"พี่ว่า ปรางคงต้องไปให้หมอเช็คดูหน่อยดีไหม ปกติปรางเป็นคนแข็งแรงนี่นา" ปกป้องมองน้องสาวด้วยสายตาเป็นเป็นห่วงเป็นใย เขามาหาสิปรางค์ที่บ้านพักในรีสอร์ตแต่เช้า
การเป็นลมหมดสติของหญิงสาวเมื่อวานที่งานกีฬาของโรงงานทำเอาความรื่นเริงหยุดชะงักไปในทันที ชายหนุ่มถลาเข้าไปถึงตัวน้องสาวเกือบจะในทันใดที่ได้ยินเสียงร้องเรียกสิปรางค์ของช่างวิน แต่ก็ไม่ทันนายช่างหนุ่มที่อุ้มสิปรางค์เข้าไปพักในที่ร่มอย่างรวดเร็ว
วินวางหญิงสาวลงนอนบนพื้นราบ พร้อมกับร้องบอกให้ทุกคนถอยห่างออกไป ชายหนุ่มรีบทำการตรวจเช็คการหายใจและชีพจรของหญิงสาวในทันที และเมื่อพบว่าทั้งสองอย่างปกติ เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ยื่นมือไปรับยาดมและผ้าชุบน้ำเย็นจากดนัยเพื่อเริ่มการปฐมพยาบาลเบื้องต้นต่อไป
สิปรางค์ฟื้นขึ้นมาหลังจากนั้นไม่นานนัก ปกป้องรีบผละจากโทรศัพท์มือถือเข้ามาหาน้องสาว เขากำลังพยายามจะโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล หญิงสาวโบกมือบอกทุกคนว่าหล่อนไม่เป็นอะไร และยืนกรานว่าตนเองแค่หน้ามืด นั่งพักก็หาย ไม่ถึงกับต้องไปโรงพยาบาล
หญิงสาวพยายามคะยั้นคะยอให้ทุกคนสนุกกันต่อไป ไม่ต้องเป็นห่วงหล่อน เพราะลึกๆแล้วสิปรางค์ก็กลัวว่า งานแข่งขันกีฬาครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ชาวโรงงานจะได้มาสนุกสนานร่วมกัน หล่อนอยากให้ทุกคนมีความทรงจำที่ดีกับงานในวันนี้…
"แค่แดดมันร้อน และปรางอยู่กลางแดดทั้งวันก็เท่านั้น ไม่ต้องไปหาหมอหรอกค่ะ"
มาถึงวันนี้สิปรางค์ก็ยังยืนยันเหมือนเดิม
"ปรางสบายดี เห็นไหมคะ" หญิงสาวทำท่าร่าเริง กระโดดโลดเต้นหมุนตัวไปมา นอกจากวินแล้ว เห็นจะมีแต่ปกป้องนี่ล่ะ ที่เวลาหล่อนอยู่ด้วยแล้วสามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่
"หรือปรางอาจจะแค่เครียด ที่พี่ป้องไม่ยอมเห็นด้วยกับเรื่องการปรับปรุงโรงงาน" หญิงสาวเอาเรื่องงานขึ้นมาอ้าง พลางทำหน้าตาล้อเลียนญาติผู้พี่
"เอาเถอะ ยังไงพี่ก็รักษาสัญญา" ผู้เป็นพี่ยอมจำนน หรือน้องสาวเขาจะเครียดเรื่องความขัดแย้งระหว่างเขากับหล่อนเรื่องการปิดโรงงานจริงๆ
"ทำเต็มที่เลยละกัน พี่จะยังไม่ส่งรายงานเข้าบริษัทใหญ่ แต่อย่าลืมว่าเรามีเวลาถึงแค่ปลายปีเท่านั้นนะ เรามีเวลาอีกแค่เดือนเดียว"
"พี่ป้องน่ารักที่สุดในโลกเลย ขอบคุณมากมากนะคะ" ผู้เป็นน้องตรงเข้ากอดผู้เป็นนเสมือนพี่ชายแท้ๆด้วยความดีใจ หล่อนมีโอกาสที่จะช่วยโรงงานแห่งนี้แล้ว หล่อนจะทำให้ดีที่สุด
"อือม์ พี่ว่าสองสามวันนี้เราอย่าเพิ่งคิดเรื่องงานดีไหม น่าจะพักผ่อนหัวสมองสักหน่อย" พูดออกไปแล้วปกป้องก็นิ่งคิด เขารู้จักสิปรางค์ดี ถ้าจะให้น้องสาวเขาเลิกคิดเรื่องงานคงจะยาก
"เอางี้ พรุ่งนี้เราไปเที่ยวกัน พอดีคุณแป้งเค้าจะขึ้นมาเชียงใหม่เย็นนี้ พี่ก็อยากจะพาเค้าไปทัวร์เชียงใหม่ ปรางพอจะรู้จักใครให้มาเป็นไกด์พาเราเที่ยวกันได้ไหม"
"อ้าว คุณแป้งเค้าจะขึ้นมาด้วยเหรอคะ ทำไมพี่ป้องไม่เห็นบอกปรางก่อนหน้านี้เลยล่ะคะ"
สิปรางค์นึกไปถึงหญิงสาวตัวเล็กบอบบางน่ารักผู้ซึ่งเป็นแฟนสาวของญาติผู้พี่ คุณแป้งเป็นลูกสาวของตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ตระกูลผู้ดีเก่าแก่แต่โบราณ
คุณแป้งรู้จักกับครอบครัวของพี่ป้องมาตั้งแต่เด็กแล้ว ครอบครัวของทั้งสองคนเขาสนิทสนมกัน และคุณแป้งก็ยังตามพี่ป้องไปเรียนปริญญาโทถึงที่อเมริกา ทั้งสองคบหาดูใจกันมานานมาก แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะแต่งงานกัน พี่ป้องเค้ายังต้องการจะประสบความสำเร็จขั้นสูงสุดในธุรกิจเสียก่อน
"อื้อ เค้าจะขึ้นมาแค่วันสองวันน่ะ คงถือโอกาสมารำลึกถึงความหลังที่เชียงใหม่มั้ง ตอนสมัยเรียนมหาลัยที่เมืองไทยเค้าเคยมาฝึกงานที่โรงงานนี้ด้วยนะ"
"อ้าว เหรอคะ ปรางไม่ยักจะเคยรู้ ไม่เห็นคุณแป้งเคยเล่าให้ฟัง"
สิปรางค์รู้จักคุ้นเคยกับคุณแป้งมาตั้งแต่อยู่อเมริกาแล้ว แต่ไม่เห็นคุณแป้งเคยเอ่ยถึงเรื่องนี้
"งั้นคุณแป้งเค้าคงจะเคยเที่ยวเชียงใหม่จนทั่วแล้วมั้งคะ"
"ก็ไม่นะ ปรางก็รู้อยู่ เค้าน่ะคุณหนู ไม่ค่อยกล้าไปไหนหรอก ไม่เหมือนปราง" ผู้เป็นพี่อดที่จะหยอกเย้าน้องสาวไม่ได้
"หรือพี่ควรจะถามยัยปริมเรื่องบริษัททัวร์ในเชียงใหม่ดีไหม ให้เค้าจัดจัดส่งไกด์ทัวร์พร้อมคนขับรถมาให้"
"พี่ป้องไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ เดี๋ยวปรางจัดการให้เอง เพื่อเป็นการขอบคุณพี่ป้อง ปรางจะต้อนรับคุณแป้งเป็นอย่างดีเลยค่ะ"
สิปรางค์นึกอยากจะทำอะไรเพื่อตอบแทนญาติผู้พี่บ้างที่เขาโอนอ่อนผ่อนตามหล่อนในเรื่องของโรงงาน ปกป้องทำให้ความหวังของหล่อนที่จะช่วยโรงงานนี้เป็นจริง หล่อนขอบคุณเขาอย่างจริงใจ…
"อ้าว ช่างวินนี่เอง สวัสดีครับ"
เสียงปกป้องทักทายมาแต่ไกล แม้ไกด์กิตติมศักดิ์จะยืนหันหลังให้เขาอยู่แต่ปกป้องก็จำชายหนุ่มคนนี้ได้
สิปรางค์ไม่ทันได้บอกปกป้องก่อนหน้านี้ถึงเรื่องที่วินจะมาขับรถและเป็นไกด์นำเที่ยวเชียงใหม่ให้ หญิงสาวไม่ได้เห็นเป็นเรื่องสำคัญอะไรอีกต่อไปแล้วที่จะพยายามปกปิดว่าหล่อนสนิทสนมกับชายหนุ่มนายช่างคนนั้น
จากเหตุการณ์ที่หญิงสาววิ่งเข้าไปกอดช่างวินในงานกีฬาสีของโรงงาน ก็ทำให้ทุกคนมองหล่อนไปในทิศทางนั้นอยู่แล้ว ซึ่งสำหรับสิปรางค์แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความรู้สึกของวิน หญิงสาวรับรู้ได้ถึงความเป็นห่วงเป็นใยอย่างมากมายของเขา วินแทบจะประกบติดหล่อนแจหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
หญิงสาวนึกไปถึงตอนที่เขามาหาหล่อนอีกครั้งเมื่อวานเช้าหลังจากปกป้องกลับไปไม่นาน
"เราไม่เป็นอะไรจริงๆ หายมึนหัวแล้ว นอนเยอะแล้ว" หล่อนพยายามยืนยัน เมื่อนชายหนุ่มคาดคั้นจะพาหล่อนไปหาหมอ
"เราไม่ได้ป่วย เราแค่เป็นลม"
วินส่ายหน้า ในบางครั้งเขาก็เบื่อหน่ายกับความดื้อดึงของหญิงสาว หากเป็นเรื่องอื่นๆเขาก็คงตามใจหล่อนและปล่อยไปเพราะเขาเองก็เป็นคนที่ไม่ได้คิดมากมายอะไร ชายหนุ่มไม่ชอบบังคับหรือพยายามจะเอาชนะใคร แต่พอเป็นเรื่องสุขภาพของหญิงสาว เขากลับไม่สามารถที่จะปล่อยให้มะปรางของเขาทำอะไรตามใจได้ง่ายๆ เรื่องการละเลยต่อสุขภาพของคนอันเป็นที่รัก มันทำให้เขาเจ็บปวดมาแล้วหลายครั้ง
"งั้นมะปรางก็ต้องพักผ่อนมากมาก วันนี้กับพรุ่งนี้อย่าเพิ่งไปไหน อย่าเพิ่งทำงาน สัญญาสิครับ"
ชายหนุ่มรู้ว่าสิปรางค์มักจะทำงานวันหยุดสุดสัปดาห์เป็นปกตินิสัย เขาต้องเริ่มเข้มงวดกับหล่อนบ้างแล้ว
"เอ่อ คือ พรุ่งนี้เราจะพาพี่ป้องกับแฟนไปเที่ยว" หญิงสาวตอบเสียงอ่อย
แล้วหล่อนก็รีบเปลี่ยนเรื่อง
"วินรู้จักใครที่พอจะมาขับรถกับเป็นไกด์นำเที่ยวเชียงใหม่ให้ได้บ้างไหม"
คนตัวสูงถอนหายใจ ขมวดคิ้วมองคนตัวเล็กตรงหน้า เป็นลมไปซะขนาดนี้ นี่หล่อนยังคิดจะออกไปเที่ยวหรือ เขาจะทำอย่างไรกับหล่อนดี
"เราสบายดีแล้ววิน ไปเที่ยวบ้างก็ดี เราแค่เครียดเรื่องงาน" คนตัวเล็กพยายามหว่านล้อม
สิปรางค์ตั้งใจอยากพาปกป้องและแฟนสาวไปเที่ยวจริงๆ หล่อนอยากแสดงให้พี่ชายสบายใจว่าหล่อนแข็งแรงสมบูรณ์ทั้งกายและใจ พร้อมที่จะทำงานที่หล่อนตั้งใจให้สำเร็จ
"งั้นเดี๋ยวผมพาไปเอง"
ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะอยู่ใกล้ๆมะปรางของเขาให้ได้มากที่สุดในช่วงเวลาแบบนี้ เมื่อคืนเขาก็นอนไม่หลับทั้งคืนเพราะรู้สึกกังวลใจเกี่ยวกับสิปรางค์ หล่อนไม่ใช่คนร่างกายอ่อนแอ แต่การเป็นลมในงานกีฬาวันนั้นมันน่าจะไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เขาคงจะบังคับให้หญิงสาวไปหาหมอไม่ได้ ดังนั้นการได้เห็นหล่อนอยู่ในสายตาสักระยะก็น่าจะเป็นการดีที่สุด…
วินมาก่อนเวลานัดหมายเล็กน้อย เลยถือโอกาสยืนพินิจพิจารณากระถางดอกกล้วยไม้ที่ปลูกเรียงรายอยู่หน้าเรือนรับรองของรีสอร์ต เขากำลังมีความคิดว่าหรือจะให้ลุงแปงเพาะเลี้ยงกล้วยไม้บ้างดี
และเมื่อชายหนุ่มหันหลังกลับมาตามเสียงเรียก เขาก็เห็นปกป้องควงคู่มากับหญิงสาวสวยในชุดกระโปรงสีหวานพร้อมหมวกใบโต มีสิปรางค์เดินตามมาข้างๆ
แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวสวยที่เดินมากับปกป้องอย่างชัดๆ
"เอ่อ… วิน… สวัสดีค่ะ"
แล้วหล่อนก็เป็นฝ่ายเอ่ยทักขึ้นมาก่อน หลังจากที่หล่อนเองก็ผงะไปเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้านายช่างหนุ่ม
สิปรางค์ทันได้สังเกตเห็นว่าวินมีสีหน้าเจื่อนไปอย่างผิดปกติ แต่เพียงแค่แวบเดียว ชายหนุ่มก็ทำหน้านิ่งเฉยอย่างเคย หากแต่คราวนี้… แววตาที่มักจะเจือด้วยรอยยิ้มได้เลือนหายไป
"สวัสดีครับ"
นายช่างหนุ่มทักทายด้วยการพยักหน้าให้กับคนทั้งคู่ ยิ้มน้อยๆแล้วก็ไม่ได้เอ่ยอะไรต่อไปอีก
"อ้าว รู้จักกันด้วยหรือครับนี่"
ปกป้องถามอย่างอารมณ์ดี อากาศเช้านี้เย็นสบาย เขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยที่จะได้พาแฟนสาวออกไปเที่ยวพักผ่อนบ้าง หากคุณแป้งไม่เอ่ยปากตามเขาขึ้นมาเชียงใหม่ปกป้องก็คงไม่มีความคิดที่จะไปเที่ยวอยู่ในหัว
"ก็ตอนแป้งมาฝึกงานตอนปีสี่น่ะค่ะ นานมากแล้วค่ะ สมัยยังวัยรุ่นอยู่เลย" หญิงสาวหัวเราะสดใส พลางกอดแขนปกป้องอย่างประจบน่ารัก
สิปรางค์แอบมองปฏิกิริยาของวิน ก็พบว่าชายหนุ่มไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของคุณแป้งนัก เขากลับหันหน้ามาทางหล่อนและถามอย่างอ่อนโยน
"มะปรางเป็นยังไงบ้างครับ ยังมีอาการมึนหัวอยู่หรือเปล่า"
ปกป้องสัมผัสได้ถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาระหว่างนายช่างหนุ่มคนนี้กับน้องสาวของเขา แม้ผู้เป็นพี่จะรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่อยากวิตกกังวลอะไรไปมากกว่านี้ เขาเชื่อว่าสิปรางค์ยังน่าจะควบคุมความรู้สึกของตนเองไว้ได้
"สบายมากค่ะ พร้อมตะลุยสะเมิงแล้ว" น้องสาวของเขาทำเสียงร่าเริง
เช้านี้สิปรางค์รู้สึกสบายดีเป็นปกติ อันที่จริงหล่อนก็สบายดีตั้งแต่เมื่อวานแล้ว อาการปวดหัวไม่ได้ปรากฏอีกเลย
"งั้นเชิญครับ รถจอดอยู่ทางโน้น"
วินเดินนำหน้าทุกคนไปยังที่จอดรถในทันที ชายหนุ่มไม่ทันสังเกตแววตาที่ผิดปกติไปเล็กน้อยของแฟนสาวของปกป้อง หากแต่คนที่สังเกตเห็นนั้นคือมะปรางของเขา…
วิหารไม้ที่มีลายแกะสลักเก่าแก่อยู่ล้อมรอบนั้น ทำเอาชาวคณะที่มาจากกรุงเทพยืนตกตะลึงในความงดงามของสถาปัตยกรรมแบบล้านนาโบราณ
"วัดอินทราวาส หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าวัดต้นเกว๋น เป็นวัดเก่าแก่อายุกว่าร้อยปีที่สำคัญในอดีตของจังหวัดเชียงใหม่ครับ ศาลาจตุรมุขซึ่งพบเพียงหลังเดียวในภาคเหนือนั้นถูกใช้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุชั่วคราว ศาลาถูกสร้างด้วยไม้และมุงหลังคาด้วยกระเบื้องดินเผา บนหลังคามีช่อฟ้าและหงส์ประดับอยู่อย่างสวยงามมากครับ"
เสียงไกด์กิตติมศักดิ์บรรยายได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
"นี่ผมเองก็เคยเห็นวัดแบบทางเหนือจริงๆก็วันนี้เองนะครับช่างวิน ไม่น่าเชื่อว่าจะต่างไปจากวัดในกรุงเทพอย่างมากเลย"
ปกป้องเองไม่เคยสนใจการท่องเที่ยวเช่นนี้มาก่อน แต่บรรยากาศที่ร่มรื่นและเงียบสงบของวัดเล็กๆนอกเมืองแห่งนี้ ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและมีอารมณ์อยากจะสนใจสิ่งรอบๆตัวดูบ้าง
"วัดต้นเกว๋นในสมัยก่อน เป็นสถานที่พักกระบวนแห่พระบรมสารีริกธาตุจากวัดพระธาตุจอมทองเข้ามายังเมืองเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นประเพณีเก่าแก่ของเจ้าหลวงเชียงใหม่ครับ"
แม้ชายหนุ่มจะไม่ใช่คนที่หลงใหลในศิลปวัฒนธรรมมากมายนัก แต่เขาก็พอจะมีความรู้เกี่ยวกับประวัติสถานที่สำคัญๆในเชียงใหม่และของทางภาคเหนืออยู่บ้าง
"ว้าว ช่างวินก็เก่งทางประวัติศาสตร์ด้วยหรือคะเนี่ย นึกว่าจะเก่งแต่ทางด้านเครื่องจักรเครื่องยนต์" คุณแป้งเอ่ยปากชมเขาอย่างทึ่ง หล่อนมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ
"วัดนี้เคยได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นของสมาคมสถาปนิกสยามด้วยนะครับ" วินกล่าวต่อไปอย่างภาคภูมิใจ เขาไม่ได้มีทีท่าจะใส่ใจในคำชมของหญิงสาวสวยตรงหน้า
"ทายสิครับว่าคำว่า ต้นเกว๋น ในภาคกลางคือต้นอะไร"
คราวนี้นายช่างหนุ่มคาดหวังจะได้รับการเดาคำตอบจากใครบางคนที่ชอบเล่นเกมแบบนี้ เขาหันซ้ายแลขวามองหาคนคนนั้น
แต่หากสิปรางค์กลับไม่ทันฟัง หล่อนแทบไม่ได้สนใจดูสถาปัตยกรรมล้านนาใดๆทั้งนั้น หญิงสาวกำลังเฝ้าแอบมองปฏิกิริยาระหว่างนายช่างหนุ่มและคุณแป้งอย่างสงสัย ท่าทีของวินดูไม่เรื่อยๆสบายๆเหมือนอย่างเคย
ชายหนุ่มมีท่าทีสุภาพและไว้ตัวเป็นพิเศษเมื่ออยู่กับปกป้องและคุณแป้ง แม้เขาจะพยายามอธิบายสิ่งต่างๆเกี่ยวกับวัดให้ผู้มาเยือนทั้งสองคนฟังอยู่บ้าง แต่สิปรางค์ก็ยังคิดว่าวินเงียบและขรึมไปอย่างผิดปกติ จะมีก็แต่ยามที่เขามีโอกาสได้อยู่กับหล่อนตามลำพัง วินจะยังคงแวะเวียนคอยส่งแววตาที่อ่อนโยนและห่วงใยนั้นมาให้หล่อนเสมอ…
ความคดเคี้ยวของถนนเส้นทางไปสะเมิงทำเอาสิปรางค์ออกอาการมึนหัวเล็กน้อย นี่ขนาดหล่อนนั่งข้างหน้าคู่กับคนขับแล้วนะ ทำไมหล่อนถึงยังมึนหัว หญิงสาวเริ่มแปลกใจตัวเองอยู่ครามครัน หล่อนไม่เคยเมารถนี่นา ครั้งล่าสุดที่ขึ้นดอยไปกับวินและณัฐ หล่อนก็ไม่ได้รู้สึกเวียนหัวอะไรเลย
สิปรางค์พยายามมองออกนอกหน้าต่างรถไปไกลๆเพื่อขจัดความมึนหัว และเมื่อหล่อนหันกลับมาทางคนขับโดยบังเอิญ ก็เห็นวินเผลอมองใครบางคนผ่านทางกระจกหลังโดยไม่รู้ตัวอยู่บ่อยครั้ง แต่หากคนในกระจกนั้นเผอิญหันหน้ามาเจอ ชายหนุ่มก็จะรีบหลบสายตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อย่างรวดเร็ว สิปรางค์มองอาการนั้นของคนข้างๆอย่างปวดแปลบในใจอย่างบอกไม่ถูก…
วินขับรถเลี้ยวเข้าสวนกุหลาบแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากแยกหางดง-สะเมิงไม่ไกลนัก เขาคิดว่าผู้มาเยือนน่าจะชอบที่จะได้สัมผัสกับบรรยากาศของสวนสวยงามที่ตกแต่งตามสไตล์อังกฤษ
ซึ่งชายหนุ่มก็เดาไม่ผิด คุณแป้งตกตะลึงและเพลิดเพลินไปกับความงดงามของเหล่าดอกกุหลาบหลากหลายสีสันนานาพันธุ์ภายในสวน หญิงสาวชี้ชวนให้แฟนหนุ่มดูกุหลาบพันธุ์โน้นพันธุ์นี้อย่างตื่นเต้น ปกป้องต้องรับหน้าที่คอยเดินตามและถ่ายรูปให้หญิงสาวตามมุมต่างๆไม่มีหยุด
นายช่างหนุ่มเดินตามสองหนุ่มสาวไปอย่างห่างๆและเงียบๆโดยมีสิปรางค์เดินอยู่ข้างๆ แม้วินจะคอยถามว่าหล่อนโอเคไหม มีอาการมึนหัวบ้างหรือเปล่า แต่หญิงสาวก็รู้สึกได้ว่าวันนี้วินไม่ใช่วินคนที่หล่อนคุ้นเคย
ทำไมรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกอย่างนี้นะ แม้ในยามปกติชายหนุ่มจะเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว แต่มันก็ไม่เหมือนอย่างในตอนนี้ วินแทบจะไม่พูดคุยอะไรเลย เขาเดินไปเงียบๆ สายตามองไปข้างหน้ายังพี่ชายของหล่อนและคุณแป้ง สิปรางค์คิดว่าหล่อนไม่ได้ตาฝาดที่เห็นแววตาในบางขณะของวินมีแต่ความเศร้าเจือปนอยู่ลึกๆ…
มื้ออาหารกลางวันของวันนั้นจบลงที่ร้านอาหารของโครงการภายในสวนกุหลาบ โชคดีที่คุณแป้งเป็นคนช่างคุย บรรยากาศบนโต๊ะอาหารจึงไม่อึดอัดจนเกินไปนัก ทว่าวินก็ขอตัวออกไปสูบบุหรี่ในทันทีหลังจากที่ทุกคนอิ่มหนำสำราญกันแล้ว และคุณแป้งก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำหลังจากนั้น
เสียงโทรศัพท์มือถือของสิปรางค์ดังขึ้นขณะที่หล่อนและปกป้องกำลังจิบกาแฟหลังมื้ออาหาร ณัฐโทรเข้ามาถามหล่อนบางอย่างเรื่องงานที่สิปรางค์ขอให้เขาช่วยตรวจสอบบางอย่างให้อย่างเร่งด่วน การสนทนาที่ทำท่าจะยืดเยื้อทำให้หญิงสาวต้องลุกเดินออกไปคุยนอกโต๊ะอาหาร หล่อนเดินออกมาไกลจากโต๊ะที่ปกป้องนั่งอยู่เรื่อยๆโดยไม่รู้ตัว
สิปรางค์คุยโทรศัพท์กับหนุ่มรุ่นน้องอยู่ครู่หนึ่ง ณัฐจึงวางสายไป หญิงสาวจึงถือโอกาสแวะเข้าห้องน้ำที่อยู่ไกลออกไปทางด้านหลังของสวน หล่อนเดินไปตามทางเดินซึ่งปูด้วยหินแผ่นใหญ่ ด้านข้างของทางเดินถูกบดบังด้วยรั้วระแนงไม้ไผ่ยาวไปสุดทางเดิน ความสวยงามของดอกเล็บมือนางสีแดงพวงใหญ่ที่ห้อยย้อยมาจากระแนงไม้ไผ่ ดึงดูดสายตาของสิปรางค์จนหล่อนต้องหยุดดู และหญิงสาวก็อดไม่ได้ที่จะมองลอดผ่านช่องระหว่างระแนงไม้ไผ่ไปสำรวจอีกด้านหนึ่งของสวนหลังระแนงไม้ไผ่นั้น
แล้วหล่อนก็ต้องแปลกใจกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า ชายหนุ่มร่างสูงและแฟนสาวของญาติผู้พี่ของหล่อนกำลังยืนสนทนากันอยู่ไม่ไกลนัก ด้วยความอยากรู้ สิปรางค์จึงเหลียวซ้ายแลขวาจนเห็นพุ่มไม้ใหญ่ที่อยู่ปลายสุดทางเดิน หญิงสาวรีบสาวเท้าเข้าไปหลังพุ่มไม้ใหญ่นั้น คราวนี้หล่อนก็ได้ยินเสียงของทั้งคู่ชัดขึ้น
"วินสบายดีใช่มั้ย ไม่เจอกันนานเลยนะ" น้ำเสียงคุณแป้งยังสดใสเช่นเดิม
"ครับ ก็เรื่อยๆ" ชายหนุ่มพ่นควันบุหรี่ออกไปอีกทาง เขาไม่ได้หันหน้ามาทางหญิงสาวผู้พูด
"ยังไม่เลิกสูบบุหรี่อีก ไหนสัญญากันแล้วไงว่าจะเลิก"
คุณแป้งพูดกับวินด้วยน้ำเสียงสนิทสนม ยิ่งนำความสงสัยใคร่รู้มาสู่สิปรางค์ผู้กำลังเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ
มีการสัญญิงสัญญาอะไรกันด้วยเหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่?
"ก็ทีคนบางคน ก็ไม่เห็นเคยจะรักษาสัญญาเหมือนกัน"
คราวนี้วินหันมามองตาหญิงสาวคนที่อยู่ข้างๆอย่างเต็มตา คุณแป้งยังคงสวยน่ารักเหมือนเดิม เหมือนตอนโน้นที่เขาเจอหล่อน แววตาหล่อนยังคงสดใสร่าเริง หญิงสาวคงจะมีความสุขดีกับชีวิตที่เป็นอยู่
"โอ๊ย! ปั๊บปี้เลิฟ! วินจริงจังด้วยเหรอ โอเค เราขอโทษก็ได้" คุณแป้งหัวเราะขำ
ปั๊บปี้เลิฟหรือ วินกับคุณแป้งน่ะหรือ!
สิปรางค์รู้สึกอึ้งไปเล็กน้อยกับสิ่งที่ได้ยิน จริงอยู่ที่หล่อนไม่เคยถามเรื่องในอดีตของเขา แต่หญิงสาวก็ไม่คิดว่าอดีตของวินมันจะเกี่ยวพันใกล้ชิดกับคนใกล้ตัวของหล่อนขนาดนี้
"แล้วนี่วินมีแฟนหรือยังเอ่ย อย่าบอกนะ ว่ายังเฝ้ารอใครบางคนอยู่ นี่สงสัยจะรอเก้อแล้วมั้ง"
หญิงสาวสวยจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาล้อเลียน หากวินมองตอบหล่อนด้วยสายตาว่างเปล่าทว่าระคนไปด้วยความน้อยใจ
คุณแป้งไม่เคยคิดจะจริงจังอะไรกับเขา ไม่เคยเลยจริงๆ…
"กลับไปที่โต๊ะกันเถอะครับ เดี๋ยวคุณปกป้องกับคุณสิปรางค์จะรอ"
และโดยไม่รอคำตอบ ชายหนุ่มออกเดินนำหญิงสาวสวยกลับไปยังโต๊ะอาหารอย่างรวดเร็ว…
หากสิปรางค์ยังคงยืนอยู่ที่เดิม หล่อนกำลังนิ่งอึ้งไปกับบทสนทนาที่แอบได้ยิน หญิงสาวบอกความรู้สึกของตนเองขณะนี้ไม่ถูกเหมือนกัน มันระคนไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ ความปวดแปลบในใจ และความอาทรที่มีต่อคนร่างสูงคนนั้น
เค้าสองคนเคยคบกัน!
…