webnovel

OVERCLOCK : ปลดลิมิตพิชิตกาลเวลา

‘ภรรยาคู่ชีวิต’ ‘ลูกสาวที่น่ารัก’ ครอบครัวแสนอบอุ่นเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งอย่าง ‘ธีร์’ จะสร้างขึ้นมาได้ แต่แผนการใช้เวลาที่เหลือในชีวิตร่วมกันกลับพังทลายลงเมื่อถูก ‘กวาง’ ผู้เป็นภรรยาฟ้องหย่า แต่การสูญเสียครอบครัวนั้นไม่ใช่ทั้งจุดเริ่มต้นและจุดจบ…หากอุบัติเหตุเมื่อครั้งนั้นไม่เคยเกิดขึ้น…หากเขาไม่ได้ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับ ‘นาฬิกาข้อมือ’ ที่เป็นดั่งตรวนจองจำ…หากเขาไม่ต้องตามล่าหา ‘เวลา’ ที่เหลือน้อยลงทุกที…หากเรื่องราวทั้งหมดหลังถูกฟ้องหย่าไม่ถูกเปิดเผย…เขาจะยังมีครอบครัวที่อบอุ่นอยู่หรือเปล่านะ

Encima · แฟนตาซี
เรตติ้งไม่พอ
8 Chs

การตัดสินใจที่สายเกินแก้

หญิงสาวทรุดตัวลงทันทีเมื่อเห็นว่าของแหลมสีเงินยาวกว่าหกนิ้วปักอยู่ที่ต้นขาเธอก่อนสติสัมปชัญญะทั้งหมดค่อยๆ เลือนหายไป

ไม่ว่าใครก็ตามหากถูกคมมีดปลายแหลมแทงลึกผ่านกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นจนขาดวิ่นก็คงไม่แปลกหากผู้เคราะห์ร้ายจะส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด

แต่สิ่งที่สร้างความแปลกใจให้แค่สายตาของผู้คนในร้านเกือบสิบชีวิตกลับเป็น…

"โอ๊ย! เจ็บเป็นบ้าเลยโว้ยย! " ชายเร่ร่อนคำรามออกมาอย่างทรมาณ มือข้างที่รัดตัวประกันคลายออกพร้อมกับร่างสูงใหญ่ได้ทรุดตัวลง

ไม่ว่าจะเกิดเรื่องประหลาดหรือเหตุผลกลใดที่ไม่อาจอธิบายได้ ผู้คนโดยรอบเลือกสนใจกับการเข้าถึงตัวของพนักงานสาวแล้วพาเธอออกห่างจากสถานการณ์ความวุ่นวายมากกว่า ในขณะที่ธีร์รีบโทรศัพท์ไปทางโรงพยาบาลเพื่อขอความช่วยเหลือ

แต่ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสอันเหมาะสมที่ตำรวจหนุ่มต้องจัดการเหตุการณ์นี้ให้สิ้นสุดลงจงได้

ดีนทะยานตัวไปข้างหน้าจนกระแทกกับร่างของคนร้ายเข้าเต็มๆ แม้เขากระเด็นจนล้มลงแต่ก็รีบลุกขึ้นหมายพันธการมือเสียก่อนเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมตัว

แต่ชายเร่ร่อนไม่ยอมให้จับกุมโดยง่าย รองเท้าบูทขนาดสมส่วนกับร่างอันสูงใหญ่พุ่งเข้ากลางลำตัวจนร่างตำรวจหนุ่มไถลชนกำแพง

ทั้งสองพยายามยืนขึ้นให้เต็มความสูงโดยชายคนร้ายทำได้สำเร็จก่อน เขาเอามือลูบขาตนเองไปมาหลายครั้งแม้บริเวณนั้นจะไม่มีบาดแผลใดๆ ปรากฏออกมาเลยก็ตาม

"ทำไมล่ะ…มันต้องได้ผลสิ…" เขาพูดพลางทึ้งผมที่ยุ่งเหยิง "ไปแล้วไง…ฉัน…ก็ให้ 'โทษ' …"

แม้ว่าเขาได้เปรียบเพราะตั้งหลักได้ก่อนและเขาสามารถเข้าจู่โจมตำรวจหนุ่มที่มีความพร้อมน้อยกว่าแต่เขากลับแสดงอาการกระวนกระวาย พร่ำเพ้อจนพูดพึมพัมไม่ได้สรรพจนฝ่ายที่เพลี่ยงพล้ำกลับมาพร้อมปะทะอีกครั้ง

"อยากทำร้าย…ไม่ได้…ทั้งๆ ที่ฉัน…ใครสักหน่อย…"

ดีนสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของคนร้ายได้ทันทีเนื่องด้วยท่าทีของอีกฝ่ายนั้นไม่มีพฤติกรรมที่แสดงถึงความเกี้ยวกราดเมื่อก่อนหน้า อีกทั้งยังเอาแต่พูดอะไรบางอย่างวนไปมาอยู่หลายรอบโดยไม่สนใจเหตุการณ์ใดๆ ราวกับว่าผู้คนรอบตัวเป็นเพียงอากาศธาตุ

จากทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่เพียงแต่ตำรวจหนุ่มเท่านั้น ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างเข้าใจตรงกันว่าชายขอทานผู้นี้มีฤทธิ์สารเสพติดอยู่ในกระแสเลือดเป็นแน่

ดีนหลุบตาลงต่ำก็พบกับมีดทำครัวตกอยู่ห่างจากเขาไม่ไกลนัก จึงใช้โอกาสที่อีกฝ่ายไม่ได้สนใจกับสิ่งรอบตัว เมื่อสืบเท้าเข้าไปอย่างนุ่มนวลและเห็นว่าอาวุธนี้อยู่ในระยะไม่เกินหนึ่งช่วงขาจึงตัดสินใจเตะให้มันกระเด็นห่างจากตัวคนร้ายมากขึ้นอีก

ทันทีที่ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเจ้าหน้าที่หนุ่มแล้วจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาก่อน

"ไม่ว่าคุณจะมีปัญหาอะไรในชีวิต ทุกเรื่องย่อมทางออกเสมอครับ…" เขาพยายามพูดเกลี้ยกล่อมพร้อมเดินเข้าใกล้ "อีกเดี๋ยวจะมีเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ คุณจะได้รับการดูแลอย่างดีจนร่างกายของคุณกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง…"

"ปกติ…อย่างงั้นเหรอ…" ชายเร่ร่อนทวนคำพูด

"เพราะผมเชื่อมาตลอดว่า…ตราบใดที่ชีวิตยังไม่สิ้นก็ไม่มีเรื่องอะไรที่สายเกินแก้…"

เมื่อชายเร่ร่อนได้ฟังเช่นนั้นก็มีอาการสงบลง จากที่เขากำลังขยี้ผมจนเส้นผมติดมือเป็นก้อนกลับเงยหน้าขึ้นมามองคู่สนทนา นัยน์ตาเบิกโพลงจับจ้องอย่างไม่ลดละ เขาสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นและจริงใจจากสีหน้าแววตาของชายตรงหน้า

…และนั้นอาจเป็นคำตอบที่ค้างคาใจมาเนิ่นนาน อาการกระวนกระวายทั้งหมดได้หยุดลง สีหน้าผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด ร่างทั้งร่างไร้ซึ่งความเกร็งคล้ายปราศจากความกดดันทุกสิ่งทุกอย่าง ราวกับเขายอมรับผลการกระทำทั้งหมด

จากนั้นชายเร่ร่อนจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงสะอื้นอันแผ่วเบาอยู่ในลำคอ คงเป็นเพราะเขาต้องการสื่อสารกับตนเองมากกว่าพูดให้คนอื่นรับรู้

"ถ้างั้น…มันคงสายเกินไปจริงๆ ด้วยสินะ…"

ในขณะที่ดีนกำลังเพ่งสมาธิฟังคำตอบของคนตรงหน้าที่ได้ยินไม่ชัดนัก ทันใดนั้นชายเร่ร่อนตัดสินใจกลับตัวแล้ววิ่งไปทางประตูหน้าร้าน มือข้างหนึ่งยื่นไปข้างหน้าผลักประตูสุดแรงจนในที่สุดเขาก็ออกจากร้านไปได้สำเร็จ

"เดี๋ยวก่อน! …คุณ!! …" ดีนตะโกนลั่น

เหตุการณ์ตรงหน้าเกิดขึ้นเร็วเกินกว่าที่เขาจะได้ขยับปลายเท้าด้วยซ้ำ ทันทีที่ชายเร่ร่อนมาถึงบริเวณฟุตบาท เท้าทั้งสองก็หยุดลง สายตามองไปที่ถนนคล้ายกับตามหาบางสิ่งและเมื่อเห็นรถแท็กซี่คันหนึ่งเคลื่อนที่เข้ามาด้วยความเร็ว ชายคนนี้จึงตัดสินใจก้าวไปยังเลนถนนพร้อมกับวิ่งเข้าใส่ทันที

"อย่านะ! …"

แม้เขาจะวิ่งออกไปจากร้านแต่ก็รู้แก่ใจดีว่าไม่สามารถหยุดสิ่งที่จะเกิดขึ้นตรงหน้าได้ทันเสียแล้ว

เสียงโลหะที่เคลื่อนตัวด้วยความเร็วกระทบเข้ากับร่างชายเร่ร่อนจนเกิดเสียงดังในระดับที่ผู้คนในรัศมีร้อยเมตรต่างหันมาพร้อมกัน

รถแท็กซี่ที่พุ่งชนเสียการทรงตัวอย่างหนักแม้ว่าผู้ขับจะพยายามเบรคสุดกำลังเพื่อไม่ให้รถไถลไปไกลแต่การควบคุมรถด้วยความเร็วไม่ใช่เรื่องง่าย รถแท็กซี่เคลื่อนตัวหลุดออกจากเลนตัวเองจนไปชนกับรถคันอื่นที่สัญจรตามปกติ

ในขณะที่มีคนวิ่งหนีให้ห่างจากจุดเกิดเหตุ บางคนวิ่งหาที่กำบังเพื่อไม่ให้โดนลูกหลง บางคนยืนถ่ายภาพถ่ายคลิปวินาทีระทึกขวัญผ่านโทรศัพท์มือถือแต่ดีนเลือกวิ่งเข้าไปหาที่เกิดเหตุ

ในเหตุการณ์ที่เลวร้ายยังมีความโชคดีอยู่ เมื่อรถส่วนใหญ่ไม่ได้ขับเร็วมากนักเนื่องจากเป็นพื้นที่ชุมชน ทำให้การชนกันส่วนใหญ่เป็นเพียงความเสียหายทางทรัพย์สินเท่านั้น

เสียงผู้คนที่ตะโกนร้องด้วยความตกใจถูกกลบด้วยเสียงไซเรนของรถตำรวจที่มาถึงจุดเกิดอุบัติเหตุได้รวดเร็วเกินกว่าที่ควรจะเป็นไปมาก นั่นเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจมาด้วยเหตุคนร้ายอาละวาดอยู่ในร้านกาแฟจากการแจ้งความของธีร์

ดีนเดินมาถึงริมฟุตบาทซึ่งเป็นจุดที่ชายเร่ร่อนนอนแน่นิ่ง เมื่อตรวจสอบสภาพร่างจากสายตาแล้วก็พบว่า กระดูกแขนขาหักจนผิดรูป หน้าอกไม่มีการขยับขึ้นลงจากการหายใจ รูม่านตาที่ไม่ตอบสนองกับแสงแล้วยังคงเบิกโพลงค้างไว้

ตำรวจหนุ่มสังเกตถึงวัตถุสีดำบางอย่างซึ่งโผล่พ้นเสื้อคลุมสีน้ำตาลออกมาเพียงเล็กน้อย เขาจึงตัดสินใจเอื้อมมือไปเปิดเสื้อคลุมที่ทับสิ่งนั้น

"หืม…นี่มัน…"