล่งใจขึ้นเลยแม้แต่น้อย...
"เอาล่ะ! อัศวินทุกคน! จงฟัง! ภารกิจของเราคือการเข้าช่วยเหลือผู้คนที่ได้เข้าไปก่อนหน้านี้ก็จริง! แต่ถึงกระนั้นชีวิตของตนเองต้องมาก่อน! แล้วก็อย่าลืม...ที่จะคอยฟังคำสั่งของฉันด้วย...เข้าใจไหม!!!?"
"รับทราบ!!!"
และจากนั้นการเดินทางเข้าไปในป่าสามส่วนก็ได้เริ่มต้นขึ้น...