บทที่ 11 ตะขาบหน้ามนุษย์
กลิ่นเหม็นเน่าลอยคละคลุ้งในอากาศ
"แหวะ!" นักเรียนบางคนถึงกับอาเจียนออกมาเมื่อได้กลิ่นเหม็นเน่า
สัตว์ร้ายขนาดใหญ่ค่อยๆ คลานออกมาจากด้านหลัง
ก้อนหิน ลำตัวของมันยาวประมาณสี่หรือห้าเมตร
ขายุบยับจำนวนมากของมันเหยียบบนใบไม้จนเกิดเสียงทุกย่างก้าว ขาบิดเบี้ยวของมันมีขนสีขาวปกคลุมและกระดองสีเขียวเข้มราวกับก้อนหินที่ปกคลุมด้วยสาหร่าย
แต่สิ่งที่ทำให้มันดูน่าขนลุกคือ มันมีหลายหัว ระหว่างช่องว่างกระดองมีของเหลวสีเหลืองไหลออกมาด้วย
ในบรรดาหัวของมัน บางศีรษะมีสภาพแห้งกรัง เนื้อเปื่อยยุ่ยราวกับอยู่มานาน ขณะที่บางศีรษะดูสดใหม่ ตาเบิกโพลง จ้องลงมาที่เขา
ไห่หลานหยูแทบกรีดร้องด้วยความเสียใจ เพราะเขาจำได้ว่าศีรษะสดใหม่นั้นเป็นของวานรนิลทมิฬ!
นั่นทําให้ไห่หลานหยูรู้สึกโศกเศร้าและเจ็บปวดในเวลาเดียวกัน
เขาเพิ่งได้มันมาเมื่อสองวันก่อน ราคาของมันสามารถซื้อรถหนึ่งคันได้เลย พ่อต้องฆ่าเขาเมื่อกลับถึงบ้านเป็นแน่
"อุแว้ อุแว้!" ตะขาบตัวโตน่าสะพรึงกลัวส่งเสียงร้องราวกับเด็กทารกกำลังร้องไห้
'นี่คือตะขาบหน้ามนุษย์เหรอ?' เกาเผิงนึกถึงคำสอนของอาจารย์จางในชั้นเรียน มันมักถูกหยิบยกมาเป็นตัวอย่างของสัตว์อสูรหายากและน่าสะพรึงชนิดหนึ่งและสามารถระบุตัวตนของมันได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
จากที่เขารู้ มันคือตะขาบที่กลายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ในระหว่างเกิดมหาภัยพิบัติ ซากศพมากมายถูกทิ้งไว้เป็นจำนวนมาก ทำให้สัตว์อสูรชนิดนี้เจริญเติบโตขึ้นด้วยการกินซากศพ จนสุดท้ายมันได้วิวัฒนาการที่น่าสยดสยอง ใบหน้าของพวกมันเปลี่ยนเป็นใบหน้ามนุษย์ และสามารถเปลี่ยนได้เฉพาะมนุษย์ที่มันกินเข้าไปเท่านั้น เพราะวานรนิลทมิฬมีสปีชีส์เดียวกับมนุษย์ จึงทำให้ใบหน้าของมันอยู่บนตะขาบหน้ามนุษย์
จากการสำรวจพบว่า การที่มันสวมใบหน้าเหล่านี้สามารถสร้างความหวาดกลัวให้แก่พวกนักล่าจนหนีตายหากเจอมัน ตะขาบหน้ามนุษย์มีขนาดยาวได้ถึงห้าหรือหกเมตร เมื่อมันโตเต็มวัยและเทียบเท่ากับสัตว์อสูรขนาดกลางเลย
"ทุกคนระวังตัวด้วย อย่าเข้าใกล้ตะขาบหน้ามนุษย์นะ มันสามารถพ่นพิษได้ไกลถึงสิบเมตร พิษของมันมีคุณสมบัติกัดกร่อนรุนแรงมาก" อาจารย์มู่หลางชิงอี้ ขมวดคิ้วแน่น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอต้องเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรดุร้ายเช่นนี้
"ตะขาบหน้ามนุษย์มีวิธีต่อสู้รูปแบบเดียวคือ การพ่นพิษเท่านั้น มันสามารถสังหารสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่กว่าตัวมันได้ โดยมันจะหลบซ่อนอยู่ในที่มืดและรอให้เหยื่อเข้าไปในระยะการโจมตีของมัน ตราบเท่าที่เราไม่เข้าใกล้มันมากเกินไป พวกเราจะปลอดภัย ทุกคนอยู่ห่างๆ มันไว้นะ" เกาเผิงกล่าวอย่างใจเย็นก่อนจะถอยหลังกลับไปสองก้าวอย่างช้าๆ
อาจารย์จางเคยบอกจุดอ่อนของตะขาบหน้ามนุษย์ในชั้นเรียนและในตำราก็เช่นกัน แต่ใครจะรู้ว่าตะขาบหน้ามนุษย์สามารถพัฒนาวิธีการต่อสู้รูปแบบใหม่ขึ้น เกาเผิงจึงไม่กล้าเอาชีวิตมาเสี่ยงกับข้อมูลในตำราที่ไม่สมบูรณ์เหล่านั้น
เมื่อเห็นกลุ่มนักเรียนล่าถอยออกไป ทำให้ตะขาบหน้ามนุษย์รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตาม เนื้อมนุษย์ก็ยังถือเป็นของโปรดของพวกมันอยู่ดี
มันจึงไม่อาจปล่อยให้เหยื่ออันโอชะหนีไปได้
ดวงตาของตะขาบหน้ามนุษย์ฉายแววประกายขึ้นพร้อมกับหนวดบนศีรษะที่สะบัดไปมาอย่างระมัดระวัง
พวกนักเรียนถอยหลังกลับไปอีกสองก้าว ทำให้มันจึงไม่อาจอยู่เฉยได้อีกต่อไป
ทันใดนั้น มันเริ่มออกคลานเข้าหาอย่างบ้าคลั่งพร้อมส่งเสียงร้อง
มันเหยียบย่ำใบไม้แห้งบนพื้นอย่างต่อเนื่อง ยามเคลื่อนไหวร่างกาย ดวงตาของมนุษย์รวมถึงวานรนิลทมิฬเบิกโพลงจ้องเขม็งไปยังกลุ่มนักเรียน ทำให้มันดูน่าสยดสยองมากขึ้นไปอีก
ตะขาบหน้ามนุษย์พุ่งออกจากก้อนหินเข้าหาพวกเขาด้วยความเร็วสูงพร้อมส่งเสียงกรีดร้องราวกับเด็กทารก
ชื่อสัตว์อสูร ตะขาบหน้ามนุษย์
เลเวล สิบสอง[footnoteRef:0] [0: ]
ระดับ ปกติ
คุณสมบัติ ธาตุพิษและอันเดท
สถานะ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยและหยิ่งยโส
จุดอ่อน แสงและไฟ
'แสงและไฟ...' เกาเผิงเพ่งนึกสองคำนี้ในใจระหว่างคิดหาทางรอด ข้อมูลบรรทัดถัดไปได้ปรากฏขึ้นในมุมมองสายตาของเขา
กลยุทธ์ตอบโต้
หนึ่ง การโจมตีประเภทแสงจะเพิ่มความเสียหายให้กับตะขาบหน้ามนุษย์
สอง แสงสว่างจ้าทำให้ตะขาบหน้ามนุษย์มึนงง
สาม ต้นเมนดเรคเจิดจรัสชนิดผงทำให้มันได้รับบาดเจ็บร้ายแรง
ข้อมูลจํานวนมากไม่สามารถพบเห็นในตำราเล่มใดกลับปรากฏขึ้นต่อหน้าเกาเผิงอย่างน่าอัศจรรย์
ขณะไม่มีผู้ใดสังเกต ตั๊กแตนปีศาจปรากฏตัวขึ้นบนกิ่งไม้อย่างเงียบเชียบ พวกมันไม่ใช่ใครที่ไหน เพราะพวกมันคือพวกสัตว์อสูรของกลุ่มเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบลูชิลด์นั่นเอง ตอนนี้ตะวันเริ่มลับขอบฟ้า ยิ่งทำให้ตั๊กแตนเหล่านี้สามารถกลมกลืนในความมืดได้อย่างสมบูรณ์
"หลินซู!" มู่หลางชิงอี้ตะโกนเรียกสัตว์อสูรของเธอ วิหคปีกสีเงินที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้อย่างเงียบเชียบพุ่งใส่แผ่นหลังของตะขาบหน้ามนุษย์ด้วยความเร็วสูงก่อนศีรษะอันหนึ่งของตะขาบหน้ามนุษย์จะหลุดออกมาจากร่างในพริบตา
เมื่อศีรษะถูกตัดขาด ของเหลวสีเหลืองจำนวนมากจึงไหลทะลักออกมา
ตะขาบหน้ามนุษย์หวีดร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนพ่นของเหลวสีดำขึ้นในอากาศ แม้พลาดเป้าแต่เมื่อของเหลวสีดำลงสู่พื้น ดินบริเวณนั้นถูกกัดกร่อนจนกลายเป็นหลุมพร้อมมีควันพวยพุ่งออกมาอย่างสยดสยอง
......….