webnovel

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป... วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม...

เพียนฟางฟาง · ย้อนยุค
Not enough ratings
946 Chs

036 ชงโหยวปิ่งแผ่นใหญ่

บทที่ 36 ชงโหยวปิ่งแผ่นใหญ่

ยามจื่อ เพิ่งผ่านไป รถม้าของสกุลไป๋ก็มาถึง

ผู้ที่มารับพวกเขาก็คือพ่อบ้านคนหนึ่งของคฤหาสน์สกุลไป๋ เขาแซ่ติง อายุอานามใกล้เคียงกับลุงใหญ่

เดิมทีวางแผนไว้ว่าลุงใหญ่ อวี๋หวั่น และอวี๋เฟิงจะรุดหน้าไปก่อน ทว่าเถี่ยตั้นน้อยตื่นขึ้นพอดี เขากอดอวี๋หวั่นเอาไว้ ร้องไห้งอแงจะขอตามไปด้วย

“พี่ไปทำงาน ไม่ได้ไปเที่ยว” อีกทั้งงานนี้มิใช่การไปขายของในตลาด ที่สองสามชั่วยามก็กลับบ้านแล้ว

เถี่ยตั้นน้อยไม่ยอมปล่อยมือจากอวี๋หวั่น

อวี๋ซงเดินออกมา กล่าวเสียงค่อยว่า “เถี่ยตั้นน้อยโตขนาดนี้แล้วยังไม่เคยไปเมืองหลวง ให้เขาไปเถอะ ข้าตัวนิดเดียวก็ได้เห็นธนาคารกลางแล้วนา”

อวี๋หวั่นและอวี๋เฟิงหันขวับไปส่งสายตาคมกริบประหนึ่งใบมีดให้เขา เจ้าเองก็อยากไปใช่ไหมเล่า?!

ความพยายามของเถี่ยตั้นน้อยมิได้มีผลต่ออวี๋หวั่น แต่กลับทำให้ลุงใหญ่ใจอ่อนเสียแล้ว

ที่จริง พาเด็กไปด้วยนั้นมิใช่เรื่องใหญ่ ในชนบท การพาเด็กไปช่วงทำครัวสำหรับงานเลี้ยงนับเป็นเรื่องปกติ แต่ในเมืองหลวงไม่เป็นเช่นนั้น…

ลุงใหญ่มองไปยังพ่อบ้านติง

พ่อบ้านติงตอบด้วยความใจกว้าง “หากมีคนดูแลก็ย่อมได้”

ดังนั้น ความพยายามของอวี๋ซงและเถี่ยตั้นน้อยจึงสัมฤทธิ์ผล พวกเขาปีนขึ้นรถม้าไป

นอกจากลุงใหญ่ คนอื่นๆ เคยเข้าเมืองหลวงกันแล้วคนละครั้ง ในตอนแรกพวกเขาต่างรู้สึกตื่นเต้น อยากมองทัศนียภาพระหว่างทาง ทว่าเส้นทางนี้มิได้ผ่านแม้แต่ตำบลเหลียนฮวา พวกเขาจึงพิงรถม้าและผล็อยหลับไป

เมื่อถึงคฤหาสน์สกุลไป๋ พ่อบ้านไป๋ก็ปลุกพวกเขา

ในตอนนั้น ฟ้ายังไม่สว่าง

“เร็วหน่อย! ท่านลุงติง!”

อวี๋หวั่นเพิ่งลงจากรถม้า ก็มีเด็กหนุ่นรูปร่างหน้าตาธรรมดาผู้หนึ่งกำลังนำทางพ่อค้าสามคนที่กำลังหาบผักอยู่วิ่งผ่านไป

เด็กหนุ่มผู้นั้นเอ่ยทักทายพ่อบ้านติง พ่อบ้านติงส่งเสียง ‘อืม’ ด้วยสีหน้าราบเรียบพลางโบกมือให้เขาไปได้

เด็กหนุ่มและพ่อค้าผักเดินเข้าไปในกระโจมไม้ไผ่ทางด้านซ้ายซึ่งสร้างเอาไว้ชั่วคราว ด้านในใช้สำหรับเก็บวัตถุดิบและอุปกรณ์ทำครัวเป็นหลัก เมื่อเดินต่อไปทางทิศตะวันออกก็จะเป็นห้องครัว

ห้องครัวมีขนาดใหญ่มาก มีขนาดเท่ากับสองห้องใหญ่ ลานด้านหลังบ้านมีบ่อน้ำ ภายในห้องครัวมีทั้งหมดเก้าเตา ห้าเตาตั้งล้อมรอบกำแพง อีกสี่เตาตั้งอยู่ตรงกลาง แปดเตามีคนจับจองแล้ว

พ่อบ้านติงนำอวี๋หวั่นและคนอื่นๆ ไปยังด้านหน้าเตาในห้องครัว กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “หนึ่งเตาสามารถตั้งได้หนึ่งหม้อ หากไม่พอใช้ ในกระโจมไม้ไผ่ยังมีเตาใบเล็กอีก ประเดี๋ยวข้าจะให้คนยกอาหารเช้ามาให้ วันนี้ต้องลำบากพวกเจ้าแล้ว”

เมื่อครู่ พ่อบ้านท่านนี้มิได้แยแสเด็กหนุ่มที่ทักทายเขาก่อนหน้านี้เท่าไรนัก แต่เขาน่าจะได้คุยกับคุณหนูไป๋แล้ว จึงดูเกรงอกเกรงใจพวกเขาเช่นนี้

ลุงใหญ่เอ่ยขอบคุณ

พ่อบ้านติงให้ป้ายคู่ สำหรับหยิบของแก่ลุงใหญ่หนึ่งชิ้น “คุณหนูอยู่ที่โถงบุปผา วันนี้มีแขกมาก นางอาจไม่มีเวลาแวะมาที่ห้องครัว หากพวกเจ้าต้องการสิ่งใด ก็บอกให้บ่าวในกระโจมไม้ไผ่ไปหาข้า”

ลุงใหญ่กระซิบถามว่า “คฤหาสน์ใหญ่เช่นนี้ ต้องให้นางมาจัดการเองเลยหรือ?”

พ่อบ้านติงหัวเราะ “คุณหนูเป็นบุตรกตัญญู”

อวี๋ซงเอ่ย “อ้อ”

มีบางเรื่องที่อวี๋ซงไม่รู้ แต่อวี๋เฟิงเคยได้ยินมาบ้าง

คุณหนูไป๋เป็นบุตรสาวของนายท่านกับฮูหยินคนก่อน ฮูหยินคนก่อนแต่งงานกับนายท่านไป๋แล้วสิบปีจึงจะมีบุตรสาวคนนี้ หลังจากนั้นก็มิได้มีบุตรอีก ในปีที่คุณหนูไป๋อายุครบห้าปี ฮูหยินคนก่อนก็จากโลกนี้ไป

หนึ่งปีให้หลัง นายท่านก็แต่งงานใหม่ ฮูหยินคนใหม่ก็ให้กำเนิดบุตรชายอ้วนท้วนสมบูรณ์แก่นายท่านแห่งสกุลไป๋

ว่ากันว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณหนูไป๋กับแม่เลี้ยงคนใหม่ไม่ค่อยดีนัก

คุณหนูไป๋ไม่ยินยอมให้ทรัพย์สินของตระกูลตกไปอยู่ในมือของน้องชายต่างมารดา หากเป็นคนอื่น คงมิอาจทำเช่นนี้ได้ บุตรชายสืบทอดกิจการของตระกูล นั่นเป็นหลักการแห่งฟ้าดิน แต่เพราะพื้นเพของฮูหยินคนใหม่ต่ำต้อย ไปที่ใดก็ถูกบารมีของฮูหยินคนก่อนทับถม

“ท่านตาของคุณหนูไป๋เคยเป็นขุนนาง” แต่เป็นขุนนางอะไรนั้น อวี๋เฟิงก็มิอาจรู้ได้

พ่อบ้านติงผละไปได้ไม่นาน ก็มีคนยกอาหารเช้ามาให้ เป็นหมั่นโถวร้อนๆ กับโจ๊กข้าวฟ่าง ทั้งยังมีผักดอง ไข่เค็ม และเนื้อรมควันผัดผักกาดขาว

เถี่ยตั้นน้อยถึงกับน้ำลายสอ

ลุงใหญ่จึงปอกเปลือกไข่เค็มให้เขา

อวี๋หวั่นแบ่งโจ๊กข้าวฟ่างและหมั่นโถวอย่างละครึ่งหนึ่งให้เขาเช่นกัน

เถี่ยตั้นน้อยกินเข้าไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากกินเสร็จแล้ว เขาก็ไปนั่งรอที่เก้าอี้ในลานบ้านอย่างรู้ความ ไม่งอแงหรือส่งเสียงดัง ว่าง่ายยิ่งนัก

ในตอนแรกอวี๋ซงก็คอยดูเขา ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็พบว่าเถี่ยตั้นน้อยนั่งสงบเสงี่ยมกว่าเขาเสียอีก เขาถอนหายใจเฮือก

หนึ่ง แล้วจึงหันหลังเดินออกมาช่วยคนอื่นๆ ทำงานแทน

พ่อครัวที่มาทำอาหารในวันนี้ ล้วนเป็นพ่อครัวในคฤหาสน์สกุลไป๋และพ่อครัวจากหอหยกขาว ทั้งสองกลุ่มต่างเป็นคนของสกุลไป๋ มีเพียงครอบครัวของอวี๋หวั่นเท่านั้นที่มาจากที่ใดก็ไม่รู้

“ได้ยินมาว่าคุณหนูไป๋เชิญมาจากชนบทด้วยตนเอง”

“คุณหนูไป๋มากเรื่องเสียจริง งานเลี้ยงของนายท่าน ไยต้องให้พ่อครัวจากชนบทมาทำด้วย?”

บรรดาพ่อครัวต่างส่ายหัว พวกเขาไม่เชื่อมั่นในอาหารของชาวบ้านเหล่านี้

อวี๋เฟิงและอวี๋หวั่นออกไปหยิบวัตถุดิบในกระโจมไม้ไผ่ ในนั้นมีเป็ดเป็นๆ อยู่หลายสิบตัว

เป็ดต้องเชือดสดๆ

แต่ก่อน งานประเภทนี้เป็นหน้าที่ของอวี๋เฟิง แต่เมื่อมีอวี๋หวั่นมา ความชำนิชำนาญในการใช้มีดของอวี๋เฟิงก็ลดลงเป็นอย่างมาก

อวี๋หวั่นถือเป็ดแล้วเดินไปยังลานหลังบ้าน

ท้องฟ้าค่อยๆ สว่างขึ้น

ใต้แสงแรกแห่งอรุณรุ่ง ดรุณีน้อยมือถือมีด เหงื่อโทรมกายประหนึ่งเม็ดฝน ขนเป็ดปลิวว่อนในสายลมหนาว

...........................

อีกด้านหนึ่ง ณ จวนสกุลเหยียน เหยียนหรูอวี้หลับไหลจนฟ้าสว่าง

ในห้องอันแสนอบอุ่น บ่าวสิบสองคนทยอยกันเข้ามา พวกนางถืออุปกรณ์สำหรับล้างหน้าบ้วนปากซึ่งดูวิจิตรงดงาม ทั้งยังนำเครื่องประดับศีรษะและเสื้อผ้ามาให้เลือกอีกแปดชุด

วันนี้เป็นวันสำคัญของนาง นางบรรจงแต่งตัว เลือกชุดกระโปรงยาวสีฟ้าทะเลสาบ และเสื้อคลุมสั้นทรงผีผาจิ้น

ซึ่งทำจากขนกระต่ายสีขาว ใบหูนุ่มดุจหยกขาวของนางประดับด้วยต่างหูซึ่งทำจากเส้นเงินและหยกไขแพะสีขาวขุ่น

โฉมสะคราญงามสง่า งามเกินกว่าจะหาคำใดเปรียบ

ฮูหยินเหยียนเข้ามาในห้อง ก็เห็นบุตรสาวซึ่งสวยปานเทพเซียนในภาพวาด นางถึงกับตกตะลึง

นางตื่นเต้นจนคว้ามือของบุตรสาว “ลูกข้า หากคุณชายเยี่ยนเห็นเจ้า ชีวิตนี้จักต้องไม่อยากเห็นสตรีอื่นเป็นแน่!”

.........................

วันนี้ก็เป็นวันสำคัญของอวี๋หวั่น

โอกาสเป็นสิ่งที่ได้มาอย่างยากลำบาก เธอต้องช่วยลุงใหญ่ทำอาหารอย่างเต็มที่ สร้างชื่อเสียงให้ได้ หลังจากนี้หากมีคนสั่งอาหารเพิ่มขึ้น เธอก็จะไม่ต้องกังวลว่าไม่มีเงินค่าอาหารและค่าหมออีกแล้ว

เธอจัดการถอนขนเป็ดจนสะอาดเรียบร้อย บนตัวเธอเต็มไปด้วยเลือด อาจฟังดูน่ากลัวไปสักหน่อย ทว่าเธอมิได้ใส่ใจ รีบไปหั่นหัวผักกาดและมันเทศต่อ

อาหารชั้นเลิศหนึ่งสำรับ นอกจากจะต้องรสชาติดีแล้ว การตกแต่งจานก็นับว่าสำคัญมาก

เธอหั่นได้สวยงาม สีขาวเป็นกลีบดอกไม้ สีม่วงเป็นขอบ และสีเหลืองเป็นเกสรดอกไม้ บนกลีบดอกไม้ยังมีหยดน้ำ วางซ้อนกันเป็นชั้นๆ ดูน่ากิน มิใช่การนำอาหารมากองสุมกันแล้วหั่น แต่เหมือนกับเด็ดลงมาจากต้นเสียมากกว่า

“ท่านพี่”

เถี่ยตั้นน้อยเดินมาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

อวี๋หวั่นวางมือจากสิ่งที่ทำอยู่ “มีอะไร หิวแล้วหรือ”

เถี่ยตั้นน้อยพยักหน้า

ช่วงนี้เขากินเยอะ กินไปเพียงไม่นานก็หิวอีกแล้ว

ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาอาหาร เนื้อในหม้อยังต้มไม่สุก

โชคดีที่อวี๋หวั่นเตรียมการเอาไว้แล้ว “พี่เอาชงโหยวปิ่งมา เดี๋ยวพี่ไปหาเตา แล้วจะเอาไปอุ่นให้ร้อน”

อวี๋หวั่นเดินไปหยิบเตาไฟใบเล็กในกระโจมไม้ไผ่ เธอหามุมเงียบๆ นั่งลงจุดไฟ วางกระทะใบเล็ก แล้วใส่น้ำมันลงไปหนึ่งช้อน จากนั้นก็วางชงโหยวปิ่งแผ่นกลมใหญ่ลงไป กลิ่นหอมของชงโหยวปิ่งทอดก็ฟุ้งกระจายไปทั่ว

เถี่ยตั้นน้อยย้ายเก้าอี้ไม้มา

หลังจากที่ชงโหยวปิ่งร้อนแล้ว อวี๋หวั่นก็ดับเตาไฟจนเหลือเพียงถ่านไม้ร้อนๆ ใต้กระทะ

“ท่านพี่ ท่านไปทำงานเถอะ ข้ากินเองได้!” เถี่ยตั้นน้อยกล่าวอย่างรู้ความ

“อื้ม” อวี๋หวั่นกลับไปทำงานต่อ

ปล่อยให้เถี่ยตั้นน้อยนั่งกินต่อไป

ชงโหยวปิ่งไส้เนื้อแพะต้มหัวผักกาดอันนี้ อวี๋หวั่นทำด้วยตนเอง กลิ่นหอมมาก แต่รสชาตินั้น…

“ข้าไม่ได้เป็นน้องชายที่เลือกกิน” เถี่ยตั้นน้อยพูดพร้อมสูดลมหายใจ

................................................