ปลาวาฬนั่งมองร้านผัดกะเพราของตัวเองอย่างอารมณ์ดี
ใครจะด่าว่าเขาโง่ เขาก็ไม่โมโหอะไรหรอกนะ บอกแล้วว่าชีวิตเขามีเขาเป็นพระเอก พระเอกฉลาดเกินไปใครจะไปสนใจ ชีวิตมันก็ราบเรียบเกินไปน่ะสิ ดูอย่างไอ้เจเจซิ ฉลาดก็ฉลาด ลูกล่อลูกชนก็ที่หนึ่ง แล้วไง สุดได้ก็ได้ไอ้คุณเมธัสมาเป็นแฟนสมใจ ราบเรียบน่าเบื่อ มันเห็นจะน่าตื่นเต้นเลย
ความรักของเขานี่แหละสนุกที่สุดแล้ว
ลุ้นยิ่งกว่ารถไฟเหาะตีลังกาเวอร์ชันลืมใส่ตัวล็อกนิรภัย หวิดจะตีลังกากลับหัวลงมาตายก็หลายรอบ แต่สุดท้ายก็รอดมาได้ บุญทำกรรมแต่งอะไรให้เขาไปหลงรักคนอย่างโอบเอื้อวะ บ้าบอฉิบหาย มนุษย์ธรรมดามีมากมายก็ไม่หลง ไปหลงพ่อคุณนั่นที่สามวันดีสี่วันไข้
เรื่องความพินาศระหว่างสองร้านผัดกะเพราผ่านไปได้ด้วยดี
หลังจากพลีเรือนร่างเป็นเครื่องบรรณาการแล้ว อันนี้เป็นการบุลลี่ของไอ้เจเจ เขากับโอบเอื้อก็ตกลงเป็นแฟนกัน ในครัวนั่นแหละ หลังฉาก NC ที่เร่าร้อน เวลาเกลือกับเจเจถามซักไซ้เรื่องการตกลงเป็นแฟน เขาก็จะตอบเลี่ยง ๆ ใครจะไปบอกกันว่าตกลงหลังได้กันแล้ว บัดสี!
ปลาวาฬและโอบเอื้อตกลงรวมร้านเป็นร้านเดียว
ร้าน กะเพราร้านนี้ไม่มีถั่วฝักยาว กับร้าน ผัดกะเพราของจริง จึงรวมร่างกลายเป็นร้าน กะเพราร้านนี้ไม่มีถั่วฝักยาวของจริง เออ เหมือนตั้งชื่อประชดตัวเองว่ามีของปลอม แต่ถามว่าใครปลอม ก็ปลอมกันเองประชดกันไปมานี่แหละนะ
ถ้านี่เป็นนิยายรัก นี่ก็คงเป็นบทอวสานแล้วล่ะมั้ง
เพราะเรื่องนี้เขาเป็นพระเอกนี่ พระเอกรักกับพระเอกแล้ว เส้นเรื่องมันจะไปมีต่ออะไร อ้อ เรื่องนี้ไม่มีนายเอกหรอกนะ มีพระเอกสองคน จะมีก็แต่ไอ้เกลือที่เป็นตัวประกอบอาภัพรักไร้คู่ น่าสงสารจริง ๆ ยุให้มันเล่นแอปฯ หาคู่หลายรอบมันก็ไม่ยอม หรือจะไปเปิดแอคเคาน์ปลอมแล้วหาแฟนแทนมันดีนะ
แต่นิยายชีวิตไม่ได้จบตรงนี้หรอก
ความวินาศสันตะโรก็ยังมีเข้ามาให้วุ่นวายอีกเยอะ ร้านผัดกะเพราร้านใหม่แทบระเบิดทุกวัน ก็ไอ้ตอนทำกันตอนแรกทำกันด้วยทิฐิล้วน ๆ ไอ้โอบเอื้อน่ะตัวดี จงใจเปิดร้านกวนส้นตีน แต่ได้คิดจริง ๆ แบบคนทำธุรกิจหรือเปล่าล่ะ เจเจน่ะด่าจนไม่รู้จะด่ายังไง
กำไรร้านเชฟโอบน่ะบางเฉียบจนแทบไม่มี
ก็เฮียแกเขาเล่นจัดเต็มของดีของเด็ดแล้วขายในราคาสตรีทฟู้ด แถมชื่อเสียงตัวเองอีกตั้งเท่าไหร่ ถ้าไปอยู่ตามร้านอาหารหรือโรงแรมดี ๆ ได้เงินเดือนเป็นแสนสบาย ๆ ดั๊นมาหาเรื่อง ผัดกะเพราหน้าเมือกวันละเป็นร้อยกระทะ แล้วไง กำไรเดือนละหลักหมื่น ค่าแรงตัวเองก็ไม่มี
สุดท้ายเมธัสก็เข้ามาช่วยอะไรหลาย ๆ อย่าง
ตั้งบริษัทเป็นเรื่องเป็นราว ถือหุ้นกันคนละครึ่งระหว่างปลาวาฬและโอบเอื้อ ไอ้เกลือก็ยังเป็นเชฟให้ร้านอยู่เหมือนเดิม ผัดคนเดียวมีตายหยังเขียด ปลาวาฬที่เคยรับหน้าที่เป็นเชฟมือสำรองก็ไม่ต้องทำงานแล้ว หันมาเป็นผู้จัดกาเต็มตัว นั่งเฝ้าร้านคุมเงินเป็นเถ้าแก่หน้าใส
ส่วนไอ้เจเจก็โบยบินไปตามหนทางตัวเองเรียบร้อย
พอครบหนึ่งปีหลังจากหักดิบการรักษา คุณเศรษฐีอภิมหาเศรษฐีโคตรอภิมหาเศรษฐีสุดที่รักของคุณเจเจเขาก็มาคุกเข่าขอเป็นแฟน เลี่ยนฉิบหาย จะอ้วก ทำมาเป็นปิดโรงภาพยนตร์เลี้ยงหนัง ความจริงเซอร์ไพรส์ขอเป็นแฟน พูดไปก็คลื่นไส้ไป นี่ขนาดแค่เป็นแฟน ถ้าคบไปนาน ๆ ไปต้องไปฉลองครบรอบกันบนดาวศุกร์เลยเหรอ
"นี่คุณว่าชีวิตเรายังขาดอะไรไหม ?"
โอบเอื้อทักในคืนหนึ่ง ไม่ได้เป็นคืนอะไรพิเศษหรอก แสนธรรมดาเลยล่ะ ที่บนชั้นสาม บาร์ลับที่ทำขึ้นมาใหม่ เอาไว้ทำเบเกอรี่ แต่ไม่ขายหรอกนะ โอบเอื้อเวอร์ชันนี้เขาไม่แบ่งให้ใครเด็ดขาด
"ก็ไม่นี่ ขาดอะไรล่ะ ?"
ปลาวาฬถามแบบงง ๆ ชีวิตเขาก็สมบูรณ์ดีนี่ ได้ทำงานที่รัก อยู่กับคนที่รัก ห้อมล้อมด้วยมิตรภาพที่ดี สบายใจดีออก นี่เพิ่งชวนเจมส์มาทำงานด้วยกัน เวลาว่างยิ่งเหลือเยอะเข้าไปอีก กลับมาเล่นเวทฟิตหุ่นปึ๋งปั๋ง ถอดเสื้อยั่วแฟนให้น้ำลายหกเล่น
"ไม่รู้ดิ ผมแก่แล้วมั้ง เห็นเพื่อนคนอื่นแต่งงานกัน มันก็รู้สึกแปลก ๆ"
"อยากแต่งงานเหรอ ?"
เขาถาม ไม่ได้คิดเรื่องนี้มาก่อน อาจจะด้วยอายุที่เพิ่งเลยเบญจเพสมาไม่นาน เพื่อนวัยเขาก็มีแต่งงานกันบ้าง แต่น้อย ไม่เหมือนกับโอบเอื้อ คนรักของเขาสามสิบกว่าแล้ว คนวัยนั้นถ้ามีแฟนกันจริงจังก็แต่งงานกันแล้วเกือบหมด เปลี่ยนสถานะเป็นสามีภรรยากันหมด
"ไม่รู้ดิ คุณว่าการแต่งงานจะทำให้เรารักกันมากขึ้นหรือเปล่า ?"
"ไม่อะ"
เขาตอบตามตรง ไม่ได้โลกสวย การแต่งงานมันก็เป็นแค่ประเพณี วัฒนธรรม และเงื่อนไขทางสังคมบางอย่าง ประกาศให้โลกรู้ว่าเราจะเอากันอย่างเป็นทางการ แต่งแล้วหย่าก็เห็นเยอะแยะไป
"แต่ถ้าคุณอยากแต่ง ผมก็ไม่ติดนะ แต่งก็แต่ง แต่งไหมล่ะ ?"
ปลาวาฬพูดง่าย ๆ ไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิงแล้วนี่ ไม่เห็นต้องแคร์อะไรเลย แคร์คนตรงหน้าดีกว่า กะอีแค่แต่งงาน ถ้าน้องอยากแต่ง พี่ก็จะจัดให้
"ประเทศนี้ผู้ชายแต่งงานกันได้ที่ไหนล่ะ"
โอบเอื้อบ่น แต่ก็ไม่ได้จริงจัง เขาชะโงกหน้าไปดูหน้าโทรศัพท์มือถือที่คนรักตัวเองดูอยู่ ตอนแรกนึกว่าเป็นงานแต่งงานเพื่อน แต่ความจริงเป็นมันแคมเปญรณรงค์สมรสเท่าเทียมต่างหาก
"แต่งงานกับจดทะเบียนสมรสมันคนละเรื่องกันน่า" ปลาวาฬพูด "คุณจะเอาอันไหน ผมจะได้เอาใจถูก อย่าซับซ้อนมาก ผมโง่ บอกมาตรง ๆ เลย"
"ทั้งคู่"
"โอเค"
เด็กหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดหน้าปฏิทิน เลื่อนหาวัน หลังจากนั้นก็เลื่อนไปเข้าเว็บไซต์ ค้นหาคำว่าฤกษ์แต่งงาน
"อยากแต่งวันไหน จัดแม่งเลย" เขาพูด "อยากเอาแบบไหนบอก หรู ๆ แกรนด์ ๆ หรือเรียบง่าย เป็นกันเอง เอาสื่อมวลชนไหม โต๊ะจีนหรือบุฟเฟ่ต์ งานเช้างานบ่าย หรือกินเลี้ยงอย่างเดียว"
"กวนเปล่าเนี่ย" โอบเอื้อถามหยั่งเชิง
"เฮ้ย ไม่กวน"
เขารีบเถียง อีกฝ่ายยิ้มออกมา แววตาเต็มไปด้วยคำขอบคุณ
"คุณอยากแต่ง ผมอยากแต่ง แล้วจะแคร์อะไรอะ ไม่มีใครสนใจเราหรอก แม่งจะด่าว่าผู้ชายแต่งงานกันเขาก็ด่าไป วันรุ่งขึ้นก็ลืม คิดอะไรมากกับคนพวกนั้น เราอยากแต่งเราก็แต่ง ใครไม่อยากเห็นผู้ชายแต่งงานกันก็ปล่อยให้แม่งอกแตกตายไปดิ"
ปลาวาฬพูดแบบไม่ยี่หระ บอกแล้วว่าเขาเป็นคนง่าย ๆ ไม่คิดอะไรมาก ยิ่งรู้ว่าตัวเองรักโอบเอื้อแล้วยิ่งง่ายใหญ่ ก็อะไรที่คนรักอยากได้อยากทำแล้วไม่ได้เสียหาย จะไปแคร์อะไรมากมาย สังคมไม่ได้รักเราเท่าคนตรงหน้าสักหน่อย กอดคนตรงหน้าไว้แน่น ๆ ก็พอ
"แล้วเรื่องจดทะเบียนสมรส"
"วันนี้ไม่ได้ แต่สักวันก็จะได้" ปลาวาฬพูดต่อ "พรุ่งนี้เราทำแคมเปญ Love Wins เลย แปะบนข้าวกล่องทุกกล่องที่ขาย ร้านเราสนับสนุนสมรสเท่าเทียม คนรักกันมันผิดตรงไหนวะ บอกให้โลกแม่งรู้ บอกให้โลกแม่งชิน เดี๋ยววันหนึ่งมันก็ต้องได้รับการยอมรับ"
โอบเอื้อดึงเขาเข้าไปกอด
"หรือถ้ารีบก็บินไปจดที่ต่างประเทศด้วยกัน มีเยอะแยะน่า เอาแบบไหนที่คุณชอบ คุณบอกผม ผมอยากให้คุณรู้สึกว่าคุณแม่งโคตรโชคดีที่ได้ผมเป็นแฟน ผมไม่ได้ดีเด่อะไรนักหรอก แต่ผมแม่งโคตรรักคุณเลย"
ไม่เหลือระยะห่างระหว่างชายทั้งสองคนอีกต่อไปแล้ว
ทั้งระยะห่างระหว่างริมฝีปากและหัวใจ โอบเอื้อดึงปลาวาฬเข้ามาจูบ ด้วยรัก ด้วยขอบคุณ ด้วยการตอบแทนความปรารถนาดีทุกอย่างที่อีกฝ่ายมีให้อย่างไม่เคยตั้งข้อกังขา นี่ก็อาจจะเป็นที่สุดของที่สุดของความรักที่ใครคนหนึ่งอาจจะตามหา และค้นพบ และครอบครอง
ต่างฝ่ายต่างสวมกอดซึ่งกันและกันไว้แน่น เป็นสัญญาว่าจะไม่ไปไหน จะอยู่กันแบบนี้กันต่อไปเรื่อย ๆ
แตกต่าง
แปลกแยก
แต่ก็ปรุงให้เข้ากันได้ในที่สุด
รักก็ไม่ต่างกับอาหาร สุดท้ายแล้วย่อมมีหนทางใดหนทางหนึ่งให้ไปต่อ หากรักจะรักและลงครัวให้มากพอ กลิ่นกรุ่นอวลไอของความสัมพันธ์ที่ไม่ราบเรียบกลับเยียวยาหัวใจของผู้มีบาดแผลทั้งสองในตอนท้าย และนั่นเองก็อาจจะเป็นเหตุผลให้ใครสักคนมีรัก ตกหลุมรัก และรักแบบนี้เรื่อยไป
ไม่มีอะไรในรักมากไปกว่ารักเอง
หากความหอมหวานของอาหารคืออร่อย ในรักก็คือรัก ไม่ใช่การครอบครอง เอาชนะ อยู่เหนือกว่า หรือเป็นอะไรบางอย่าง หากแต่อาจจะเป็นทุกอย่างที่สมควรจะเป็นให้อีกคน ชิ้นส่วนที่ขาดหายอาจไม่มีจริง มีแต่ความพยายามขัดเกลาให้เข้ากันในที่สุดมากกว่า
นั่นแหละรัก
...ของโอบเอื้อและปลาวาฬ และนิยายรักที่ไม่มีวันจบสิ้นของพวกเขาทั้งสองคน
ในที่สุดก็มาถึงกะเพราคำสุดท้ายแล้ว หวังว่าจะอร่อยถูกปากทุกคนนะครับ
รัก...คนอ่านยิ่งกว่า...ปลาวาฬรักกะเพรา
ยิ่งกว่ารักเชฟโอบ(ด้วยก็ได้)
...................
ขอฝากช่องทางการติดตามผลงานของนายพินต้าไว้หน่อยน้า
Facebook: นายพินต้า - ninepinta
Twitter: @NINEPINTA
IG: ninepinta