แต่ลูกโอ๊กทำให้บดินทร์ได้ยินแฝดเก้า (ชายสี่คน หญิงห้าคน) ร้องตะโกนว่า "เราได้บดินทร์! เราได้บดินทร์!"
หญิงสาวคนหนึ่งลุกขึ้นยืนและส่งมือให้เขาจับ
เธอมีผมสีชมพูพาสเทลแซมสีทองเงางามยาวสลวยลงมาถึงเอว นัยน์ตาสองสีทอประกายสุกใส มีจุดสีฟ้าประดับกลางหน้าผาก
บดินทร์จับมือเธอแล้วจะปล่อย แต่เธอจับมือเขาไว้ไม่ปล่อย เขาถึงมองใบหน้าของเธอ เธอยิ้มอ่อน
"อะความารีน พี. จี. โฮป" หญิงสาวยิ้มกว้าง "ถ้าพาตัวเองไปเจอะคลื่นดูดอีกครั้ง ฉันอาจจะไม่ได้บังเอิญอยู่กับเธอก็เป็นได้"
บดินทร์อ้าปากค้าง เธอคือคนเดียวกับนางเงือกในตู้แท็งก์กระจกบนเรือ แต่เธอมีขา!
ตอนนี้บดินทร์สามารถมองเห็นโต๊ะสูงของศาสตราจารย์ได้ถนัดตาแล้ว อะลีฟนั่งอยู่ปลายโต๊ะไม่ไกลจากเขานัก และมองสบตาเขาพลางยกนิ้วหัวแม่มือให้ ส่วนอีกมือ...
อ๋อ รู้แล้วว่าลูกโอ๊กเป็นของใคร
บดินทร์ส่งยิ้มแสยะตอบ
ตอนนี้มีนักเรียนเหลือให้คัดสรรอยู่แค่เก้าคนเท่านั้น
"ป๋าย, ป๋ายเซียนจื่อ เฟิ่ง"
เด็กหญิงที่มีลักษณะร่าเริงคนหนึ่ง ปากยกยิ้มตลอดเวลา เดินออกมาจากกลุ่มคนอย่างมั่นใจ ทันทีที่เห็นใบหน้าของเธอเสียงเซ็งแซ่จนฟังไม่ได้ศัพท์อย่างคนกระซิบกระซาบกันพลันดังขึ้น
ในสายตาของบดินทร์ เธอไม่ได้มีอะไรผิดปรกติจากคนอื่นๆ ยกเว้น เธอสวมหน้ากากปิดบังครึ่งใบหน้า
ไป๋เซียนจื่อเดินด้วยความยาวก้าวเท่าเดิมไปเรื่อยๆ แม้มีเสียงแซ่ดติดตามทุกย่างก้าว ตาของเธอยังคงมองตรงไปข้างหน้า
เเม่มดเเห่งคำทำนายต้องใช้เวลาคิดอยู่นานทีเดียว เเละในที่สุดเธอก็เอ่ยขึ้นมาว่า "ไพ่ลูกโลกแก้วมีน้ำครึ่งหนึ่ง" เส้นด้ายเเห่งโชคชะตาได้ยินดังนั้นก็ตะโกนออกมาว่า "สัญลักษณ์ของนักวิจัย"
เรียกเสียงฮือฮาดังลั่นห้องโถง เด็กๆ ชั้นปีที่ 1 ที่ยังไม่ได้รับการคัดสรรต่างมองไปที่โต๊ะยาวทั้ง 9 พวกเขาแปลกใจอะไรกัน แม้กระทั่งศาสตราจารย์บางคนถึงกับอุทาน
ไป๋เซียนจื่อกล่าวขอบคุณเเม่มดเเห่งคำทำนาย เส้นด้ายเเห่งโชคชะตา เเละศาสตราจารย์รุจี ก่อนจะเดินมาถึง 'บ้านหิมะ' ที่อยู่ติดกับทางขวาของบ้านใต้ดิน
มีความเห็นเกี่ยวกับนิยายเรื่องนี้ใช่รึเปล่า คอมเมนต์มาได้เลยไรต์อยากฟัง