พื้นฟุตบาทถูกสร้างขึ้นจากการนำอิฐบล็อกมาเรียงต่อกันอย่างเป็นระเบียบสวยงามเกิดเป็นทางเท้าอำนวยความสะดวกไว้ให้ผู้คนเดินไปมา อิฐบล็อกแต่ละก้อนมีพื้นผิวขรุขระไม่เรียบเสมอกันทั้งก้อน บ้างก็มีรอยแตกรอยร้าวสลับกับหลุมเล็ก ๆ ที่เกิดจากการเสียดสีของเม็ดหินเม็ดทราย ไหนจะน้ำหนักของผู้คนที่เดินเหยียบย้ำซ้ำไปซ้ำมา พอมองใกล้ ๆ ถึงได้รู้ว่ามันมีลักษณะเป็นแบบนี้เอง...
น่าสนใจจริง ๆ ราวกับชั่วอึดใจหนึ่งของคนคนนี้ได้ศึกษาเรียนรู้ลักษณะทางกายภาพของพื้นฟุตบาทอย่างจริงจัง ทั้งที่ไม่เคยนึกสังเกต หรือมองว่ามันเป็นเรื่องน่าสนใจมาก่อน ถ้าไม่ใช่เพราะหน้าสวย ๆ ของเธอกำลังล้มคะมำหน้าทิ่มอยู่บนพื้นตรงป้ายรถเมล์ในเช้าวันจันทร์สุดแสนว้าวุ่น
ทำไมนะเหรอ... เพราะความรีบเร่ง ซุ่มซ่าม ไม่ระวังนะสิ เธอถึงได้สะดุดขาตัวเองระหว่างก้าวเท้าลงจากบันไดรถเมล์อยู่ในท่าน้องหมา ช่างเป็นการขึ้นรถเมล์ในรอบ 3 ปีที่น่าจดจำ
เป็นภาพน่าดูชมเสียจริง ๆ คล้ายฝน
เอกสารต่าง ๆ ปลิวว่อนกระจัดกระจายเต็มพื้น ผู้คนมุงดูไร้วี่แววคนมีน้ำใจคิดเข้าช่วยเหลือ อาจเป็นเพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนไม่มีใครได้ทันตั้งตัวถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนเจ้าคนซุ่มซ่ามที่ใช้ทั้งมือและเข่ารับแรงกระแทกรู้สึกเจ็บแสบจากรอยถลอกฟกช้ำ จนแผลซิบเลือดค่อย ๆ ปรากฏขึ้นเด่นชัดบนผิวขาวผ่องเสมอกันทั้งตัวไม่ต่างอะไรจากผิวเด็กเนียนนุ่มอมชมพู ถ้าลองได้สัมผัสความนุ่มเด้งของเรือนร่างนี้สักครั้ง คุณจะติดใจ
...แต่ต้องไม่ใช่เวลานี้!
เจ้าพื้นฟุตบาทตัวดีช่างกล้าทำให้ผิวสวย ๆ ของเธอต้องเป็นแผล รู้ไหมว่าเธอคนนี้เป็นใคร เฮอะ...อย่างนี้สินะที่เขาเรียกว่า พลาน
สถานการณ์เลวร้ายพวกนี้ มันไม่ควรเกิดขึ้นกับชีวิตแสนสงบของ'คับฟ้า' ถ้าไม่ใช่เพราะ...
"…"
"กางเกงในสีชมพูรูปลิงกินกล้วยเชย ๆ…มันโผล่อยู่นะ"
น้ำเสียงทุ้มเข้มฟังดูสบายหูของบุคคลปริศนาจากทางด้านหลังเอื้องเอ่ย เรียกสติคับฟ้าให้กลับมาจดจ่ออยู่กับปัจจุบัน หลังตกอยู่ในสภาวะตกใจทำอะไรไม่ถูก
เฮือก
ใช่…ทุกอย่างเป็นเพราะยัยน้องสาวตัวดี
...คล้ายฝน...
เรื่องราวทั้งหมดต้องย้อนกลับไปไม่กี่ชั่วโมงก่อน ตอนเช้าตรู่ที่ไร้วี่แววของแสงตะวันขึ้นส่องริมขอบฟ้า มีเพียงเสียงไก่ขันดังแข่งกันเป็นการสังสัญญาณ…ในระหว่างที่ผู้ชายหน้าหวานวัย 32 ปีแต่หน้าตาเหมือนเด็กอายุสิบแปด ชื่อว่า คับฟ้า กำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงในห้องนอนแอร์เย็นฉ่ำ 18 องศาเซลเซียส กระทั่ง…
ปัง!
เสียงเปิดประตูไร้มารยาทดังกระแทกฝาผนังพร้อมกับร่างใครคนหนึ่งถือวิสาสะเข้ามาในห้องนอน ทั้งยังเปิดไฟสว่างจ้าทั่วห้องมองคนนอนหลับด้วยสีหน้าตาลีตาเหลือก สองมือไม่ว่างเปล่ารีบวางเสื้อผ้าและอุปกรณ์แต่งหน้าไว้บนโต๊ะ พุ่งตรงไปที่เป้าหมาย
"คับฟ้า ตื่น!"
มือเล็ก ๆ เอื้อมเขย่าร่างคนโตกว่าพร้อมกับดึงผ้าห่มทิ้งไว้ปลายเตียง
"อืมม อะไร...คล้ายฝน..."
คนถูกปลุกท่าทางสะลึมสะลือกดเปลือกตาปิดสนิทไม่พร้อมลืมตาปรับรับแสงไฟพลิกตัวนอนคว่ำหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำกว่าปกติ อู้อี้ในลำคอไม่พอใจ เมื่อถูกก่อกวนการนอนทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาตื่นตามปกติ
"ตื่น ตื่น ตื่น คับฟ้า เกิดเรื่องแล้ว!"
มือเล็ก ๆ ทำหน้าที่เขย่าตัวพี่ชายให้รู้สึกตัวแต่เหมือนจะไม่ค่อยได้ผลกับคนขี้เซา
"..."
"คับฟ้า ตื่นเดี๋ยวนี้นะ"
พรึ่บ!
ตุบ!
"โอ๊ย!"
แรงกระชากของคล้ายฝนในคราวเดียวดึงร่างคับฟ้าหล่นตกเตียงจนต้องร้องอุทานเสียงหลงด้วยความรู้สึกเจ็บจากแรงตกกระทบ เป็นผลทำให้ผู้ชายคนเดียวของบ้านรู้สึกตัวตื่นเต็มตา แหงนหน้ามองน้องสาวตัวเองที่ไม่รู้จักกิริยามารยาทยืนค้ำหัวคนอายุมากกว่าที่อยู่ในสภาพหัวทิ่มตีลังกา ช่วงขาเรียวยาวที่บ่งบอกถึงความสูงและกล้ามเนื้อรูปทรงสวยทั้งสองข้างเป็นผลจากการออกกำลังกายทุกวันชี้ขึ้นเพดาน ส่วนช่วงลำตัวโปร่งด้านบนนอนนิ่งกับพื้นห้อง ด้วยบุญบารมีของแรงโน้มถ่วงของโลกทำให้ชายเสื้อชุดนอนของคนตัวสูงในระดับความสูงสากลของผู้ชายตกลงกองรวมกันที่หน้าอกเผยมวลกล้ามเนื้อเล็ก ๆ พอเป็นลอนคลื่นสีขาวจั๊วะ ปรากฏต่อสายตาน้องสาว ช่างเป็นบุญตาเสียจริง
"คล้ายฝน เธอทำแบบนี้กับพี่ได้ยังไง"
"ก็คับฟ้าไม่ยอมตื่น"
คำพูดคำจาของน้องสาวสุดที่รักดูจะไม่สำนึกถึงความผิดที่กระทำลงไป
คับฟ้า ค่อย ๆ ลุกขึ้นจัดท่าทาง ทิ้งน้ำหนักลงบนเตียงมองหน้าคล้ายฝนในชุดนอนสีชมพูลายฮัลโหลคิตตี้เชิงตำหนิที่ถือวิสาสะเข้ามาในห้องโดยไม่ได้รับอนุญาตแถมยังทำกิริยาไม่น่ารัก ลากพี่ชายที่อายุห่างกันตั้ง 10 ปีตกเตียงหัวทิ่ม
เขายังจ้องหน้าน้องสาวอยู่อย่างนั้นหวังให้เจ้าตัวเอ่ยคำขอโทษ แต่ดูแล้วเจ้าตัวไม่รู้สึกผิดหรือสำนึกสักนิด มันเป็นผลจากตอนเด็ก ๆ ที่พี่ชายคนนี้เลี้ยงดูน้องสาวตามใจเกินเหตุ
คับฟ้ากับคล้ายฝน เราสองพี่น้องท้องเดียวกันอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ จนเรียกได้ว่าแทบทุกช่วงเวลาสองพี่น้องคู่นี้จับมือเคียงข้างกันตลอด โดยเฉพาะในตอนที่พ่อกับแม่ต้องออกไปทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว คับฟ้านี่แหละที่เป็นคนคอยดูแลเป็นทั้งเพื่อนเล่น พี่ และพ่อแม่ให้คล้ายฝนในเวลาเดียวกัน เธอเลยจะค่อนข้างตัวติดคับฟ้ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร พอมีปัญหามักวิ่งเข้ามาขอให้คับฟ้าช่วยคนแรกเสมอ ทั้งสองเกิดในครอบครัวฐานะปานกลางที่เสาหลักสองคนของบ้านต้องทำงานหาเงินจนไม่ค่อยมีเวลาให้กับครอบครัว แต่ถึงอย่างนั้นครอบครัวของพวกเขาก็ยังอบอุ่นมีความสุขดี เพราะทุกคนเข้าใจเหตุและผลของกันและกัน
เฮ้อ
คับฟ้าถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ ถึงคราวที่คับฟ้าต้องตักเตือนคล้ายฝนอย่างจริงจังสักที แต่ก่อนอื่นต้องฟังสิ่งที่เด็กคนนี้พูดเสียก่อน...
"ว่าไง คราวนี้มีเรื่องอะไรอีกล่ะ"
"คับฟ้าไปมหาวิทยาลัยแทนคล้ายฝนหน่อยสิ" คล้ายฝนลุกลี้ลุกลนหลุบตาต่ำไม่กล้าสบตา
"ห๊ะ ทำไม"
"คือ คล้ายฝนรับงานถ่ายแบบซ้อนทับกับเวลาเรียน แล้วงานนี้เป็นงานสำคัญที่ยกเลิกไม่ได้..." น้ำเสียงจากที่หนักแน่นในช่วงประโยคแรกค่อย ๆ ผ่อนลงราวเสียงกระซิบในช่วงท้ายประโยค
"แล้ว"
"คล้ายฝน อยากให้คับฟ้าไปมอแทนคล้ายฝน"
"พี่มีงานประจำนะ ไม่ได้เป็นคนว่างงานที่มีเวลามากพอจะทำเรื่องแบบนั้น"
"คับฟ้าก็ลางานสิ แค่วันเดียวเองบริษัทคงไม่ขาดทุนหรอก อีกอย่างคับฟ้าก็เป็นพนักงานดีเด่นอยู่แล้ว เจ้านายไม่ว่าหรอก นะ ช่วยคล้ายฝนหน่อยนะ"
...คับฟ้ามองหน้าน้องสาวสุดแสนเอาแต่ใจ พูดง่าย ๆ ถึงสิ่งที่จะให้เขาทำ คิดว่างานที่คับฟ้าทำเป็นฟรีแลนซ์รึไงที่คิดจะพักก็พัก คิดจะทำก็ทำ คิดจะหยุดก็หยุด
เขาเป็นถึงเลขาส่วนตัวของประธานบริษัท ณ อิเล็กทริกซอฟต์แวร์เลยนะ บริษัทผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชื่อดังระดับประเทศ ไม่ใช่งานที่จะลาก็ลาได้ง่าย ๆ มันส่งผลกระทบกับคนมากมาย เด็กคนนี้เข้าใจอะไรบ้างไหม
"ปกติชอบแอบหนีเรียนไปทำงานเป็นประจำไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมวันนี้ถึงอยากไปล่ะ หยุดเรียนไปก็ได้นิในเมื่อคล้ายฝนคิดว่างานมันสำคัญกว่าความรู้ งานมันไม่น่าเบื่อเหมือนอยู่ในห้องเรียน"
มีหรือคับฟ้าจะไม่รู้นิสัยน้องตัวเอง เธอชอบโดดเรียนไปทำงานเป็นประจำด้วยเหตุผลที่ว่าทำงานแล้วได้เงินแถมยังได้ปาร์ตี้สนุกกับเพื่อน
"อึ๋ย…"
คล้ายฝนเห็นท่าไม่ดีมีแววว่าคับฟ้าไม่ยอมช่วย มีแต่ต้องใช้ลูกอ้อนเท่านั้นซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้คับฟ้าใจอ่อน
"นะ นะ พอดีว่าวันนี้ที่มหาวิทยาลัยมีงานสำคัญที่ห้ามขาดเด็ดขาด ช่วยคล้ายฝนหน่อยสิพี่จ๋า"
"ไม่ต้องมาเรียกพี่จ๋าเลย เป็นแบบนี้ทุกทีกี่ครั้งแล้ว ทำไมถึงไม่จัดตารางเวลาของตัวเองให้ดี ๆ ต้องให้พี่ย้ำอีกกี่ครั้งถึงจะเข้าใจ"
"ก็...คล้ายฝนลืมนินา ถ้ารู้ว่างานถ่ายแบบตรงกับวันนี้ คล้ายฝนก็ไม่รับหรอก"
น้องสาวทำหน้าคลอน้ำตาเหมือนจะร้องไห้รู้สึกผิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
"เรื่องคราวนี้พี่ต้องทำโทษ คล้ายฝนจะได้จำสักที เลือกมา...ระหว่างไปเรียนกับทำงาน ในเมื่อเลือกที่จะทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยก็ต้องหัดมีความรับผิดชอบกว่านี้สิ เพราะแบบนี้ไงพ่อกับแม่ถึงเป็นห่วง"
"...ฮึก พี่จ๋า ฮึก คล้ายฝน...คล้ายฝนจะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น นะ นะ คล้ายฝนเลือกไม่ได้ งานนี้สำคัญจริง ๆ มันเกี่ยวถึงอนาคตในวงการของคล้ายฝนเลยนะ ฮึก ฮึก พี่จ๋า" น้ำตาใส ๆ ไหลรินอาบแก้มพร้อมคำอ้อนวอน
พี่จ๋า พี่จ๋า พี่จ๋า
คำพูดออดอ้อนกับน้ำตาคลอหน่วยดังกึกก้องกังวานในห้วงลึกของจิตใจของพี่ชายคนนี้จนอยากเข้าไปสวมกอด หอมแก้มซ้ายขวาจับขึ้นมาทำเป็นหมอนข้าง เขาไม่อยากทำโทษเลยรู้สึกน้องสาวจับใจ แต่ไม่ได้ไม่งั้นมันจะเสียงานเสียการ ที่คับฟ้าทำเพื่อสอนคล้ายฝนให้รู้จักรอบคอบมากกว่านี้
อดทนไว้คับฟ้า...พี่จ๋าขอโทษ
"เราย้ายไปอยู่ที่อเมริกากับพ่อแม่ดีไหม" คับฟ้าทำหน้านิ่งด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ไม่! คล้ายฝนอยากอยู่ที่นี่"
เธอปฏิเสธเสียงแข็ง ชักสีหน้าเชิงคัดค้านทันที แม้ว่าตัวเองจะมีแต้มรองในการเจรจา
ทุกครั้งที่คับฟ้าชวนน้องสาวไปอยู่กับครอบครัวที่ต่างประเทศ คล้ายฝนจะเอาแต่ดื้อดึงปฏิเสธไม่อยากไป ซึ่งเรื่องนี้ทำให้พ่อแม่เป็นห่วงมากไม่อยากทิ้งคล้ายฝนอยู่คนเดียว เป็นเหตุผลว่าทำไมคับฟ้าต้องกลับมาจากอเมริกาเพื่อมาอยู่เป็นเพื่อนคล้ายฝนจนถึงปัจจุบันได้ประมาณ 3 ปีแล้ว ทั้ง ๆ ที่เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นก็มีความสุขดี
ช่างเป็นน้องสาวเจ้าปัญหาจริง ๆ แต่ทำยังไงได้ เพราะรัก เขาถึงยอมกลับมาเหยียบประเทศไทยในรอบเกือบ 10 ปีอีกครั้ง
"ถ้าอย่างนั้นคล้ายฝนก็ควรดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้ พี่อยู่ช่วยได้ไม่ตลอดหรอกนะ"
"คล้ายฝนขอโทษ ฮึก"
เฮ้อ
กว่าจะยอมพูดคำขอโทษออกมาได้แต่ละครั้งช่างยากเย็น ในเมื่อคล้ายฝนรู้สึกผิดจริง ๆ ก็ได้ เขาจะช่วย คับฟ้าไม่ได้ใจร้ายใจดำขนาดนั้นยิ่งกับน้องสาวสุดที่รักด้วยแล้ว
"แล้วจะให้พี่ทำอะไรล่ะ"
"คับฟ้าจะยอมช่วยคล้ายฝนเหรอ ฮึก"
"เรามีกันอยู่สองคนพี่น้องก็ต้องช่วยกันสิจะทิ้งกันได้ยังไง แต่ทีหลังต้องรอบคอบกว่านี้รู้รึเปล่า"
"เข้าใจแล้วค่ะ"
จุ๊บ คล้ายฝนเข้ามาสวมกอดหอมแก้มนิ่ม ๆ ของพี่ชายตัวเองด้วยความดีใจทั้งน้ำตา ก่อนจะคว้ามือพี่ชายตัวเองลากเข้าห้องน้ำชำระล้างร่างกายตามมาด้วยการแต่งหน้าทำผม
"ต้องแต่งตัวแบบนี้จริงเหรอคล้ายฝน มันเกินไปไหม"
คับฟ้ามองดูตัวเองในกระจกหลังถูกน้องสาวแปลงโฉมสักพักใหญ่ ให้อยู่ในชุดนักศึกษาผู้หญิง แถมยังแต่งแต้มสีสันบนใบหน้าและทรงผมด้วยเครื่องสำอางราคาแพง
"แบบนี้แหละค่ะ คับฟ้าต้องไปมอแทนคล้ายฝนจะให้แต่งตัวเป็นผู้ชายไปได้ยังไง"
"แต่มันเกินไปหน่อยไหม แค่ไปเรียนไม่ใช่เหรอ หรือที่จริงแล้วจะให้พี่ไปเข้าสอบแทน แบบนี้พี่ไม่เอานะ"
"จะใช่ที่ไหน แค่เป็นการยืนยันตัวตนเฉย ๆ แต่งแค่นี้ไม่เกินไปหรอกค่ะ ปกติคล้ายฝนไปมอก็แต่งแบบนี้อยู่แล้ว อีกอย่างคับฟ้าไม่ต้องกังวลว่าใครจะจับได้ ดูสิ หน้าเราสองคนเหมือนกันอย่างกับฝาแฝด ดังนั้นสบายหายห่วง"
ช่างเป็นกำลังใจที่แสนขื่นขม คับฟ้าจะอยู่รอดตลอดรอดฝั่งรึเปล่านะ คับฟ้าเกิดความกังวล
"ก็พอเข้าใจได้อยู่ แต่พวกชุดชั้นในมันไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้ไหม มันอึดอัดแถมยังต้องยัดฟองน้ำกับกระดาษทิชชูเข้าไปอีก"
"หน้าอกน้องสาวตั้งคัพซีจะให้แบนราบเป็นไม้กระดานได้ยังไง" คล้ายฝนไม่พูดเปล่ายกหน้าอกธรรมชาติแสนภูมิใจขึ้นอวดพี่ชาย
"...กางเกงในด้วยเหรอ"
"แน่นอนสิ ในเมื่อใส่ชุดชั้นในแล้วก็ต้องให้ครบชุด คับฟ้าไม่ต้องห่วง กางเกงในตัวนี้คล้ายฝนยังไม่ได้ใส่แม้แต่ครั้งเดียวและไม่ต้องกลัวว่าจะอึดอัดเวลาเดินเพราะมันไม่ต่างอะไรจากกางเกงสเตย์ของผู้ชาย ใส่กระชับ ไร้กังวล หายห่วง"
เจ้าตัวดูจะมีความสุขที่ได้แปลงโฉมพี่ชายไม่น้อย เด็กขี้แยเมื่อกี้หายไปไหนแล้ว
"แต่มันเป็นสีชมพู คล้ายฝนก็รู้ว่าสีชมพูเป็นสีกาลกิณีไม่ถูกกับพี่ ทำไมยังเอามาให้พี่ใส่"
"ก็มันมีอยู่ตัวเดียวนิ"
"..." คับฟ้าคิ้วขมวดทำความกังวล
"ใส่ ๆ ไปเถอะคับฟ้า ใส่สีไม่ถูกโฉลกกับดวงชะตาแค่วันเดียวคงไม่ทำให้ถึงขั้นเลือดตกยางออก แต่ถ้าไม่มั่นใจ…คับฟ้าก็หาอะไรที่เป็นสีเขียวเสริมดวงชะตาเข้าไปก็จบ"
"พูดง่ายจังนะคล้ายฝน เธอก็รู้ว่าพี่ให้ความสำคัญเรื่องดวงขนาดไหน" คับฟ้าทำสีหน้าตึงเครียดขึ้นอีกหนึ่งระดับ
ในแต่ละวันของผู้ชายคนนี้จะถูกขับเคลื่อนด้วยหมอดูตรวจดวงชะตาจากแอปพลิเคชันในมือถือ เหมือนเป็นเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของเขาที่ช่วยตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นสีเสื้อหรือชุดที่ใส่ สิ่งของนำโชคประจำวัน ฤกษ์แต่ละวันหรือแม้แต่อาหารการกินก็ยังต้องพึ่งสิ่งที่เรียกว่า หมอดู คับฟ้าไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้หากขาดเพื่อนคู่ใจคนนี้ราวกับเป็นเกาะป้องกันตัวเอง และถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดผิดไปจากนี้สักนิด คับฟ้าจะเกิดความกังวลมากถึงมากที่สุด
"รู้ แต่คับฟ้าไม่ต้องกังวลไป คล้ายฝนเช็กดวงชะตาทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้ว ว่าวันนี้ทุกอย่างจะราบรื่นตลอดทั้งวัน ไม่มีอะไรติดขัดและเสริมดวงชะตาวันนี้ด้วยของสีเขียวซึ่งเป็นสีนำโชคประจำตัวเอง"
"แน่ใจนะ แล้วสีที่ควรหลีกเลี่ยงเป็นพิเศษล่ะ หรือมีอะไรต้องระวังเพิ่มไหม"
"เอ่อ จำไม่ได้แล้ว"
"ได้ยังไง เดี๋ยวพี่ดูอีกรอบ…"
คับฟ้าคว้าโทรศัพท์เตรียมเปิดแอปพลิเคชันทำนายดวงชะตา
พรึ่บ!
ทว่าคล้ายฝนกลับรีบแย่งโทรศัพท์จากมือคับฟ้าเหมือนจะปกปิดอะไรบางอย่างที่ไม่อยากให้คับฟ้ารู้
"ทำอะไรนะ เอามือถือพี่ไปทำไม"
"มันจะสายแล้วคับฟ้า เดี๋ยวไม่ทันรถเมล์ประจำทาง รีบไปเถอะ"
คล้ายฝนทำตัวผิดสังเกตขึ้นอีกหนึ่งระดับ หยิบกระเป๋าสะพายและแฟ้มเอกสารยัดใส่มือพี่ชายของตัวเอง และไม่ลืมที่จะหยิบแอปเปิลเขียวไว้เป็นของนำโชคและเป็นของกินยามเช้าให้คับฟ้า
"เดี๋ยว…ไม่เห็นจำเป็น…ต้องรีบ"
"ไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวไม่ทัน" คล้ายฝนพยายามดันตัวพี่ออกจากบ้านไปขึ้นรถประจำทาง
"คล้ายฝนยังไม่ได้บอกพี่เลยว่าต้องให้พี่ทำอะไรบ้าง เรียนที่ไหน กี่โมง"
"เรื่องนั้น...วันนี้คล้ายฝนมีเรียนแค่คาบเดียว คับฟ้าไม่ต้องเข้าเรียนก็ได้ อาจารย์ไม่เช็กชื่อหรอก สบายใจได้"
"เอ๊ะ! หมายความว่ายังไง แล้วให้พี่ไปเรียนทำไม คล้ายฝนมีเรื่องอะไรกันแน่"
"คือ...วันนี้เป็นวันคัดเลือกเด็กปีหนึ่งเข้าชมรมที่แสนสำคัญที่สุดในชีวิตคล้ายฝนที่ขาดไม่ได้ คล้ายฝนอยากให้คับฟ้าช่วยตรงนั้น" น้องตัวดีพึ่งจะมาเฉลยอะไรตอนที่ขาข้างหนึ่งก้าวขึ้นรถเมล์
"ชมรมอะไร…"
"..." คล้ายฝนเงียบไม่ตอบ
"คล้ายฝน!"
"ชมรมลีลาศ วันนี้เป็นวันคัดเลือกเด็กปีหนึ่งเข้าชมรมลีลาศ"
ลีลาศ
สิ้นเสียงคำพูดของน้องตัวดี คับฟ้าหน้าถอดสีขึ้นมาทันที
"คล้ายฝน…"
เขาไม่อยากจะเชื่อ น้องสาวคนนี้ทำอะไรลงไป เธอรู้ดีว่าคับฟ้ามีเรื่องสะเทือนใจกับลีลาศมาตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อนจนเขาต้องหนีไปอยู่อเมริกา เปลี่ยนแม้กระทั่งชื่อนามสกุลไปใช้นามสกุลของแม่และไม่ยอมกลับไทยอีกเลย ซึ่งในตอนนั้นคับฟ้าเป็นนักกีฬาลีลาศทีมชาติที่มีชื่อเสียงเจ้าของฉายา เจ้าชายลีลาศลูกรักของเทพเจ้า
ยิ่งการกลับมาประเทศไทยในรอบ 10 ปีของคับฟ้า มันไม่ต่างอะไรจากที่เขายืนไต่เชือกกายกรรมบนหน้าผาสูงชันที่รายล้อมด้วยหุบเลวลึก การกลับมาเหยียบย่ำความรู้สึกเดิม ๆ แม้ไม่เจ็บปวดเหมือนแผลสดแต่รอยแผลเป็นยังคงอยู่ ไหนจะความกลัวว่ามีใครจำคับฟ้าได้ ซึ่งสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น มันเป็นอะไรที่น่ากลัว
ในทุก ๆ วันก่อนออกไปทำงานคับฟ้าต้องปิดบังตัวตน ภาวนาในทุก ๆ วันว่าอย่าให้มีใครจำคนชื่อ คับฟ้าได้ แต่นี่คือสิ่งที่น้องสาวตอบแทนพี่ชายคนนี้เหรอ ดึงเขากลับเข้าไปในเส้นทางการแข่งขันลีลาศ แม้จะเป็นแค่งานชมรมของมหาวิทยาลัยเล็ก ๆ แต่มันก็มีผลกับสภาพจิตใจคับฟ้าไม่น้อย แถมยัง...
"ความจริงคล้ายฝนอยากไปเอง แต่ว่าคล้ายฝนไปไม่ได้จริง ๆ คับฟ้าช่วยไปแทนน้องหน่อยนะ"
"ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก"
"ก็…ก็ ถ้าบอกคับฟ้าจะไม่ยอมทำ"
"ใช่ คล้ายฝนรู้ดีแต่ทำไมยังบังคับพี่"
"นะ นะ ถือว่าคล้ายฝนขอร้อง เรื่องนี้เรื่องเดียวจริง ๆ คล้ายฝนอยากเข้าชมรมลีลาศให้ได้จริง ๆ"
"พี่ขอรู้เหตุผลได้ไหม"
"ก็ ก็ มันเป็นที่ที่คับฟ้าเคยอยู่ คล้ายฝนแค่อยากไปสัมผัสบรรยากาศที่คับฟ้าเคยอยู่ที่นั่น เคยเต้น เคยใช้ชีวิต คล้ายฝนรักลีลาศไม่แพ้คับฟ้านะ"
"...รักลีลาศ แต่พี่ไม่เคยเห็นคล้ายฝนซ้อมทั้ง ๆ ที่บ้านเราก็มีห้องซ้อมเต้น เอาแต่แอบหนีซ้อมตลอด ชมรมลีลาศที่นั่นขึ้นชื่อมากในเรื่องของกิจกรรมและการฝึกซ้อมหนัก เธอก็น่าจะรู้นะคล้ายฝน ยิ่งคนที่เห็นงานสำคัญกว่าเรื่องเรียนหรือชมรมอย่างน้องคิดดีแล้วเหรอ พี่ถามจริง ๆ อยากเข้าชมรมลีลาศจริง ๆ เหรอ ใช่เหตุผลนี้จริง ๆ รึเปล่าที่อยากเข้าชมรม"
"จะ…จริงสิ" คับฟ้ามองหน้าคล้ายฝนอย่างเหนื่อยใจ ในเมื่อคล้ายฝนยังยืนยันแบบนั้น...
"แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ"
"เย้ ๆ"
น้อยสาวตัวดียิ้มแก้มปริโบกมือลาพี่ชายส่งเขาไปมหาวิทยาลัยแทนเธอ ก่อนจะรีบเข้าบ้านไปจัดการธุระของตัวเอง
และนั่นคือเรื่องที่เกิดขึ้น...
...เป็นสาเหตุให้ต้นสัปดาห์ของคับฟ้าวุ่นวายตั้งแต่เช้าตรู่ ต้องมายืนแออัดกันเป็นปลากระป๋องในรถเมล์แอร์ธรรมชาติสูดดมกลิ่นควันรถเพื่อเดินทางไปมหาวิทยาลัยเกือบครึ่งชั่วโมง แถมสัมภาระแต่ละชิ้นก็ไม่ใช่เล่น ๆ ทั้งแฟ้มเอกสารเอย ไหนจะกระเป๋าสะพายไซซ์เล็กที่แทบจะใส่อะไรไม่ได้นอกจากกระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์มือถือ
ตี๊ด
เสียงกดกริ่งดังขึ้นในรถเมล์เป็นสัญญาณบอกว่า มีคนต้องการที่จะลงในป้ายถัดไป และหนึ่งในคนเหล่านั้นก็มีคับฟ้า ผู้คนเริ่มกรูเข้ามาเบียดเสียดกันหน้าประตูเพื่อจะได้ลงจากรถเมล์เป็นคนแรกให้เร็วที่สุด
แอ่ก!
รถทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าค่อย ๆ จอดเทียบตรงหน้าป้ายรถเมล์ ผู้คนเริ่มเบียดเสียดรอลงไม่ต่างอะไรกับคนที่ยืนรอตรงป้ายรถเตรียมพร้อมที่จะเดินเข้ามาแทนที่จำนวนคนที่หายไป
ทันทีที่ประตูเปิดเท่านั้นแหละ ทุกคนกรูกันเข้าและออกเพื่อจับจองที่นั่งหรือพื้นที่ในรถเมล์ เป็นจังหวะชุลมุนวุ่นวายไม่มีใครสนใจฟังเสียงพนักงานเก็บตั๋วที่พร่ำบอกปากจะฉีกว่าให้ผู้โดยสารในรถลงก่อน
คับฟ้าไม่ทันระวัง เพราะมัวช็อกกับเหตุการณ์ตรงหน้าไหลไปตามผู้คนจนสะดุดขาตัวเองล้มระหว่างก้าวลงบันไดจนหน้าคะมำกับฟื้นฟุตบาท เอกสาร สัมภาระทุกอย่างกระจัดกระจายไร้ทิศทาง รวมถึงแอปเปิลเขียวที่เป็นทั้งของนำโชคประจำวันและอาหารมื้อเช้ากลิ้งหายไปกับฝูงชน
อะไรกันเนี่ย คับฟ้าร้องตะโกนอยู่ในใจ
ณ เหตุการณ์ปัจจุบันหลังได้สติจากเสียงหนุ่มปริศนา
คับฟ้าใช้มือเก็บเอกสารบนพื้นให้เร็วที่สุด อยากรีบหนีออกไปจากบริเวณนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
พรึ่บ!
ชุดเอกสารบางส่วนถูกยื่นมาตรงหน้าคับฟ้า ยังดีที่มีคนมีน้ำใจช่วยเหลือ
"ขอบคุณ"
ใบหน้าขาวผ่องเงยหน้าขึ้นสบตามองคนช่วยเก็บเอกสาร....ห้วงวินาทีนั้นสายตาทั้งสองสบกันราวกับมีแรงดึงดูดดึงมหาศาลดึงพวกเขาเข้าหา จู่ ๆ ร่างกายก็รู้สึกร้อนผ่าวอย่างไม่มีสาเหตุ จากนั้นค่อย ๆ แดงระเรื่อขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งผิวขาวผ่องของคับฟ้ายิ่งทำให้เห็นเด่นชัด อาจด้วยเพราะใบหน้าหล่อคมสะอาดสะอ้าน คิ้วเข้มเหยียดตรง งอเข้านิดหน่อยตรงหางคิ้วสอดรับกะบจมูกโด่งตั้งเป็นสัน ริมฝีปากหยักเป็นกระจับสีชมพูเข้ม ชวนดูมีเสน่ห์ มองปราดเดียวก็รู้ว่าต้องเป็นจุดเด่นของทุกคน
หล่อ!
ในโลกใบนี้มีคนที่หล่อระดับนี้อยู่ด้วยเหรอ คับฟ้ามองพิจารณาตาไม่กะพริบอยู่อย่างนั้น
ตึกตัก!
เสียงหัวใจเต้นแรงขึ้นไม่เป็นจังหวะเพียงเพราะได้มองหน้าคนคนนั้น
เดี๋ยวนะเกิดอะไรขึ้น!
คับฟ้ามีสติเดี๋ยวนี้! นายไม่ใช่วัยรุ่นวัยสิบแปดที่จะหัวใจกระชุ่มกระชวยเพราะเจอผู้ชายหล่อ สามสิบสองแล้วนะ สติ ๆ คับฟ้าพูดกับตัวเองอยู่ในใจ
...
"ผมว่าแทนที่คุณจะมองหน้าผม คุณช่วยจัดการกับกระโปรงนักศึกษาที่เปิดอ้าให้โลกรู้ไม่ดีกว่าเหรอครับ"
รอยยิ้มเหยียดตรงบาดใจของหนุ่มปริศนาเรียกสติคับฟ้ากลับมาอีกครั้ง
พรึ่บ! มือขาวยกขึ้นรีบปิดกระโปรงตามด้วยเก็บเอกสารและกระเป๋าสะพายขึ้นแนบอก
อ๊ากกก โคตรน่าอายอะไรเนี่ย
"ขอบ..."
กรี๊ดดดดดด
ไม่นานนัก จู่ ๆ เสียงกรี๊ดกร๊าดของกลุ่มผู้หญิงส่งเสียงดังพร้อมยกมือถือขึ้นมาจับภาพคนตรงหน้าขัดจังหวะพูดขอบคุณของคับฟ้า
เกิดอะไรขึ้นอีกละทีนี้
เขาหันมองพวกเธอที่รีบกรูกันเข้ามาใกล้ ๆ ผู้ชายคนนั้นทันที
"พี่ณธีร์กลับจากจีนตั้งแต่เมื่อไหร่คะ"
"พี่ณธีร์ ขอถ่ายรูปหน่อยค่ะ"
"พี่ณธีร์ยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะคะ"
"พวกเราคิดถึงพี่ณธีร์นะคะ"
คำถามมากมายถูกถามขึ้นไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ
ดูท่าคนคนนี้จะเป็นคนดังสินะ...
คับฟ้าไม่อยากตกเป็นข่าวหรือยุ่งวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้ ห่างจากการถูกจับจ้องหรือแอบถ่ายได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี
พอเก็บเอกสารทุกอย่างได้ คับฟ้ารีบเดินหนีจากไปในทันที ไม่แคล้วแอบหันกลับมามองฝูงชนตรงนั้นอีกครั้งปรากฏว่าคนที่ช่วยเขาเก็บเอกสารก็หันมองเขาอยู่เช่นกัน
เฮือก!
คับฟ้ารีบหันกลับเดินดุ่ม ๆ เข้ามหาวิทยาลัย
สายตาคมของหนุ่มหล่อเหลือบเห็นแอปเปิลเขียวที่กลิ้งตกอยู่บนพื้น เธอคนนั้นคงจะทำตกไว้แล้วลืมเก็บ เขาหยิบขึ้นมาเช็ดกับเสื้อเชิ้ตนักศึกษาสีขาวที่พับแขนขึ้นกัดมันและเหยียดยิ้มมุมปาก
นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า...
"ครับ ไม่เป็นไรครับคุณนที วันนี้งานที่บริษัทไม่มีอะไรมาก ผมจัดการได้ครับ"
เสียงคุยโทรศัพท์ยามเช้าของพี่ชายคนโตแห่งตระกูลวีระคณาเกียรติสุขสวัสดิ์ดังขึ้นระหว่างกำลังรับประทานอาหารเช้าที่บ้านก่อนเข้าบริษัทตามปกติ
"งานเข้าแต่เช้าเลยนะ" ณธีร์ ลูกชายคนกลาง ผู้เป็นหน้าเป็นตาของตระกูลเดินลงจากบันไดพูดแซวณคุณ
"วันนี้ลงมากินข้าวเช้าได้แบบนี้ ดูท่าหิมะจะตกนะ" ณคุณเหลือบมองน้องชายระหว่างหยิบกาแฟดำใส่มะนาวขึ้นดื่ม
"..."
"คิดจะอุดอู้อยู่ที่บ้านไปจนถึงเมื่อไหร่ณธีร์ อาทิตย์กว่าแล้วนะตั้งแต่กลับมาจากการเก็บตัวฝึกซ้อมที่จีน ไม่คิดจะไปมหาวิทยาลัยหน่อยเหรอ"
"ไม่ล่ะ ฉันอยากพักอีกสักหน่อย ถึงไปก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ อยู่บ้านซ้อมเต้นยังดีซะกว่า"
"ได้ข่าวว่าวันนี้ที่ชมรมมีการคัดเด็กปีหนึ่งเข้าชมรมลีลาศไม่ใช่เหรอ ไม่คิดจะไปดูหน่อยรึไง ยังไงนายก็เป็นถึงรองประธานชมรมลีลาศนะ"
"จะไปหาเรื่องวุ่นวายใส่ตัวทำไม ยังไงคนที่มาสมัครคงแค่อยากจะมาถ่ายรูปฉันไปลงโซเชียล ไม่เห็นมีใครจริงจังกับลีลาศสักคนหรอก ปล่อยให้พวกนั้นจัดการไปดีแล้ว"
"ทำไงได้ก็นายเป็นความภาคภูมิใจของมหาวิทยาลัยและคนทั้งประเทศที่เป็นตัวแทนนักกีฬาลีลาศทีมชาติไปแข่งจัดลำดับระดับโลก นายถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของทุกคน ที่สำคัญรูปลักษณ์หล่อฟ้าประทาน ตัวสูงใหญ่ราวกับหุ่นนายแบบ ทั้งเก่ง ฉลาด มีความสามารถ รวย ชาติตระกูลดี ใครบ้างที่ไม่อยากเข้าหาพ่อเสือหนุ่ม"
"ฮึ…"
ณธีร์ไม่สนใจคำพูดอวยยศของณคุณสักเท่าไหร่ ในเมื่อเขาได้ยินมันมาเป็นพัน ๆ ครั้งจนกลายเป็นความชินชาไม่ได้รู้สึกยินดียินร้าย
"ฉันว่าวันนี้นายควรไปมหาวิทยาลัยนะ เผื่อนายจะได้เจออะไรที่น่าสนใจก็ได้ใครจะไปรู้จริงไหม อีกอย่างที่เป็นแบบนั้นเพราะพวกเขาต่างเฝ้ารอการกลับมาของนายอยู่ไม่ใช่เหรอ คงอยากเห็นฝีมือตลอด 3 เดือนที่ไปฝึกฝนที่จีนว่าเป็นยังไง โผล่หน้าให้คนเห็นหน่อยเถอะ บ้านมันไม่หนีไปไหนหรอก" ณคุณพูดเกลี่ยกล่อม
"ฮึ ดูฝีมือ...ก็แค่ตามกรี๊ดให้เป็นเรื่องเป็นราวเท่านั้นแหละ คิดว่าตัวเองเป็นมืออาชีพรึยังไง"
"...ถ้าอย่างนั้น ลองเชื่อสัญชาตญาณของฉันสักครั้งไหมล่ะ มาพนันกัน ฉันมั่นใจว่าการไปมหาวิทยาลัยครั้งนี้ของนายไม่สูญเปล่า"
"..."
ณธีร์เงียบมองสบตาพี่ชายที่แก่กว่า 5 ปี ณคุณคือคนที่เข้ามาบริหารธุรกิจต่อจากพ่อที่ตอนนี้เกษียณใช้ชีวิตอิสระกับแม่เที่ยวอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้
...
'ฮึ สัญชาตญาณของณคุณยังเฉียบแหลมเหมือนเดิม ได้เจอคนที่น่าสนใจเข้าให้แล้วสิ'
ณธีร์คิดอยู่ในใจ ก่อนจะเอ่ยถามกับกลุ่มแฟนคลับที่อยู่ห้อมล้อม
"นิ ฉันขอถามอะไรหน่อยสิ"
"อะไรเหรอคะ"
"พวกเธอรู้จักคนเมื่อกี้รึเปล่า"
"อ่อ คล้ายฝนเหรอคะ ทำไมจะไม่รู้จักก็เธอออกจะดังขนาดนั้น แต่สู้พี่ณธีร์ไม่ได้แน่นอนค่ะ"
"ดัง? "
"ค่ะ คล้ายฝนเป็นดาวมหาวิทยาลัยปีนี้ค่ะ เรียนอยู่นิเทศฯ เห็นว่าทำงานเป็นนางแบบด้วยนะคะ ฐานแฟนคลับหนุ่ม ๆ เยอะทีเดียว ว่าแต่พี่ณธีร์มีอะไรรึเปล่าคะ"
"เปล่าหรอก แค่รู้สึกว่า...เธอน่าสนใจดี"
กรี๊ดดดดด
ทันทีที่สิ้นเสียงพูดของณธีร์ เสียงกรีดร้องและพลังฐานแฟนคลับเริ่มทำงานเสาะแสวงหาประวัติของคล้ายฝนตามสื่อโซเชียลในกลุ่มต่าง ๆ มีทั้งการลงรูปและคลิปวิดีโอของณธีร์ในกลุ่มรวมถึงประเด็นร้อนฉ่าจากคำพูดทิ้งท้าย
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วไม่ทันให้คนอีกคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ได้ตั้งตัว เตรียมรับศึกหนัก ใครจะรู้ว่าจากนี้ชีวิตของคับฟ้าจะมีสีสันมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา...
ฝากนิยายเรื่องไปกินแอปเปิลที่ห้องผมไหม ในอ้อมกอดของนักอ่านทุก ๆ คนด้วยนะคะ
อ่านแล้วชอบ อย่าลืมเพิ่มในคลังหนังสือด้วยนะ