webnovel

จักรกล พิพากษา

Author: Pomalonia
สมัยใหม่
Ongoing · 3K Views
  • 2 Chs
    Content
  • ratings
  • N/A
    SUPPORT
Synopsis

ในยุคที่ประชาชนหมดหวัง ไม่ไว้ใจ และเสื่อมศรัทธาต่ออำนาจตุลาการ ความยุติธรรมที่เกิดในสังคมถูกตั้งคำถาม ผู้พิพากษาซึ่งสาบานต้นว่าจะใช้กฎหมายเพื่อผดุงความยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม กลับทำตนเป็นผู้ร้ายซะเอง เมื่อไม่สามารถพึ่งอำนาจตุลาการแบบเดิมได้อีกต่อไป ประชาชนจึงต้องคิดค้นระบบตุลาการแบบใหม่เพื่อให้ศรัทธาของกฎหมายเกิดขึ้นมาอีกครั้ง จะเกิดอะไรขึ้นหากเทคโนโลยีเอไอถูกทำให้ต้องมาตัดสินกฎหมายแทนที่ผู้พิพากษาที่เป็นมนุษย์

Chapter 1สารตั้งต้น

"คุณวาซิลคะ สวัสดีครับคุณวาซิล คุณวาซิล" เสียงนักข่าวที่กำลังรอสัมภาษณ์นายวาซิล นักธุรกิจค้าทองคำ ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีจ้างวานฆาตรกรรมนายโปย่าเจ้าของผับดังในเมือง รวมถึงพนักงานในร้านอีกหนึ่งราย

วาซิลที่กำลังเดินไปศาลอย่างช้าๆ โดยมีนักข่าวกลุ่มนึงที่กำลังล้อมสัมภาษณ์วาซิลอยู่

"จริงไหมคะที่คุณวาซิล มีส่วนได้ส่วนเสียกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับคุณโปย่าน่ะค่ะ" นักข่าวรายหนึ่งที่กำลังสัมภาษณ์วาซิล

"จริงๆแล้วผมแทบไม่รู้จักกับคุณโปย่าเป็นการส่วนตัวเลย ผมจะไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจของเขาได้อย่างไร ฮ่าๆๆๆ" วาซิลตอบนักข่าวด้วยท่าทางและคำพูดที่่มั่นใจ

"ขอโทษครับ ขอโทษนะครับ คุณวาซิลกำลงรีบครับ หลีกทางให้คุณวาซิลหน่อยครับ" ลูกน้องของวาซิลที่กำลังกั้นนักข่าว เพื่อให้วาซิลรีบเดินไปยังศาล

"คดีฆาตรกรรมนายโปย่าเป็นที่สนใจต่อประชาชนในเมืองเป็นอย่างมาก โดยนายโปย่าถือเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลในเมืองโฟลเอ็มแห่งนี้ รวมถึงเป็นที่รักและศรัทธาของผู้คนในเมืองเป็นอย่างมาก

การพิจารณาคดีฆาตรกรรมนายโปย่าโดยที่นายวาซิลถูกต้องสงสัยว่าเป็นผู้จ้างวานฆ่าในศาลครั้งนี้ไม่เป็นที่เปิดเผยต่อสาธารณะชน อย่างไรก็ตาม หากมีความคืบหน้าอื่นๆ ดิฉันจะรายงานให้ทราบในครั้งต่อไปค่ะ" เสียงบรรยายของนักข่าวที่กำลังรายงานข่าวสดในคดีฆาตรกรรมนายโปย่า

ณ ศาลยุติธรรม

"จริงหรือไม่ ก่อนหน้าที่คุณโปย่าจะเสียชีวิต คุณวาซิลได้รับประทานอาหารกับคุณโปย่าที่โรงแรมมารีน่า" ทนายฝ่ายครอบครัวโปย่าเป็นผู้ซักถามพยาน

"อ๋อ... วันนั้นเหรอครับ ใช่ครับ ผมนั่งทานข้าวโต๊ะเดียวกับคุณโปย่า ซึ่งผมและคุณโปย่าถูกเชิญให้มางานเลี้ยงระดมทุนของพรรคประชาธิปไตยเบ็ดเสร็จ ที่โรงแรมมารีน่า" วาซิลตอบทนายฝ่ายครอบครัวโปย่า

"หลังจากงานเลี้ยงระดมทุนของพรรคประชาธิปไตยเบ็ดเสร็จเสร็จสิ้น คุณได้นั่งคุยกับคุณโปย่าต่อใช่หรือไม่" ทนายฝ่ายครอบครัวโปย่าถามวาซิลอีกครั้ง

"เราก็ทักทายพูดคุยกันนิดหน่อย ไม่ถึงสองนาที ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับ" วาซิลตอบทนายฝ่ายครอบครัวโปย่า

"ถ้างั้นคลิปเสียงต่อไปนี้ อาจยืนยันว่าคุณได้คุยกับคุณโปย่าเกินสองนาทีแน่ๆ ขอเบิกหลักฐานคลิปเสียงด้วยครับ" ทนายฝ่ายครอบครัวโปย่าเบิกหลักฐานคลิปเสียง

"โปย่า... งานเลี้ยงก็เลิกแล้วนะ คุณตัดสินใจได้หรือยังว่า คุณจะขายกิจการธุรกิจเหมืองพลอยให้ผมหรือเปล่า หากคุณไม่ขาย คุณรู้ดีนะว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมสามารถยืดทุกอย่างที่เป็นของคุณโดยที่ผมไม่ต้องขอคุณก็ได้ ถือว่าผมให้เกียรติคุณแล้วนะ" เสียงที่ต้องสงสัยว่าวาซิลเป็นผู้พูด

"วาซิล.... ผมขอคิดดูอีกทีละกันนะ ขอเวลาให้ผมหน่อย หรือคุณจะเอาผับของผมไปเลยก็ได้นะ ผมว่าอย่างน้อยๆปีหนึ่งผับของผมก็สามารถทำกำไรให้กับคุณได้มากเท่ากับหนึ่งในห้าของหนี้ที่ผมติดคุณเลยนะ" เสียงที่ต้องสงสัยว่าโปย่าเป็นผู้พูด

หลังจากที่ได้มีการพิจารณาคดีอยู่สักพักใหญ่ๆ การพิจารณาก็ได้เสร็จสิ้นลง ฝ่ายทนายครอบครัวโปย่าเดินออกมายังหน้าศาลยุติธรรมเพื่อให้สัมภาษณ์กับนักข่าวที่อยู่รอติดตามสถานการณ์พิจารณาคดีฆาตรกรรมนายโปย่า

"วันนี้ถือเป็นความพ่ายแพ้อีกวันหนึ่งของความยุติธรรมในสังคม เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าความยุติธรรมที่เราเหล่านิติกรผู้ซึ่งทำหน้าที่ศึกษาและใช้ รวมถึงอยู่ใต้กฎหมายนั้น ไม่สามารถใช้ความรู้ความสามารถทางด้านกฎหมาย มาสู้และต้านสิ่งที่เรียกว่าความอยุติธรรมได้เลย" ทนายฝ่ายครอบครัวโปย่าแถลงการณ์ให้สัมภาษณ์

หลังจากฝ่ายทนายครอบครัวโปย่าแถลงการณ์ให้สัมภาษณ์จบ วาซิลได้เดินออกจากศาลด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และขึ้นรถเดินออกจากพื้นที่บริเวณศาลยุติธรรมพร้อมกับนักข่าวที่เดินตามวาซิลเพื่อขอสัมภาษณ์

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ประชาชนในเมืองโฟลเอ็มตั้งคำถามกับเหตุการณ์ครั้งนี้ว่าเหตุใดศาลไม่เปิดพิจารณาคดีเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ทำให้ศาลยุติธรรมของเมืองนี้เกิดข้อครหามากมาย เช่น เจ้าหน้าที่ศาลหลายคนรับเงินจากวาซิล เพื่อไม่ให้วาซิลถูกดำเนินคดี

มีการพบเห็นผู้พิพากษารับประทานอาหารกับวาซิล และมีคนพบลูกน้องคนสนิทของวาซิลอยู่บ้านพนักงานที่ทำงานในผับของโปย่า เป็นต้น

ความไม่เชื่อมั่นในระบบความยุติธรรมของเมืองโฟลเอ็ม ทำให้ประชาชนเริ่มมีการประท้วงอยู่เนืองๆ เกิดการจลาจลในหลายๆครั้ง เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อระบบความยุติธรรมในเมือง จนในที่สุดประชาชนเริ่มระดมกำลังสมองคิดค้นระบบความยุติธรรมแบบใหม่ที่พวกเขาสามารถเชื่อใจและไว้ใจได้ ซื่อสัตย์ ไม่มีอารมณ์และความรู้สึกใดๆที่มามีผลกระทบต่อการพิจารณาคดีในแต่ละครั้งได้

แปดปีต่อมา ณ บ้านพักตากอากาศติดทะเลใกล้เมืองโฟลเอ็ม

"คงถึงเวลาแล้วที่ไซเลมระบบที่เราศึกษาวิจัยมานานจะได้เป็นที่เปิดเผยต่อสาธารณะชน แปดปีที่รอคอย สังคมจะได้รู้จักกับคำว่าความยุติธรรมที่แท้จริงสักที" วิศวกรคอมพิวเตอร์นิรนามพูดขณะกำลังจ้องมองจอคอมพิวเตอร์

You May Also Like

HATE YOU : ยิ่งเกลียดเธอก็ยิ่งรักเธอ

"จดหมายนี่น่ะ ของเธอใช่ไหม?" เด็กหนุ่มมัธยมปลายหน้าตาดีชูซองจดหมายสีชมพูต่อหน้าคนส่งจดหมายและ...ผู้คนทั้งโรงเรียน "อื้อ ของเราเอง..." เด็กสาวตัวอ้วน ผิวดำ หน้าตาไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเลยแม้แต่น้อยตอบด้วยความขัดเขิน เขารู้ได้ยังไงว่าเป็นเธอ? ยิ่งต่อหน้าทุกคนแบบนี้ยิ่งประหม่าเป็นที่สุด แคว้ก!! เด็กหนุ่มฉีกซองจดหมายทิ้งพร้อมเหยียดยิ้มให้แก่เธอ เขาเดินไปจับมือเด็กสาวที่มีใบหน้าตาสวยงาม น่ารัก มายืนข้าง ๆ ทำให้เจ้าของจดหมายรู้สึกเจ็บแปลบในใจ คนรอบข้างต่างพากันหัวเราะเย้ยหยันเธอราวกับว่าตัวเธอนั้นเป็นตัวอะไรสักอย่างที่น่ารังเกียจของสังคม "ขอบใจที่รู้สึกดีกับฉันนะ แต่อย่างที่เห็นว่าฉันมีแฟนแล้ว...ถึงไม่มีฉันก็ไม่เลือกเธอหรอก ไปศัลยกรรมมาให้เรียบร้อยก่อนไป้! แล้วค่อยมาส่งจดหมายรักมาอีก จะว่าไปก็สงสารหมอว่ะ! ฮ่าๆ อาจจะทำงานหนักก็ได้กว่าจะทำให้ผีอย่างเธอมาเป็นคน" เด็กหนุ่มคนนั้นพูดจาไม่รู้ถึงจิตใจของอีกฝ่ายว่าจะเจ็บปวดสักเพียงไหน เด็กสาวตัวอ้วนมองเขาแล้วก็น้ำตาไหลออกมา...เพื่อนๆของเธอเดินฝ่าฝูงชนเข้ามาปลอบใจแล้วต่อว่าคนตรงหน้า ช่างใจร้ายเหลือเกิน... "จะด่าจะว่าอะไรฉันก็ช่าง แต่คนที่ไม่เจียมสารรูปแบบยัยอัปลักษณ์นี่น่ะแม่งน่าขำว่ะ นี่ๆ ก่อนจะไปหาหมอศัลยกรรมน่ะ ลดน้ำหนักลงให้ได้สักกิโลก่อนเถอะ ฮ่าๆ" ใครๆก็ชอบคนสวยคนหล่อด้วยกันทั้งนั้น เด็กสาวตัวอ้วนก็เช่นกัน.. เธอได้แต่มองผู้คนที่หัวเราะเยาะเธอด้วยความเจ็บปวดในใจ ในเมื่อคนบนโลกนี้ต่างให้หน้าตาเป็นตัวชี้วัดในหลายๆสิ่ง นี่คือสิ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตของเธอ เด็กสาวตัดสินใจขอทางบ้านลาออกจากโรงเรียนและย้ายไปเรียนที่อเมริกาโดยติดต่อแค่กลุ่มเพื่อนสนิทที่จริงใจต่อเธอเพียงเท่านั้น ความผิดหวังและการถูกดูหมิ่นจากคนที่เธอแอบปลื้มมานานนั้นสร้างรอยแผลเอาไว้ในใจจนลึกยากที่จะรักษาให้หาย เธอตั้งมั่นไว้ไม่ว่าชายใดบนโลกนี้จะแสนดีหรือรูปหล่อปานเทพบุตรมาจุติ...ก็อย่าได้หวังว่าจะได้ตัวและหัวใจของเธอไปครอบครอง

Thunyarat_Si · สมัยใหม่
Not enough ratings
1 Chs

กักขัง Lock you

“มึงจำฟ้าได้ไหม” ภีมเบิกตากว้าง ชื่อนี้ทำเขาแทบสติหลุด พี่ฟ้า พี่ที่คณะ เขาเจอตอนมารับน้องครั้งแรก ภีมถูกใจพี่ฟ้ามาก จนวันที่รับน้องวันสุดท้ายเขากับเพื่อนวางแผนมอมเหล้าพี่ฟ้า และมีอะไรกันหลังจากนั้น เขาคิดว่ามันจะจบ แต่พี่ฟ้ากลับไม่จบ หลังจากนั้นไม่นาน เขาจึงได้รู้ข่าวว่าพี่ฟ้าฆ่าตัวตาย ภีมตกใจและเสียใจ การฆ่าตัวตายของพี่ฟ้า จึงเหมือนเป็นตราบาปมาให้เขาจนถึงทุกวันนี้ “มึงกล้ามากนะที่สวมเขาให้กู มึงกล้ามากที่ทำฟ้าตาย” ภีมตกใจที่ได้ยินเสือพูด เขาจับมือเสือที่จิกหัวเขาไว้แน่นเพราะความเจ็บปวด “มึง…กับพี่ฟ้า?!” “เอากับแฟนเขา แต่ไม่รู้จักผัวเขา ไอ้เลวระยำ” เสือจับหัวของภีมกระแทกไปกับกำแพงจนเลือดไหลลงมาข้างขมับ “โอ้ย! เหี้ยเอ้ย” ภีมทั้งเจ็บทั้งจุก เขาไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไป ต้องขอโทษ ต้องปฏิเสธ หรืออะไร สมองตีรวนไปหมด “กูอยากจะรู้ว่ามึงเอามันแค่ไหน ทำไมฟ้าถึงได้ติดใจมึงนัก” “มึง…อย่านะ!” คำเตือน  นิยายเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องสมมุติ มีเนื้อหาและความรุนแรงไม่เหมาะสมกับเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน กรุณาอ่านเพื่อความบัันเทิงห้ามลอกเลียนแบบ ถ้าใครชอบ ช่วยอุดหนุนกันด้วยนะคะ คนเขียนจะพยายามปรับปรุงเลยเขียนให้ดีีที่สุดค่ะ ขอบคุณสำหรับการติดตาม และสนับสนุน

Saralyman27 · สมัยใหม่
Not enough ratings
22 Chs