'ช่วยนึกให้ออกทีเถอะครับ ถ้าได้มันกลับไปด้วยผมก็พอช่วยต่อรองให้ได้'
ผู้อาวุโสกว่าไม่ได้นึกหาคำตอบเลย เขาได้ยินแต่เสียงเลือดสูบฉีดและชีพจรที่เต้นตุบ ๆ ในหู พยายามดึงแขนกลับแต่การควบคุมถูกแย่งชิงไปอีกครั้ง
'ตอนนั้นเขายื่นอะไรคืนให้คุณ'
'ไม่-ไม่รู้ ปล่อยเถอะ' ป๊าใช้แววตาอ้อนวอนเท่าที่อิสระอันน้อยนิดจะพออำนวย ใจจริงอยากเปลี่ยนเป็นกอดอกซ่อนมือตัวเองไม่ให้เห็น อยากบอกให้อีกฝ่ายหุบปาก
'มันมักจะเป็นของชิ้นเล็กที่สามารถพกติดตัวได้ สร้อย นาฬิกา เครื่องประดับ'
ดวงตาของธามหลุบมองตรงนิ้วนางตรงมือเหยื่อ ลูบโลหะสีเงินเกลี้ยงอย่างครุ่นคิด ก่อนค่อย ๆ ถอดถึงมันออก
'…แหวน'
ขยับ ขยับสิ ต่อต้าน
'เอาคืนมา!'
ป๊าจำได้ว่ากระชากมือออก ลุกขึ้นหนี เอื้อมมือไปที่ประตูแล้ว แต่วินาทีถัดมานั่งอยู่ที่เก่า
ทั้งที่เคยใจเต้นแรงตลอดจากความวิตก แต่ตอนนี้เหยื่อกลับรู้สึกมึนชาไร้เรี่ยวแรง นั่งเปื่อย ๆ จ้องขอบถ้วยบนโต๊ะจุดเดิม ความทรงจำปั่นป่วนคล้ายนึกผ่านม่านฝัน ทุกอย่างดูช้าไปหมดเหมือนเกิดขึ้นจากที่ไกลแสนไกล
"ทำไมครับ?"
ธามกำลังพูดกับใครบางคนที่ป๊ามองไม่เห็น
อีกกี่คนที่ทำงานร่วมกับหมอนี่? อีกกี่คนกันที่พุ่งเป้ามาที่ครอบครัวเขา อีกกี่คนที่สามารถควบคุมร่างกายเขาเป็นตุ๊กตาแขวนเชือกได้
"ไม่จำเป็น ผมได้รำลึกแล้ว" ธามหลับตานิ่งไปพักใหญ่ ทิ้งให้เหยื่อคิดวิตกไปเป็นร้อยพันถึงผู้อยู่เบื้องหลัง ยิ่งเกร็งมือใต้โต๊ะแน่นเมื่อชายหนุ่มยอมจำนน "…ครับ"
คู่สนทนาเงยขึ้นมาเอ่ยเสียงเศร้า "ผมไม่มีทางเลือกจริง ๆ"
ช่วงเวลาหลังจากนั้นเหมือนเคลื่อนตัวผ่านคลื่นน้ำ ปล่อยให้ร่างกายขยับไปเองโดยไม่ต่อต้าน ขาเดินไปตามทิศทางที่ผู้ทรงพลังอยากให้ไป ภาพห้องอาหารและสวนเซ็นลอยผ่านอย่างพร่าเบลอ เวลาถูกข้ามโดยปราศจากการจดจำ
รู้ตัวอีกทีป๊าผ่านหน้าพนักงานที่โค้งลา ภายนอกคงเห็นแค่คนสองคนเดินกลับจากร้านอาหารธรรมดา ๆ ก่อนออกไปซอยด้านหลัง ก้าวสู่ส่วนหลังตึกที่มีแต่รถไร้ผู้คน
ร่างคุ้นเคยโดดลงขวางตรงหน้า ขวางธามไว้จากรถของเขาที่ห่างไปไม่กี่ก้าว
ป๊ารับรู้ว่าคนข้าง ๆ ผงะถอย แต่ดวงตาหมองมัวเกินจะเห็นว่าโดดมาจากตรงไหน ไม่แน่ตอนสติแจ่มชัดก็ยากจะคิดออกอยู่ดี การเห็นหน้าสามีช่วยดึงภาพรอบตัวให้ชัดขึ้นกว่าเดิม รู้ตัวว่าถูกธามโอบไหล่กันหนี
อาจด้วยท่าทางถมึงทึงของเขา แด๊ดดูสูงใหญ่ขึ้นจนชวนให้ป๊านึกถึงแมวพองขน ไหล่ผึ่งผาย สีหน้าดุร้าย กำปั้นแนบข้างตัว จ้องศัตรูจากองศาที่ต่ำกว่าปกติ นิ่งรอจังหวะอย่างนักล่าที่พร้อมจะกระโจนเข้าใส่
"เอ็งจะพานาวีไหน"
"ไม่ใช่ธุระของคุณครับ"
"ไม่ใช่ธุระกับผีสิ" แด๊ดใช้วุฒิภาวะกว่าหกสิบปีคุมตัวเองไม่ให้ระเบิด เขาประเมินสถานการณ์ก่อนด้วยสายตาเป็นคำถาม แต่คู่ชีวิตไม่สามารถเงยหน้าขึ้นตอบ "ป๊าจะไปกับมันเหรอ ไปไหน"
'ไล่เขากลับไป'
ธามเอ่ยขึ้นในความคิด เป็นการย้ำเตือนว่าระยะแค่ไม่กี่ก้าวมันใกล้แค่ไหน เขาสามารถบังคับให้คนคนหนึ่งถึงฆาตได้เพียงสัมผัส ไหนยังจะผู้มีพลังอีกคนที่ไม่เห็นรู้ว่าใครอีก ถึงเขาไม่ขู่ป๊าก็ยอมทำตาม ต้องหาทางเอ่ยปากไล่คนที่ห่วงใยตัวเอง ต้องใจร้าย
"คุณธามกำลังช่วยพวกเราอยู่" เขาจ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาสามี รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ชอบให้มีคำว่า 'คุณ' นำหน้ากับคนที่เป็นปรปักษ์ คำพูดร้ายกาจมากมายผุดขึ้นมาให้เลือกใช้ "อย่ามาทำให้เสียเรื่องได้ไหม"
"ช่างมัน กลับบ้านก่อนค่อยว่า" แด๊ดก้าวฉับเดียวถึงตัวคนรัก รวบต้นแขนป๊าด้วยแววมุ่งมั่นว่าจะไม่ปล่อยมือ—จนกว่าธามจะปล่อยก่อน กลายเป็นยึกยักแย่งตัวคนกลางโดยไม่มีใครยอมใคร ประกายอาฆาตเป็นสายฟ้าฟาดฟันกันผ่านสายตา "เอ็งถอยไปซะ"
'อย่าลืมว่าไม่ได้มีแค่ผมที่อยู่ที่นี่'
'…เขาไม่รู้เรื่องด้วย' ป๊าเอ่ยขอร้องสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยเสียงสั่นเบา
"ทำไมต้องตั้งแง่ด้วยฮึ คนเขาอยากช่วยแท้ ๆ เรื่องนี้กระทบลูกด้วยนะไม่ใช่แค่ของเราสองคน จะให้ถอยเพราะแค่แด๊ดไม่ชอบคุณธามเหรอ งี่เง่าเกินไปรึเปล่า"
ต่อให้น้ำเสียงจะแข็งกร้าวแค่ไหน แต่ผู้พูดไม่อาจเงยขึ้นมองสีหน้าของสามีได้เลย ไม่อยากเห็นความเสียใจ สับสน ใจเจ็บเหมือนแตกเป็นเสี่ยง ๆ หรือแม้กระทั่งนิ่งอึ้งไม่อยากจะเชื่อหูหลังถูกดุด่า
"แค่นี้ก็เอามาหึงได้ รู้ไหมว่ามันสร้างปัญหา"
หมัดตรงเหวี่ยงกลางอากาศ ป๊านิ่งกึกตระหนก แต่มันลอยผ่านไปซัดผลัวะเข้าปลายคางธามเต็ม ๆ
ความแรงขนาดส่งคนเซซบกระโปรงรถใกล้เคียง ทั้งหมดเกิดขึ้นในช่วงทีเผลอ รวดเร็วจนมองแทบไม่ทัน ก่อนคนลงมือกระชากตัวป๊าเข้าอกแบบห้ามแตะต้อง แล้วลากให้วิ่งตามด้วยสีหน้าช็อก ๆ ไปสู่ถนนในซอย
"หนีกัน"
เมื่อสัมผัสขาดหาย ความรู้สึกผิดแปลกของพลังควบคุมถูกตัดสะบั้นลง แทนที่ด้วยความสับสนอย่างที่สุด แด๊ดไม่ดูรู้สึกผิด เศร้า หรืออะไรทั้งสิ้น ผู้ควรจะอึ้งรับประทานเพราะถูกคนที่ห่วงใยที่สุดไล่มีความทุกข์เป็นศูนย์
"เดี๋ยว ที่-ที่พูดไป?"
"ป๊าไม่เนียนเลยเถอะ หลับตาฟังยังดูออก"
นึกอยากถามว่าหลับตาฟังแล้วดูยังไง แต่นั่นไม่น่าใช่ประเด็น
"ที่สำคัญยาหยีของแด๊ดไม่ใช่คนใจร้ายใจดำ"
"…"
เขาพูดไม่ออกเลย การถูกเชื่อใจโดยไร้ข้อกังขา…แต่นี่ไม่ใช่เวลามาซาบซึ้งกับคำหวานผิดที่ผิดทาง หรือสัมผัสอบอุ่นให้ความปลอดภัยจากมือใหญ่ ทั้งปกป้องและลากพาหนีจากอันตรายไปด้วยกันตั้งแต่หลังตึกร้านอาหารสู่ถนนในซอย
อีกไม่กี่ก้าวจะถึงถนนใหญ่ที่มีผู้คนสัญจรผ่านมาก ป๊าค่อนข้างมั่นใจว่าสิ่งที่ตามมาไม่กล้าลงมือกลางฝูงชน ไม่อย่างนั้นคงปรากฏตัวออกมาแล้ว
"เมื่อกี้ไอ้หนุ่มมันทำอะไรป๊า ผีอำไรยังงี้เหรอ? ตัวเดียวกับที่โรมเล่าไหม"
"เขาคุมร่างคนอื่นผ่านการสัมผัสได้"
"ตาเถร น่ากลัว—"
โดยไม่มีการเตือน จู่ ๆ ผู้พูดก็ล้มวูบลงพื้นทั้งที่ยังไม่ทันจบคำ
"แด๊ด!"
ป๊าต้องใช้แรงทั้งหมดรับร่างหนักอึ้งหมดสติ ก่อนค่อย ๆ ย่อตัวลงกับพื้นด้วยไม่อาจรับน้ำหนักของทั้งคนและความกังวลในหัวได้ เขาเอื้อมมือไปสัมผัสสองสิ่งตรงตำแหน่งกลางอกสามี หัวใจล่ะ ชีพจรยังเต้นอยู่ปกติ
บางอย่างพึ่งลงมือกับคนรักของเขา ไฟเดือดลุกโชนร่ำร้องอยากทำลายให้มอดไหม้ กระตุ้นให้วู่วาม เลือกตาต่อตาฟันต่อฟัน เกือบหลงลืมไปว่าชีวิตในอ้อมกอดต่างหากที่เป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง สูงสุดยิ่งกว่าความโกรธของตัวเอง
การตัดสินใจสุดท้ายของป๊าคือเลือกที่จะเชื่อใจสามี เขาจะเข้าใจว่าทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยของครอบครัว ถึงได้โน้มตัวเข้าไปใกล้เขา เอ่ยกระซิบปลอบโยนกับใบหูของผู้หลับใหลแผ่วเบา
_____