หลายคนบอกว่าอาเบลคือน้ำที่เย็นจัด แต่พวกเขาก็ได้รู้ในวินาทีนี้ว่านั่นเป็นคำกล่าวที่ผิด จักรพรรดิอาเบลในเวลานี้กำลังอยากฆ่าคน เขามีรายชื่อเหยื่อในใจแล้ว แต่ติดแค่ว่าไม่รู้ว่าเจ้าตัวจะมีชีวิตเหลือรอดให้เขาฆ่าหรือเปล่า
พวกเขากำลังประชุมเร่งด่วนถึงสถานการณ์ปัจจุบันในพื้นที่อวกาศนอกดวงดาวเฟลม่า
พวกเขาที่ว่าก็มีแค่อาเบล ชาร์ล และเบต้าติดตามเท่านั้น เพราะฝ่ายอื่นๆ อ้างความไม่ปลอดภัยจากเหตุการณ์ 'เอซิสอาย' ทำงานผิดพลาดปฏิเสธที่จะเดินทางมาด้วยตัวเอง แต่ขอติดต่อรับข้อมูลจากช่องสื่อสารแทน
ไอ้พวกขี้ขลาด...
อาเบลมาทันทีหลังจากที่ชาร์ลติดต่อไปว่าไนท์พาสัตว์ประหลาดหนีไปด้วย และยืนกรานจะบุกเข้าไปในพระราชวัง แต่ก็ถูกชาร์ลห้ามไว้ด้วยเหตุผลทางการทูต เขายิ่งคลุ้มคลั่งขึ้นทุกขณะจนเบต้าทั้งหมดไม่กล้าเข้าใกล้
"หน้าตาดูไม่ได้เลยนะ"
เสียงทุ้มเอ่ยทักอย่างสบายๆ ไม่ต้องหันไปมองอาเบลก็รู้ว่าเป็นใคร
เจ้าแมลงวันน่ารำคาญที่หาทางตอดอำนาจของเขา
เวอร์ชูวแห่งปีกสันติภาพไรโซเรีย มันมาในฐานะตัวแทนปีกสันติภาพ มาดูวินาทีปิดฉากของสัตว์ประหลาด ตามที่หนังสือทางการทูตเอ่ยไว้ มันยังสามารถโฉบไปมาทำตัวรกหูรกตาได้เพราะนอกจากอาเบลและชาร์ลแล้ว ไม่มีใครรู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ 'เอซิสอาย' ทำงานขัดข้องเลย
พวกเขาไม่มีหลักฐานอะไรมาเชื่อมโยงไปถึงเวอร์ชูว ส่วนหลักฐานบุคคลที่อาเบลตั้งใจจะไปเค้นคอก็กำลังอยู่ในภาวะวิกฤต ส่วนหนึ่งก็เพราะว่ามันงี่เง่าอยู่เดิมกับอีกส่วนหนึ่งเป็นฝีมือเจ้าแมลงวันที่ขวางชาร์ลไม่ให้หยุดไนท์ได้ทัน
"เอ็งควรมีเหตุผลดีๆนะว่ากำลังทำอะไร"
สีหน้าชาร์ลเองก็เต็มไปด้วยความโกรธ แต่กระนั้นเขาก็ต้องระงับอารมณ์ตัวเองไว้ แล้วก้าวมาขวางระหว่างอาเบลกับ เวอร์ชูวเพื่อป้องกันการนองเลือดที่จะก่อเกิดเป็นสงครามจักรวาล
การมีเรื่องกับเวอร์ชูวไม่ใช่เรื่องดี เพราะปีกสันติภาพมีอำนาจหนึ่งในสามของจักรวาล เป็นแหล่งรวมของอัลฟ่าที่มาทำสัญญากันเพื่อรวมพลังของดวงดาวให้เป็นหนึ่ง อัลฟ่าดาวเล็กๆดวงเดียวจะสามารถเรียกใช้พลังจากดวงดาวนับร้อยพันดวงได้ไม่ต่างจากเจ้าของดาราจักร และพวกเขาก็ยังมีพันธมิตรอยู่ในดาราจักรต่างๆทั้งไกลใกล้ ทำให้การเรียกยืมพลังดวงดาวทำได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่ว่าจะอยู่ส่วนใดของจักรวาลก็ตาม นี่แหละคือความน่ากลัวของพวกมัน
"ก็แค่พวกกระจอกมารวมกัน คิดว่าจะทำอะไรได้งั้นเรอะ?"
แต่แน่นอนว่าอาเบล ผู้เป็นคนถืออำนาจอีกหนึ่งในสามของจักรวาลมีหรือจะกลัว
เหตุผลเดียวที่อาเบลไม่ลบเจ้าคนน่ารังเกียจนี่ออกไปก็เพราะเขาแน่ใจว่าเวอร์ชูวต้องรู้อะไรมากกว่าที่เขารู้เกี่ยวกับความลับของไนท์ ถึงจะน่าเจ็บใจแต่อาเบลก็ต้องยอมรับ
"เกิดอะไรขึ้นกับไนท์ ตอบมาก่อนที่เราจะไล่ยิงดาวของแกทีละดวง แล้วมาดูกันสิว่าดาวดวงไหนในปีกสันติภาพของแกจะถอนตัวเร็วที่สุด" อาเบลข่มขู่เสียงเหี้ยม ดวงตาสีทับทิบสาดแรงอาฆาตออกไปเหมือนยิงลำแสง
แต่เวอร์ชูวก็ไม่ได้สนใจเลยสักนิด เขายังคงจ้องไปที่ดาวเฟลม่าราวกับกำลังรอคอยอดีตให้หวนคืนมาได้
"น่าสมเพชนะที่พวกนายอ้างตัวเป็นเพื่อนของไนท์ แต่กลับตาฝ้าฟางกันเช่นนี้"
ชาร์ลล็อคแขนอาเบลเอาไว้ไม่ให้เสกอาวุธออกมาฟาดหน้าเทพบุตรที่กำลังทำหน้าเห็นใจสงสารสัตว์โลกได้อย่างน่าชื่นชมยิ่ง
"คนคนนั้นไม่ใช่ไนท์ เป็นแค่เปลือกของไนท์ ผมก็แค่อยากรู้ว่าเปลือกของไนท์คิดจะทำอะไร จึงไม่อยากให้พวกนายไปขวาง"
"หมายความว่าไงว่าเปลือก?"
"ในความทรงจำของไนท์รุ่นก่อนดูเหมือนว่าไนท์จะมอบพลังอัลฟ่าให้กับคนอื่นไปแล้ว โดยไม่ได้กำเนิดใหม่ แต่มันเป็นการมอบพลังที่ไม่ถูกต้องนัก เขาไม่ได้เลือกอัลฟ่าฝึกหัดและค่อยๆถ่ายทอดพลังให้เหมือนปกติ แต่มอบพลังทั้งหมดให้คนคนหนึ่งในครั้งเดียว ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับอนุภาคทั้งหมดของเขา แต่ก็คงพูดไม่ได้เต็มปากหรอกว่าเขาจะได้หลับใหลและกลับสู่พระเจ้าไปแล้ว"
"หมายความว่าไนท์ไม่อยู่แล้ว...งั้นแกก็ไม่มีความหมายอะไรอีกต่อไป"
อาเบลเอ่ยเฉียบขาดแล้วโจมตีเวอร์ชูวทันทีด้วยอาวุธแสง ตั้งใจบั่นศีรษะมันให้ขาดจากกันและสับทุกชิ้นส่วนของมันให้เล็กยิ่งกว่าอนุภาค ชนิดที่ว่าแม้จะมีพลังอัลฟ่าก็ไม่สามารถสร้างร่างกายตัวเองใหม่ขึ้นมาได้
"พอหมดประโยชน์ก็จะกำจัดทิ้งทันทีเลยสินะครับ" เทพบุตรยิ้มเยาะ
"สำหรับแกน่ะ ใช่ จะฆ่าทิ้งให้เร็วที่สุดด้วย ขอบคุณสำหรับความเมตตาสิ"
"พวกเอ็งหยู้ดด"
ชาร์ลสร้างขวานยักษ์ขึ้นข้างตัวแล้วขว้างเข้าคั่นกลางระหว่างสองคนที่เตรียมจะใช้พลังจู่โจมกันแล้ว
"ถ้าพวกเอ็งเป็นเพื่อนของไนท์ก็ร่วมมือกันช่วยไนท์สิ จะมาตีกันทำไม ไนท์กำลังจะแย่ ต่อให้ตรงนี้ไม่ใช่ไนท์คนก่อนก็เถอะ แต่นี่ก็คือไนท์เหมือนกันนะ"
ชาร์ลเอ่ย เขาไม่เข้าใจสองคนนี้เลย ทั้งคู่เป็นเพื่อนไนท์ แต่วันดีคืนร้ายก็ต้องตีกันตลอด จนตอนนี้ใกล้จะกลายระเบิดเป็นสงครามจักรวาลอยู่ล่อมล่อแล้ว
เวอร์ชูวหัวเราะฮึ
"เพื่อนเรอะ? ไนท์คงไม่เคยบอกนายล่ะมั้งว่าเขาเจอนายครั้งแรกที่ไหน"
"แล้วยังไง" อาเบลเกลียดที่เวอร์ชูวทำเหมือนรู้จักไนท์ดีกว่าเขามาตลอด ยิ่งโกรธจัดที่ถูกตราหน้าว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย
"เขาไม่ได้บอกนายเรอะว่าเขาเจอนายครั้งแรกตอนที่นายเป็นอัลฟ่าฝึกหัดแล้วไปเยี่ยมเยียนดาวเฟลม่าน่ะ"
"ไร้สาระ ครั้งนั้นเราเจอแต่อัลฟ่ารุ่นก่อน เราไม่ได้เจอไนท์"
"ก็นั่นแหละนะ อย่างว่านายคงจำขยะอย่างพวกเราไม่ได้เป็นธรรมดา" เวอร์ชูวเอ่ยพร้อมรอยยิ้มกดลึกที่เย็นเยือก เหมือนทั้งหัวเราะเยาะเขาและสาปแช่ง แต่อาเบลไม่อยากสนใจคำพูดของเจ้าเศษสวะที่มาเกาะแกะไนท์หรอก
"ขยะอย่างแก เราไม่คิดจะจำอยู่แล้ว"
อาเบลผลักชาร์ลออกไปให้พ้นทาง เขาสุดจะทนกับปากเน่าๆของมันแล้ว ทำไมไนท์ต้องเป็นเพื่อนกับมันด้วย ถ้ายังไงไนท์คนก่อนก็คงไม่กลับมาแล้ว ก็ขอเขาซัดปากมันซักทีคงไม่ผิดสัญญาหรอก
"พวกเอ็งช้าก่อน!!"
ตูม
จู่ๆพลังของดวงดาวก็ปะทุรุนแรงเหมือนเป็นสัญญาณของความพินาท ทำให้การวิวาทในอวกาศต้องจบลงกะทันหัน ทั้งอาเบลทั้งชาร์ลต่างตื่นตระหนก
"ใจเย็นก่อนอาเบล"
"หุบปาก" อาเบลทิ้งตัวลงไปในชั้นบรรยากาศโดยไม่ฟังคำทัดทานอะไรอีกแล้ว เขารอมานานเกินพอแล้ว!
และทันทีที่เขาทิ้งตัวลงมาในหมู่เมฆ อาเบลก็ปะทะสายตากับร่างสีดำทะมึนที่ยืนรอต้อนรับอยู่บนชั้นเมฆหนา ดวงตาใต้หน้ากากของมันคือสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ สองมือของมันถือก้อนพลังบางอย่างที่กำลังแปรปรวนอย่างที่สุดไว้
"พลังนั่นคือพลังอัลฟ่าของไนท์" ชาร์ลที่ตามลงมาร้องเตือนให้ระวัง ตอนนี้มันแตกต่างจากการต่อสู้นอกอวกาศ ที่นี่คือดาวเฟลม่า พลังของอัลฟ่าบนดวงดาวถือเป็นสิ่งที่ทรงอำนาจสูงสุด อัลฟ่าจากต่างดาวหากไม่ระวังก็อาจจะพลาดท่าได้ง่ายๆ
"มันไม่ใช่ไนท์..."
คราวนี้ดวงตาของอาเบลมองเห็นชัดเจนว่าร่างตรงหน้ามีสองพลังที่กำลังตีกันอยู่ พลังของอัลฟ่า และพลังที่แปลกแยก
ในหัวอาเบลตีความได้อย่างเดียวว่า มันกำลังกลืนกินพลังอัลฟ่าของไนท์เข้าไป
ดวงตาสีแดงเกรี้ยวกราว ระเบิดความร้อนจากใจกลางดวงดาวขึ้นมาละลายน้ำแข็งที่เปลือกนอกจนหมดสิ้น
"เอาคืนมา"
ไนท์เป็นของเขา ไม่ว่าผู้ใดก็เอาไปไม่ได้ทั้งนั้น