"คุณเอาป๊าไปไว้ไหน"
"ผมไม่รู้หรอก"
แต่ถ้าไม่มีคำตอบให้ นักโทษสังหรณ์ใจว่าคงไม่ถูกปล่อยตัวกลับง่าย ๆ แน่ ได้แต่จมอยู่กับห้วงเวลาที่ร่อยหรอลงทุกนาที ตอนนี้ผ่านมากี่วันแล้ว ย่ารู้ว่าเขาหายตัวไปหรือยัง ย่าจะทำอะไรบ้างถ้าหล่อนต้องลงมือเอง
ต้องเอาเหรียญคืนมาก่อน ยังดีคุณหลินไม่รู้ว่าเขาใช้จินไม่ได้ถ้าไม่มีรำลึก อาจใช้ข้อนี้เป็นประโยชน์ได้ แต่แผนหนีที่ธามพึ่งร่างขึ้นยุ่งเหยิงจนไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ภาพความรุนแรงในหัวเหมือนจำลองรอยช้ำบนร่างกายทันที อยากยกแขนขึ้นมาปกปิดศีรษะ อยากกอดเข่าคุดคู้ป้องกันอวัยวะสำคัญ อยากเอาตัวรอด
ความเงียบครึ่งนาทีหลังจากนั้นน่าอึดอัด ถึงธามจะสบประมาทว่าไม่น่ากลัวก็เถอะ ขึ้นชื่อว่าการทรมานแล้วยังไงก็ไม่กินหรูอยู่สบายแน่นอน นักโทษห้ามตัวเองไม่ให้หายใจห้วนสั้นลง กล้ามเนื้อเกร็งพร้อมรับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้
เลเซอร์ถูกฉาย จุดสีแดงปรากฏตรงแถวคางเขา แล้วนรกก็เริ่มต้น
ปีศาจทั้งฝูงพุ่งเข้าโจมตี อุ้งเท้าสิบยี่สิบตัวคูณตัวละสี่ขา ฟาดไปตามใบหน้า หนักสุดคือมีตัวนึงขย้อนขนใส่ตัก ธามมีเวลาอ้าปากเหวอกับวิธีทรมานอยู่ได้เพียงเสี้ยววินาที นอกนั้นต้องปิดปากกลั้นหายใจกับหันหนีจอมมารหน้าขน
เลเซอร์ถูกกดปิดในเวลาไม่นาน
เขาแทบไม่เชื่อว่าพึ่งเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง ในใจสบถหยาบคายกับโจรลักพาตัวมือใหม่ ชายหนุ่มยังอ้าปากค้างให้ขนแมวเข้าปากจมูกจนจามแรง
"ป๊าฉันอยู่ไหนค้าา"
"นี่มัน—นี่เรียกทรมานเหรอ"
เลเซอร์จ่อขึ้นตรงแก้มอีกรอบ ฝูงพรีเดเตอร์เข้ารุมสกรัม
"ล้อ-แค่ก-ล้อเล่นกันอยู่รึไง" เขาอยู่ใต้ความกดดัน ย่ำไปมาระหว่างความหวังสิ้นหวัง แต่อีกฝั่งมัวแต่เล่นแมว?? เขากลัว—เขามีงานที่ต้องทำ มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ มีคนที่เฝ้ารออยู่ข้างหลัง ไม่ว่างมาเสียเวลากับเด็กปัญญาอ่อน
"โอ๊ย!! คุณ จริงจังบ้าง!"
"ฉันไม่ซีเรียสตรงไหน พ่อฉันหายตัวไปทั้งคนนะ บอกวิธีชนะไอ้พลังจิตของคุณมาสิแล้วฉันจะยก pc ไปฟาดถึงที่เลย ได้หัวแตกสมใจแน่"
"ผมไม่รู้"
"หวัดดี siri เสิร์จ วิธีทรมานคนจากระยะไกล" เสียงโมโนโทนของผู้หญิงตอบรับคำขู่อย่างไร้อารมณ์
ธามมือกระตุกอยากยกขึ้นมานวดหัวคิ้ว ไม่ก็อยากไปทึ้งหัวลูกน้องให้หายเครียด "ฟังก่อน ผมไม่รู้จริง ๆ ผมแค่ทำตามคำสั่งอีกที ไม่รู้หรอกว่าพวกนั้นจะเอาคุณนาวีไปไหนต่อ คุณกำลังเอาคอขึ้นเขียงโดยไม่ได้อะไรนะตอนนี้"
"งั้นพวกนั้นนี่ใคร สมาคม? ผู้สนับสนุน? สมาชิก?"
ธามเงียบใส่
"ฮัลโหลล ฉันต้องไปจิกหัวใครต่ออออ" เสียงเด็กหญิงหมดความอดทน เธอกะพริบเลเซอร์อีกสองสามครั้งเรียกฝูงปิรันย่าบก แต่นอกจากทำให้นักโทษกลอกตาเอือมระอา (กับมีก้อนขนอยู่ตรงตัก มีรอยกรงเล็บเลือดซิบทั่วตัว) แล้วก็ไร้ผล
"ถ้าไม่ตอบฉันจะเปิด Baby Shark ดังสุดลำโพงให้คุณฟังทั้งคืน"
ธามโกรธจนเซ็ง เซ็งจนปลง ปลงจนจะนิพพานแล้ว ไม่รู้จะโล่งอกหรือกุมขมับดี เดี๋ยวแมว เดี๋ยวเพลง นี่เครียดกันอยู่จริง ๆ ใช่ไหม
"เอาเลยครับ ตามสบาย" ชายหนุ่มเอ่ยเชิงท้าทาย "บอกไว้ก่อนว่าคุณเสี่ยงตายฟรี รีบปล่อยผมไปก่อนจะ—" อุ้งเท้ามารมาพร้อมเสียงดนตรีระคายหู
ทั้งที่เขาอุตส่าห์เตือน แต่กลับกลายเป็นของเล่นให้เด็กน้อยไม่รู้จักวิธีทรมานคน ไม่…แน่ล่ะที่ไม่รู้จัก ธามพึ่งนึกเหตุผลออกตอนนั้นเอง ครอบครัวของคนปกติที่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวเรื่องเลวร้าย มีชีวิตอยู่เรียบง่าย มีปัญหาธรรมดาทั่วไป แล้วจะไปรู้อะไรเกี่ยวกับโลกที่เขาเผชิญ
เป็นเพียงผู้บริสุทธิ์ที่แบกรับผลจากความเห็นแก่ตัวของเขา ข้อนี้ทำให้ชายหนุ่มอึดอัดเหมือนมีมือมาบีบจิตสำนึกข้างใน แต่ธามก็ไม่ได้ใจดีขนาดยอมแลกครอบครัวตัวเอง กับชะตากรรมของคนที่พึ่งรู้จักอยู่ดี
___
การถูกสอบสวนโดยมือใหม่ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่มีความเป็นมืออาชีพ พอตกดึกแล้วนักโทษก็ถูกทิ้งไว้คนเดียวโดยไม่มีใครเฝ้า เชือกผ้าที่มัดตัวเขาไว้ถูกปลดออกง่ายดายหลังสะบัด ๆ ทุลักทุเลไม่กี่ที ส่วนลำโพงมรณะก็ถูกเก้าอี้เหวี่ยงใส่จนกลายเป็นเศษซาก เหลือแต่ตรวนหนาหนักตรงข้อเท้าที่ยังเป็นปัญหา
หน้าต่างใกล้ประตูเปิดออก ใบหน้าเล็กโผล่พ้นขอบขึ้นมา เด็กชายคนหนึ่งพยายามดันตัวเองข้ามหน้าต่างแต่ล้มเหลว ได้แต่ยืนเขย่งสุดปลายเท้าเพื่อเสริมความสูง
ผู้ใหญ่กระแอมไอ ร่างเล็กหันขวับมากล่าวโทษทันทีที่รู้ว่าถูกเห็นตัว
"ปะ…ป๊าไปไหน" ดวงตากลมโตใสซื่อมีน้ำตาเกาะแพรวพราว เสียงเบาเหมือนกระซิบ พอรวมกับใบหน้าหม่นหมองแล้วกระตุ้นให้ต่อมศีลธรรมของผู้มองทำงานดุเดือด "เอาปะป๊าคืนมานะ"
เทวดาบนไหล่ขวาบอกธามให้ขอโทษ เอ่ยปลอบโยน ทำทุกอย่างให้เด็กอนุบาลหยุดร้องไห้โดยด่วน แต่ปีศาจบนไหล่ซ้ายยุยงให้ใช้โอกาสนี้ซะ รีบหาทางออกจากที่คุมขังแม้ต้องหลอกเด็ก หลังกำหมัดสลับกับผ่อนคลายลมหายใจอยู่ครู่หนึ่ง ปีศาจก็เป็นฝ่ายชนะ
"ปล่อยผมก่อนสิแล้วผมจะพาเธอไป"
"ไม่ได้-ฮึก" เด็กชายส่ายหน้าพร้อมทำเสียงสะอื้นน่าสงสาร "แด๊ดบอกว่าพี่ชายเป็นคนร้าย"
เทวดาบนไหล่ขวาเอาตรีศูลฟาดจนเจ็บช้ำไปหมด แต่ธามไม่อาจหยุดตัวเอง "เราแค่เข้าใจผิดกันเท่านั้น เธอก็รู้ว่าคุณฉัตรเป็นคนใจร้อน ด่วนตัดสินไปก่อนโดยไม่ฟังผมเลย แต่ถ้าเป็นเธอ…เธออาจจะพาป๊ากลับมาก็ได้"
เด็กชายขมวดคิ้วสับสนในคราแรก ไม่ค่อยเข้าใจการอธิบายของผู้ใหญ่นัก แต่พอธามชี้ช่องทางช่วยคุณพ่อ ดวงตาใสซื่อก็เป็นประกายคาดหวังขึ้น
"จริงนะ? หนูหาป๊าได้เหรอ"
"ได้สิ" เขากำลังจะถูกมโนธรรมฆาตกรรมในอีกไม่นาน ถึงขนาดปั่นหัวเด็กเพื่อเอาตัวรอดแล้ว ชักจูงมนุษย์ไร้เดียงสาให้มีความหวังแล้วทำลายลงอย่างไร้ปรานี ถ้าพ่อแม่เขารู้คงภูมิใจมาก
"นะ-หนูต้องทำยังไง"
ธามกลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ทั้งกลืนความลังเลอันไม่จำเป็นไปด้วยกัน "หากุญแจไขโซ่มาให้ก่อน พาผมออกไปได้แล้วจะบอก"
"อื้ม!"
เด็กอนุบาลหายไปหาของไม่ถึงห้านาที ก่อนกลับมาอีกครั้งพร้อมถุงสีดำทึบ ร่างเล็กพยายามปีนข้ามหน้าต่างเพื่อเอากุญแจมาให้เขา แต่แขนบอบบางพาล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ถึงเด็กชายจะยังไม่เลิกล้มความมุ่งมั่น ผู้สูงอาวุกว่าเห็นแล้วเหนื่อยแทน
"ไม่เป็นไรครับ ขว้างมาก็ได้"
ตอนนั้นเองที่เด็กชายเห็นบางอย่างจากฝั่งบ้าน เขาเอ่ยตกใจทั้งทำตาโต แต่ระดับเสียงไม่ดังไปกว่าการกระซิบ "พี่-พี่ชาย ทำไงดี แด๊ดตื่น ต้องโดนดุแน่เลย"
"ขว้างถุงมา!"
"หนูต้องไปแล้ว!"
แขนเด็กแรงยังน้อย บวกกับความรีบร้อนเลยขว้างมาได้นิดเดียว ก่อนใบหน้าเล็กจะหายไปจากขอบหน้าต่าง
นักโทษก็ต้องรีบร้อนเช่นกัน ฉัตรจะเข้ามาตอนไหนก็ไม่รู้
ธามมัวแต่โฟกัสกับถุงใส่กุญแจ ไม่ได้เอะใจเลยว่าน้ำหนักเสียงตอนตกถึงพื้นมันทึบ ๆ แปลก ๆ ไม่ใช่ธรรมชาติของเหล็ก เขามัวแต่พยายามเอื้อมหยิบถุงโดยไม่ลดละ หน้าดำหน้าแดงย่นระยะทางจนมองข้ามความน่าสงสัย อีกคืบเดียวเท่านั้น อีกคืบน้อยก็จะเอื้อมถึง แต่โซ่หนาตรงข้อเท้าตึงจนไปต่อไม่ได้
นักโทษลองนอนราบกับพื้นแล้วเหยียดแขนสุดชีวิต นิ้วโดนผ้าสีดำแล้ว เขี่ยปลายถุงได้แล้วแต่ไม่มีปัญญาดึงกลับมา ธามลุกขึ้นแล้วเปลี่ยนวิธีการใหม่ เขาถอดเสื้อเชิ้ตเพื่อใช้เป็นแห ก่อนจะพยายามเหวี่ยงให้โดนเป้าหมายแทน
ในที่สุดฟ้าดินก็เข้าข้าง เขาสามารถเหวี่ยงเสื้อไปคลุมถุงแล้วลากมาได้พอดี สิ่งแรกที่นักโทษเร่งทำคือเปิดหากุญแจ
มีแต่ม้วนขดยากันยุงปึกใหญ่
ข้างในไม่มีที่จุดแถมมาให้
"อะไรวะ…?"
ธามหัวเสีย ขว้างถุงไร้กุญแจลงพื้นด้วยความหงุดหงิดขั้นสุด เขาพึ่งเข้าใจเหตุผลเมื่อจ้องมองหน้าต่างเปิดกว้าง ได้ยินเสียงหึ่ง ๆ ของแมลงตัวร้ายที่บุกเข้ามา
_____