"ทำงานได้เรื่องที่ไหน..."
"ท่านไม่ควรดูแคลนผู้ใดในแดนมรณา แดนปีศาจ แดนเทพ แม้แต่มนุษย์ผู้ไร้ซึ่งพลัง พวกเขามีความคิดยิ่งใหญ่เกรียงไกร มีหัวใจกล้าหาญเสียสละ นีเทียนต้าเซิน ท่านรู้ไหม? ราชาแห่งสวรรค์ปกครองแดนเทพด้วยเมตตาธรรม ท่านอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ดูแคลนแม้กระทั่งปีศาจ"
"เจ้าเคยพบเขาผู้นั้นหรือ? ข้าว่าเจ้าเพียงได้ยินมา ส่งสารผ่านปากต่อปาก เจ้ารู้จักคน แต่หารู้จักใจเขาไม่"
ถิงถิงส่ายหน้า ค่อนขอดเทพผู้ผยองตน เขาหลุบตามองนาง หัวเราะชั่วร้าย นางกล่าวว่าแม่เฒ่าเล่าให้นางฟัง นางอดไม่ไหวต้องสั่งสอนเทพซะบ้าง
"ท่านเงียบเสีย... จูบข้า"
"เจ้า... อยากตายรึ?" เขาเข่นเขี้ยวขู่นาง ออกแรงขัดขืนการบังคับจากลมพัดไหวข้างใบหู ทว่าในห้วงนิทรานี้ไม่ว่านางสั่งอะไรก็จำต้องทำตาม
"จูบข้า ที่หน้าผาก แก้ม ริมฝีปาก"
นีเทียนต้าเซินโน้มใบหน้าลง ประทับริมฝีปากบนหน้าผากเนียน บนแก้มนุ่มหอม เขามอบสัมผัสนุ่มนวลบนริมฝีปากสีชาด นางพริ้มปิดตาลงรับจุมพิตอ่อนหวานด้วยหัวใจเป็นสุข แต่ก็เพียงไม่นาน ร่างกระดูกปรากฏรอยยิ้มร้ายเล่ห์ นางลืมตาพรึบ สบนัยน์ตากลวงโบ๋ใต้เพลิงกัลป์
"เจ้ายัง..."
ไม่ทันกล่าวจบว่านางเปลี่ยนใจหรือไม่ นางจูบโครงกระดูกใต้กลิ่นสาปความตาย หลังจากนั้นเขาเริ่มรังแกนางด้วยรูปลักษณ์อันน่าสะพรึงกลัว กลิ่นซึ่งเคยเป็นกลิ่นหอมอ่อนของดอกปี่อั้น กลับกลายเป็นกลิ่นซากศพคละคลุ้งไปทั่ว นางแน่ใจว่าเขากำลังทดสอบนาง จึงกุมมือกระดูกยกขึ้นวางบนแก้มเย็นเฉียบ
"เทพผู้ถูกสาปให้อยู่ในร่างมาร เทพปีศาจผู้เสียสละเพื่อเหล่าดวงวิญญาณ หากเป็นคราแรกพบกัน ข้าก็คงกลัวอยู่หรอก แต่นี่ข้าพบท่านมาตั้งเท่าไร ข้าไม่กลัวท่านแล้ว ข้าไม่รังเกียจท่านเลย ข้าชอบท่าน นีเทียนต้าเซิน"
ครู่นั้น ไฟกัลป์ในหลุมดวงตาวูบไหว สั่นคลอนดั่งเปลวเทียนต้องลม
ในเมื่อผู้คนส่วนใหญ่ล้วนประหวั่นในความตาย ไม่เว้นแม้กระทั่งยมทูตด้วยกันเอง ยังไม่คุ้นชินกับร่างละสังขารของเทพมรณา แล้วเหตุใดปีศาจน้อยเช่นนางกลับจ้องลึกลงไปในโพรงไฟด้วยแววตาหลงใหล ประหนึ่งว่านางไม่อยากเหินห่างจากอ้อมกอดกระดูกอัปลักษณ์
"ข้าคิดว่าเจ้า... จะพิศวาสคาดคั้น ถามหาเจ้าร่างปลอมนั่น"
"หามิได้เลย ข้าพยายามไล่เขาไป แต่ข้ายังสับสน ข้าสัมผัสได้ว่าเขาคือท่าน" นางลูบใบหน้ากระดูก หลุบตามองเปลวไฟวูบไหวสั่นพลางว่า "ข้ายินดีพิสูจน์ความจริงใจต่อท่าน คืนนี้เราสองจะนั่งชมพฤกษชาติ นอนร่วมเตียง ท่านปรารถนาอยู่ในร่างใด ข้าไม่รังเกียจท่าน..."
"เจ้าบ้าไปแล้ว ปีศาจเสียสติ... เยี่ยงเจ้า..."
สุดจะสรรหาถ้อยคำมาปรามห้าม เทพในร่างกระดูกถูกบังคับให้นอนร่วมเตียงกับนางจนได้ นางชิดแผ่นหลังด้านกำแพงลายเมฆา ดึงเอวสอบเข้าหาเรือนร่างเย้ายั่ว เขาก็คงต้องตามใจนาง
แสงจันทราลอดผ่านบานประตูหน้าต่าง ดวงตาสองคู่จ้องมองกัน ได้ยินเสียงสาวใช้เดินผ่านระเบียงไม้ ซุบซิบนินทาเรื่องนายท่านทั้งสอง
ที่ใดมีเขาย่อมมีนาง กุมมือเดินคู่เคียง เปิดเผยความรักลึกซึ้งต่อกัน แม้เป็นเรื่องต้องห้าม เทพกับปีศาจจะมีสัมพันธ์อันดีต่อกันมิได้เป็นอันขาด
ราตรีนี้เขาและนางนอนร่วมเตียงบนหมอนใบเดียวกัน นางไม่ปล่อยเวลาล่วงพ้นไปโดยไร้ค่า ยิ่งเขาคอยแต่จะเร่งเร้านางให้หยุดห้วงนิทรานี้เสีย เขายอมบอกความจริงกับนางว่าไม่อยากทำลายห้วงนิทรานี้เหมือนที่เคยตีนางด้วยเวทแห่งการหลับใหล เพราะนั่นจะทำให้นางบาดเจ็บไปด้วย เขาสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายนาง นางกลับไม่สนใจ ลุกขึ้นเปลื้องอาภรณ์สีนิล หลุดหล่นกองบนพื้นเรือน เหลือเพียงเรือนกายเปลือยเปล่า ร่างกระดูกมองตามนางไม่กะพริบตา กระทั่งนางซุกตัวลงนอนในอ้อมแขน
ในที่สุดเขาก็คืนร่างบุรุษเทพในอาภรณ์เนื้อผ้าเบาบางสีนิล นางรีบปลดเชือกผูกเอว วางมือบนแผงอกที่ขยับไหวรุนแรงตามเสียงลมหายใจ
"เจ้า... ไยเสกสร้างห้วงนิทราสกปรก เจ้ากำลังคิดอะไร? เจ้าเป็นปีศาจน้อย รุ่นเหลนข้าได้"
"ข้าเป็นปีศาจสาว ข้าบอกท่านนับพันครั้ง ไยท่านไม่เคยจำ คงสมองปลาทองเหมือนข้า"
"เจ้าชักเหิมเกริมใหญ่แล้วถิงถิง ไว้ข้าออกไปเมื่อไร ข้าจะลงโทษเจ้าสถานหนัก ข้าจะขังเจ้าในกรงเหล็ก ให้อดข้าวอดน้ำ อนาคตของเจ้ามืดมนแน่"
"นครมรณาไม่ต่างจากกรงขัง ข้ามีความมืดมิดเป็นสหายมาร่วมแรมปี มีเพียงแสงยมทูตคอยนำทาง การได้พบหน้านีเทียนต้าเซิน เป็นความสุขของข้า"
ถิงถิงพร่ำพรอดกอดเทพมรณาหลังจากที่เขาไม่ขัดขืนนางอีก ฝ่ามือเย็นเฉียบของนางลูบไล้ผิวกายอุ่น ได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจครืดคราดผ่านใบหูไปไว ๆ เขาปิดตาลงบ่อยครั้งจนนางขมวดคิ้วสงสัย กว่าที่นางจะรับรู้ได้อีกคราจากสัมผัสของมืออุ่นร้อน กำลังลูบผ่านแผ่นหลังบาง
เนื้อกายของนางและเขาแนบชิดสนิทสนม ไอปีศาจห้อมล้อมทั้งสองเรือนกาย นางสารภาพต่อเขาว่านางมีความสุขมากมายเท่าไร
"ความสุขอะไรของเจ้า ร่วมแรมปีในนครมรณา ใต้ต้นไม้วิญญาณ ในเรือนไม้ที่ข้ามานั่งทำงานเคียงข้างเจ้า ข้าเฝ้ามองเจ้า วัน ๆ เจ้าเอาแต่นอนเกียจคร้าน"
"นานขนาดนั้นเชียวหรือ?"
"อื้ม... ตอนข้าไม่อยู่ เจ้าไปเที่ยวเล่น ข้ามเทือกเขาไปก่อกวนยมทูตในหลายเขตแดน เจ้าทักทายพวกเขาทุกรุ่งอรุณ ยมทูตกลับมาจากการรวบรวมดวงวิญญาณ ไยเจ้ายืนกรานว่ามีความมืดมิดเป็นสหาย?"
ปีศาจน้อยคลี่ยิ้ม กลอกแววตาซุกซน ยามหวนคิดถึงท่านลุงทั้งหลาย
ท่ามกลางราตรีมืดมิดของเมืองมรณา กลุ่มเมฆาสีขาวสลับดำเป็นดวงกลมนับหลายหมื่นลอยละล่องในเวหา ไม่ไกลจากตัวนางซึ่งเป็นผีเสื้อตัวน้อยในวงยมทูต
ยมทูตมักปิดวาจา ไม่ใคร่สนทนา นอกเสียจากกับยมทูตด้วยกัน ท่านลุงค่อนข้างรำคาญนางเอามาก ๆ หากเห็นนางเดินไปเดินมาในเรือน พวกเขาจะหายตัวไปในทันที ในขณะที่บางคนยอมให้นางเกาะไหล่อย่างท่านลุงอาวุโสมีร่างเป็นชายชรา เอ็นดูนางเป็นลูกหลาน ทอดสายตามองผีเสื้อน้อยบินไปมาโดยไม่รำคาญใจ
การมีอยู่ของนางเป็นการปลุกเร้าจิตยมทูตให้เริ่มจดจำอดีตชาติได้ พวกเขาเกิดความรู้สึกเศร้าศัลย์อาลัย ใจคะนึงหาผู้คนในโลกอดีต
ท่านลุงเป็นเยี่ยงไร เทพมรณาผู้แสนเย็นชาไม่แตกต่างจากพวกเขา ทั้งสายตาริษยายามนางไปยุ่งวุ่นวายกับท่านลุงรูปงาม วันต่อมาเขาจะย้ายงานท่านลุงจากเขตแดนนั้นไปที่อื่น ให้ไกลนางมากที่สุด ทั้งสายตาอ่อนโยนหยุดอยู่บนใบหน้างาม เสียงหัวเราะเริงร่าของผีเสื้อน้อยพาให้ใจปรารถนาจะพบนาง
"แต่กฎจำต้องเป็นกฎ จะมีผู้รู้เรื่องนครมรณาเช่นเจ้า หลุดรอดออกไปไม่ได้"
"ข้าได้ยินมาว่าท่านเป็นเทพผู้ชอบละเมิดกฎ พวกเขาเอ่ยนามท่านว่าอย่างนั้น นีเทียน..."
นีเทียนต้าเซินเอาปลายนิ้วเคาะหน้าผากนาง ก้มลงจูบริมฝีปากสีชาด
แปลกที่ริมฝีปากนุ่มละมุนมิได้แอบแฝงกลิ่นอายของราคะอย่างปีศาจพึงเป็น เขาขบริมฝีปากบนอย่างอ้อยอิ่ง แล้วขยับลงชิมชมริมฝีปากล่าง
นีเทียนต้าเซินกอดนาง ลากฝ่ามือผ่านหน้าท้องแบนราบ ลูบจับไปทั่วเรือนกายขาวผ่อง ขยับกายแนบชิดทรวงอกงามจนแทบจะเป็นเนื้อเดียว กระทั่งนางเผยอริมฝีปาก เขาแทรกปลายลิ้นเข้าเกี่ยวพันลิ้นน้อย
ถิงถิงหายใจหอบสั่นราวไม่รู้ว่าจูบคืออะไร มิหนำซ้ำยังเผลอคิดว่าเขาจูบเทพธิดาไหนมาก่อนหรือไม่ นางนึกริษยา โอบรอบคอเขาแนบแน่น
บุรุษเทพยอมมอบจุมพิตหวานตราตรึงซึ่งนางมิบังอาจกล้าใฝ่ฝันถึง แม้ในอีกครู่หนึ่งเขาจูบนางราวจะสูบวิญญาณ เขาจูบนางด้วยอารมณ์แสนโหยหา ราวกับว่าเขาจะไม่ได้พบนางอีกในภพชาตินี้ แม้ว่าเขาไม่คิดปล่อยนางไป เขาจะกักขังนางในกรงเหล็ก ปีศาจผีเสื้อน้อยตัวโปรดของเขา
ความรู้สึกแสนอัศจรรย์บังเกิดในห้วงใจปีศาจ รสชาติขมหวานปะปนอยู่ในโพรงปาก นางผลักกายขึ้นคร่อมทับอาภรณ์หอมดอกปี่อั้น บุรุษเทพมิได้ยอมนาง จับนางให้นอนลงใต้พันธนาการ ประสานมือเข้าหานาง ตรึงฝ่ามือน้อยวาดวางข้างหมอน มืออีกข้างลอดผ่านเอวคอดบาง
จุมพิตเนิ่นนานใต้จันทราสีชาด หาได้รู้ไม่ว่าเนิ่นนานเท่าไร ถิงถิงหยุดลมหายใจหอบสั่นของนางไว้ นางวางพักมือสั่นเทาบนบ่ากว้าง
"ข้า... ไม่ได้สั่งให้ท่านจูบข้า กอดข้า..."
"ปีศาจโอหัง... เจ้ากล้าสั่งข้าด้วยหรือ?"
นางตัดพ้อเขาด้วยสีหน้าบึ้งตึง ทว่าเทพผู้นี้ปากอย่างใจอย่าง เขาก้มหน้าลงจูบนางอีก
เรือนกายโล่งเย็นของนางแนบชิดใต้อาภรณ์หลุดล่น นางลูบแผงอกกำยำ นัยน์ตาสีอำพันเอ่อล้นหยาดน้ำตา เขาพิงหน้าผากไว้กับหน้าผากของนาง
ไม่นานนัก เสียงคร่ำครวญของผีเสื้อน้อยดังก้อง นางเสียน้ำตาด้วยความหวาดกลัว... การจากลา นางจะหาสักหนทางหนึ่ง หยุดห้วงเวลานี้ไว้ชั่วกัลป์
'นีเทียนต้าเซิน!'
เสียงกร้าวดังผ่านห้วงนิทรา สองเทพมรณาบุกรุกเข้ามาในอาณาเขตเมืองนีเทียนต้าเซิน
นัยน์ตาสีชาดลืมพรึบ เงื้อมมือมัจจุราชสะบัด เปิดช่องแสงเล็ก ๆ กลางเวหา เขาทำมันอย่างระวังโดยไม่ละวางตาจากนาง เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าของห้วงนิทราไม่บาดเจ็บซึ่งนางก็ดูสบายดี แถมมีสีหน้างุนงงเสียอีก
"ไม่มีเวลาแล้วเจ้าปีศาจน้อย สองเทพนั่นกำลังมาเอาเรื่องข้า เจ้านอนสักงีบเถิด" สิ้นคำ ลมหายใจมัจจุราชเป่าผ่านริมฝีปาก นางเผลอสูดดมมันหลังผ่อนหายใจแรงเพราะพิษจูบ ปิดตาลงหลับใหลในนิทรา