webnovel

บทที่ 5 เหงา

คฤหาสน์ตระกูลพัชรสกุล

ปิ่นกานต์เดินเข้ามาข้างในบ้านด้วยท่าทางนิ่งๆ หากแต่สายตาก็ส่องมองไปทั่ว สองเท้าก้าวยาวจนกระทั่งหยุดลงเมื่อพิมพ์ผกาผู้เป็นป้าเดินเข้ามาหา

"ไปไหนมาจ๊ะ หนูปิ่น" เสียงหวานของพิมพ์ผกาเอ่ยถามขึ้น

"ไม่ต้องรู้จะดีกว่านะคะ" ปิ่นกานต์ตอบพร้อมกับฉีกยิ้มหวานให้

หญิงสาวไม่ชอบท่าทางเสแสร้งของอีกฝ่ายและเธอไม่คิดที่จะยกมือไหว้ทำความเคารพเด็ดขาด พิมพ์ผกาเป็นพี่สาวของแม่เธอ ที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ด้วยก่อนที่แม่จะจากไป ปิ่นกานต์เห็นมาตลอดว่าตั้งแต่เข้ามาในบ้านหลังนี้ก็มีแต่พยายามตีตัวใหญ่ไม่เกรงใจ จนกระทั่งมารดาจากไปก็ไม่มีท่าทีเสียใจเลยด้วยซ้ำ

เมื่อได้ยินหลานสาวพูดเช่นนี้พิมพ์ผกามองด้วยสายตาขุ่นเคืองแต่ก็ยิ้มตอบกลับเช่นกัน

"เอาเถอะ ตอนนี้คุณพ่อหนูรออยู่ที่ห้องทำงานนะจ๊ะ เห็นว่ามีเรื่องจะคุยกับพวกเราทุกคน"

ปิ่นกานต์ฉีกยิ้มหวานแล้วก้าวตรงไปยังห้องทำงานของบิดา ในขณะที่สายตาของพิมพ์ผกามองแผ่นหลังของปิ่นกานต์ด้วยความ เกลียดชัง

"นังเด็กบ้า!"

พิมพ์ผกาเชิดหน้าเดินตามไป แน่นอนว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ที่สุขสบายได้แล้วมันยากลำบากมากแค่ไหน กว่าที่จะล่อน้องสาวยอมให้มาอยู่ด้วย แล้วมีกินมีใช้มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ใช่แล้ว...เธออิจฉาน้องสาวที่โชคดีได้แต่งงานมีสามีรวยๆ แต่กับเธอกลับได้สามีขี้เมาไม่เอาไหน วันๆ เอาแต่กินเหล้าและทนไม่ได้จึงต้องหย่าและหอบเสื้อผ้าหนีออกมา...

เมื่อทุกคนต่างเดินเข้ามานั่งรออยู่ในห้องทำงานเรียบร้อยแล้ว ทยุตผู้เป็นเจ้าบ้านเดินเข้ามานั่งด้วยสีหน้านิ่งๆ ฝั่งขวาปิ่นกานต์ นั่งด้วยท่าทางสงบนิ่ง ส่วนฝั่งทางซ้ายมือเป็นพิมพ์ผกาที่ถือวิสาสะเดินเข้ามานั่งเอง และคนที่นั่งข้างพิมพ์ผกานั้นคือเกตุมณี ลูกสาวที่อายุน้อยกว่า ปิ่นกานต์เกือบห้าปี

"คุณพ่อมีอะไรหรือคะ"

"นั่นสิคะ..."

"ผมอยากคุยกับแค่ปิ่น แล้วพวกคุณมากทำไม?"

พิมพ์ผกาหน้าเสียเมื่อถูกคำพูดของทยุตตบเข้าจังๆ

"ก็...ฉันก็คนในครอบครัวเหมือนกัน?" พิมพ์ผกาพูดเองเออเองหมดโดยที่ไม่ถามความเห็นของอีกฝ่าย ทยุตก็สุดจะเอือมกับการกระทำของผู้หญิงคนนี้แล้วเหมือนกัน หากไม่เป็นเพราะสัญญากับภรรยาไว้แล้วละก็ ป่านนี้พิมพ์ผกาคงจะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว

"พ่อคิดว่า ปิ่นควรเข้ามาบริหารงานที่บริษัทอย่างเต็มตัวสักที"เมื่อได้ยินสีหน้าของพิมพ์ผกาแลดูตกใจและไม่พอใจ เพราะถ้าให้ปิ่นกานต์

ขึ้นดูแลต่อทุกอย่างเธอจะไม่ได้อะไรเลยแม้แต่น้อย

"คุณยุต! แล้วยัยณีล่ะคะ?" พิมพ์ผกาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ทั้งที่ตัวเองนั้นก็ไม่มีสิทธิ์มีเสียงเลยแม้แต่น้อย

"จะดีเหรอคะคุณพ่อ" ปิ่นกานต์เอ่ยถามผู้เป็นบิดาอีกครั้ง

"ใช่แล้ว ปีนี้พ่อก็จะหกสิบแล้วคงบริหารเองต่อไม่ไหว ให้เราดูแลพ่อจะได้วางใจ" เมื่อได้ฟังคำตัดสินใจของบิดาทำให้ปิ่นกานต์ถึงกับเหลือบมองสีหน้า 'ตัวเสือก' ที่แสดงถึงความขุ่นเคืองออกมาทันที

"แล้วยัยณีล่ะคะ ไหนคุณสัญญากับน้องฉันไว้แล้วว่าจะ..."

"ยัยณีก็ทำงานอยู่ที่บริษัทอยู่แล้วไม่ใช่หรือ อีกอย่างยังต้องเรียนรู้อีกเยอะ รอไว้ให้มีประสบการณ์มากกว่านี้ก่อนจะดีกว่า ค่อยๆ เลื่อนตำแหน่งไป" ทยุตตอบพร้อมกับลุกขึ้นด้วยท่าทางนิ่งๆ

พิมพ์ผกาที่มองด้วยความไม่พอใจสักนิด แต่ก็ไม่สามารถเปิดปากเรียกร้องสิ่งใดได้มากกว่านี้อีกแล้ว เพราะที่ผ่านมาก็สูบเงินไปมากพอสมควรเหมือนกัน

"คุณพ่อ..." ปิ่นกานต์ลุกขึ้นตาม

"พ่อจะไปพักสักหน่อย เหนื่อยมากแล้ว" เมื่อได้ยินเช่นนี้หญิงสาวก็แค่พยักหน้ารับปล่อยผู้เป็นบิดาเดินลับสายตาออกจากห้องไป

เมื่อคำพูดของเจ้าบ้านได้ประกาศออกไปแล้ว ทุกอย่างก็แก้อะไรไม่ได้พิมพ์ผกายังคงต้องอดทนและลุกขึ้นยิ้มหวานแสดงความยินดีโดยไม่เต็มใจให้กับปิ่นกานต์

"ยินดีด้วยนะจ๊ะ หนูต้องเป็นประธานที่บริหารได้ดีแน่ๆ"

พิมพ์ผกาพูดเยินยออีกฝ่ายทั้งที่มือข้างขวากำหมัดบีบแน่นไว้ทางด้านหลัง ปิ่นกานต์มองแล้วฉีกยิ้มออกมากับท่าทีเสแสร้งของผู้หญิงตรงหน้า จึงแสร้งตอบกลับด้วยคำหวานๆเช่นกัน

"ขอบคุณนะคะ คุณป้า"

กล่าวจบแล้วยิ้มอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากไป

"คุณแม่!" เกตุมณีลุกขึ้นมองด้วยสายตาที่ไม่พอใจพลางส่งสายตามองผู้เป็นแม่ "จะยอมเหรอคะ? ถ้าอีกหน่อยตาแก่นั่นตายเราถูกไล่ออกจากบ้านแน่ๆ"

"ฉันรู้แล้วน่า! แกไม่ต้องมาพูดมาโวยวายให้คนอื่นได้ยิน เงียบๆ ปากเอาไว้ซะ!" พิมพ์ผกาว่ากล่าวบุตรสาว ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป แน่นอนว่าคนที่เคยจนแทบไม่มีอันจะกินแบบเธอแล้วจะไม่ยอมให้ตัวเองกลับไปอยู่ในสภาพแบบนั้นเด็ดขาด ไม่มีวัน!

ปิ่นกานต์เดินเข้ามาในห้องนอนของตัวเองพร้อมกับวางถุงเสื้อผ้าลงบนเตียง ก่อนที่จะนั่งลงแล้วถอนหายใจออกมา ความหนักอึ้งทั้งหมดในตอนนี้ได้ลงมาอยู่ที่เธอแล้ว แม้ว่าหลายปีมานี้จะเข้ามาบริหารบริษัทในฐานะรองประธานมาตลอด แต่ก็รู้ว่ายังทำมันไม่ดีพอ ไม่สิ! เธอคิดว่าอาจจะทำให้บริษัทล้มละลายก็ได้ แต่ทว่า...ถ้าไม่ทำแล้ว มันอาจจะแย่มากกว่าเดิม

หญิงสาวหันไปมองถุงที่อยู่ข้างตัวก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไปเพื่อนำไปให้นมผ่องซักให้

"นมผ่องขา อยู่ไหมคะ?" ปิ่นกานต์เอ่ยเรียกเมื่อเดินมาถึงห้องครัวทางหลังบ้าน พลางส่งสายตามองซ้ายมองขวาหานมผ่องหัวหน้าแม่บ้านที่อยู่มาตั้งแต่ยังไม่เกิด

"คุณหนูมีอะไรหรือเปล่าคะ?"

ปิ่นกานต์หันหลังไปพร้อมกับยิ้มหวานให้

"คือปิ่นอยากจะให้นมซักชุดให้หน่อยค่ะ แต่ว่า...อย่าให้ใครรู้ได้ไหมคะ?"

นมผ่องคิ้วขมวดมองมาที่คุณหนู

"มีอะไรหรือเปล่าคะ?"

"มะ...ไม่มีหรอกค่ะ พอดีปิ่นไม่อยากให้ใครรู้...นะคะ"

หญิงสาวพูดเสียงออดอ้อนจนนมผ่องต้องพยักหน้ารับแล้วยิ้มออกมา "ขอบคุณค่ะ รักนมที่สุดเลย!"

ปิ่นกานต์ทำท่าดีใจพร้อมกับก้าวเข้าไปกอด รอยยิ้มที่เอ็นดูปรากฏขึ้นจากมุมปากของหญิงวัยกลางคน ไม่ว่าจะอีกกี่ปี่ข้างหน้าคุณหนูตรงหน้าก็ยังเหมือนเดิม น่ารักและสดใสต่อให้จะเจอเรื่องร้ายมากแค่ไหน

"อ้อนนมแบบนี้ทุกที" นมผ่องพูดพลางหัวเราะ

หญิงสาวยิ้มหวานออกมา "งั้นปิ่นขอไปพักก่อนนะคะ เมื่อวานดื่มมากตอนนี้ยังมึนๆ อยู่เลยค่ะ"

"ค่ะ" ปิ่นกานต์ยิ้มก่อนที่จะหมุนตัวเดินจากไป

หญิงสาวเดินออกมารับลมนั่งเล่นอยู่ที่สวนข้างสระน้ำขนาดใหญ่ ลมเบาๆ พัดผ่านกับแสงแดดในยามสายที่ทำให้อบอุ่นใจ แต่แล้วเสียงกระดิ่งที่ดังขึ้นทำให้หันไปมองเจ้าชิโรสุนัขพันธุ์ปักกิ่งตัวเล็กวิ่งเข้ามาหาด้วยความดีใจเมื่อเห็นเจ้านาย ปิ่นกานต์โน้มตัวลงไปแล้วอุ้มขึ้นมาวางไว้ที่ตัก มือเรียวลูบไปตามเส้นขนของเจ้าสุนัขตัวน้อยที่นอนซบตักออดอ้อน

หญิงสาวถอนหายใจออกมากับวันหยุดที่แสนจะว่างกับชีวิตสาวโสดที่ไม่มีผู้ชายให้คุย แน่นอนว่ามันเหงามากมายเลยทีเดียว เคยฝันว่าอยากจะแต่งงานมีคู่ชีวิตที่ดี แต่นั่นมันก็ไม่มีทางเป็นจริง ผู้ชายทุกคนล้วนไม่ได้ต้องการความรัก แค่ต้องการเงินและบริษัทเท่านั้น บางทีคิดว่า ความรักมันคืออะไรกันแน่? ตกลงแล้วมีอยู่จริงๆ อย่างงั้นหรือ...

"แกเหงาเหมือนฉันใช่ไหม?" ปิ่นกานต์ถามเจ้าสุนัขตัวน้อย เมื่อได้ยินเจ้านายพูดก็เงยลุกขึ้นมาสบตาแป๋วมองแล้วพยักหน้าให้

"เฮ้อ..."

หญิงสาวถอนหายใจออกมาเสียงดัง ชิโรตัวน้อยมองสีหน้าเจ้านายที่ดูไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไหร่ มันหมุนตัวมองหน้าเจ้านายแล้วเขย่งสองขาขึ้นพร้อมกับแลบลิ้นเลียใบหน้าของเธอ แน่นอนว่าสุนัขตัวนี้ทั้งรักและห่วงมากที่สุด การปลอบใจได้ผลราวกับชิโรตัวน้อยบอกกับเจ้านายมันว่า…

อย่าเศร้าไป มันเองก็ยังไม่มีคู่เหมือนกัน...

"ฉันรู้แล้วน่า ไว้ฉันจะหาตัวเมียให้แกสักตัวเอาไหม" ปิ่นกานต์หัวเราะออกมา เพราะตั้งแต่เลี้ยงมาไม่เคยคิดจะหาคู่ให้มันสักที กลัวว่าจะออกลูกเต็มบ้านจนเลี้ยงไม่ไหว แต่ดูท่าจะถึงวัยหนุ่มของมันเสียแล้ว

ปิ่นกานต์มองชิโรตัวน้อยเดินหมุนตัวแล้วนอนลงที่ตัดเช่นเดิม

นั่นสินะ...ขนาดเจ้าชิโรยังอยากมีคู่เลยเเล้วเธอล่ะก็อยากมีเหมือนกันนั่นแหละ!