บทที่ 24 การผันแปรที่ขัดแย้งกัน
‘ยังไม่พอเหรอ?’ เกาเผิงมั่นใจว่าการยกระดับของเขาไม่มีทางล้มเหลวแน่ แม้จะต้องจ่ายค่าชดเชยสิบเท่าเขาจึงไม่รู้สึกกลัว แต่…มันทำให้เกาเผิงรู้สึกโกรธ เพราะไม่มีใครรู้จักความสามารถของเขา อีกทั้งหนังสือรับรองผู้ประกอบวิชาชีพผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรฉบับนี้ไม่ได้รับประกันความสำเร็จในการยกระดับสัตว์อสูรด้วย
ซูเฉิงคงอาศัยช่องว่างนี้ หากำไรจากเกาเผิง ไม่ว่าจะทางไหนเขามีแต่ได้กับได้
เมื่อเกาเผิงไม่ได้พูดอะไร ซูเฉิงยิ้มและกล่าวต่อ “เอาล่ะ ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกครับ ถ้าเช่นนั้นผมคงต้องขอตัวนะครับ ตู๋ตู่ ไปกันเถอะ”
ซูเฉิงจับมือตู๋ตู่เดินจากไปอย่างช้าๆ เขาหยุดอยู่หน้าลิฟต์ เขาขมวดคิ้วเข้าหากัน เพราะเขาหวังให้เกาเผิงรั้งเขาไว้ แต่เกาเผิงไม่ได้พูดอะไรและปล่อยให้พวกเขาเดินจากไป
เมื่อลิฟต์มาถึง สองพ่อลูกก้าวเท้าเข้าไปในลิฟต์ ประตูปิดอย่างช้าๆ ส่วนเจ้าต้าไป๋ พนักงานพามันลงลิฟต์ตามไปทีหลัง
เกาเผิงถอนหายใจ ลูกค้ารายแรกของเขาต้องลงเอยอย่างนี้
เมื่อพนักงานในสำนักงานรู้เรื่องนี้ พวกเขามองเกาเผิงด้วยสายตาต่างจากตอนแรก พวกเขาคิดว่าเจ้านายน้อยผู้นี้ทะนงตนเกินไป แต่พวกเขาทําได้เพียงซุบซิบลับหลัง แต่พวกเขาถือว่าเป็นลูกจ้างของเกาเผิงจึงไม่มีใครกล้าพูดถึงเจ้านายในแง่ร้ายต่อหน้าเขาหากยังต้องการทำงานที่นี่
เกาเผิงรู้สึกมืดแปดด้าน เขาไม่ต้องการลดค่าธรรมเนียมในการให้คำปรึกษา ทว่าเขาต้องการเพิ่มราคาขึ้นอีกด้วย ตราบเท่าที่ชื่อเสียงของเขาแพร่กระจายไปทั่ว ค่าธรรมเนียมตอนนี้ดูเป็นเศษตังค์ไปอย่างถนัด
เวลาของวันนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว มีลูกค้าเข้ามาเพิ่มสองสามราย แต่ไม่มีใครสามารถยอมรับค่าธรรมเนียมของเกาเผิงได้
“บอสคะ เรามีลูกค้ารายใหม่” ซุนซวนซวนโทรบอกเกาเผิง เธอไม่เข้าใจว่าทำไมบอสของเธอไม่ลดราคาลงบ้าง ‘ฉันไม่เข้าใจความคิดของคนรวยจริงๆ!’
“คุณเป็นผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรของที่นี่อย่างนั้นหรือ?” ชายหนุ่มผลักประตูเข้ามาและแสดงออกด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นเกาเผิง
“ใช่ครับ ผมเอง” เกาเผิงพยักหน้า “ผมต้องเรียนให้คุณลูกค้าได้ทราบก่อนว่า ค่าธรรมเนียมของสำนักงานนี้สูงกว่าตามท้องตลาดสามเท่า”
“ฉันไม่สนใจ ตราบเท่าที่คุณสามารถยกระดับสัตว์อสูรของฉันได้ต่อให้จ่ายมากกว่านี้อีกสิบเท่าก็จ่ายได้” ชายหนุ่มกล่าวอย่างจริงจัง
“นั่นไม่จำเป็นเลยครับ” เกาเผิงถอนหายใจ “สัตว์อสูรของคุณอยู่ที่ไหน? ขอผมดูหน่อย”
“อยู่นี่ครับ” ชายหนุ่มประคองหนูสีม่วงขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากกระเป๋าอย่างเบามือ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หนูสีม่วงกลับดูอ่อนแอราวใกล้ตายเต็มที
“คุณรักษามันได้หรือไม่ โปรดบอกผมมา?” ชายหนุ่มมองเกาเผิงด้วยดวงตาแดงก่ำ
เกาเผิงมองก่อนเอ่ย “มันกินอะไรเข้าไปหรือ? ผมเป็นผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรไม่ใช่สัตวแพทย์” เกาเผิงพูดพลางพิงเก้าอี้มองเขาอย่างเรียบเฉย
“ฉันเลี้ยงมันด้วยเห็ดหลินจือโลหิต โดยหวังว่ามันจะช่วยยกระดับขึ้นได้แต่ไม่รู้ทำไมผลลัพธ์กลับถึงออกมาเป็นแบบนี้! หากคุณรู้วิธีได้โปรดบอกผมด้วย!” น้ำเสียงชายหนุ่มเต็มไปด้วยอารมณ์
เกาเผิงรู้สึกตะลึง มันเป็นสัตว์อสูรประเภทสายฟ้าแต่เขากลับให้มันกินสมุนไพรเลือด
“เอาล่ะๆ ผมจะช่วยมันแต่คุณรู้กฎใช่ไหม? เราจะให้คำปรึกษา แต่คุณต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับวัตถุดิบด้วยตนเอง”
“ได้เลย บอกผมมาสิว่าต้องใช้อะไรบ้าง” ชายหนุ่มไม่มีทางเลือก เนื่องจากในเมืองฉางอานมีผู้เพาะพันธุ์สัตว์อสูรชั้นนำเพียงสองคน และพวกเขาไม่สะดวกช่วยเหลือเขา
ชื่อสัตว์อสูร หนูสายฟ้าม่วง
เลเวล สิบเก้า[footnoteRef:0] [0: ]
ระดับ สูง
คุณสมบัติ ธาตุสายฟ้า
สถานะ บาดเจ็บเล็กน้อยและทรมาน
จุดอ่อน โคลน
ความต้องการในการยกระดับ วิวัฒนาการตามธรรมชาติ…และวิวัฒนาการข้ามสายพันธุ์…
หลังจากตรวจสอบข้อมูล เกาเผิงค้นพบวิธีที่ดีที่สุดคือ การวิวัฒนาการข้ามสายพันธุ์ เพราะเจ้าหนูมันกำลัวเจ็บปวดเพราะธาตุสายฟ้ากับเลือดกำลังปะทะกันอย่างรุนแรง
“คุณหาสิ่งเหล่านี้มาให้ผม ผลเงาห้าผล ใบเมเปิ้ลสีชาดห้ากรัม ใบสายฟ้าทองคำห้าสิบกรัม และแก่นคริสทัลสัตว์อสูรของค้างคาวโลหิตชนชั้นขุนนาง” เกาเผิงสั่งชายหนุ่ม
เขารับใบรายการมาจากเกาเผิง ถึงจะไม่ไว้ใจเกาเผิง แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
'หากเจ้านี่ทำพลาด ข้า…หม่าเจียงจะไม่มีวันให้อภัยเขาแน่!'
โชคดีที่วัตถุดิบเหล่านี้ไม่ใช่ของหายากจึงสามารถรวบรวมมาได้ภายในระยะเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง เกาเผิงบดผลเงา ใบเมเปิ้ลสีชาดและใบสายฟ้าทองคำ ตามลำดับ จากนั้นนำส่วนผสมเทลงไปในหม้อน้ำเดือดและรออีกเพียงครึ่งนาที จึงนำแก่นคริสทัลสัตว์อสูรของค้างคาวโลหิตชนชั้นขุนนางโยนลงไป คนให้เข้ากันสักพักจนครบอีกสิบนาที เกาเผิงเปิดฝาออกมาก่อนจะหยิบเจ้าหนูโยนไปในหม้อต่อหน้าต่อตาหม่าเจียง เขาถึงกับอ้าปากค้าง เพราะตกใจกับการกระทำของเกาเผิง สุดท้ายเพียงปิดฝาก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
…………………………………………….