บทที่ 15 นางแบบอันดับหนึ่งเรื่องน่าอายและโง่เขลา
“โอ้…คุณไม่อยากแต่งงานเหรอ ถ้างั้นเราก็จะไม่ต้องแต่งเสียเลยสิ่ทำมัน…” ถังหนิงยิ้ม
“ไว้รอจนกว่าคุณจะว่างแล้วเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันทีหลัง”
หันอวี่ฝานรู้สึกสับสนเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขายื่นมือออกไปวางบนไหล่ของถังหนิงอย่างจองหอง เขาถามด้วยแววตาขุ่นเคืองว่า “คุณไม่รักผมอีกต่อไปแล้วหรือ”
“แล้วคุณล่ะ คุณรักฉันไหม?” ถังหนิงค่อยๆ เอาผละตัวเองออกจากการจับกุมของหันอวี่ฝาน เธอสัญญากับโม่ถิงไว้แล้วว่าจะไม่มีการสัมผัสทางกายกับผู้ชายคนอื่น
หันอวี่ฝานนิ่งไป เขาเปิดปากจะพูดแต่ก็ไม่มีคำใดหลุดออกมา เพราะเขาไม่เคยมีความรู้สึกอะไรต่อถังหนิงเลย เขาแค่หลอกใช้เธอเท่านั้น เขาปล่อยมือออกช้าๆ “เรากำลังจะแต่งงานกันอยู่แล้ว ทำไมคุณถึงสงสัยความรักของเรา คุณกำลังจะเป็นภรรยาของผมในไม่ช้านี้แล้ว คุณคิดในแง่ของผมไม่ได้เหรอ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่อวี่โหรวจะได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงในงานประกาศรางวัลท็อปเทนโมเดลนะ ถังหนิงผมแค่รำคาญที่คุณไม่สามารถเข้าใจอะไรง่ายๆได้มากกว่านี้”
ถังหนิงถอยห่างจากหันอวี่ฝานช้าๆ เธอยังคงอยู่ในความสงบ “ถ้าอย่างนั้นต่อจากนี้ คุณก็ต้องทำใจให้ชินกับฉันที่เป็นอยู่ตอนนี้” หลังจบบทสนทนาของพวกเขา ถังหนิงก็ปล่อยให้หันอวี่ฝานยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียวขณะที่เธอแล้วเดินออกมาจากตึก
หันอวี่ฝานสับสน เขาไม่เข้าใจว่าทำไมความคิดของถังหนิงถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ แต่หลังจากที่คิดอย่างถี่ถ้วนแล้วเขาก็คาดว่าเธอคงอิจฉาเขากับโม่อวี่โหรว อย่างไรก็ตามแต่ เขาไม่มีแรงพลังไปเกลี้ยกล่อมเธอหรอก เพราะโม่อวี่โหรวยังต้องได้รับการปลอบโยนอยู่ และถังหนิงก็ไม่ใช่คนที่จะทำให้ใครเป็นกังวล หลังจากที่ความโกรธของเธอเบาบางลง สิ่งต่างๆ น่าจะกลับมาเป็นปกติหายโกรธแล้วเธอคงจะกลับมาเป็นปกติเอง
เธอยังคงเป็นคนที่ไร้ประโยชน์มาตลอด ไม่ว่าจะไร้อารมณ์ใดๆ หรือแม้แต่จะลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อตนเอง
ถังหนิงรู้ว่าหันอวี่ฝานคงไม่ตามเธอมาและ หัวใจของเธอก็ยอมแพ้ไปแล้ไม่เหลือนเยื่อใยให้เขาแล้วว เธอจึงรีบกลับบ้านเพื่อไปหาโม่ถิง เพียงแค่คิดถึงเขา ถังหนิงรู้สึกว่าหัวใจตนเองเหมือนได้รับแสงสว่างที่ทำให้หัวใจสดชื่นทันที
“ถังหนิง ฉันจะพาคุณกลับบ้านก่อน คุณจะได้กลับไปเติมพลังได้ ส่วนพรุ่งนี้เราจะเซ็นสัญญาเพื่อที่คุณจะได้เลือกสถานที่” หลงเจี่ยพูดกับถังหนิงอย่างมีความสุข
“หลงเจี่ย ยกเลิกสัญญาเช่าบ้านของเธอคุณแล้วย้ายมาอยู่บ้านหลังเก่าของฉันสิ ให้บ้านฉันได้มีชีวิตชีวาหน่อย เธอคุณจะเปลี่ยนกุญแจบ้านก็ได้ ถ้าหันอวี่ฝานถาม ก็บอกไปแค่ว่าเธอคุณย้ายมาเพื่อดูแลฉันและมันก็ไม่สะดวกเท่าไรหากเขาจะมีกุญแจ” ถังหนิงแนะนำ “พรุ่งนี้ฉันจะเซ็นสัญญาใหม่กับเธอคุณ”
“ได้สิ…ดีกับฉันเหมือนกัน จะได้ประหยัดเงินได้ด้วย” หลังจบบทสนทนา หลงเจี่ยมองถังหนิงด้วยรอยยิ้มที่กำกวม “ท่านประธานบริษัทผู้ยิ่งใหญ่ของไห่รุ่ยเอ็นเตอร์เทนเมนต์เป็นยังไงบ้างล่ะ”
“อย่าถามมากน่า เข้าใจไหม” ถังหนิงตอบ จ้องเข้าไปในดวงตาของหลงเจี่ย
หลังจากกลับมาบ้าน ถังหนิงก็มีเวลาว่างเยอะมากเพราะโม่ถิงยังอยู่คงออกไปข้างนอก เธอเดินตรงไปยังไปห้องครัวและพบ เห็นคนรับแม่บ้านใช้กำลังทำอาหารอยู่ เธอจึงพับแขนเสื้อขึ้นและเสนอว่า “ให้ฉันช่วยด้วย!”
“คุณผู้หญิงคะ เราจะทำให้คุณเดือดร้อนลำบากได้อย่างไร” แม่ครัวที่ดูแลเรื่องอาหารเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่อายุเกินสี่สิบปีกว่าแล้ว เธอชอบถังหนิงเพราะเป็นคนเธอให้ความรู้สึกที่สงบเสงี่ยม
“แล้วถ้าแบบนี้ล่ะงั้นเอาอย่างนี้ คุณไปพักผ่อนหนึ่งวันวันนี้ป้าก็หยุดพักไปซะ เธอิงยังคแล้วะยอมให้ฉันทำอาหารให้โม่ถิงคืนนี้” ถังหนิงพาแม่ครัวออกจากห้องครัว
ตอนที่โม่ถิงกลับมาบ้านก็เป็นเวลาที่ดึกมากแล้ว อย่างไรก็ตามทว่า ทันทีที่เข้ามาในบ้าน สิ่งแรกที่เขาทำคือการมองหาถังหนิง โม่ถิงเห็นถังหนิงกำลังตั้งใจทำอาหาร สวมผ้ากันเปื้อนและยืนอยู่ในครัวด้วยเท้าเปล่า โม่ถิงรู้สึกประหลาดใจขณะที่จ้องมองเธออย่างเงียบๆ อย่างประหลาดใจ เขาถูกโดนดึงดูดด้วยขาเรียวยาวของเธอทันที เขาเดินเข้าไปหาและกอดเธอจากข้างหลังพร้อมกับพรมจูบที่ใบหูอย่างอ่อนโยน
“ท่านประธานโม่ อย่าทำตัวป็นเด็กได้ไหมสิคะ ฉันกำลังปรุงปลา…”
โม่ถิงเดินมาปิดเตา เชยคางของเธอขึ้นและประกบริมฝีปากทันที “แต่ตอนนี้ ผมแค่อยากกินคุณมากกว่า…”
ถังหนิงวางอุปกรณ์ทำอาหารในมือลงและหันกลับไปกอดโม่ถิง เธอจูบเขาตอบอย่างเก้ๆ กังๆ สัมผัสแผ่วเบาของเขาทำชวนให้เธอหลงใหล และเมื่อเธอสังเกตเห็นไฝที่มีเสน่ห์บนใบหูของเขาก็ทำให้เธอหลงเสน่ห์เข้าอย่างจัง
โม่ถิงละเลงจูบของโม่ถิงไม่ต่อเนื่องเป็นพักๆ แต่ทว่าอ่อนโยน เขาเอนกายเธอลงช้าๆ และในที่สุดก็กลับมาหยุดที่กระดูกไหปลาร้า “ไม่ต่ำลงกว่านี้…ไม่งั้นผมคงจะควบคุมตัวเองไม่ได้แน่”
“ปลา…ฉันต้องทำปลาให้เสร็จ” ถังหนิงถอยห่างจากริมฝีปากของโม่ถิง เปิดเตาอีกครั้งหนึ่งและสานต่อสิ่งที่เริ่มค้างไว้ให้เสร็จสำเร็จ โม่ถิงหัวเราะเบาๆ แล้วะยื่นมือไปลูบหัวถังหนิงเป็นการขณะที่ชื่นชมการสร้างสรรค์ผลงานของเธอ
“ให้ผมช่วยนะ”
“ท่านประธานโม่ทำอาหารเป็นด้วย?” ถังหนิงถามพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้น
“วันนี้ผมจะอนุญาตให้ทำ แต่ต่อจากนี้ไปห้ามเข้ามาในครัวอีก ผมไม่อยากให้คุณได้รับบาดเจ็บ” โม่ถิงปกป้องถังหนิง โดยเฉพาะขาของเธอ นี่เขาคิดแม้แต่จะซื้อประกันภัยให้ด้วยซ้ำ
“จอมบงการ…” ถังหนิงแสดงความเห็น แต่ลึกๆ เธอก็เข้าใจว่าเขาเป็นห่วง
คู่แต่งงานเตรียมอาหารกันอย่างเงียบๆ กลับกลายเป็นว่าพวกเขาทั้งคู่ต่างก็เป็นเชฟฝีมือดี ถังหนิงทำอาหารจานโปรดของโม่ถิง ในขณะที่เขาเองก็ทำอาหารจานโปรดของเธอ ดังนั้นโต๊ะอาหารจึงเต็มพร้อมไปด้วยงานฉลองอาหารหน้าตาน่ารับประทานที่น่าพอใจได้ไม่ยาก
เป็นการเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์ พวกเขามองไปที่โต๊ะอาหารด้วยความแปลกใจอย่างพร้อมเพรียงกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งนี้แล้วการสนุกกับชีวิตแบบนี้ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ไม่สามารถทำได้โดยใครก็ตาม
“พรุ่งนี้ฉันอาจจะต้องไปที่ลูเซิร์นหลุยเซินเพื่อถ่ายแบบ ฉันอาจจะไม่ได้กลับบ้านนะ” ถังหนิงรายงานให้โม่ถิงฟังอย่างซื่อสัตย์ซื่อตรง
“คุณจะเซ็นสัญญาพรุ่งนี้เหรอ แล้วจะออกไปตอนบ่ายเลยงั้นหรือ”
“อ่ะฮะค่ะ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของอัชแอ็ฟนั้นเร่งด่วนมาก” ถังหนิงพยักหน้า “โม่ถิง ให้เวลาฉันสักหน่อยนะคะ ฉันจะกลับไปยืนอยู่ในจุดที่ทำให้คุณภูมิใจแน่นอน”
“ผมไม่เคยสงสัยในตัวคุณอยู่แล้ว” โม่ถิงตักอาหารให้ถังหนิง พวกเขาสบตากันและมองกันอย่างชื่นชม
แน่นอนว่าโม่ถิงตั้งตารอให้ถังหนิงก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ และรอดูความทุกข์ยากของหันอวี่ฝานกับโม่อวี่โหรวจะมีความทุกข์ยากอย่างไรบ้าง
…
หลังจากคืนที่มีลมแรงล่วงไป มันก็เริ่มมีฝนก็เริ่มตกปรอยสายลงมาๆ ช้าๆ
เมื่อกลับมาถึงบ้านของหันอวี่ฝาน โม่อวี่โหรวก็ขว้างทุกสิ่งที่เธอคว้าได้ลงบนพื้นจน ทำให้มันแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย โดยเฉพาะเมื่อเธอคิดว่าถังหนิงจะเซ็นสัญญาพรุ่งนี้ก็ยิ่งทำใจรับไม่ได้ สิ่งที่แย่ที่สุดคือ หันอวี่ฝานช่วยถังหนิงจริงๆ นี่เป็นสิ่งที่เธอทนไม่ได้มากที่สุด
หันอวี่ฝานเปิดประตูเข้ามาพบกับฉากที่ทำให้ตกใจ เขาเห็นโม่อวี่โหรวยืนถือแจกันไว้ในมือ เขาจึงรีบวิ่งไปหาเธอและโอบกอดโม่อวี่โหรวเอาไว้ “อย่าอารมณ์เสีย มันไม่ดีต่อเด็กลูกในท้อง”
“ฉันแปลกใจจังนะที่คุณรู้ด้วยว่ามันไม่ดีต่อเด็ก ลูก ถึงแม้ว่าทั้งที่คุณเพิ่งจะมองถังหนิงขโมยข้อตกลงงานของฉันไปหน้าตาเฉย”
“เรายังมีโอกาสอีกมาก ผมกำลังทำงานเพื่อทำให้มีให้เกิดความร่วมมือที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม หยุดสนใจถังหนิงเถอะ แม้ว่าเธอจะกลายเป็นพรีเซ็นเตอร์ แล้วยังไงล่ะ” หันอวี่ฝานยังคงลูบไหล่ปลอบโยนโม่อวี่โหรว “ที่รัก ฟังผมนะ อย่าทำร้ายตัวเอง”
“ถึงแม้ว่าคุณจะทำสิ่งนี้แต่คุณจะหว่านล้อมยังไงฉันก็ไม่คล้อยตามหรอกนะ” โม่อวี่โหรวเงยหน้าขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่คลอเบ้า “เธออยู่กับคุณมาหลายปีแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้เธอได้สิ่งที่ต้องการหรอก”
ในความเป็นจริง เธอสั่งให้ผู้ช่วยสร้างความวุ่นวายท่ามกลางกับแฟนคลับของเธอแล้ว และเธอก็กำลังมองดูผลลัพธ์ แฟนคลับของเธอเริ่มพูดคุยกันว่าจะฉีกถังหนิงเป็นชิ้นๆ และพูดจาสบประมาทเธอ
หากเธอต้องยอมแพ้ เธอก็จะไม่มีทางยอมให้ถังหนิงเป็นผู้ชนะ
ที่สำคัญที่สุด เธอยังสั่งให้ผู้ช่วยโพสต์รายละเอียดตารางเวลาของถังหนิงในวันพรุ่งนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้แฟนคลับไปสร้างปัญหาให้ถังหนิง
ถังหนิงคิดว่าการเป็นพรีเซ็นเตอร์มันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ พรุ่งนี้เธอจะกลายเป็นนางแบบอันดับหนึ่งที่โง่เขลาและน่าอับอายของสนามบิน