webnovel

ONMYOJI องเมียวจิ

แนะนำตัวละคร อวี้ อันฉี (อัลฟ่า) (184 ซม. / 74 กก.) นักเรียนแลกเปลี่ยนจากจีนที่ต้องมาอาศัยอยู่กับตระกูลอาคาวะ ถูกคุณปู่ (อาคาวะคนปู่บังคับให้เรียกเพื่อความสนิทสนม) ฝากฝังให้ต้องไปอยู่ภายใต้การดูแลของ ชิโนบุ และ แบล็ก อาคาวะ ชิโนบุ (182 ซม. / 67 กก.) ทายาทตระกูลอาคาวะที่มีชื่อเสียงเป็นตระกูลใหญ่อันดับต้น ๆ ในเกียวโต เพราะชีวิตผูกพันอยู่กับเรื่องภูตผีมาตั้งแต่เด็ก เลยไม่ค่อยจะกลัวอะไรเหมือนคนอื่นเขาสักเท่าไร อาคาวะ แบล็ก (179 ซม. / 72 กก.) เด็กหนุ่มขี้เล่นอารมณ์ดีที่ตัวติดกับชิโนบุตลอดเวลา เป็นคนที่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ยังยิ้มได้ ยกเว้นเวลาที่โกรธมากจริง ๆ เจ้าตัวมักจะคอยอธิบายเรื่องต่าง ๆ ให้อัลฟ่าฟังอยู่เสมอ

LyLyAiAi · LGBT+
Not enough ratings
34 Chs

17 - สิ่งสำคัญ

"อือ..."

เสียงครางในลำคอดังขึ้นเบา ๆ เมื่อคนที่หลับไปนานเริ่มได้สติคืนกลับมา แพขนตาขยับเล็กน้อยตามการเคลื่อนไหวของเปลือกตาที่ค่อย ๆ เปิดขึ้น ก่อนจะต้องปิดกลับลงเหมือนเดิมอย่างรวดเร็วเพราะแสงที่สว่างเกินไป ต้องใช้เวลาอยู่อีกครู่หนึ่งกว่าที่เจ้าตัวจะปรับสายตาให้ชินกับแสงได้

ภาพเพดานที่คุ้นตาเป็นสิ่งแรกที่มองเห็น ก่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงคุ้นเคยที่ดังขึ้นไม่ไกลจนต้องเลื่อนสายตาไปมอง

"ชีจัง"

"ปู่?"

ชายสูงวัยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ทำให้เจ้าตัวได้แต่ขมวดคิ้วมองกลับไปด้วยความงุนงง รู้สึกเหมือนกับว่าสมองยังไม่เข้าที่ดีจนจำแทบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่จะตื่นขึ้นมา

"อย่าเพิ่งขยับ นอนเฉย ๆ ไปก่อน"

พอเห็นว่าหลานชายทำท่าจะลุกขึ้น คนเป็นปู่ก็ใช้มือกดไหล่ให้เจ้าตัวนอนเฉย ๆ ไปก่อน ขณะที่มืออีกข้างก็เอื้อมไปลูบหัวให้เบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปลอบโยน

"ไม่เป็นไรแล้วนะ"

เป็นเพียงคำพูดง่าย ๆ หากแต่สิ่งที่แฝงมากับน้ำเสียงกลับทำให้คนที่กำลังสับสนผ่อนคลายลงได้ทันที ชิโนบุหลับตาลงครู่หนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งหลังจากที่พอจะเรียกสติกลับคืนมาได้ เจ้าตัวกวาดมองไปโดยรอบแล้วก็ต้องมุ่นหัวคิ้วเข้านิด ๆ เมื่อเห็นว่ามันคือห้องนอนของตัวเอง

"ทำไมผมกลับมาอยู่ที่นี่แล้วล่ะ"

"ปู่พากลับมาน่ะสิ หลานหลับไปสองวันเต็ม ๆ เลยนะรู้ไหม"

คำตอบที่ได้รับทำให้คนฟังเลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ ทางด้านคนเป็นปู่ที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่อมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะอธิบายให้ฟังพร้อมทั้งเกลี่ยผมตรงหน้าผากออกให้เบา ๆ

"เป็นเพราะป่วยด้วยเลยหลับไปนานหน่อย ก็เล่นตากฝนขนาดนั้น"

"ปู่"

"หืม?"

"แล้วอัลฟ่าล่ะ เรื่องที่หมอนั่นหลุดไป..."

พอเริ่มนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนจะหมดสติได้ ชิโนบุก็รีบถามหาใครบางคนที่นึกเป็นห่วงก่อนเลย ดวงตากลม ๆ สบมองด้วยความคาดหวัง...

"ปู่จัดการแล้ว"

หากแต่...

สิ่งที่ได้ยินทำให้หัวใจกระตุกวูบจนเผลอสะดุดลมหายใจไปเฮือกหนึ่ง

"จัดการ ยังไง"

เสียงที่ถามกลับไปฟังดูสั่นมากจนแม้แต่ชิโนบุก็ยังตกใจตัวเอง เผลอกำมือแน่นจนเล็บแทบจิกเข้าไปในเนื้อ หัวคิ้วขมวดแน่นเมื่อความคิดน่ากลัวหลายอย่างผุดขึ้นมาเต็มไปหมด

เขายอมรับว่ากำลังกลัว...

กลัวมาก ๆ ด้วย

ทั้งที่ไม่ได้อยากจะคิดไปในแง่ร้าย แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำใจคิดไปในแง่ดีไม่ได้เหมือนกัน

ตามคำสอนของตระกูลอาคาวะ ทั้งสายเลือดโดยตรงและลูกศิษย์ ทุกคนต้องจัดการกับภูตผีที่ตั้งตัวเป็นภัยคุกคามต่อคนธรรมดาอย่างไม่มีข้อยกเว้น เพราะความปลอดภัยของผู้คนถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แล้วสำหรับจิ้งจอกเก้าหางนั้น เดิมทีก็ถูกจัดอยู่ในประเภทที่เป็นอันตรายมากอยู่แล้วเพราะเป็นกึ่งภูตกึ่งปีศาจ ยิ่งเจ้าตัวมาหลุดควบคุมด้วยแบบนี้ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับความอันตราย

ยังไงก็ต้องถูกจัดการ

ต้องโดนจัดการ...

"ทำให้สิ้นสภาพ"

คำตอบที่ดังแทรกห้วงความคิดขึ้นมาทำให้สมองของคนฟังหยุดทำงานไปชั่วขณะ ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมองคุณปู่ของตนนิ่งโดยไม่กระพริบ แม้ว่าคำตอบจะเป็นเหมือนกันกับที่คิดไว้ แต่ว่า...

ไม่..

ไม่อยากให้เป็นแบบนี้

"ชีจัง?"

เสียงเรียกของคุณปู่ทำให้ชิโนบุได้สติกลับมา และตอนนั้นเองที่เจ้าตัวสัมผัสได้ถึงความรู้สึกร้อนผ่าวที่เกิดขึ้นรอบดวงตา พร้อมกับความเจ็บหน่วงที่บริเวณหน้าอกข้างซ้าย ร่างสูงโปร่งพลิกตัวหันหลังก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะทำให้เป็นปกติที่สุด

"ผมยังมึนหัวอยู่เลย ขอพักก่อนนะครับ"

เมื่อได้ยินหลานชายบอกแบบนั้น คนเป็นปู่ที่นึกอยากจะพูดอะไรอีกสักหน่อย ก็ทำได้เพียงถอนหายใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปวางลงบนไหล่ของเจ้าตัวแล้วลูบไปมาเบา ๆ อย่างอ่อนโยน

"งั้นหลานก็พักอีกสักหน่อย ตื่นมาเราค่อยคุยกันใหม่"

ชิโนบุทำเพียงพยักหน้ารับโดยไม่ตอบอะไรและไม่หันกลับไปมอง รอจนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าเดินออกจากห้องไปพร้อมกับประตูที่ถูกปิดลง ดวงตาที่ร้อนผ่าวอยู่เมื่อครู่ก็ค่อย ๆ วาววับเมื่อมีหยาดน้ำเอ่อคลอออกมา

"ขอโทษนะ"

น้ำเสียงสั่น ๆ พึมพำออกมาด้วยความรู้สึกผิด

"ขอโทษ..."

ไหล่ทั้งสองข้างสั่นสะท้านเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ริมฝีปากล่างถูกฟันขบจนขึ้นสีแดงช้ำ ไม่แพ้ดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้างที่มีหยาดน้ำไหลรินออกมาตลอดเวลา เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาเบา ๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะฝังหน้าลงกับหมอนอย่างหวังจะให้มันช่วยซับน้ำตา

วันนั้นเขาควรจะฟังอัลฟ่า เขาไม่ควรดื้อจะไปที่นั่น ไม่ควรให้อัลฟ่าต้องไปเจออะไรแบบนั้น ไม่ควรปล่อยให้อัลฟ่าหลุด ไม่ควรปล่อยให้เรื่องมันเป็นแบบนี้

ทั้ง ๆ ที่เกือบจะเรียกสติของอัลฟ่ากลับมาได้ ทั้ง ๆ ที่อัลฟ่าก็อุตส่าห์จำเขาได้แท้ ๆ แต่เขากลับ...

กลับ...

ทำอะไรไม่ได้เลย

ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง

แม้แต่จะช่วยอัลฟ่ากลับมาก็ทำไม่ได้

ทำไม่ได้...

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

"อะ?"

ห้วงความคิดทั้งหมดสะดุดลงเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูที่จู่ ๆ ก็ดังขึ้น ชิโนบุขมวดคิ้วเข้าเล็กน้อยด้วยความสงสัยว่าใครมาเคาะห้องตัวเองในเวลานี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติ แล้วตะโกนถามกลับไปทั้งที่น้ำตายังคงไหลออกมาอยู่อย่างนั้น

"ใคร"

"ฉันเอง"

หากแต่คำตอบที่ได้รับกลับทำให้เจ้าตัวชะงักกึกหยุดร้องไห้ไปในทันที ดวงตากลม ๆ เบิกกว้าง ยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกแล้วรีบผุดลุกขึ้นเพราะจำน้ำเสียงนั้นได้ แต่กลับลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้สภาพร่างกายยังไม่กลับเป็นปกติดี

"โอ้ย!!"

เสียงร้องที่ดังออกมาจากในห้องทำให้คนที่ยืนรออยู่ด้านนอกไหวตัวเล็กน้อย หัวคิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้า ก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปโดยไม่รอคำอนุญาต แล้วสิ่งที่เห็นก็ทำให้ต้องรีบเดินเข้าไปทรุดตัวลงนั่งข้างฟูกนอนของคนป่วยด้วยความเป็นห่วง

"เป็นยังไงบ้าง"

"นาย..."

พูดได้แค่นั้นชิโนบุก็ต้องหยุดเสียงตัวเองไว้เมื่อความปวดหัวแล่นปราดขึ้นมาเพราะการรีบผุดลุกขึ้นเมื่อครู่ มือทั้งสองข้างยกขึ้นมากุมขมับ ก่อนจะค่อย ๆ เอนตัวลงนอนเหมือนเดิม โดยมีคนที่เป็นต้นเหตุของความรีบร้อนคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ

ตลอดเวลาดวงตากลม ๆ ทำได้แค่มองหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ จนกระทั่งได้นอนลงดี ๆ แล้วก็อดถามขึ้นมาไม่ได้

"ทำไมนายมาอยู่ที่นี่"

"ถ้าฉันไม่อยู่ที่นี่แล้วจะให้ไปอยู่ที่ไหน"

ถ้อยคำที่สวนกลับมาทำให้คนถามชะงักไปอย่างปรับอารมณ์ไม่ถูก ได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ มองหน้าอีกฝ่ายที่กำลังอมยิ้มขำ ๆ ส่งกลับมา

ชิโนบุไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองควรจะรู้สึกยังไงดี เหมือนมีคำถามมากมายที่อยากจะถาม แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเค้นเสียงออกไปยังไง ยิ่งเห็นรอยยิ้มบาง ๆ ที่ถูกส่งมาก็ยิ่งทำได้แค่ขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตอนนี้มีเรื่องที่กำลังตีกันอยู่ในหัวเยอะเกินไปหรือเปล่า เลยหาจุดเริ่มต้นไม่ถูก แต่ก็เพราะคิดได้แบบนั้น สุดท้ายเจ้าตัวเลยถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วหลับตาลง

เวลาผ่านไปพักใหญ่สำหรับใช้ในการเรียบเรียงสมองและจัดระบบความคิดใหม่ พอลืมตาขึ้นมาได้เจ้าตัวก็เลือกถามถึงสิ่งที่สงสัยที่สุดออกไปก่อน

"ปู่บอกว่าจัดการนายไปแล้ว"

"เพราะงั้นนายถึงร้องไห้เหรอ"

"ไม่ได้ร้องไห้"

"ตายังแดงไม่หายเลยนะ"

"ตอบมา สรุปยังไง"

"ที่ฉันไม่ตายน่ะเหรอ"

"นี่!"

ดวงตากลม ๆ ที่ถลึงมองมาทำให้อัลฟ่าเผลอยิ้มออกมาอีกครั้ง แม้จะรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่ทำให้ดวงตาสวย ๆ คู่นี้ต้องแดงช้ำเพราะการร้องไห้ที่มีตัวเองเป็นต้นเหตุ

แต่ว่า...

ก็อดยอมรับไม่ได้จริง ๆ ว่าแอบมีอีกความรู้สึกที่แทรกขึ้นมา...ดีใจ

ดีใจที่ชิโนบุร้องไห้

ดีใจที่ได้รู้ว่าตัวเองก็เป็นอีกคนที่เจ้าตัวให้ความสำคัญ เพราะถ้าไม่เห็นว่าสำคัญ...ก็คงจะไม่ร้องไห้ออกมา

"อย่ามัวแต่ยิ้มสิ บอกมาได้แล้ว"

พอเห็นว่าอีกฝ่ายเอาแต่มองมาที่ตัวเองยิ้ม ๆ ชิโนบุก็ท้วงขึ้นมาอย่างขัดใจ ร่างสูงโปร่งยันตัวลุกขึ้นอย่างไม่สนใจสังขารตัวเองเลยแม้แต่น้อย

เขาอยากรู้จะแย่แล้ว ความสงสัยอัดแน่นจนหัวแทบจะระเบิดอยู่แล้ว

"ไม่ต้องลุก"

"ไม่เอา ไม่อยากนอนแล้ว"

เห็นคนดื้อที่ไม่ยอมจะฟังกัน อัลฟ่าก็ได้แต่ส่งสายตาดุ ๆ ไปให้ แต่เพราะรู้ดีว่าถึงจะดุยังไงเจ้าตัวก็คงไม่สนใจ สุดท้ายเลยได้แต่ส่ายหัวเบา ๆ แล้วเปลี่ยนจากที่จะห้ามเป็นช่วยประคองให้ลุกขึ้นมานั่งดี ๆ แทน

"เล่ามา"

"ตอนนั้นฉันก็ไม่มีสติมากหรอก คุณปู่นายเป็นคนเล่าให้ฟังอีกที"

"อือ ไม่เป็นไร"

"ดูเหมือนว่าหลังจากนายสลบไป ฉันจะคลั่ง"

คำตอบที่ได้รับทำให้ชิโนบุเผลอขมวดคิ้วเข้านิด ๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะเปลี่ยนไปถามถึงอีกเรื่องที่นึกขึ้นมาได้พอดี

"ฉันมีเรื่องที่คาใจอยู่"

"อะไร"

"ตอนที่หลุดไป นายจำฉันได้ใช่ไหม"

เกิดความเงียบขึ้นชั่วอึดใจหลังจากจบประโยคนั้น อัลฟ่าทำเพียงมองหน้าคนถามนิ่ง ๆ ก่อนที่สุดท้ายจะพยักหน้ารับแล้วตอบกลับไป

"จำได้"

"ฉันว่าแล้วว่านาย...อะ!"

ถ้อยคำที่เหลือเลือนหายไปเพราะความตกใจจากเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ชิโนบุทำได้เพียงเบิกตากว้าง นั่งตัวแข็งค้าง เมื่อจู่ ๆ ก็ถูกอัลฟ่าดึงเข้าไป...

กอด

เพราะความตกใจทำให้ชิโนบุไม่ทันได้ขัดขืน แต่พอตั้งสติได้แล้วทำท่าจะผลักออก กลับต้องชะงักตัวเองไว้เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ดังขึ้น

"นายปลอดภัย"

"อัลฟ่า"

"นายปลอดภัยแล้ว"

เป็นเพียงประโยคสั้น ๆ แต่ทำให้ชิโนบุเข้าใจความรู้สึกของอัลฟ่าได้ทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบายอะไร ไม่จำเป็นเลยสักนิด เพียงแค่ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาทางอ้อมกอดและความรู้สึกที่ส่งผ่านมาทางน้ำเสียง เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว...

แค่นี้ก็รับรู้ได้ทั้งหมดแล้ว

"ปลอดภัยแล้ว"

"อือ ฉันปลอดภัยแล้ว"

และนายเอง...ก็ปลอดภัยแล้วเหมือนกัน

สองแขนที่ปล่อยทิ้งอยู่ข้างลำตัวค่อย ๆ ยกขึ้นแล้วกอดตอบกลับไป ใบหน้าที่ยังคงซีดขาวอยู่เล็กน้อยแนบลงกับไหล่ของอีกฝ่ายหลังจากพูดจบ เปลือกตาค่อย ๆ ปิดลงพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่เลือนหายไปจากใบหน้า ซึมซับความรู้สึกอุ่น ๆ ของร่างกายที่ยังมีลมหายใจ ยังมีชีวิต ยังคงอยู่ตรงนี้…

ยังไม่ได้หายไป

แรงกอดที่แน่นขึ้นทำให้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นชิโนบุก็ไม่ได้ว่าอะไร เขายังคงปล่อยให้อัลฟ่ากอดอยู่แบบนั้น ยังคงอมยิ้มให้กับเสียงพึมพำที่ฟังแทบไม่ได้ศัพท์ของอัลฟ่า ยัง...

ยังอยากสัมผัสไออุ่นจากร่างกายของอีกฝ่ายไปอย่างนี้อีกสักพัก

"....."

ระหว่างทั้งคู่ไม่มีประโยคสนทนาใด ๆ เกิดขึ้นอีก เมื่อต่างคนต่างต้องการซึมซับความรู้สึกที่ยังมีอีกฝ่ายไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อทดแทนกับความหวาดกลัวต่อการสูญเสียในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

อัลฟ่ายังคงกอดชิโนบุไว้แน่นไม่ยอมปล่อย โดยที่สองมือก็เริ่มสั่นเทาขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น วันที่สติของเขาค่อย ๆ ถูกพรากไปจนแทบไม่เหลือ ความรู้สึกทั้งหมดเลือนหายไปจนแทบไม่รับรู้อะไร ทั้งสมองขาวโพลนไปหมดจนจำทุกอย่างแทบไม่ได้...

จะเว้นก็แต่ชื่อชื่อหนึ่ง

ครืด!

"ชีจัง--"

เสียงประตูที่เลื่อนเปิดออกพร้อมกับแสงสว่างที่สาดเข้ามา ทำให้ทั้งสองคนที่นั่งกอดกันอยู่กลางห้องต้องหันไปมองด้วยความสงสัย เงาคนสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูยังไม่ทำให้อัลฟ่าและชิโนบุขมวดคิ้วได้เท่ากับน้ำเสียงคุ้น ๆ ที่ได้ยิน

"พ่อ?"

"เอ่อ...นี่พ่อมาผิดเวลาหรือเปล่าเนี่ย"

จากที่จะเดินเข้าไปหาลูกชายเพราะรู้ข่าวมาจากคุณพ่อมาว่าเจ้าตัวฟื้นแล้ว ชิเงรุก็ชะงักเท้าไว้ทันทีเมื่อเห็นภาพตรงหน้า และยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรต่อ แบล็กที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็คว้าคอเสื้อของเจ้าตัวแล้วดึงออกไปทันทีโดยไม่ลืมปิดประตูให้อย่างเรียบร้อยด้วย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน ทำให้ทั้งอัลฟ่าและชิโนบุได้แต่นั่งกระพริบตาปริบ ๆ ไม่ได้พูดไม่ได้ขยับตัวเลยสักนิด ดวงตาสองคู่ยังคงมองไปทางประตูที่ตอนนี้ถูกปิดสนิทเหมือนเดิม ก่อนจะหันกลับมามองหน้ากันเอง...

".....!"

แล้วพอรู้สึกตัวว่าตอนนี้นั่งอยู่ในท่าไหน ต่างฝ่ายต่างก็รีบผละออกจากกันทันที!

อัลฟ่าหันไปมองอีกทาง ชิโนบุก็หันไปมองอีกทาง ภายในห้องเกิดเป็นความเงียบอันน่าอึดอัดที่...ชวนให้รู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งหน้า

ต้องใช้เวลาพักใหญ่ ๆ กว่าที่แต่ละคนจะดึงสติกลับมาได้ คนเป็นเจ้าของห้องกระแอมเบา ๆ แก้เก้อ ก่อนจะเลือกถามไปถึงเรื่องที่คุยกันค้างไว้ เพื่อทำลายบรรยากาศแปลก ๆ นี่ทิ้งไปซะ

"แล้ว..หลังจากนายคลั่งเกิดอะไรขึ้น"

"แบล็กก็เกือบจะหลุดตามไป"

พอได้ยินแบบนั้นอาการเก้อ ๆ เขิน ๆ ของชิโนบุที่ยังหลงเหลืออยู่ก็หายวับไปทันที เจ้าตัวหน้าเสียเล็กน้อยเมื่อคิดภาพตามว่าถ้าแบล็กหลุดไปด้วยอีกคนมันจะพังแบบถล่มทลายขนาดไหน

"แล้วแก้ไขสถานการณ์กันยังไง"

"โชคดีที่คุณพ่อกับคุณแม่ของนายตามมาถึงพอดี พอคุณแม่นายตรวจดูอาการแล้วตะโกนบอกแบล็ก ก็เลยหยุดเขาได้ก่อนที่จะหลุด"

ชิโนบุอดจะถอนหายใจออกมาไม่ได้เมื่อได้ยินแบบนั้น ก่อนจะเหลือบตาขึ้นมองอัลฟ่าอย่างตั้งใจเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวทำท่าจะพูดต่อ

"บอกตามตรงว่าหลังจากนั้นฉันก็จำได้แค่ลาง ๆ ตอนที่เริ่มหลุดฉันยังพอมีความคิดว่าจะต้องทำให้นายปลอดภัย ต้องจัดการกับโรคุบิให้หมดแรงแล้วพานายไปหลบอยู่สักที่ แต่ว่า..."

"....."

"ตอนที่เห็นว่านายล้มลงไปต่อหน้า สติที่เหลืออยู่ของฉันก็หายไปจนหมด สิ่งที่อยู่ในหัวฉันมีเพียงอย่างเดียวคือ...ฉันต้องฆ่ามัน!"

ฝ่ามือที่กำแน่นหลังจากจบประโยคนั้นของอัลฟ่า ทำให้ชิโนบุเหลือบตาลงมอง ความรู้สึกมากมายถูกส่งผ่านมาจากมือที่กำลังสั่นจนไม่จำเป็นต้องมีคำอธิบายใด ๆ เห็นแบบนั้นชิโนบุจึงตัดสินใจเอื้อมมือไปวางทาบลงบนมือของเจ้าตัวแล้วออกแรงบีบเบา ๆ

อัลฟ่าก้มลงมองมือของตัวเองที่ถูกกุมไว้ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเมื่อรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของคนดื้อ ที่ไม่สำนึกสักนิดว่าร่างกายยังไม่กลับมาเป็นปกติดี

"นาย--"

คำที่เตรียมจะดุถูกกลืนกลับลงคอไปทั้งหมด เมื่อชิโนบุเลือกจะสู้กลับด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างที่ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก แล้วพอเห็นว่าอัลฟ่าเงียบไปอย่างยอมแพ้เจ้าตัวก็หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ ร่างสูงโปร่งที่นั่งประจันหน้ากันเมื่อครู่ในตอนนี้กลับย้ายมานั่งอยู่ข้าง ๆ กันแทน จากที่แค่กุมมือของอัลฟ่าไว้ในตอนแรก คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นจับมือของเจ้าตัวให้พลิกหงายแล้วประสานนิ้วเข้าด้วยกัน

ทุกการกระทำของชิโนบุมีอัลฟ่าคอยนั่งมองอยู่เฉย ๆ โดยไม่พูดอะไร ทางด้านชิโนบุเองก็ไม่ได้พูดหรืออธิบายอะไรเช่นกันว่าที่ทำไปทั้งหมดนั้น เป็นเพราะเขาสังเกตเห็นอารมณ์ที่ทำท่าจะปะทุขึ้นมาของเจ้าตัวตอนพูดถึงโรคุบิ

เขาจะไม่ยอมให้อัลฟ่าหลุดอีกแล้ว จะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีก เขาจะเป็นคนหยุดอัลฟ่าเอง ไม่ว่าจะต้องทำยังไงก็จะหยุดไว้ให้ได้...

จะไม่ยอมให้อัลฟ่าต้องตกอยู่ในสภาพแบบนั้นอีกแล้ว

"คุณปู่นายบอกว่า ฉันคลั่งจนขย้ำโรคุบิเกือบตาย จนแบล็กกับคุณพ่อนายต้องช่วยกันแยกฉันออกมาเพื่อให้คุณปู่ทำพิธีผนึก แต่ถึงจะผนึกได้แล้วฉันก็ยังไม่หายคลั่งอยู่ดี"

"ปู่บอกว่าทำให้นายสิ้นสภาพไปแล้ว"

พอนึกถึงคำพูดของคุณปู่ ชิโนบุก็ได้แต่ทำหน้ามุ่ย ไม่ใช่ว่าเคืองที่ปู่พูดกำกวมจนเข้าใจผิดหรอกนะ แต่นึกโกรธตัวเองที่ดันคิดเองเออเองไม่ยอมถามให้ชัด ๆ ว่าเรื่องมันเป็นยังไงต่างหาก ก็เลยต้องร้องไห้ออกมาแบบนั้น

น่าอายชะมัด

"สิ้นสภาพ?"

"อือ"

"ที่จริง...จะว่างั้นก็คงได้แหละ ตอนนั้นหมดแรงจนลุกไม่ขึ้นเลย พลังที่ตื่นขึ้นมาถูกใช้สู้กับแบล็กและพ่อของนายหมดเกลี้ยง จนแค่จะกระดิกตัวก็ยังทำไม่ได้"

"นึกสภาพแล้วคงพังไปเป็นแถบเลยใช่ไหม"

"ป่าตรงแถบนั้นเสียหายทั้งหมด"

คนฟังได้แต่ถอนหายใจอกมาเบา ๆ คำตอบที่ได้รับไม่ได้ต่างไปจากที่คิดไว้สักเท่าไร เพราะก็เห็นตั้งแต่แรกแล้วว่ามันเละเทะขนาดไหนตอนที่อัลฟ่าสู้กับโรคุบิ แล้วนี่ยังมีแบล็กกับพ่อร่วมเข้าไปอีก...

จิ้งจอกเก้าหาง อินุงามิ ผู้นำตระกูลอาคาวะ

สามคนนี้ปะทะกัน ไม่พังไปเป็นแถบก็ให้มันรู้ไป

"เห็นคุณปู่บ่นพ่อนายอยู่เหมือนกันว่าไม่ยอมออมมือจนทำให้เสียหายหนักทั้งที่มันไม่จำเป็นต้องเละเทะขนาดนั้น แล้วค่าเสียหายทั้งหมดอาคาวะก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบด้วย"

"ช่างเรื่องนั้นเถอะ ให้พ่อกับปู่จัดการไป ฉันจะฟังเรื่องของนายต่อ"

เรื่องค่าเสียหายน่ะ เขาได้ยินปู่บ่นพ่อมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วว่าชอบเล่นสนุกเกินเหตุ ทั้งที่หลีกเลี่ยงไม่ให้เสียหายหนักได้แต่พ่อก็ไม่เคยทำ จากที่เห็นท่าทางสบายดีตอนเปิดประตูเข้ามาเมื่อกี้ ก็พอจะรู้แล้วว่าที่ต่อสู้กับอัลฟ่าไป คงเป็นแค่การยืดเส้นยืดสายเล่นของพ่อเท่านั้นแหละ

"เรื่องของฉันไม่มีอะไรแล้ว แค่หลังจากนั้นแบล็กกับพ่อนายก็สู้กับฉันจนพลังหมดเลยสงบลง แล้วแม่นายก็ทำพิธีอะไรกับฉันไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม"

คำอธิบายที่ได้รับทำให้ชิโนบุขมวดคิ้วเข้าเล็กน้อยเพราะรู้สึกว่ามันยังฟังดูไม่ค่อยกระจ่างสักเท่าไร ดวงตากลม ๆ จ้องสบกับอัลฟ่าตรง ๆ รู้สึกว่ามีเรื่องที่อยากจะถามอีกมากมาย แต่พอได้เห็นสายตาที่มองตอบกลับมา ทุกความสงสัยก็ราวกับจะเลื่อนหายไปเสียเฉย ๆ

"....."

ดวงตาสองคู่สบกันนิ่ง ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่สุดท้ายจะเป็นฝ่ายชิโนบุที่หลุดยิ้มออกมาแล้วเลือกจะทิ้งความสงสัยทั้งหมดไป ในเมื่อตอนนี้...

"นายเป็นเหมือนเดิมก็ดีแล้ว"

ดีแล้ว...

แค่นี้ก็ดีแล้ว...

แค่อัลฟ่ากลับมาได้...ก็พอแล้ว

อัลฟ่าไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาทำเพียงมองรอยยิ้มที่ได้รับแล้วส่งยิ้มตอบกลับไปเพียงเท่านั้น ก่อนจะหลุดขำเบา ๆ ให้กับน้ำเสียงข่มขู่และดวงตาขวาง ๆ ที่ถลึงมองมา

"แล้วคราวนี้อย่าหลุดอีกล่ะ"

"ปู่นายบอกว่าตอนนี้พลังของฉันตื่นอย่างสมบูรณ์แล้ว การหลุดจะเกิดได้ยากขึ้น ตอนนี้ปัญหาคือจะควบคุมพลังยังไงมากกว่า"

"อา...นั่นสิ จิ้งจอกเก้าหางเนี่ย เรื่องพลังคงจะซับซ้อนน่าดูเลย"

"แต่แบล็กบอกแล้วว่าจะเป็นคนช่วยสอนให้"

ชื่อของคนที่ถูกยกมาอ้างทำให้ชิโนบุพยักหน้ารับกลับไป ถ้าแบล็กบอกว่าจะสอนให้เขาก็เบาใจลงไปเยอะ ถึงแม้ว่าอินุงามิกับจิ้งจอกเก้าหางจะไม่ใช่ภูตประเภทเดียวกัน แต่ถึงยังไงก็เป็นเผ่าพันธุ์สุนัขเหมือนกัน คงพอไปกันได้นั่นแหละ...

จริงสิ!

แบล็กเป็นหมาดำ อัลฟ่าเป็นหมาขาว

ถ้าให้คืนร่างเดิมพร้อมกันแล้วจับมายืนข้างกันก็คงจะ...น่ารักดีพิลึก

"....."

อัลฟ่ามุ่นหัวคิ้วเข้าเล็กน้อยเมื่อจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงหลุดขำมาจากคนข้าง ๆ ดวงตาคู่คมมองอีกฝ่ายที่ตอนนี้กำลังมุดหน้าขำกับไหล่เขาด้วยความสงสัย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป ทำเพียงแค่ยกมุมปากทั้งสองข้างขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะกระชับมือที่ประสานนิ้วกันไว้ให้แน่นขึ้นอีกนิด แล้วเรียกชื่อเจ้าตัวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าปกติ

"ชิโนบุ"

"อะไร"

คนโดนเรียกหยุดขำกับภาพในจินตนาการของตัวเอง แล้วเงยหน้าขึ้นถามด้วยความสงสัย ก่อนจะต้องชะงักไปเมื่อได้สบเข้ากับดวงตาที่มองมา

"ขอโทษนะ"

"ขอโทษทำไม"

"ขอโทษที่ฉันยังไม่เก่งพอ"

"อัลฟ่า..."

ชิโนบุที่กำลังจะพูดอะไรสักอย่างจำต้องเก็บเสียงของตัวเองไว้เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย ดวงตากลม ๆ ก้มลงมองมือที่ถูกดึงไปกุมไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนจะเงยหน้ามองเมื่อได้ยินอัลฟ่าเริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง

"แต่ฉันจะเก่งขึ้น"

"....."

"จะเก่งขึ้นกว่านี้ จะเก่งให้มากกว่านี้ จะเก่งจนสามารถปกป้องนายได้"

จะปกป้องรอยยิ้มนี้ไว้

จะปกป้องเสียงหัวเราะนี้ไว้

จะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นอีกแล้ว!

"เพราะฉะนั้น..."

เสียงพูดของอัลฟ่าถูกหยุดไป เมื่อเจ้าตัวหวนคิดถึงประโยคที่แบล็กเคยพูดไว้ เป็นบทสนทนาที่อัลฟ่ายังคงจดจำจนขึ้นใจมาโดยตลอด

'นอกจากความรู้สึกไวและรู้เรื่องพวกนี้อย่างดีแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ก็คือนายจะต้องเก่ง'

"อัลฟ่า?"

'เก่งขึ้นเรื่อย ๆ เก่งขึ้นไปในทุก ๆ วัน เก่งมากพอที่จะปกป้องตัวเองได้ เก่งกว่าใครจนสามารถปกป้องสิ่งสำคัญของตัวเองได้'

"อัลฟ่า เป็นอะไรหรือเปล่า"

'รู้ไหมว่าการมีสิ่งสำคัญที่ต้องปกป้องนี่แหละ คือเคล็ดลับความเก่งเลยล่ะ'

"นายได้ยินฉันไหม"

เสียงเรียกที่มาพร้อมแรงเขย่าเบา ๆ ที่แขน ทำให้อัลฟ่าที่จมอยู่ในภวังค์ของตัวเองได้สติกลับมา ดวงตาคู่คมหันกลับมามองใบหน้าของอีกฝ่าย ที่ตอนนี้แสดงความเป็นห่วงออกมาอย่างไม่ปิดบัง

"เป็นอะไรหรือเปล่า นายก็ยังไม่หายดีเหรอ กลับไปพักก่อนไหม"

"ชิโนบุ"

"หือ?"

"ช่วยมาเป็นสิ่งสำคัญของฉันได้ไหม"

คำขอแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยหรือการเกริ่นนำใด ๆ ทำให้ชิโนบุได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ กลับไปอย่างงุนงง ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ เจ้าตัวถึงพูดขึ้นมาแบบนั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้อัลฟ่ากำลังหมายถึงเรื่องอะไรอยู่

"นายหมายความว่ายังไง"

"มาเป็นคนสำคัญของฉัน ให้ฉันได้ปกป้องและดูแล...ได้ไหม?"

น้ำเสียงวอนขอในประโยคสุดท้ายทำให้ชิโนบุเผลอสะดุดลมหายใจของตัวเอง ยิ่งเห็นว่าดวงตาคู่นั้นมองมาด้วยความรู้สึกแบบไหน เขาก็ยิ่งทำตัวไม่ถูก แต่...

จะให้ตอบยังไงดี เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่มันเรื่องอะไร จู่ ๆ ก็มาขอให้เป็นคนสำคัญ ก่อนหน้านี้ก็บอกว่าจะเก่งขึ้น หรือว่า...

"แบล็กเหรอ"

การพยักหน้ารับของอัลฟ่าช่วยไขข้อข้องใจของชิโนบุได้ทั้งหมด เขาว่าแล้วว่าต้องเกี่ยวกับการสอนไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง

"แบล็กบอกให้นายหาคนสำคัญเหรอ"

"เปล่า แต่แบล็กบอกว่าถ้ามีสิ่งสำคัญที่อยากปกป้องก็จะเก่งขึ้น"

"งั้นทำไมไม่เป็นครอบครัวนายล่ะ คนสำคัญน่ะ"

"พวกเขาไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้"

"ถึงงั้นก็เถอะ นายจะให้ฉัน--"

"ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครสำคัญสำหรับฉันได้เท่านายแล้ว"

เพียงดวงตาที่มองสบกลับมาตรง ๆ ตอนที่พูดประโยคนั้น ก็ทำให้ชิโนบุเผลอยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างไม่รู้ตัว โชคดีที่ได้สติก่อน เลยรีบกลับมาทำท่าทีขึงขัง แกล้งดึงมือที่ถูกกุมไว้กลับมากอดอกแล้วเชิดหน้าขึ้น

"ฉันไม่ตกลงเป็นคนสำคัญให้ใครง่าย ๆ หรอกนะรู้ไหม"

"ฉันแค่--"

"ถ้าคน ๆ นั้นไม่ทำให้มั่นใจว่าจะดูแลฉันได้ดีพอ"

ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะเป็นฝ่ายอัลฟ่าที่ตามเรื่องตามราวไม่ทัน หัวคิ้วของเจ้าตัวขมวดเข้าทันทีที่ประโยคนั้นจบลง ก่อนที่มันจะค่อย ๆ คลายออกเมื่อตีความหมายที่ถูกส่งมาได้ รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ก่อนจะหลุดขำออกมาเมื่อได้ยินน้ำเสียงดุ ๆ หากแต่คนพูดกลับส่งยิ้มมาให้อย่างน่ารัก

"ถ้าดูแลไม่ดีฉันจะทำพิธีสาปแช่งนาย"

"จะดูแลให้ดีที่สุดเลย...ฉันสัญญา"

tbc...