หัวใจปีศาจสาวเคยสงบราวสายน้ำนิ่ง บัดนี้ไม่ต่างจากพายุน้ำวน นางทั้งสับสน เสียใจ ไยเทพมรณาช่างไร้เยื่อใย ขนาดว่านางทำงานเยี่ยงทาสผู้ซื่อสัตย์ พร้อมมอบชีวิตให้เจ้าตำราโหดอย่างไม่กลัวตาย ทั้งที่นางน่ะขี้ขลาดตาขาว นางและเขามีความทรงจำใต้ต้นไม้วิญญาณ ในเรือนไม้งดงาม อาจจะร่วมแรมปี…
'ข้าควรลืมท่านไปเสีย นีเทียนต้าเซิน...'
กระจกสีขุ่นในมือกางออกเพียงครู่ ถิงถิงกลั้นใจใช้เวทปีศาจด้วยแววตาแสนเศร้า
นางทระนงตน เมื่อเทพมรณามีสีหน้าตื่นตระหนก นัยน์ตาสีชาดเบิกกว้าง หลังแตะหน้าผากเนียนด้วยปลายนิ้วชี้ จรดสายตาบนปลายนิ้วเรียวยาวใต้เกราะนิ้วแหลมคม
หมอกสีนิลสนิทห้อมล้อมรอบกาย บุรุษเทพจมหายลงไปในตราปีศาจ ปรากฏกายในเรือนไม้งดงาม เขาสวมชุดเกราะยมทูตอยู่เช่นเดิม นางสวมอาภรณ์สีสันสดใส ริมฝีปากสีชาดเยี่ยงปีศาจราตรี
"เจ้าทำอะไร?ถิงถิง"
รอบอาภรณ์ลายเมฆาล้มปริ่มด้วยไอสังหาร ผู้อายุขัยน้อยกว่ากลับไร้ความกลัวเกรง นางยืนประจันหน้าเทพแห่งความตายท่ามกลางแสงแห่งหยินหยาง
"ในห้วงนิทราผีเสื้อ ข้าเป็นผู้เสกสร้างทุกสรรพสิ่ง ท่านจำได้หรือไม่? ท่านเคยกักขังข้าในกรงเหล็ก ในนครมรณา ท่านจิกหัวใช้ข้า"
"เจ้าใช่ปีศาจเจ้าคิดเจ้าแค้นเสียเมื่อไร ถิงถิง เจ้ามีจิตใจดีงามราวเทพธิดา"
ปีศาจสาวแยกเขี้ยวโต้เถียงอย่าเอาเป็นเอาตาย นางว่าผู้แสนดีอย่างไรก็คือปีศาจ ไม่ควรไว้วางใจ นางรู้ว่าเขาไม่มีทางปล่อยให้ผู้รู้เรื่องราวมากมายในเมืองมรณาหลุดรอดออกไปอย่างมีสติครบถ้วน คืนวานนี้นางเตรียมการเป็นอย่างดี นางซุกซ่อนกระจกแปดเหลี่ยมใบหนึ่งไว้ในหีบผ้า มันเป็นสมบัติล้ำค่าจากเมืองเทพ ท่านปู่หลี่หวังหยางมอบให้นางคราวบำเพ็ญตบะปีศาจครบสองพันปี
กระจกเวทนี้เคยเป็นของเล่นชนิดหนึ่งของหมู่มารในลัทธิประหลาด ชื่นชอบการวางพนันขันต่อ ละเล่นเวทหยินหยางอยู่เป็นนิจ มันนับเป็นเครื่องสะสมพลังที่มีหยางมากกว่าหยิน มองลึกลงไปในกระจกมีหลุมสีขาวตัดแสงสีดำ แน่นอนว่าการเป็นสมบัติเทพ หมายความว่าปีศาจจะต้องขโมยมันมาจากที่ใดสักแห่ง
"ประเดี๋ยวข้าก็ตื่นจากนิทรา เว้นเสียแต่ว่าท่านจะทุบตีข้าให้ตื่น"
นีเทียนต้าเซินหัวเราะเสียงดัง เขี้ยวคมตรงมุมปากดูน่าสะพรึงกลัว ย้ำถามหนักแน่น "ดีไหมเล่า?ข้าจะทุบกระจกบ้านี่ไปพร้อมกับดวงวิญญาณเจ้า"
"หากท่านปรารถนาจะฆ่าข้า ขออย่าได้ปรานี ข้ายินดีตายด้วยเงื้อมมือท่าน เทพใจดำ..." นางพูดด้วยนัยน์ตาเอ่อคลอ โบกมือเปิดบานประตูให้อ้าออกกว้าง "ไยท่านไม่ลองชื่นชมโลกนิทราอันสวยงามของข้าเสียก่อน ค่อยลงมือฆ่าถิงถิง"
นีเทียนต้าเซินเมินหน้าหนีนาง เขาไม่พึงพอใจท่าทางประชดประชันนั้น ตาคมมองผ่านบานประตูไม้สลักลายเมฆา กลางท้องนภามีจันทรากลมโตสีชาดอย่างในภพภูมิปีศาจ ในนรกภูมิชั้นลึกสุดล้วนมีจันทราดวงเดียวกัน
พื้นที่โดยรอบปกคลุมด้วยสวนพฤกษชาติที่เปล่งแสงได้เอง เสมือนอยู่ในเรือนใต้แห่งแมลงบุปผา มีเรือนไม้ที่เขาสร้างให้นางอย่างวิจิตร คราแรกเป็นเพียงเรือนเล็ก ๆ หากเป็นเพราะนานวันเข้านางได้รับความเมตตา
นางคงจะยิ่งได้ใจ...
"บุปผชาติหลากสีสันกำเนิดขึ้นโดยเวทปีศาจราตรี จะมีพิษหรือไม่ ในเมื่อเผ่าพันธุ์เจ้าถนัดการล่อลวงบุรุษ อืม... เจ้าบอกว่าเป็นห้วงนิทรา?"
"เจ้าค่ะ ข้าอาจหลับใหลในเรือนมรณา กายทิพย์ท่านหายไป อยู่กับข้า ณ ที่แห่งนี้ แต่ท่านไม่ต้องเป็นกังวลไป รับรองว่าท่านเสียเวลาไม่มาก... ห้าวันในนิทราอาจกินเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป..."
เมื่อตรึกตรองดูแล้วนางแน่ใจว่านีเทียนต้าเซินใช้พลังมากมหาศาลในการผนึกตำราสีชาด มันเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ตามคำตักเตือนของท่านลุงยมทูตอาวุโส เขาไม่น่ามีพลังมากพอทำลายห้วงนิทราของนาง
"ถ้าเจ้าว่าเสียเวลาไม่มาก" เขาเอามือไพล่หลังเดินกลับห้องไป หมอกสีนิลขยับตนไปนั่งหน้าโต๊ะทำงาน
ถิงถิงปัดมือถอดเกราะสีนิลให้เทพมรณาที่มองนางด้วยท่าทางนิ่งขรึม เกราะยมทูตและเกราะนิ้วอันน่ากลัวพลันหายไปตั้งวางตรงมุมห้อง
นัยน์ตาเยียบเย็นสีชาดไม่ไหวติง แม้ปีศาจสาวจะพลิกฝ่ามือดึงเทพมรณาให้มานั่งจิบชาในฝั่งตรงกันข้าม บังคับเขาไปเสียทุกอย่างดั่งใจนาง เสกถ้วยชาและขนมหน้าตาน่ารับประทาน แป้งปั้นเป็นรูปดอกไม้ รูปภูตแมลงผีเสื้อ เต่าทอง วางเรียงรายในจานดินเผาบนโต๊ะเตี้ย ๆ
"ท่านกำลังใช้ความคิดว่าในนิทราผีเสื้อสามารถทำงานของท่านได้หรือไม่?" นางรินชาอย่างกุลสตรี ก่อนหน้านี้นางเปลี่ยนอาภรณ์เทพมรณาเป็นสีฟ้าคราม สีเขียวมรกต ปักปิ่นงดงามอย่างคุณชายในเมืองมนุษย์ เปลี่ยนอาภรณ์เป็นสีขาวอย่างบุรุษเทพในเทวโลก เป็นสีนิลสนิท ใส่กรงเล็บปีศาจประหนึ่งจอมมาร นางเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนพลังหยินลอยละล่องเต็มพื้นเรือน นางสนุกสนานกับงานรังแกเทพ โดยที่เขาไม่ว่าอะไรนาง
"เทพอาวุโสเยี่ยงท่าน คงง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือ"
"ทำไม่ได้ ข้าเคยบอกเจ้าว่าข้าจะต้องทำงานในนครมรณา เจ้าสมองปลาทอง"
"ท่านอย่ามาเรียกข้าอย่างนั้นนะ!"
"เจ้าจะทำไม?" เอ่ยพลางยกยิ้มมุมปาก เขาท้าทายนางที่ปัดมือเพียงครั้ง ถ้วยชาหายไปจากมือหนา ไม่ทันได้ชิมรสชาติชากลิ่นหอมสะอาด
ถิงถิงท่าทางโกรธขึ้งบึ้งตึง รอยย่นหว่างกลางคิ้วบนใบหน้าปีศาจปรากฏขึ้น
เมื่อวานนี้นางสั่งให้เขานั่งนิ่งมองนาง ซุกซบพิงศีรษะบนอกกว้าง บุรุษผู้ถูกล่วงล้ำอาณาเขตมิได้ขัดขืน เขาอ่อนคล้อยไปตามนาง จนย่างเข้ายามโหย่ว [1] วันนี้นางยังคงทำเรื่องเดิม ปีกสีม่วงอร่ามเปิดเผยขึ้นและหายไป นางอิงแอบในอ้อมแขนเทพมรณา สองมือสวมกอดรอบเอวสอบ
ดวงตาทั้งสองคู่เฝ้ามองทิวากรลูกสีส้มกลม ร่วงหล่นลงท้องนภากว้างใหญ่อย่างเชื่องช้า
"เจ้าอย่าเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ข้าทำลายนิมิตเจ้าได้ในพริบตา เลิกยั่วยวนข้าเสียที ถิงถิง"
"ไม่ใช่นิมิต เป็นห้วงนิทราผีเสื้อ ข้าบอกท่านแล้ว ท่านต้องเชื่อฟังข้าบ้าง"
"ข้าไม่เห็นว่านิมิตหรือนิทราจะแตกต่างไปกว่ากันสักเท่าไร ทั้งหมดคือภาพลวงตา"
"เช่นนั้นอาจารย์ท่านคงสั่งสอนศิษย์มาผิด ๆ เรื่องปีศาจ..." นางเงยหน้าขึ้นสบประกายตาสีชาด นีเทียนต้าเซินบันดาลโทสะได้ง่ายดายหากนางกล้าเอ่ยถึงท่านอาจารย์ของเขา นางคลี่ยิ้มอย่างจองหอง "ข้าจะบอกท่านให้ ปีศาจอสูรสร้างนิมิตขึ้นเพราะจิตใจฟุ้งซ่าน หมกมุ่นในราคะตัณหา โลกนิมิตครอบคลุมสถานที่ใดที่หนึ่ง แตกต่างจากนิทรา การสร้างอาณาเขตนั้นยากยิ่งกว่า โลกนิทรากว้างใหญ่ไพศาล สุดล้ำลึกเกินจินตนาการ หากไม่มีกระจกหยินหยางนี่ ปีศาจอ่อนหัดเช่นข้ามิอาจสร้างห้วงนิทราผีเสื้อได้ แต่ถ้าเป็นท่านปู่ของข้าละก็ไม่แน่"
"อื้ม... ท่านลุงส่งรายงานว่าหลี่หวังหยางเก่งฉกาจ เป็นปีศาจราตรีที่แข็งแกร่งที่สุด หนึ่งในสามของภพภูมิราตรี หนึ่งในใต้หล้าเมืองบุปผา แม้อายุขัยของท่านปู่เจ้า..." ปลายเสียงหัวเราะเย้ยหยัน พลันยกมือขึ้นโอบบ่านาง ตบเบา ๆ "รุ่นเหลนข้ากระมัง"
"ท่านปู่ข้าอายุขัยห้าหมื่นปี ถ้าให้ข้าเดา ท่านปู่ทำลายเวทแห่งการลบเลือนของท่านแตกกระจายในราตรีแรก"
ถิงถิงเยินยอท่านปู่ของนางอย่างภาคภูมิ นีเทียนต้าเซินคงหลุดปากบอกนางเรื่องท่านอาจารย์แห่งนครมรณาไปไม่มากก็น้อย เขาและนางได้ปรับทุกข์ร่วมกัน เขาเปิดใจให้นาง ซุกหน้าอิงแอบในอ้อมแขนอุ่น
"ข้ามีความลับจะบอกท่าน"
"เรื่องอะไรหรือ?" เขาเลิกคิ้วถามนาง ลูบศีรษะน้อยด้วยแววตาเอ็นดู
"เวทลืมเลือนท่านใช้กับข้าไม่ได้ผล ข้ามิอาจลืมเลือนบุรุษในใจ"
"เจ้าพูดเรื่องตลกอันใด ข้าเนี่ยนะเป็นบุรุษในใจเจ้า?"
ประกายตาสีอำพันสั่นไหว นางพยักหน้าตอบอย่างจริงใจ "ข้าชอบท่านมาก"
"อื้ม... เจ้าชอบข้ามากงั้นหรือ แล้วพี่สาวของเจ้าล่ะ เวทยมทูตใช้ได้ผลหรือไม่?"
"พี่รองพี่ใหญ่บำเพ็ญตบะปีศาจจนแข็งแกร่ง ไม่ใช่เรื่องง่ายดายที่จะรู้จักความรัก ดังนั้นเวทลบเลือนจากเทพหรือจากยมทูตย่อมใช้ได้ผลกับพวกนาง ต่างจากตัวข้า เป็นจุดด่างพร้อยของตระกูลเหมยเตี๋ย ท่านแม่บอกข้าว่าการมีคู่ครองของผีเสื้อเสมือนเผ่าพันธุ์เงือก อสูรทะเล ห้ามไม่ให้ข้ามีความรัก ข้าชอบใครไม่ได้ทั้งนั้น ข้าจะต้องเห็นแก่ตัว..."
นีเทียนต้าเซินหัวเราะ "เจ้าโกหกถิงถิง ข้าจำได้แม่นยำตอนใช้ดวงตาพิพากษามองเจ้า ปีศาจผีเสื้อ เจ้าชู้หลายใจ" ไหนจะเขาเองเห็นนางมองบุรุษจิ้งจอกรูปงาม น้ำลายสอเต็มปากเหมือนพี่สาวทั้งสอง ช่างน่ารังเกียจนัก! "วันแรกเจ้าพาข้าไปเดินเที่ยวตลาดในเมืองปีศาจ พบพ่อค้าแม่ค้าหน้าตาประหลาด ตะกละเหมือนหมู เมื่อวานเจ้าชักชวนข้าไปวิวาทกับบุรุษจิ้งจอก เพราะเจ้าเผลอไปจับหางปุกปุยนั่นด้วยความอยากรู้อยากเห็น เจ้าพาข้าไปเที่ยวโรงเตี๊ยมในเมือง… ข้าไม่…"
"ว่าง… อย่าเสียเวลาข้า ดวงวิญญาณมากมายเฝ้ารอเทพมรณา ข้าจำต้องออกไปรับดวงวิญญาณ นำทัพยมทูต…" นางพูดแทนด้วยหน้าตาบึ้งตึง ขยับปลายนิ้วเรียวยาวหยิกจมูกโด่งเป็นสันคม เขาย่นจมูก พ่นลมหายใจสีชาดแลดูน่าสะพรึงกลัว ส่วนนางยังต่อว่า "ข้าได้ยินจนเบื่อ เชื่อข้าเถอะ ถึงท่านไม่ทำงาน ยังมีเทพมรณาอีกตั้งสอง"
"ทำงานได้เรื่องที่ไหน..."
[1] 酉 17.00 – 18.59 น.