"หวัดดีอัลฟ่าฝึกหัด นายชื่ออะไร"
"ผมไนท์ นายล่ะ"
"เวอร์ชูว"
"ชื่อตลกเป็นบ้าเลย" เสียงหนึ่งหัวเราะขึ้นจมูก
"แล้วนายคิดว่านายชื่อดีนักหรือไง ไนซ์? ไม่เข้ากับนายสักนิด หน้าตานายดูชั่วร้ายกว่านั้นนะ"
"งั้นเรอะ? แล้วมีใครเคยบอกนายมั้ยว่าคนหน้าตาคนดีอย่างนาย จิตใจมักตรงข้าม"
เสียงแรกหัวเราะตาม
"งั้นพวกเราก็เหมาะจะเป็นเพื่อนกันนะ เติมเต็มส่วนที่อีกคนขาดได้"
เสียงเล็กๆสองเสียงคุยกันอยู่ในความมืด พวกเขาถกเถียงกันไปมาด้วยความสนิทสนมคุ้นเคย แล้วหัวเราะร่วน
ผมได้ยินชัดเจน และตั้งใจฟัง มันคือบทสนทนาจากอดีต ความทรงจำของเวอร์ชูวที่เชื่อมโยงไปสู่ตัวตนของท่านไนท์ ภาพรอบตัวเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ผม 'เห็น' คนสองคนกำลังนั่งจับเข่าคุยกันอยู่บนกรอบหน้าต่างกว้าง ที่ทอดมองออกไปเห็นชายทะเล
คนแรกนั่งอยู่ด้านซ้าย คือ เวอร์ชูว ชายหนุ่มแห่งปีกสันติภาพแตกต่างจากตอนนี้โดยสิ้นเชิง เขาไม่ได้มีรอยยิ้มเทพบุตรประดับอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา ทั้งไม่ได้ใส่ชุดขาวสุภาพเรียบร้อยเดินหลังตรงด้วยความสง่าเลยสักนิด แต่เวอร์ชูวในอดีตกำลังนั่งเหยียดแข้งเหยียดขาอยู่ในชุดเสื้อกล้ามขาสั้นเดินชายหาด ผมสีดำสนิท แล้วก็กำลังอ้าปากหาวอย่างไม่สำรวมท่าทีเลย
ตรงกันข้ามกับคนทางขวาที่ผมจับตาดูเป็นพิเศษ ท่านไนท์ในอดีตมีผมสีเงินสว่างสดใสอย่างที่ผมเคยเห็นตอนหยิบนาฬิกาทรายขึ้นมา และดวงตาสีเขียวมรกตวาววับ ท่านไนท์ในวัยเยาว์ที่เพิ่งเป็นอัลฟ่าฝึกหัดใหม่ๆ กำลังนั่งฝึกสร้างก้อนกรวดกลมบ้างเหลี่ยมบ้างขึ้นมาในมือ
"ชื่อผมคืออิกไนท์ มาจากเบต้าขั้นอัศวิน ระดับ BB ช่วยเลิกเรียกผิดได้แล้ว เวอร์"
อีกคนยักไหล่ "อัลฟ่าดาวนายไม่ปกติตรงไหนหรือเปล่า ถึงได้เลือกให้เบต้าระดับกลางๆอย่างนายมาเป็นอัลฟ่าฝึกหัดได้"
"ก็คนมันมีดี ผู้ใหญ่เขาตาถึง นายอย่ามาชี้ประเด็นไม่เข้าท่า"
"นายรู้อยู่แล้วว่าทำไมไนท์ นายแค่ไม่อยากยอมรับ..."
"…"
"เขากำลังทดลองสินะ ทดลองดูว่าหากอัลฟ่าไม่ได้เลือกจากเบต้าที่แข็งแกร่งที่สุด ยุคสมัยอัลฟ่าของคนคนนั้น ดวงดาวจะเป็นอย่างไรต่อไป?"
"…ก็อาจจะเป็นอย่างไร" ท่านไนท์ตอบเหมือนไม่ใคร่สนใจ แต่จริงๆแล้วดวงตาสีเขียวนั้นแอบเก็บความรู้สึกบางอย่างเอาไว้
"แต่ต่อให้มันเป็นแค่การทดลอง ผมก็จะพิสูจน์ให้เห็นเองว่าผมทำได้"
สีมรกตส่องประกายไม่ยินยอม ไม่ย่อท้อ ผมเพิ่งได้รู้ตอนนี้เองว่าท่านไนท์ไม่ใช่เบต้าอันดับหนึ่งของดาวเฟลม่าตามธรรมเนียม แต่เขาก็เป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อนที่พร้อมท้าชนทุกคนที่ปรามาศ ท่านไนท์ในวัยนั้นดูเป็นอีกคนที่ผมไม่รู้จักจริงๆ ทำไมท่านถึงกลายเป็นอัลฟ่าที่เอาแต่หนีเที่ยวได้นะ
พวกเขานั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย ไม่สนใจว่าท้องฟ้ากำลังค่อยๆมืด บ้านเมืองข้างล่างทยอยเปิดไฟแทนที่แสงอาทิตย์ แต่ทั้งคู่ก็ยังคุยกันอย่างกระตือรือร้นเหมือนเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน จนเมื่อทุกอย่างรอบตัวมืดสนิท ดวงดาวส่องแสงทั่วผืนผ้าสีดำ เวอร์ชูวถึงโบกมือลา
"เดือนหน้า อย่าลืมมางานผมล่ะ งานรับราชสมบัติที่ดาวของผม"
"นี่นายจะขึ้นเป็นอัลฟ่าเต็มตัวก่อนผมอีกเรอะ แบบนี้ก็ไม่ว่างมาเที่ยวที่นี่แล้วสิ" ไนท์โอดครวญเสียงอ่อย
"ใช่ แต่ถ้าเปิดสะพานข้ามดาราได้ แค่พริบตาเดียวก็มาถึงแล้วล่ะ ผมจะรอตอนที่นายเป็นอัลฟ่าเต็มตัวนะ เพื่อนยาก"
เวอร์ชูวกลับไปแล้ว สีหน้ายินดีของไนท์ก็ค่อยๆจางลง เขานั่งสัปหงก จนแสงแดดยามเช้าแยงตาจึงตื่นขึ้นมาด้วยเสียงเรียกในหัว ทำให้เขาต้องลุกจากกรอบหน้าต่างตรงเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง เพราะ 'นามิก' ราชาคนก่อนของดาวเฟลม่าเรียกเขาไปพบ
ห้องรับรองอาคันตุกะต่างดาราจักรเต็มไปด้วยแขกจากดาวต่างๆ วันนี้เป็นวันพบปะเจรจาทางการทูต นามิกต้องการให้เขาเข้าร่วมประชุมเพื่อเรียนรู้ แต่สีหน้าท่านไนท์กลับเบื่อหน่ายอย่างมาก
ทันทีที่เห็นตัวแทนจากดาวต่างๆจำนวนมากมารอเจรจา แน่นอนว่าท่านไนท์ในวัยเด็กเก ก็เลือกโดดประชุมทันที เพราะเขาไม่ใช่เบต้าแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งของอัลฟ่า
เขาก้าวออกจากวังได้สามก้าว เสียงไม่น่าฟังก็ดังขึ้นอีกในหัว ท่านไนท์ได้แต่ทำหน้าเหยเกใส่อากาศธาตุ
'ไนท์ นั่นเจ้าจะไปไหน'
"ที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีพวกน่าเบื่อพวกนั้น"
'นี่เป็นงานอย่างหนึ่งของอัลฟ่า เจ้าจะละเลยไม่ได้อิกไนท์'
"งานน่าเบื่อพวกนี้ช่างมันเถอะ เมื่อไรจะสอนวิธีใช้พลังดวงดาวขั้นสูงล่ะ?"
'งานสร้างความสัมพันธ์ก็สำคัญอิกไนท์ หากเจ้าล้มเหลวเชิงการทูต มีพลังแค่ไหนก็ชนะสงครามไม่ได้หรอกนะ อันที่จริงแล้วเจ้านับว่าแพ้ตั้งแต่ยอมให้สงครามเกิดขึ้นแล้ว'
"พันธมิตรจำเป็นแค่ไหนกัน ยามเกิดวิกฤตจริงๆ ผมสงสัยว่าจะมีสักกี่ดาวที่คุณเจรจาด้วยให้ความช่วยเหลือดาวของเรา เราต้องยืนหยัดด้วยกำลังของเราเองสิ ผมจะไม่หัวหดแบบคุณหรอก นามิก"
ปลายสายถอนใจ เห็นได้ชัดว่ารุ่นก่อนเองก็หนักใจกับท่านไนท์มากเหมือนกัน แต่พวกเขาก็ดูสนิทสนมกันเหมือนพ่อลูก
'เจ้ากับเวอร์ชูวเพ้อฝันกันเกินไป'
"มันไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน ในเมื่อคนพวกนั้นก็เป็นอัลฟ่าไม่ได้ต่างอะไรจากเรา ก็แปลว่าเส้นทางของพวกเราก็ไปถึงพวกมันได้เหมือนกัน ทำไมจะต้องไปก้มหัวให้มันด้วยล่ะ"
'อิกไนท์ ระวังคำพูดของเจ้าให้ดี แต่เอาเถอะ' เสียงนามิกเหมือนปลงตกไปแล้ว 'ช่วงเช้าเจ้าจะไม่มาก็ได้ แต่ช่วงบ่ายจะมีแขกคนสำคัญมา เจ้าต้องมา เข้าใจมั้ย' น้ำเสียงปลายทางดุดันขึ้นคล้ายจะไม่ยกโทษให้ถ้าเขาขาดประชุมช่วงบ่ายอีก แต่สีหน้าท่านไนท์ก็ยังไม่ใส่ใจอยู่ดี
"ใคร?"
'จักรพรรดิอาเบล และอัลฟ่าฝึกหัดลำดับที่สี่'
ท่านไนท์ขมวดคิ้ว เขาย่อมรู้จักสหพันธ์ดาวที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ แต่ชื่อพ่วงท้ายกลับไม่คุ้น "ทำไมถึงมีลำดับด้วย?
'ตามธรรมเนียมของดาวอาเบล อัลฟ่าฝึกหัดจะฆ่ากันเองเพื่อให้ได้รับเลือก ตอนนี้มีอัลฟ่าทั้งหมดสี่คน กำลังจะเปิดศึกในอีกไม่นาน'
เด็กหนุ่มผิวปาก "น่าสนใจดีนิ"
'เจ้าอยากลองเปลี่ยนกฎการรับเลือกอย่างนั้นหรือ?'
"ถ้ามันทำให้ดาวของเราเจริญขึ้นบ้าง ท่านก็น่าจะลองพิจารณาดูนะ" ไนท์ในวัยหนุ่มเอ่ยอย่างท้าทาย
'ยุคสมัยของข้าคงไม่ทันแล้ว ส่วนในยุคของเจ้า...เจ้าก็ลองพิจารณาดูก็แล้วกัน' นามิกเอ่ยอย่างอ่อนใจ
'อนาคตของดาวดวงนี้ เจ้าจงตอบมันด้วยการปกครองของเจ้าเองว่า เจ้ามองเห็นมันเป็นเช่นไร อิกไนท์'
…
แล้วเมื่อถึงเวลาไปพบอาคันตุกะผู้ทรงเกียรติ เด็กหนุ่มเจ้าอารมณ์ก็หนีออกจากวังไปดื้อๆ แม้ว่าจะถูกย้ำอยู่หลายรอบแล้วก็ตาม รุ่นก่อนดูคาดเดาไว้แล้วจึงไม่ได้แปลกใจ และผู้มาเยือนเองก็สุขุมเยือกเย็นเกินกว่าจะถือสาเด็กๆ เพราะแม้แต่อัลฟ่าฝึกหัดของดาวอาเบลเองก็ไม่ปรากฎตัวเช่นกัน การพบปะครั้งนี้จึงเป็นการพูดคุยของอัลฟ่าทั้งสองดาวตามเดิม
ทุกอย่างดูราบลื่น ไม่มีปัญหา เป็นวันธรรมดาวันหนึ่งบนดาวเฟลม่าที่รุ่นก่อนทำงานด้านการทูตไป ส่วนอัลฟ่าฝึกหัดอย่างเขาก็ตั้งหน้าตั้งตารอเรียนแต่ภาคปฏิบัติของการเป็นอัลฟ่า
ไนท์เดินเล่นอยู่ริมหาดทรายในร่างโอเมก้าด้วยเส้นผมสีเงินจางๆ เขาไม่ชอบเป็นจุดสนใจ ตอนแรกเขาหงุดหงิดที่นามิกยื่นคำขาดว่า ถ้าเขาไม่เข้าประชุมการทูต จะไม่สอนการใช้พลังระดับสูงให้ เด็กหนุ่มจึงประชดด้วยการโดดไปทั้งวันเลย เพราะอย่างไรนามิกก็ต้องสอนเขา ไม่อย่างนั้นก็ไม่อาจมีอัลฟ่าคนถัดไปได้ จะได้เรียนเมื่อไรก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นเอง
ไนท์เงยหน้าหลับตารับลมตะวันตกที่สดชื่นพัดเข้าปะทะใบหน้า กลิ่นชื้นๆเค็มๆของทะเลทำให้ใจเขาสงบ
'อนาคตของดาวดวงนี้ เจ้ามองเห็นมันเป็นเช่นไร'
ตอนนี้ไนท์นึกไม่ออก และมองไม่เห็น เขากับเวอร์ชูวเพ้อฝันเกินไปหรือที่จะยืนหยัดไม่เข้าร่วมกับพันธมิตรใดๆ
เขาอายุยังน้อยจึงใจกล้าไปหรือว่าเป็นรุ่นก่อนอายุมากไปจนเริ่มหวาดกลัวไม่เข้าท่า
ไนท์เดินไปเรื่อยเปื่อยครุ่นคิดถึงคำตอบที่นามิกถามเขาไว้ จนกระทั่งรอยเท้าของเขาไปบรรจบกับรอยเท้าอีกรอยที่เล็กกว่า เขาเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นคนแปลกหน้ายืนอยู่ปลายสุดของชายหาด ผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มโบกพัดด้วยลมทะเลเผยข้อเท้าขาวที่จมในผืนทรายนุ่ม
เส้นผมสีเงินปลิวไสว มันเป็นสีเงินแท้ของแร่บริสุทธิ์ที่เขานึกไม่ออกว่าจะเลียนแบบอย่างไร หรือมีสูตรแบบไหนในการรังสรรค์ปฏิมากรรมตรงหน้าขึ้นมาดั่งรูปสลักในสรวงสวรรค์เช่นนี้
ผิวสีเนื้อขาวสะอาดสลักด้วยเครื่องหน้าที่ไร้รอยตำหนิ มุมปากโค้งขึ้นเล็กๆ เหมือนเจ้าของกำลังรับความรู้สึกของเม็ดทรายและน้ำทะเลที่กระทบผิวกายเบาๆ ทั้งเยือกเย็นและสง่างาม
เด็กหนุ่มคนนั้นโดดเด่นอยู่กลางหาดทราย การคงอยู่ของเขาลดค่าของทุกสิ่งรอบตัวให้เป็นเพียงองค์ประกอบที่ไม่มีความสำคัญ ดั่งภาพเสมือนจริงที่เกิดขึ้นจากจินตนาการของผู้มองเห็น
ไนท์กล้าฟันธงว่าคนคนนี้เป็นไม่ใช่ประชากรของดาวเฟลม่าแน่นอน เพราะสถานที่นี้เขาเคยมานับสิบครั้งแล้ว เบต้าโอเมก้าที่ทำงานอยู่ตรงนี้เขาล้วนรู้จักทั้งหมด และพวกมันก็ไม่มีอารมณ์สุนทรีที่จะมายืนรับลมโดยละทิ้งหน้าที่แน่นอน
เช่นนั้นแล้วนี่คือใครกัน? ความงามที่โดดเด่นและแตกต่างนี้
ไนท์ไม่คิดจะส่งเสียงถาม เพราะคิดว่าเสียงของตัวเองจะไปรบกวนคนตรงหน้า ลึกๆแล้วสัญชาตญาณเขารู้สึกได้ถึงอันตรายก็จริง แต่กระนั้นเขาก็ยังถูกดึงดูดไว้ด้วยความงามที่เขาไม่เคยพบมาก่อน
ความงามที่ชวนให้หลงใหลเคลิบเคลิ้มจนแทบลืมหายใจ...ถ้าตรงหน้าเขาคือโอเมก้า ไนท์ก็อยากคว้ามันมาทำให้เป็นของเขา และเสพอรรถรสจากมันจนกว่าจิตใจเขาจะอิ่มเอม
แล้วทันใดนั้นพลังที่ไม่มีที่มากลับกดเขาจากด้านบนกระแทกกับพื้นดังอั่ก น้ำหนักที่มองไม่เห็นร่วมหลายหมื่นตันกำลังบี้เขาอย่างไม่ปรานี
น้ำเสียงไพเราะราวระฆังแก้วกังวานขึ้น พร้อมพลังที่เหมือนนรกกำลังฉุดรั้งเขาลงไป
"โอเมก้าอย่างเจ้าทำไมไม่ก้มหัวให้เราล่ะ"
คนที่งดงามคนนั้นเอ่ยโดยไม่ได้มองมา
สนามพลัง!?
ไนท์เคยได้ยินรุ่นก่อนเอ่ยถึงการใช้พลังอัลฟ่าขั้นสูงในการควบคุมสนามพลังของดวงดาวอยู่บ้าง แต่ยังไม่เคยเห็นนามิกทำให้ดู แต่วันนี้เขามั่นใจเลยว่ามันต้องเป็นสิ่งนี้แน่นอน!!
ร่างกายถูกตรึงกับพื้น เสียงความเจ็บปวดของเขาดิ้นรนอยู่ในลำคอ การหายใจแทบเป็นไปไม่ได้ กระดูกทั่วร่างลั่นกร๊อบ ซี่โครงหักไล่เรียงกันไปเหมือนเสียงดนตรี กะโหลกศีรษะก็ใกล้จะระเบิด
อัลฟ่าฝึกหัดจะยังไม่ได้รับพลังจากดวงดาวทั้งหมด แต่เขาก็พยายามดึงพลังมาต้านได้บางส่วน ทำให้หัวของเขายังไม่ระเบิดโพละไปในครั้งเดียว
ตอนนี้เขาเป็นดั่งมนุษย์ผู้ทะเยอทะยานถูกเหยียบด้วยฝ่าเท้าของพระเจ้า เป็นเหมือนแมลงที่คืบคลานบนพื้นดินอย่างน่าเวทนา แต่คนแปลกหน้าไม่แม้จะเหลือบมอง ราวกับแค่การมองมาก็เป็นการเสียเวลาดูพระอาทิตย์ตกดินที่เล่อค่ากว่า
อั่ก
ไนท์กระอักเลือดออกจากปาก และอีกจำนวนมากซึมออกตามดวงตา หู จมูก ทุกช่องของร่างกาย เส้นเลือดกำลังปริแตกด้วยแรงดันที่มากเกินทนได้ อวัยวะภายในกำลังแหลกเละ ร่างเขายังไม่ใช่หนึ่งเดียวกับดวงดาวเหมือนนามิก และเขายังสลายร่างไปประกอบใหม่ไม่เป็น ทำให้ต้องกัดฟันรับความเจ็บปวดมหาศาลนี้เอาไว้ เขาต้องข่มกลั้นตัวเองไม่ให้เป็นบ้า พยายามประคองสติไว้วินาทีต่อวินาที
จนกระทั่งแสงสุดท้ายลับไปแล้ว นำพาความอ่อนโยนบางๆบนใบหน้างามให้หายไปด้วย คนแปลกหน้าจึงค่อยๆหันมา
"ยังไม่ตายอีกเรอะ?"
เสียงไพเราะเอื้อนเอ่ย แต่มันกลับเป็นครั้งแรกของการมีชีวิตในฐานะอัลฟ่าที่ไนท์หวาดกลัวอย่างแท้จริง
ต่อหน้าคนคนนี้ พลังที่ต่อต้านไม่ได้ เอาชนะไม่ได้ สัญชาตญาณบอกเขาให้ร้องขอชีวิต นี่คือหนทางเดียวที่เขาจะรอดจากวันนี้
แต่ไนท์ก็เลือกกัดริมฝีปากแน่นจนได้รสเลือดของตัวเอง ถ้าเขาต้องร้องขอชีวิตจากอัลฟ่าคนอื่น นี่เขากำลังจะเริ่มศักราชของตัวเองได้ทุเรศขนาดไหนกัน
"สายตานั่นมันอะไร เจ้ากล้ามองอัลฟ่าด้วยสายตาแบบนั้นเรอะ?"
น้ำเสียงของคนตรงหน้าดูไม่สบอารมณ์ คงสังเกตเห็นว่าเขาพยายามต่อต้าน ร่างบางไม่ได้ขยับเขยื้อนร่างกายแต่อากาศรอบตัวกลับเย็นจัดลงในทันที ไอน้ำในอากาศก่อตัวเป็นรูปร่างของคถาคริสตัลระยิบระยับหลายสิบอัน พวกมันหมุนช้าๆอวดโฉมของตนอย่างหยิ่งพยอง ก่อนจะร่วงลงมาดั่งฝนที่โปรยปราย
ฉึก ฉึก ฉึก
เหมือนแทงฉมวกใส่ปลาที่ติดแห คาดหวังให้เป็นความตายที่ปรานีที่สุดแล้ว
เลือดที่หลั่งไหลแข็งแทบทันทีที่สัมผัสอากาศภายนอก แม้ความเย็นจะช่วยหยุดการเสียเลือดได้ แต่ไม่ช่วยห้ามความเจ็บปวดที่แทรกซึมถึงจิตวิญญาณ
ไนท์คำรามกรีดร้องในลำคอ ตอนนี้เขารู้สึกเจ็บ...เจ็บจนแทบบ้า เหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้รับรู้มาก่อนเลย และไม่ปรารถนาจะได้รู้
"ทำไมเจ้าเป็นโอเมก้าที่ทนมือนักล่ะ โอเมก้าชนิดพิเศษของดาวนี้เรอะ?"
หยดน้ำเม็ดโตร่วงลงจากแพขนตาเมื่อเจ้าของทับทิมคู่สวยก้มลงพิจารณาเขาอย่างละเอียด แล้วครางอืมในลำคอ ก่อนใบหน้างามจะเผยรอยยิ้มน้อยๆ รอยยิ้มที่พอรวมกับธาราเลือดที่ปลายเท้าก็ทำให้เขาเหมือนปีศาจน้อยๆที่กำลังหยอกล้อกับสิ่งมีชีวิตอื่นด้วยความหรรษา
"น่าสนใจ"
สนามพลังที่ตรึงไนท์ไว้สลายออก มือเรียวเล็กพยุงเขาขึ้นอย่างเริงร่า ราวเด็กน้อยได้ของเล่นใหม่ที่ถูกใจยิ่ง
"เรากำลังเบื่อพอดี มาฆ่าเวลาให้เราหน่อย ถ้าเจ้าทำได้ดี อย่างน้อยเจ้าก็จะได้ตายในอ้อมกอดของเรา...เป็นรางวัล"
สิ้นคำกล่าว ไนท์ก็รู้สึกราวลำคอลุกไหม้ ความร้อนกรีดแทงเข้าไปถึงหัวใจ ที่หน้าอกซ้ายเขาปรากฎตราสัญลักษณ์หนึ่งขึ้น ไนท์รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาถูกตีตราไว้แล้ว! ด้วยตราของดาวดวงอื่น การกระทำที่จะทำต่อเบต้าหรือโอเมก้าเท่านั้น แต่บัดนี้ตัวเขาที่เป็นถึงอัลฟ่าฝึกหัดของดาวเฟลม่ากลับกำลังถูกกระทำดุจเดียวกัน เพราะไร้ซึ่งพลังที่จะต่อต้าน
อัลฟ่าคนนั้นเปิดสะพานข้ามดาราขึ้น และลากเขาไปในห้องส่วนตัวที่ใช้ต้อนรับอาคันตุกะ เหมือนโยนตุ๊กตายัดนุ่นเข้าไป
"นี่ไม่เหมาะสมนะครับ ท่านอันดับสี่ นี่เป็นโอเมก้าของดาวอื่น!"
"หุบปาก" ศีรษะของเบต้าผู้กล้าหาญขัดขวางขาดออกจากลำตัว ทิ้งรอยเลือดเป็นทางยาวไปหลายเมตร แต่ก็ไม่ได้รับความสนใจจากคนที่เขาทัดทาน
"บัดนี้มันเป็นของเราแล้ว เราจะทำอะไรกับมันก็ได้ ที่ใดก็ได้ที่เราพอใจ"
คำกล่าวนี้ทำให้ไนท์ขนลุก เขาพยายามจะร้องบอกว่าเขาไม่ใช่โอเมก้า แต่ลำคอเขากลับไร้เสียงเพราะอุ้งมือเล็กๆนั้น บีบรัดไว้ เขาไม่ได้คิดไปเองว่าใบหน้างามที่คลอเคลียด้วยเส้นผมสีเงินยวลกำลังแย้มยิ้มกว้างขึ้นเมื่อเห็นเขาพยายามดิ้นรนหนี
"ไม่ต้องกังวลไป เราสัญญาว่าจะปรานีเจ้าให้มากที่สุด เจ้าจะไม่ตายภายในวินาทีเดียวเหมือนสวะตัวนั้นหรอก"
ประโยคนี้ย่อมหมายถึงเบต้าที่สิ้นชีพไปเมื่อครู่ แต่ในวินาทีนี้ไนท์กลับไม่อยากได้ความปรานี เขาอยากเป็นเพียงซากศพที่ไม่ต้องรับรู้สิ่งใดก่อนที่วินาทีถัดไปจะเริ่มด้วยซ้ำ
เพราะเขาจะถูกกระทำเยี่ยงโอเมก้าตัวหนึ่ง ถูกให้รองรับอะไรก็แล้วแต่ที่อัลฟ่าคนนี้พึงใจจะทำกับเขา ถูกใช้เป็นเครื่องมือทดลองวิชาที่รุนแรงแค่ไหนก็ได้ อันเป็นการกระทำตามธรรมเนียมปฏิบัติของอัลฟ่าต่อโอเมก้าที่พอใจ สิ่งที่เขาเองก็เคยทำมาในฐานะอัลฟ่าฝึกหัดกำลังย้อนกลับมาทำลายเขาเอง
ไนท์กระอักเลือดอย่างบอบช้ำจนเกินทน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนทำร้ายอย่างสาหัส ถูกขยี้ความภาคภูมิใจจนไม่เหลือสิ่งใด
ในสติที่ขาดห้วงเป็นช่วงๆ เขาได้ยินเสียงของตัวเขาเองพูดกับเมเรสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"เมเรส อยู่เฉยๆก่อนนะ ผมขอลองอะไรสักหน่อย"
เมเรสตัวสั่นด้วยความกลัว แต่มันก็ถูกพันธะห้ามไว้ไม่ให้ต่อต้าน ดวงตากลมๆของมันสะท้อนเงาของมัจจุราชที่เงื้อมมือมา มัจจุราชที่มันไม่สามารถหนีไปได้ มัจจุราชที่ไม่รู้ว่ามันมีความรู้สึกหรือไม่ และไม่เคยใส่ใจว่ามันเจ็บปวดอย่างไร
และตอนนี้เขาก็กำลังเป็นเช่นนั้น ถูกพลังที่เหนือกว่ากระทำไม่ต่างกัน
นี่คือความรู้สึกอะไรกัน?
ทำไมเขาถึง...ไม่เคยรับรู้?
แล้วทำไมเขาถึงต้องมารับรู้สิ่งนี้?
เป็นพระเจ้าที่มาในรูปของโชคชะตา หรือคือความบังเอิญที่ทำให้เส้นด้ายทั้งหมดมาบรรจบ เกิดเป็นเหตุการณ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงไปได้
ในห้วงนรกที่ดำเนินไป เสียงสวรรค์กลับเป็นเสียงของเบต้าคนที่สองผู้ยอมตายเพื่อเข้ามาทูลเรื่องสำคัญ
"ท่านอันดับสี่ องค์จักรพรรดิเรียกท่านไปร่วมการประชุมขอรับ"
ฉับ
ศีรษะของเบต้าคนที่สองกระเด็นลงพื้น เจ้าของนามอันดับสี่แค่นเสียงเฮอะ อิดออดที่จะไปครู่หนึ่ง แต่จำต้องผละไปด้วยความหงุดหงิด
ประตูห้องปิดล็อก แต่ไม่ได้ตรึงสนามพลังไว้ เพราะคงไม่มีใครคิดว่าโอเมก้าเมื่อถูกตัดเอ็นและถูกตัดการมองเห็นจะเคลื่อนตัวไปไหนได้
แต่ไนท์ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวร่างนี้ อัลฟ่าสร้างร่างและสลายทิ้งได้ตามใจชอบ ไนท์พยายามครั้งสุดท้ายที่จะเป็นอิสระจากร่างที่ไร้ประโยชน์ เขาสูดหายใจเฮือก เขายังไม่ได้เรียนการใช้พลังขั้นสูงจากนามิก แต่ตอนนี้เขาจำเป็นต้องใช้มันแล้ว ไนท์ต้องค้นหามันด้วยตัวเอง ก่อนที่มัจจุราชจะกลับมา
แล้วพลังสายหนึ่งก็ถูกส่งมาหาเขา รุ่นก่อนเหมือนจะรับรู้ได้ว่าเขาพยายามดึงพลังจากดวงดาวมาใช้ จึงส่งพลังหนุนมาให้สิ่งนี้ช่วยเขาให้หลุดจากพันธนาการได้ในที่สุด ไนท์สลายร่างกลับเป็นอนุภาคแล้วไปหลอมรวมใหม่ในสถานที่ปลอดภัย
คุณสมบัติของอัลฟ่าคือเหตุผลเดียวที่เขายังรอดมาได้ ไม่ได้จบชีวิตหลังรองรับความปรานีในการฆ่าเวลาเหมือนโอเมก้าทั้งหลาย
ไนท์กลับมาที่ห้องตัวเองในพระราชวัง ล้มคะม่ำหน้าคว่ำลงพื้น และหลังนอนนิ่งอย่างไร้เรี่ยวแรงไปยาวนาน เขาก็อาเจียนออกมาจนหมดทุกสิ่ง แต่ความคลื่นเหียนก็ไม่หายไป กลิ่นคาวเลือดของตัวเองยังฉุนติดจมูก และภาพดวงตาสีแดงก่ำคู่นั้นก็ยังติดตาเป็นภาพหลอนที่ทำให้เขาเกือบคลุ้มคลั่งทุกครั้งที่มันจับจ้องตรงมาที่เขา
แม้จะสร้างร่างใหม่ที่ไร้บาดแผลได้ แต่จิตวิญญาณนี้คงบอบช้ำแสนสาหัสไปแล้ว รอยแผลที่มองไม่เห็นคอยรังแต่จะเจ็บแปล๊บขึ้นมาตลอดเวลา ทรมานหัวใจให้ปวดร้าวจนแทบทนไม่ได้
น้ำตาที่ไม่คิดว่าจะมีให้ใคร ก็ไม่อาจหยุดหลั่งไหลได้อีกแล้ว
เขากุมลำคอและร้องคำราม
อย่างเคียดแค้นที่สุด
เจ็บปวดที่สุด
ชิงชังที่สุด
อ้ากกกก
เสียงก้องไปในพระราชวัง และทั้งดวงดาวเฟลม่า ทุกคนล้วนจดจำได้
หรือถึงแม้ผู้ใดจะลืมเลือน แต่ไนท์จะไม่มีวันลืม...
ว่าในวันนี้คือวันที่อิกไนท์ คลอร์ว ได้เข้าใจในสิ่งที่ไม่เคยมีอัลฟ่าคนไหนเข้าใจมาก่อน...นับตั้งแต่ยุคของราชาแม็กซิมัส นับเป็นเวลากว่าหมื่นล้านปีที่จักรวาลกำเนิดขึ้นมาและหัวข้อนี้ถูกละไว้ในฐานะเรื่องที่ไม่มีความสำคัญ
หัวใจของผู้ที่ถูกเหยียบย่ำ
หัวใจของโอเมก้า