มีเสียงกลอง ระฆัง มโหรีบรรเลงขึ้นจากพระราชวังอย่างยิ่งใหญ่ ทั่วทั้งเมืองพิษณุโลกเต็มไปด้วยเสียงดนตรี บรรดาเรือฝะรังคีต่างยิงสลุต ส่วนบรรดาวาณิชต้าหมิงต่างจุดพลุกับประทัด ชาวเมืองสองแควที่ได้ยินต่างก็คุกเข่าลงแล้วตะโกนสรรเสริญ บางคนก็พนมมือเหนือศีรษะเปร่งคำยินดีทั่วกัน
ชายชราวัยหกสิบร่างสันทัดซึ่งกำลังให้อาหารสัตว์เลี้ยงได้ยินเสียงครื้นเครง เจ้าตัวรีบปลอบสัตว์ต้อนเข้าคอก หลังสังเกตที่มาของเสียงดังรอยยิ้มพลันปรากฏขึ้น เจ้าตัวพนมมือขึ้นสูงขณะที่ยืนอยู่
"โอรสเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินประสูติกาลอีกแล้วซิหนา" พูดจบเขาก็เดินกลับเข้าไปในเรือนใหญ่ บรรดาไพร่ทาสต่างตรงมาหา
"คุณท่านขอรับ มีวาณิชต้าหมิงผู้หนึ่งแจ้งว่ามาขอพบคุณท่านขอรับ" บ่าวหนุ่มผู้หนึ่งรายงาน
ชายชราคนเดิมสวมใส่เสื้อลำลองก่อนถามบ่าว "ผู้ใดรึ ได้แจ้งชื่อเอ็งไว้หรือไม่"
"ขอรับ เขาแจ้งเป็นชื่อไว้ว่าหลินต้าวขอรับ"
หลินต้าว ชายชราพึมพำนามของวาณิชครู่หนึ่งก่อนจะนึกออก จึงบอกบริวารตนให้แจ้งแขกรั้งรอพร้อมไปรับรองให้พร้อมสรรพ ส่วนตัวก็ไปอาบน้ำปะแป้งเปลี่ยนชุดอย่างดีมาเข้าพบ หลินต้าวรออย่างสงบเสงี่ยม ดื่มชาจีนชั้นดีที่ถูกตระเตรียมมาให้ไปพลางฟังเสียงเพลงกวีร้องขานมาตามสายลม เสพสุขความสุนทรีย์กระทั่งเจ้าบ้านได้เดินมาหา หลินต้าวจึงลุกขึ้นแล้วประสานมือคารวะ
"หลินต้าว ขอคารวะท่านขุนราชองครักษ์"
"พ่อค้าหลิน มิได้พบหน้ากันนานเชียวหนา นั่งเถิด นั่ง..." พอนั่งลงตรงชานเรือนรับรองใกล้สวนหย่อมริมน้ำ ชายชราเจ้าบ้านก็ยิ้มแย้มอ่อนโยนแล้วเอ่ยต่อ "ลมอันใดหอบพ่อมาถึงสองแควได้เล่า ยินว่าจะเที่ยวโพ้นสำเภาไปทั่วใต้หล้ามิใช่หรือ?" กล่าวไปพลางรินชาให้คู่สนทนา
"ข้าน้อยอยู่ในช่วงหาที่พักปักหลักปักฐานอยู่หนะขอรับท่านขุน" หลินต้าวรับชาจากผู้ใหญ่ซึ่งเขาให้การนับถือ นายสำเภามอบของกำนัลมีค่าชุดหนึ่งแก่เจ้าบ้าน ก่อนโค้งอย่างอ่อนน้อม
พอเห็นกริยาวาจาคู่สนทนา ชายชราก็รับรู้ได้ด้วยวัยที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก จึงพูดด้วยเสียงขบขัน
"ถ้าพ่อจะมาพิงใบบุญข้าล่ะก็อย่าเลย พ่อหลิน ตอนนี้ข้ามิได้เป็นขุนนางในวังแล้วหนา ข้าเกษียณอยู่เรือนสมถะไปตามเรื่องแล้ว" ผู้เฒ่าดื่มชาจิบหนึ่ง วางแล้วพนมมือขึ้นไหว้เหนือศีรษะ "ลูกข้าหลานข้าหรอก ที่บัดนี้รับใช้พระมหาธรรมราชาแลองค์ดำพระโอรส[1] ในวังจันทร์ หากเจ้าต้องการที่พักพิง ก็จงไปพิอบพิเทาทางนั้นเถิด อย่ามาเสียเวลากับผู้เฒ่าผู้แก่ผู้นี้เลยหนา" พูดจบเขาก็ดันของกำนัลคืนกลับไปหาฝ่ายที่มอบ
หลินต้าวนึกเฉลียวใจอยู่แล้วว่าความต้องเป็นเช่นนี้เมื่อพบผู้เฒ่าที่บ้านมิใช่ในวัง บุรุษตรงหน้าตนถึงจะชราแต่ก็เคยเป็นถึงทหารสังกัดตำรวจหลวง แลเป็นองครักษ์ฝีมือฉกาจล้ำ ขยัน เฉลียวฉลาดทันคน อดีตเคยติดตามเจ้านายผู้ครั้งหนึ่งเคยเป็นขุนตำรวจในอยุธยา จนมาบัดนี้เจ้านายผู้นั้นก็ได้รับสถาปนาเป็นพระเจ้าธรรมราชา ปกครองเมืองอันโอฬาร
ครั้นหลินต้าวทราบว่าอำนาจถ่ายโอนไปยังรุ่นบุตรรุ่นหลาน วาณิชหนุ่มก็วางหมากในขั้นต่อไปทันที แต่ไม่วายพูดกับผู้เฒ่าอย่างปรกติวิสัย
"ถือเป็นน้ำใจจากสหายต่างแดนขอรับท่านขุน แลหลินต้าวซื่อสัตย์กตัญญูต่อผู้หลักผู้ใหญ่เสมอ ไม่เคยแปรเปลี่ยน..."
วาณิชพูดเชิงประจบเอาใจซึ่งหน้า ท่านขุนที่เถรตรงรู้ดีก็หัวเราะ ครั้นหลินต้าวเห็นท่านขุนผู้เฒ่าอารมณ์ดีจึงเอ่ยต่อ
"อันที่จริงเดิมข้าเที่ยวไปเที่ยวมาย่านเมืองท่า ที่ข้ามาในวันนี้เพราะกิจธุระบ้านเกิด พอกลับก็แวะมาพบท่านไปในที"