ตอนที่ 56 หมวกสีสันสดใส
เกาเผิงเปิดประตูห้องนอนด้วยใบหน้าหมองคล้ำ
ต้าซื่อไม่สนใจและคลานออกมาด้วยความโกรธก่อนจะเข้าไปขดตัวนอนอยู่ใต้โซฟา
“ออกมาเดี๋ยวนี้! บอกฉันว่านายไปเรียนคําพวกนี้มาจากไหน?” เกาเผิงดึงต้าซื่อออกมา
ต้าซื่อขดตัวไว้ราวกับเด็กน้อยที่ทำผิด
แม้สัตว์อสูรเหล่านี้จะไม่ฉลาดนักแต่พวกมันก็มีสติปัญญามากพอที่จะเรียนรู้ภาษาได้
หลังจากทำให้ต้าซื่อหายโกรธได้เล็กน้อย เกาเผิงจึงโยนใบไม้เงินที่พึ่งซื้อมาให้มันกิน
ต้าซื่อกินใบไม้เงินมาเป็นเวลาสองสัปดาห์แล้ว หากมันกินต่อไปอีกหกวัน และกินแก่นคริสตัลสัตว์อสูร มันจะกลายเป็นสัตว์อสูรชนชั้นนักรบ
ทว่าแก่นคริสตัลสัตว์อสูรประเภทสายฟ้าค่อนข้างหาได้ยากในท้องตลาด เกาเผิงอาจต้องเสียเวลาตามหามันสักเล็กน้อย
หลังจากตรวจสอบเขาพบว่าแก่นคริสตัลสัตว์อสูรธาตุสายฟ้าชนชั้นนักรบมีราคาถึงสามร้อยเครดิตพันธมิตร ขณะที่แก่นคริสตัลสัตว์อสูรชนชั้นนักรบทั่วไปมีราคาเพียงหนึ่งร้อย หรือสองเครดิตพันธมิตรเท่านั้น
ถ้าเช่นนั้นเขาคงต้องล่าสัตว์อสูรธาตุสายฟ้าชนชั้นนักรบด้วยตัวเอง มันคือเกมแห่งชีวิตที่นักล่าต้องระวังตัวอย่างมากซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เมื่อสามวันก่อน เกาเผิงไปที่สมาคมนักล่าและมอบภารกิจตามหาแก่นคริสตัลสัตว์อสูรที่เขาต้องการ โดยยินดีจ่ายในราคาสามร้อยหนึ่งเครดิตพันธมิตร
แม้จะมากกว่าราคากลางเพียงหนึ่งเครดิตพันธมิตร ทว่ามันยังสามารถดึงดูดความสนใจของเหล่านักล่าได้
หลังจากกินใบไม้เงินเข้าไป ต้าซื่อก็เริ่มง่วงราวกับถูกสะกดจิต
อีกด้านหนึ่งเกาเผิงใช้ปลายมีดกรีดนิ้วนางของตนและหยดเลือดลงบนร่างของซิลลี่เพื่อสร้างพันธสัญญาเลือด
เกาเผิงหลับตาลงและสัมผัสถึงพื้นที่มิติขนาดเล็กที่อยู่ในใจ
มันเป็นพื้นที่ขนาดเล็กและเปราะบางกว่าของต้าซื่อ แต่เกาเผิงยังตระหนักได้ถึงการเชื่อมโยงจิตวิญญาณกับสัตว์อสูรตัวใหม่ที่ซ่อนตัวอยู่
อย่างไรก็ตามอารมณ์ของซิลลี่ยังไม่มั่นคง มันลอยไปหลบในมุมหนึ่งของห้องด้วยความหวาดระแวง
การสร้างพันธสัญญาเลือดจำเป็นต้องเกิดจากความยินยอมของทั้งสองฝ่าย
และดูเหมือนเกาเผิงต้องใช้เวลาสร้างความสัมพันธ์ให้มันคุ้นเคยกับเขาก่อน แล้วค่อยทำพันธสัญญาเลือดกันทีหลัง
...
วันถัดมาเกาเผิงไปโรงเรียนตามปกติ
เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับซิลลี่ เขาจึงนำแมงกะพรุนเหินตัวนี้ไปโรงเรียนด้วย
เขาสั่งให้ต้าซื่อดูแลซิลลี่อย่างดี จากนั้นเกาเผิงจึงเดินขึ้นอาคารและเข้าสู่ชั้นเรียน
ตอนเที่ยงเมื่อเกาเผิงออกมาจากห้องเรียน เขาพบว่าซิลลี่กำลังนอนอยู่อย่างเงียบๆ บนศีรษะของต้าซื่อ โดยที่ต้าซื่อไม่มีท่าทีต่อต้าน
‘เมื่อวานนี้พวกแกยังไม่ชอบหน้ากันอยู่เลย แล้วดูตอนนี้สิ...สนิทสนมราวกับอยู่ด้วยกันมานานมาก’ ภาพตรงหน้าทำให้เกาเผิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย
ในช่วงบ่าย ขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังร้อนระอุ
ต้าซื่อฝึกฝนอยู่บนพื้นขณะที่เกาเผิงสวมหมวกสีรุ้งไว้บนศีรษะ
หมวกสีสันสดใสสะท้อนแสงแดดและเปล่งประกายระยิบระยับ แน่นอนว่ามันดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย
“ดูหมวกของผู้ชายคนนั้นสิ ทั้งน่ารักและน่าเกลียด”
“มันดูเหมือนโปร่งแสงเลย”
เกาเผิงไม่สนใจบทสนทนาของคนเหล่านี้ ทว่าจู่ๆ ขอบหมวกคริสตัลของเกาเผิงก็มีหนวดรูปร่างประหลาดตกลงมา ทำให้เกาเผิงดูน่าเกลียดมากขึ้น
“ฮ่าๆ หมวกสวยดีนี่” เสียงของมู่ไท่ยิงดังขึ้น
“ขอบคุณ แต่เธอหัดโกหกมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” เกาเผิงกล่าวอย่างสงบก่อนจะถอดหมวกออกมาถือไว้ และหยิบขวดชาเขียวออกมาจากซิลลี่
มู่ไท่ยิงตกใจกับภาพข้างหน้า
เกาเผิงส่งชาเขียวให้กับมู่ไท่ยิงและกล่าว “ดื่มสักหน่อยไหม? มันยังเย็นอยู่”
มู่ไท่ยิงส่ายศีรษะ “มะ ไม่...ขอบคุณ ฉันชอบน้ำแร่มากกว่า”
เกาเผิงดึงขวดชาเขียวกลับและใส่ลงไปที่หมวกสีรุ้งพร้อมกับไอเย็นที่ฟุ้งกระจายขึ้นสู่อากาศ
จากนั้นเขาก็หยิบน้ำแร่อีกขวดออกมาให้กับมู่ไท่ยิง
“หมวกของนาย…” ในที่สุดมู่ไท่ยิงก็ไม่สามารถอดทนและต้องเปิดปากถามด้วยความสงสัย
“นี่คือแมงกะพรุนเหิน สัตว์อสูรธาตุมิติ” เกาเผิงเผยรอยยิ้มบาง
มู่ไท่ยิงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดทันที
เห็นได้ชัดว่าเธอเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับแมงกะพรุนเหินมาก่อน
“เม็ดบัวของเธอเป็นอย่างไรบ้าง? ฉันคิดว่ามันเปลี่ยนไปนะ มันดูกล้าหาญมากขึ้น” เกาเผิงมองเม็ดบัวที่อยู่ด้านหลังมู่ไท่ยิงและถาม
“เธอเกือบเป็นปกติแล้ว จากคราวก่อนที่บุคลิกของเธอเปลี่ยนไป” มู่ไท่ยิงตอบและลูบศีรษะของเม็ดบัวอย่างแผ่วเบา
………………………………….