webnovel

7-2 伪装 ร่างปลอม

ปีศาจน้อยถิงถิงเคยคิด... ริลอง ติดเพียงนางไม่มีรสนิยมชอบปีศาจด้วยกัน นางหลงใหลในเทพ เฝ้าฝันว่าจะมีบุรุษเทพมาชอบนาง...

'เทพ... หรือ? ใช่แล้วล่ะ ข้าลืมไปได้ยังไง สหายข้าเป็นถึงแม่เฒ่าอาวุโสในภพภูมิลับแล เทพธิดานักทำนายผู้ยิ่งใหญ่ บางทีแม่เฒ่าอาจช่วยเหลือข้าได้'

สตรีในอาภรณ์สีขาวสะอาดงดงามราวธิดาสวรรค์ กลับไปนั่งกอดหัวเข่าหน้าตาคร่ำเครียด เจ้าร่างปลอมเอามือไพล่หลังยืนจ้องนาง ตรึกตรองถี่ถ้วนแล้วนางไม่กล้านำความเดือดร้อนไปให้แม่เฒ่าผู้ซึ่งนางเคารพนับถือเป็นอย่างมาก

'ใช่สถานการณ์คับขันเข้าตาจนเสียเมื่อไร เทพอาวุโสบำเพ็ญเพียรอยู่เป็นนิจ ไม่สมควรที่จะไปรบกวน ข้ากินดีอยู่ดี ถึงทำงานลำบากอย่างไร เขาก็เอาใจข้า' 

ถิงถิงหน้าตาผ่อนคลายลง ขณะดวงไฟยมทูตพลันพุ่งเข้ามาในห้องนอนนาง ท่านลุงในร่างสตรีนำอาภรณ์สีสันสวยงามใส่ลงในหีบผ้า วางอาหารและถ้วยชาบนโต๊ะทำงานของนีเทียนต้าเซิน

ร่างปลอมมองตามยมทูตด้วยรอยยิ้มมีนัย

มิอาจล่วงรู้ได้เลยว่าเขาผู้นี้คิดอะไร ยมทูตคงคิดว่าตำราสีชาดแค่เฝ้านางเอาไว้ พวกเขานำอาภรณ์สวยงามมอบให้นางแล้วหายไป ควันหยินลอยละล่องอยู่ทั่วเรือน

'เจ้าระวังตัวด้วย ข้าไม่สามารถควบคุมตำราสีชาดได้ดั่งใจ ตำราเล่มนี้นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ...'

เรื่องสำคัญถึงเพียงนี้มีเขาและนางที่รู้ หัวใจปีศาจสาวราวกับว่าขยับไหวครั้งหนึ่ง นางตบหน้าเบา ๆ ให้เลิกฟุ้งซ่าน ลุกขึ้นไปอ่านหนังสือ ร่างปลอมไม่เลิกตามนางเสียที หน้าตาขึงขังเจ้าเล่ห์มองตามนางเปลี่ยนอาภรณ์ใหม่ นางเกือบจะควักกระบี่ปีศาจออกมาฟาดฟันเขาในห้องนอนนาง

การต่อสู้อันไร้ประโยชน์หยุดลงในหัว เมื่อสิ่งของสำคัญอยู่ในเรือนใต้ทั้งหมด นางนั่งลงบนฟูก เบิกตากว้างมองกระบี่สีนิลปรากฏในมือเทพ ไม่รู้ว่าร่างปลอมเสกมันขึ้นมาได้อย่างไร เขาขยับฝีเท้าเข้ามาหานาง ส่งกระบี่สลักลายบุปผาให้นางกับมือ นางลุกขึ้นประจันหน้าด้วยรอยยิ้มดีใจ

"ข้าจะยอมตามใจท่านสักวัน ท่านตัวปลอม ขอโทษที่ข้าเสียมารยาท ไม่รู้ท่านได้กระบี่ปีศาจข้ามาอย่างไร นี่เป็นของปลอมด้วยหรือไม่ แล้วท่านอ่านใจข้าได้?"

ใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยนลง ขยับไปแตะริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียนแผ่วเบา

ปีศาจสาวยกมือแปะหน้าผากเหมือนถูกของร้อน แก้มแดงระเรื่อไปถึงใบหู

"ท่านทำอะไรน่ะ?"

"เจ้าชอบ"

"ทะ... ท่านเป็นเพียงภาพลวงตา"

"เหลวไหล เบื้องหน้าสายตาเจ้าเป็นเรื่องจริง มีอยู่จริง เจ้าเชื่อข้า"

"ท่าน... เหมือนเขามาก ทั้งกายทิพย์... วิญญาณ ทั้งกลิ่นดอกปี่อั้น..."

"เมื่อคืนข้านอนข้างหลังเจ้า... ใส่ยาบนปีกเจ้า..."

ถิงถิงกลอกตาใช้ความคิด ตั้งแต่ร่างปลอมหล่อรวมขึ้นจากแสงสีชาด เขาผู้นี้คอยเอาใจใส่นาง ไม่ว่านางจะเศร้าโศกหรือบาดเจ็บแม้สักเล็กน้อย นางเงยหน้าขึ้นสบประสานตา เขาโน้มลงหานางซึ่งสูงเพียงระดับบ่า

"ข้าจูบเจ้าได้หรือไม่?"

ไม่ทันตอบเจ้าร่างปลอมที่ลอบยิ้มกรุ้มกริ่ม ราวกับว่านางถูกสาปให้เป็นหิน ฉับพลันนั้นริมฝีปากหนาหยักได้รูปเคลื่อนเข้ามาใกล้...

"เจ้าทำอะไร? ถิงถิง"

เทพในอาภรณ์สีนิลสนิทปรากฏขึ้น บุรุษเบื้องหน้าพลันหายไป ละอองสายสีชาดประสานเข้ากับเล่มตำราเล่มเก่า มันลอยละล่องอยู่กลางห้อง เจ้าร่างปลอมหนีเอาตัวรอดไปซะเฉย ๆ! นางหันไปตอบอย่างหวั่นกลัว

"ร่างปลอมท่าน... ขอจูบข้า..."

"เจ้าก็ยอม?"

"ข้ากำลังตกใจ..."

นีเทียนต้าเซินไม่เชื่อนาง ตอนที่เขากลับเข้ามาพบนางหน้าแดงก่ำเอียงอาย นัยน์ตาสีอำพันหลุบมองตามริมฝีปากหนาหยักได้รูปอย่างตั้งใจทีเดียว

"พวกปีศาจ... เปี่ยมไปด้วยราคะตัณหา ความโลภหลงมัวเมา กามารมณ์เป็นกมลสันดานของพวกเจ้า มิอาจกล่อมเกลาให้ดีได้สักตน ใช่อยู่... ข้าไม่พอใจ แต่เจ้าจะเสพสังวาสกับตนไหน ต้องไม่ใช่ในนครมรณา ไม่ใช่กับร่างจำแลงข้า"

"ข้าจะไปรู้ลึกซึ้งถึงจิตใจร่างปลอมท่านได้ยังไง ท่านน่ะเป็นเทพแท้ ๆ ไยสร้างเวทลวงตาล่อลวงปีศาจ เล่ห์เหลี่ยมมารยา ยังจะโยนความผิดให้ข้า!"

"เป็นเรื่องสมควรที่จะผนึกตำราเล่มนี้ไว้สักระยะ"

สิ้นคำประกาศิต เงื้อมมือมัจจุราชดึงตำราสีชาดไป

ถิงถิงนึกหวาดกลัวเทพมรณายามเกรี้ยวกราดนัก เขาพูดจานิ่งเงียบไร้อารมณ์ ตรงกันข้ามนัยน์ตาสีชาดราวใบมีดคม ทิ่มแทงหัวใจนาง

 

คืนวานนี้ปีกผีเสื้อโบยบินกลับไปคร่ำครวญบนฟูก หลังได้สติกลับคืน นางวิ่งไปตรงระเบียงเรือน แหงนหน้ามองท้องนภามืดเงียบเต็มไปด้วยดวงตายมทูต อักขระประหลาดวาดด้วยพู่กัน เพียงชั่วพริบตาก็หายไป

'นีเทียนต้าเซิน'

'ทัณฑ์ที่ 1'

เสียงประกาศโทษออกมาอย่างคั่งแค้น เป็นเสียงลอกเลียนเจ้านครมรณา

นีเทียนต้าได้รับโทษหนึ่งประการจากการตัดสินของตำราสีชาด

ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงทัณฑ์ที่ว่าคืออะไร ตำราเล่มนี้ซุกซ่อนความลับเอาไว้มากจนเกินไป

ถิงถิงเข้าใจภาษายมทูตนับตั้งแต่นางมาอยู่เมืองนี้วันแรก ๆ ช่างเป็นเรื่องไร้เหตุและผล ในเมื่อพวกเขาสื่อสารกับนางด้วยภาษาเทพ เรื่องนี้เป็นความลับส่วนตัวของนาง มิได้แพร่งพราย นางแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจที่ยมทูตสนทนากัน เอื้อประโยชน์กับการเก็บข้อมูลในเมืองมรณา

พลังหยินหยางของเจ้านครถูกทำลายลงในชั่วพริบตาด้วยแสงโลหิตสาดจ้า ท่านลุงแย่งกันพูดจา เตือนสตินีเทียนต้าเซินว่าไม่ควรใช้พลังโดยเปล่าประโยชน์ ตำราสีชาดเป็นตำราที่มีพลังมากกว่านครมรณาและแดนปรภูมิรวมเข้าด้วยกันเสียอีก มันแข็งแกร่งกว่าตำราทุกเล่ม ต่อให้เป็นท่านอาจารย์ของเขาผู้ดูแลนครมรณามาถึงห้าแสนปียังมิอาจต่อกร ไม่เคยมีเทพมรณาจะวิวาทกับตำราเพื่อผนึกมันเอาไว้ด้วย

เหล่ายมทูตเอ่ยถึงอีกสองเทพมรณา ฮุ่ยเหอต้าเซิน[1] เยว่ชิงต้าเซิน[2] ในร่างกระดูกอันน่ากลัว นัยน์ตาสีชาดทั้งสามคู่เพ่งมองมายังนาง ก่อนที่ทั่วทั้งเรือนจะถูกปกคลุมด้วยเวทหยิน นางจึงไม่รับรู้สิ่งใดอีก

"เจ้าเองก็มีโทษ จำไว้ว่าข้าไม่ไว้หน้าผู้ใด มีเพียงท่านลุงเท่านั้น เป็นข้อยกเว้นของข้า" น้ำเสียงเคร่งขรึมของเจ้านครมรณา ไม่ต่างจากวันแรกที่นางมาพำนักอาศัย นางละทิ้งความโกรธกลัวของนาง คงเหลือเพียงความสิ้นหวัง

"ดี... เสร็จงานของข้าเมื่อไร ข้าจะรีบตายไปเป็นยมทูต ข้าจะเป็นท่านลุง..."

ฝันไปเถอะ!

นีเทียนต้าเซินหัวเราะในลำคออย่างเย้ยหยัน แทนที่จะลั่นวาจาเด็ดขาด ไม่มีทางรับดวงวิญญาณนางมาเป็นยมทูต ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้

ลิขิตชะตา เป็นเรื่องเหนืออำนาจการควบคุม... ในภพชาติหน้าของนางจะเป็นอะไรก็หาได้รู้ไม่

นัยน์ตาสีชาดยังคงเพ่งมองท่าทีโอหัง หวังให้นางศิโรราบ เขายืนเอามือไพล่หลังข้างฟูกนาง

"ลุกขึ้นมาทำงานของเจ้า ไหวหรือไม่?"

"ข้าไม่ทำงานให้ท่านแล้ว ข้าจะไป... จากที่นี่"

"เจ้าแน่ใจ?"

"เจ้าค่ะ ท่านและข้า ขออย่าได้พบกันอีกเลย หากมิใช่ในปรภูมิ หวังว่าท่านจะไม่ลืมที่ลั่นวาจาเอาไว้ว่าข้าเปลี่ยนใจได้ทุกเมื่อ ข้าลาเจ้าค่ะ"

สีหน้าของผู้ขลาดกลัวบัดนี้เป็นคนละคน นางไม่อ่อนน้อมยอมตามอีกต่อไป 

นีเทียนต้าเซินเบิกเนตรสีชาด หวังให้นางเปลี่ยนคำพูดของนาง กลับพบเพียงลูกแก้วอำพันเปี่ยมล้นหยดน้ำ นางร่ำไห้โศกศัลย์ บริภาษเทพใจดำ ยืนกรานว่านางจะกลับไปเรือนใต้ นางจะไม่สู้กับตำรานั่น เขาถอนหายใจตอบ

"ได้"

 

[1] 惠河大神

[2] 月星大神

Next chapter