webnovel

ตอนที่ 10 จับขัง

แดนซาตานยามค่ำคืนมีค้างคาวบินว่อนเต็มท้องฟ้า บรรยากาศทั่วแดนเงียบสงัด มีเพียงปราสาทแก้วเท่านั้นที่จุดคบเพลิงสว่างไสว ข้าราชบริพารวุ่นวายกันถ้วนหน้า

องค์ซาลีมานประทับอยู่บนบัลลงก์แก้วสีนิล โดยมีราชินีเซลีนประทับเยื้องอยู่ทางขวา นางนั่งปิดปากร่ำไห้เงียบๆ ดวงตาแดงบวมเนื่องจากผ่านการร้องไห้มาหนักหน่วง เซนิตคือลูกสาวที่นางรักและหวงแหนเท่าชีวิต นางเฝ้าฝูมฝักเลี้ยงดูบุตรีคนนี้ไม่ให้มีแม้แต่รอยขีดข่วน เหตุใดบุตรีของนางจึงต้องมาประสบกับเรื่องเลวร้ายเช่นนี้

ใครๆ ก็รู้ดีว่าภายในห้วงบรรพกาลไร้สรรพชีวิต ไร้น้ำ ไร้อาหาร แล้วลูกของนางจะดำรงชีวิตอย่างไร ไหนจะเสี่ยงกับการเผชิญหน้ากับพวกเทพอีกด้านหนึ่งอีก นี่คือสิ่งที่นางวิตกมากที่สุด ตอนนี้เซนิตจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้

องค์ซาลีมานจ้องเพนนีที่ยืนอยู่ข้างหน้าราวกับจะฉีกออกเป็นชิ้นๆ ก่อนจะเสกโซ่โลกันต์พิฆาตสะบัดฟาดไปบนตัวนางอย่างรวดเร็ว จนตามองตามแทบไม่ทัน

เพี๊ยะ!!! เพี๊ยะ!!! เพี๊ยะ!!!

"กรี๊ดดดด!!!"

เสียงโซ่กระทบเนื้อดังลั่นท้องพระโรงติดกันถึงสามครั้ง เพนนีร่างทรุดฮวบลงกับพื้น ผิวหนังบริเวณแขนและไหล่ไหม้เกรียมแสบร้อน ควันสีขาวลอยโขมงออกจากบริเวณที่ถูกฟาด

"นี่คือโทษฐานที่เจ้าดูแลองค์หญิงไม่ดี ข้าไม่ประหารเจ้าก็บุญเท่าไรแล้ว" องค์ซาลีมานกัดฟันกรอด หากเซนิตเป็นอะไรไป แล้วใครจะสืบทอดบัลลังก์แทนเขา!

"บอกข้ามา เจ้าตั้งใจหรือมีใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้!" องค์ซาลีมานคิดว่าต้องมีคนปองร้ายเซนิตแน่นอน เพราะอีกหนึ่งปีบุตรีของเขาก็จะอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ ซึ่งถึงเกณฑ์ที่จะสามารถได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาทได้แล้ว ต้องมีใครคิดจะตัดกำลังเขาแน่ๆ

เมื่อถูกถามเช่นนั้น เพนนีที่กลัวจนตัวสั่นก็ยิ่งสั่นขึ้นเป็นเท่าทวี สีหน้าและแววตาของนางล่อกแล่กไปมา คล้ายคิดหาคำตอบไม่ได้ "คะ...คือ คือ"

เพนนีเสตามองไปทางพระนางปาลีที่นั่งอยู่ทางซ้าย ฝ่ายนั้นจึงถลึงตาใส่นาง พร้อมกับมุบมิบริมฝีปาก 'อันใดกัน! เหตุใดต้องมองมาทางข้าเล่า!'

เพนนีรีบหันหน้าขวับกลับมา "ไม่มีเพคะ ทุกอย่างเป็นเรื่องสุดวิสัย!" นางรีบโพล่งออกไป หัวใจหญิงสาวบีบคั้นอย่างหนัก

เพธาใจจะขาดรอนๆ นางได้แต่ทนมองดูน้องสาวของตัวเองถูกลงโทษ โดยที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้เลย

"งั้นรึ! เอาเจ้าแฝดคู่นี้ไปคุมขังไว้ก่อน ทรมานมันจนกว่าจะพูด" องค์ซาลีมานไม่ปักใจเชื่อ เหตุการณ์มันเหมาะเจาะเหลือเกิน ร้อยวันพันปีนังไพร่สองคนนี้ไม่เคยพาเจ้านายมันเฉียดใกล้ห้วงบรรพกาลเลย แต่จู่ๆ กลับพาเซนิตไปยังพรมแดน ซ้ำห้วงบรรพกาลยังถูกเปิดอยู่ก่อนแล้ว ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน

หากไม่รู้ว่าใครชักใยอยู่เบื้องหลัง เท่ากับนังบ่าวสองคนนี้จะถูกประหารในข้อหากบฏ แต่หากมีผู้อยู่เบื้องหลังจริง แล้วนังแฝดคู่นี้ถูกประหารตายไปเสียก่อน เท่ากับเขาปล่อยให้คนที่เป็นภัยต่อราชวงศ์ลอยนวล

เมื่อเพนนีและเพธาถูกขุนพลมารนำตัวไปกักขัง ซาลีมานจึงได้จังหวะไถ่ถามสมีที่เอาแต่นั่งก้มหน้าเงียบมาตลอด

"สมี หน้าเจ้าไปโดนอะไรมา" องค์ซาลีมานถามเสมียนรับใช้ ด้วยเห็นว่ายามนี้หน้าตาของเขาปูดโปนดูไม่ได้ตั้งแต่เข้ามา

พระนางปาลีที่นั่งอยู่ทางซ้ายจ้องสมีตาเขม็งโดยไม่ส่งเสียง นางกำลังข่มอีกฝ่ายไม่ให้พูด

สมีรับรู้ได้ในทันทีว่าหากเปิดโปงนาง เขาจะต้องโดนอีกรอบแน่ "กระหม่อมหกล้ม แล้วหน้าไปฟาดกับสันเตียงพ่ะย่ะค่ะ"

องค์ซาลีมานนิ่วหน้า "เจ้านี่นะ เช่นนั้นเมื่อเสร็จจากตรงนี้ เจ้าค่อยไปหาแม่หมอจาริมแล้วกัน" องค์ซาลีมานเอ่ยเสียงเรียบ ไม่ได้คิดมากอะไร เพราะสมีเป็นคนซุ่มซ่ามมาแต่ไหนแต่ไร

"ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเป็นห่วง" สมีก้มศีรษลงคำนับเจ้าเหนือหัว

ทันใดนั้นราชินีเซลีนก็โพล่งขึ้น "ฝ่าบาท เพิ่มกำลังคนตามหาทั้งในและนอกเขตแดนเถอะเพคะ หม่อมฉันใจจะขาดอยู่แล้ว"

"สมี เรื่องนี้ให้เจ้าจัดการ คุ้มกันแดนเราให้แน่นหนา อย่าให้พวกเทพเข้ามาได้เด็ดขาด หากมันเข้ามาก็สังหารอย่าให้รอดไปได้แม้แต่คนเดียว!" องค์ซาลีมานพูดหน้าขรึม โดยไม่หันไปมองพระชายาเลยแม้แต่น้อย

ราชินีเซลีนเหลือบมองพระสวามีอย่างขุ่นเคือง จนถึงขั้นนี้แล้ว เขายังไม่ออกปากเป็นห่วงเซนิตเลยสักคำ เอาแต่สั่งการคุ้มกันดินแดนจากเหล่าเทพ นางทุกข์ใจเหลือเกินที่ต้องอยู่อย่างชอกช้ำเช่นนี้ เมื่อไรซาลีมจะใจอ่อนให้นางและลูกบ้าง

"รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ" สมีกล่าว

......

พระนางปาลีกล่าวขอตัวออกจากท้องพระโรง ด้วยเหตุผลเพราะอ่อนเพลีย นางและบ่าวรับใช้รีบเดินดุ่มๆ กลับตำหนักนิลแก้ว

เมื่อมาถึงตำหนัก เหล่าบริวารพากันปิดประตูและหน้าต่างมิดชิด บั้นท้ายกลมกลึงของพระนางปาลีกระแทกลงบนแท่นนอน

บ่าวซาตานตนหนึ่งเอ่ยว่า "พระสนม พวกเราจะติดร่างแหไปด้วยหรือไม่เพคะ"

เพี๊ยะ!

หลังฝ่ามือฟาดบ่าวผู้นั้นจนหน้าหัน

"หุบปากอับปรีของเจ้าเสีย! อย่าพูดให้ข้าได้ยินอีก!"

บ่าวรับใช้ "พะ เพคะ"

จากนั้นพระนางปาลีก็ลุกเดินออกไปอีกห้องหนึ่ง ภายในห้องนั้นมืดสลัว บรรยากาศวังเวงราวกับป่าช้า รอบห้องมีตำราและเตาปรุงยาวางเป็นจุดๆ ใจกลางห้องมีโต๊ะเล็กตัวหนึ่งวางอยู่บนพื้นบนโต๊ะมีผอบขนาดกลางที่บรรจุถ่านไฟแดงร้อนอยู่ข้างใน

นางเดินตรงไปนั่งบนเบาะรองนั่งหน้าผอบ ก่อนจะใช้สองมือปัดป่ายร่ายมนตร์ จนเกิดควันสีแดงพวยพุ่ง ผสานรูปร่างกันเป็นหน้าของหญิงชราคนหนึ่ง

"ว่าอย่างไร พระสนม มีสิ่งใดให้ข้ารับใช้หรือ" เสียงแหบชราเอ่ยขึ้น

พระนางปาลี "ท่าน… เจ้าอย่ามาประชดประชันข้านักเลย ได้ข่าวที่นังเซนิตถูกดูดเข้าไปในห้วงบรรพกาลหรือยัง"

"อืม แล้วอย่างไร ไม่สมใจท่านหรือพระสนม" หญิงชราย้อนถาม

"สมใจมันก็สมใจอยู่หรอก แต่ข้ากลัวเดือดร้อนไปด้วยน่ะสิ นังเพนนีมันเหมือนจะโยนความผิดมาให้ข้า เจ้ามีวิธีช่วยข้าหรือไม่"

"ฮ่าฮ่าฮ่า" หญิงชราระเบิดหัวเราะดังลั่น "สุดท้ายก็ไม่พ้นต้องขอให้ข้าช่วยอยู่ดี วิธีน่ะมีแน่นอน แต่ราคาสูงหน่อยนะเพคะ พระสนม"

พระนางปาลีเกลียดใบหน้าเยาะเย้ยของหญิงเฒ่าผู้นี้นัก!