webnovel

0040-เจ้าป่าของป่าหินดำ

บทที่ 40 เจ้าป่าของป่าหินดำ

เมื่อได้ยินว่าแมงมุมปีศาจสีเทากลัวไฟ หลายคนจึงหันไปให้ความสนใจทางกลุ่มที่ยืนอยู่ทางทิศตะวันตก

นี่คือทีมหญิงล้วน พวกเธอสวมชุดสีขาว มัดผมหางม้าหรือทำทรงผมบ๊อบ กำลังยืนรวมกลุ่มอยู่ ข้างพวกเธอล้วนเป็นสัตว์อสูรธาตุไฟ

นอกเหนือจากองค์กรใหญ่ ยังมีกลุ่มนักล่าอิสระรวมตัวกันมาเช่นกัน

เมื่อหนึ่งปีก่อน กลุ่มนักล่าอิสระรวมตัวกันจัดตั้งเป็นสมาคมนักล่าสัตว์อสูรอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ผู้คนยังกล่าวกันว่า ในเขตหัวเซี่ยทางทิศตะวันออกเฉียงใต้มีกลุ่มนักล่าขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกมากกว่าหนึ่งร้อยคน

“ดูเหมือนครั้งนี้ กัปตันซ่งจะได้รับชัยชนะ” หลิวเฉินหลินกล่าวกับกัปตันทีมหญิงล้วนพร้อมรอยยิ้ม

“กล่าวชมกันเกินเสียจริง ตั๊กแตนปีศาจของคุณยกระดับขึ้นแล้ว ฉันเกรงว่าพวกคุณจะปฏิบัติภารกิจสำเร็จเป็นกลุ่มแรก”

“ผมเชื่อว่าพวกคุณทุกคนได้อ่านข้อมูลที่เราส่งให้เมื่อวานนี้เรียบร้อยแล้ว แมงมุมปีศาจสีเทาสะสมอาหารไว้เป็นจำนวนมากในรังของพวกมัน นั่นหมายความว่าพวกมันอาจมีจํานวนนับไม่ถ้วน” เจ้าหน้าที่รัฐบาลกล่าว

“นี่เป็นภารกิจสำคัญ ผมหวังว่าทุกคนจะพยายามอย่างดีที่สุดและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตราบใดที่ภารกิจนี้ประสบความสำเร็จ พวกคุณจะได้รับรางวัลจากรัฐบาล” เจ้าหน้าที่รัฐบาลเกรงว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะต่อสู้กันเอง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องให้รางวัลกับทุกคน

ทันทีที่เจ้าหน้าที่พูดเสร็จ จู่ๆ แมงมุมปีศาจสีเทาพลันปรากฏตัวขึ้นทันควัน โดยไม่ทราบว่าจำนวนพวกมัน กลุ่มทหารเร่งหันปืนไฟไปยังฝูงสัตว์ร้ายปรากฏตัว

เจ้าหน้าที่อาวุโสกล่าวอย่างจริงจัง “ขอให้ทุกคนโชคดี”

จากนั้นเขาหันหน้าไปทางป่าหินดําและออกคําสั่ง “ยิงมัน!” ปืนไฟยิงกระสุนเพลิงออกไปทันที

ตูม ตูม ตูม ตูม!

แมงมุมปีศาจสีเทากรีดร้องโหยหวน ทว่าพวกมันไม่มีทีท่าจะล่าถอยเปลวเพลิงนั้นแต่อย่างใด จนทำให้แมงมุมปีศาจสีเทาถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

ชายป่าในระยะหลายกิโลเมตร เริ่มใช้ไฟเผาทำลายแมงมุมปีศาจสีเทา มันทำได้เพียงหลบหนีและกรีดร้องเสียงแหลมด้วยความหวาดกลัว

นี่คือพลังอำนาจของอาวุธสมัยใหม่ที่ทำให้มนุษย์ยังสามารถปกครองโลกใบนี้ต่อไปได้

“โฮก…” เสียงคำรามดังออกมาจากป่า ต้นไม้ถูกแหวกออกและเผยให้เห็นสิ่งมีชีวิตขนดำสร้างความตื่นตะหนกให้กับทุกคน

ทันใดนั้นกำปั้นขนาดเท่ารถยนต์ของมันทุบลงบนพื้นทำให้ผู้คนรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน

“ตูม”

คิงคองสีดําสูงสี่เมตรละเท้าสีทองปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคน

คิงคองทมิฬ! มันคือเจ้าป่าของที่นี่!

บรรยากาศเงียบสงัด สัตว์อสูรต่ำกว่าชนชั้นนักรบทิ้งตัวลงบนพื้นด้วยร่างสั่นเทา ขณะสัตว์อสูรชนชั้นนักรบยังยืนนิ่งและไม่ส่งเสียงใดออกมา

“นี่คือเจ้าป่าของป่าหินดํา” หลิวเฉินหลินกล่าวกระอึกกระอัก พวกเขาโชคร้ายที่บังเอิญรบกวนเจ้าป่าของป่าหินดําตัวนี้โดยไม่คาดคิด

ตูม ตูม!

กำปั้นของมันทุบลงบนพื้นและสร้างแรงสั่นอย่างต่อเนื่อง ร่างกายใหญ่โตของมันเหมือนสัตว์จากยุคดึกดำบรรพ์ ขณะใบหน้าของมันยับย่นอย่างน่าขนลุก

นี่เป็นครั้งแรกของหลายคนได้พบเห็นผู้ปกครองแห่งป่าหินดำในตำนานตัวนี้

ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมันจะออกมาจากส่วนลึกของป่า

ผู้คนเริ่มคิดหาทางหลบหนี พวกเขาไม่สามารถรับมือสัตว์อสูรระดับสูงเช่นนี้ แม้จะมีสัตว์อสูรชนชั้นนักรบหลายตัวรวมถึงปืนใหญ่จำนวนมากด้านหลัง ยังถือมีโอกาสน้อยมากที่จะได้รับชัยชนะ

วี๊ด…

ทันใดนั้น เกิดเสียงกรีดร้องแหลมสูงกลับดังขึ้นมาจากด้านบน ขณะเงามืดของสิ่งมีชีวิตบางชนิดบดบังดวงอาทิตย์เอาไว้

เมื่อทุกคนเงยหน้าขึ้นดู จึงพบว่ามันเป็นอินทรีย์ตัวหนึ่ง

“อินทรีย์ทองคำ!” ทุกคนตื่นเต้น พวกเขาปลอดภัยแล้ว มันคือผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองฉางอาน อินทรีย์ทองคำ!

เหตุผลที่ทหารเมืองฉางอานสามารถครอบครองอินทรีย์ทองคำไว้ได้ เป็นเพราะว่ามันเป็นอินทรีย์ที่ทหารเลี้ยงเอาไว้ตั้งแต่ยังเด็ก ทว่าหลังจากเกิดมหาภัยพิบัติทำให้มันวิวัฒนาการ

การปรากฏตัวของอินทรีย์ทองคำสร้างแรงกดดันให้กับคิงคองทมิฬทำให้มันต้องก้าวถอยหลังกลับไปพร้อมกับส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธ

อินทรีย์ทองคำบินวนเวียนอยู่บนท้องฟ้าอย่างสง่า

คิงคองทมิฬทุบหน้าอกของตนอย่างเหลืออดจ้องมองกลุ่มมนุษย์ด้วยความเกลียดชัง ก่อนหันหลังกลับเข้าไปในป่า

“บางสถานการณ์เราไม่สามารถช่วยได้ ฉะนั้นอย่าทำลายป่ามากเกินไป มิฉะนั้นคิงคองทมิฬอาจออกมาอีกเมื่อไรก็ได้” เจ้าหน้าที่รัฐบาลกล่าวเมื่อเห็นคิงคองทมิฬจากไป

กลุ่มคนที่มาที่นี่ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคิงคองทมิฬ ความเย่อหยิ่งของพวกเขากลับอันตรธานหายไปทันที

ก่อนจะก้าวไปสู่ระดับโลก เส้นทางของพวกเขายังอีกยาวไกล

นายทหารขมวดคิ้วถาม “รัฐบาลสามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยตนเอง แล้วเหตุใดเราจึงต้องพึ่งพาพวกเขา?”

เจ้าหน้าที่รัฐบาลส่ายหัว “โลกเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วและขยายช่องว่างระหว่างมนุษย์กับสัตว์อสูรขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั่นทำให้รัฐบาลกับเอกชนต้องร่วมมือกันเพื่ออนาคตของโลกใบนี้”

…………………………………………….