ผมจ้องมองผู้หญิงผมสั้นสวยเก๋ที่กำลังเยื้องกรายมาหยุดยืนตรงหน้าอย่างตกตะลึง ชุดเดรสสั้นนั้นปาดไหล่และเว้าหลังเล็กน้อยพอให้ความรู้สึกเซ็กซี่นิดๆ สีครีมนวลประกายของชุดขับให้ผิวสองสีของเธอผ่องขึ้นกว่ายามปกติ และรองเท้าส้นสูงปลายแหลมนั้นก็ช่วยส่งให้ร่างผอมเพรียวนั่นดูงามสง่ายิ่งขึ้น
อา คุณป้าเธอช่างทำผมปั่นป่วนในใจอย่างบอกไม่ถูก
เดรสยาวลายดอกไม้ยามอยู่ที่ทำงาน เชิ้ตสีสันสดใสบวกกับยีนทรงสบายๆยามอยู่จตุจักร เสื้อสายเดี่ยวที่มากับกางเกงรัดรูปในเธคผับ และเดรสหรูมีสไตล์ยามต้องเจอกับลูกค้าในงานปาร์ตี้
อา คุณป้าเธอช่างมีหลายตัวตน
หรือนี่จะเป็นข้อดีของผู้หญิงสูงวัย ชีวิตของพวกเธอคงบ่มเพาะประสบการณ์มามากพอที่จะมั่นใจในตนเอง จนสามารถปรับเปลี่ยนบทบาทไปได้ทุกสถานการณ์ คงเป็นคุณสมบัติที่เพิ่มพูนขึ้นมาเมื่อยามคนเราอายุมากขึ้น
อื้อม น่าสนใจ…
ว่าแล้วผมก็ยิ้มกว้างให้คุณลิน เธอมาตรงตามเวลาที่เรานัดหมายกันไว้ ผมกำลังยืนรอเธออยู่ที่ซุ้มประตูทางเข้า งานคืนนี้ถูกจัดขึ้นที่บริเวณสระว่ายน้ำของโรงแรมซึ่งอยู่ติดริมชายหาด ผมรอให้เธอเดินเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมมะลิเย็นๆที่คุ้นเคย
แล้วผมก็เอ่ยทักทายเธอด้วยประโยคยาวๆที่บ้าบอที่สุด ไม่รู้อะไรดลใจ
"คุณลินหิวหรือยังครับ ปาร์ตี้วันนี้อาหารน่าจะเยี่ยมยอดที่สุด คุณลินต้องชอบแน่ๆครับ ผมว่าเค้าถือโอกาสใช้งานวันนี้โปรโมทร้านอาหารของโรงแรมด้วยนะครับ"
อยากตบปากตัวเองมาก เอาไงดีวะนี่ แต่เฮ้ยเผลอพูดออกไปแล้ว ความจริงแล้วมันต้องเป็นประโยคสั้นๆเท่ๆกว่านี้ป่าววะ เช่น คุณลินสวยจังนะครับวันนี้ หรือ ดีใจนะครับที่คุณลินมาด้วยในวันนี้ หรือไม่ก็ทักทายเรื่องดินฟ้าอากาศภูมิทัศน์ของหัวหินอะไรก็ได้
แต่แม่ง ทำไมผมถึงพุ่งเป้าไปที่เรื่องของกินอันดับแรกเลยวะ
แล้วก็เป็นดังคาด คุณป้าเธอทักทายผมตอบด้วยใบหน้าที่เฉยเมยที่สุดในโลก
เธอยังงอนๆแหละผมรู้ ซึ่งก็ไม่น่าจะใช่แค่เรื่องประโยคทักทายเมื่อกี้ เพราะในระหว่างอาทิตย์ที่ผ่านมาคุณลินแทบจะไม่คุยกับผมเลย วันนั้นที่ห้องออกแบบผมชวนไปกินหนวดปลาหมึกทอดเธอก็ไม่ไป พอผมทวงถามว่าเตรียมอะไรไว้ที่จะมาคุยกับหุ้นส่วนใหญ่จากบาหลี เธอก็บอกว่างานยังไม่เสร็จ จนเมื่อตอนบ่ายวันนี้นั่นล่ะ เธอถึงได้ส่งรูปตัวอย่างไอเดียมาให้ผมดู แล้วเราก็เลยได้โทรศัพท์คุยกันแป๊บๆ
"หน้าบึ้งอย่างนี้เดี๋ยวจะไม่ประทับใจคุณวาเลนติโน่เค้านะครับ" ผมหมายถึงหุ้นส่วนใหญ่ของโรงแรมที่มาจากบาหลี คนที่เราสองคนหมายมั่นปั้นมือว่าจะได้เจอในวันนี้
"เดี๋ยวพอเจอคุณวาเลนติโน่แล้วค่อยเริ่มต้นการยิ้มก็ได้ค่ะ ตอนนี้ยังไม่จำเป็น"
เออ แฮะ คราวนี้คุณป้างอนนานแฮะ
"โอเคครับ งั้นเดี๋ยวค่อยยิ้มก็ได้ แต่ตอนนี้ขออนุญาตเดินควงแขนคนสวยเข้างานได้ไหมครับ" ผมพูดยิ้มๆ นึกสนุกที่จะได้กวนอารมณ์ของคุณลินเธอต่อไป
ชมว่าสวยนี่ง้อแล้วนะฮะ ปกติผมไม่ค่อยชมผู้หญิงง่ายๆนะฮะคุณป้า
แม้หน้าตาของเธอยังจะไม่ยิ้ม แต่คุณลินเธอก็ยื่นมือมาควงแขนผมไว้หลวมๆแต่โดยดี ดูออกแหละว่าดีใจที่ผมชมว่าสวย
"เอ งานนี้เค้าจะเสิร์ฟหนวดปลาหมึกทอดไหมน้า" ผมยังคงวนเวียนอยู่กับประเด็นไร้สาระขณะพาเธอออกเดินเข้าไปในงาน
"คุณเซนคะ ชั้นยังไม่มีสมาธิกับการกิน ชั้นต้องการจะคุยกับคุณวาเลนติโน่ก่อน หลังจากนั้นค่อยลุยเรื่องกินค่ะ ไม่ต้องห่วงค่ะ" เธอหันมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
"อ้อ ครับ ได้ครับ โฟกัสเรื่องงานกันก่อนครับ หลังจากนั้นค่อยตะลุยเรื่องกินกันครับ" ผมหยอกเธอยิ้มๆกลับไปอย่างอารมณ์ดีเต็มที่
เฮ้อ ยามผมอยู่กับคุณป้าสองต่อสอง ไม่รู้ว่ามาดประธานบริษัทผู้เคร่งขรึมจริงจังหายไปไหนหมด…
"คุณลลิน สวัสดีค่า เชิญค่า แหม ดีใจจังที่คุณลลินมาร่วมงานวันนี้ได้" เสียงสดใสดังมาจากทางฝ่ายต้อนรับของทางโรงแรมเมื่อเราเดินผ่านเข้าซุ้มประตูดอกไม้นั่นเข้ามา เหมือนบรรยากาศของโรงแรมในวันนี้จะอบอวลด้วยดอกไม้ไปทั่ว
"สวัสดีค่ะคุณศุภจรี ยินดีมากเลยค่ะ โรงแรมสวยขนาดนี้ใครก็อยากมาเยี่ยมชมนะคะ อ้อ นี่คุณเซนประธานบริษัทของเราค่ะ คุณเซนคะนี่คุณศุภจรี ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงแรมค่ะ"
อยู่ดีๆคุณป้าเค้าก็เปลี่ยนเป็นโหมดยิ้มแย้มแจ่มใสเฟรนด์ลี่ได้โดยอัตโนมัติ
"สวัสดีค่ะคุณเซน ได้ยินคุณลลินพูดถึงบ่อยๆ ตัวจริงหล่อเนี้ยบมากนะคะเนี่ย" ผู้จัดการสาววัยกลางคนเอ่ยทักผมอย่างมืออาชีพพร้อมกับคำชมตรงๆแบบที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว เอ๊ะ แล้วนี่พวกเค้าเคยพูดอะไรถึงผมกันด้วยหรือ
"สวัสดีครับคุณศุภจรี เอ้อ โรงแรมสวยมากเลยนะครับ"
ผมพยายามไม่ใส่ใจกับคำป้อยอของคุณผู้จัดการ และมองไปรอบๆบริเวณอย่างตื่นตาตื่นใจ
เมื่อเดินเข้ามาอยู่ภายในบริเวณงานเหมือนเราได้หลุดเข้ามาในอีกโลกหนึ่ง พวกคนรวยเขามีชีวิตกันเช่นนี้เอง แขกผู้มางานแต่งละคนแต่งตัวหรูหรากันเต็มที่ ดีนะที่วันนี้ผมเชื่อพ่อที่บอกให้ผมใส่สูทมา ไม่งั้นถ้าผมมาด้วยเสื้อเชิ้ตดำตัวเก่ง ผมคงแลดูไม่ต่างจากบริกรผู้เดินเสิร์ฟเครื่องดื่มไปทั่วงาน
พวกลูกโป่งสีเมทัลลิคสวยๆที่ประดับประดาอยู่ตามมุมต่างๆสนนราคาแต่ละใบคงไม่น้อย ซุ้มอาหารหลากหลายซุ้มถูกจัดแต่งอย่างปราณีตและถูกตั้งอยู่ภายในเต็นท์สีขาวที่เรียงกันอยู่เป็นแถวด้านข้างของสนามทางเดินลงไปชายหาด รอบๆบริเวณสระว่ายน้ำมีโซฟาหวายที่มีขนาดและรูปทรงหลากหลายแบบตั้งอยู่กระจัดกระจาย ส่วนลวดลายดอกไม้บนหมอนอิงและเบาะรองโซฟานั่นก็คงเป็นผลงานของบริษัทผมสินะ
"ที่โรงแรมของเราสวยขนาดนี้ได้ก็ต้องขอบคุณบริษัทของคุณเซนนะคะ ต้องชื่นชมความร่วมมือของคุณลลินกับแผนกอินทีเรียของเราด้วยค่ะ ตัวดิชั้นเองก็ชอบคอลเล็กชั่นนี้ของโรงแรมเรามาก" คุณศุภจรีเธอช่างเสียงไพเราะและยิ้มแย้มแจ่มใสสมกับเป็นผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์จริงๆ
"เอ๊ะ หมอนอิงแล้วก็เบาะรองโซฟานี่มีลวดลายเหมือนดอกไม้ที่ปลูกอยู่รอบๆบริเวณโรงแรมเลยนะครับ" พลันสายตาผมก็สังเกตเห็นความคล้ายกันของสองสิ่งนั่น
"ดอกไม้ที่เราเห็นนี่ชื่อดอกเกดค่ะคุณเซน หรืออีกชื่อหนึ่งคือราชายตนะ เป็นดอกไม้ประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ค่ะ เราเลยเลือกลายดอกเกดเป็นธีมการออกแบบของเราค่ะ" คุณลินเธอเอ่ยชี้แจงขึ้นมาเบาๆ
นี่พออยู่ต่อหน้าคนอื่น คุณป้าเค้าหายงอนผมแล้วหรือฮะ
"สวยดีครับ" ผมอดที่จะเอ่ยออกมาไม่ได้ เหมือนเรากำลังเดินอยู่ท่ามกลางดงดอกไม้ และผมก็เพิ่งสังเกตอีกว่าชุดสีครีมที่คุณลินใส่มาวันนี้ก็สีโทนเดียวกับดอกเกดที่ว่า
"ไอเดียนี้ต้องยอมรับเลยล่ะค่ะว่าเริ่ดมาก มีสตอรี่ด้านการท่องเที่ยวเหมาะกับโรงแรมของเรา คุณลลินเธอมีความคิดที่สร้างสรรค์มากค่ะ" เหมือนคุณศุภจรีเธอจะชื่นชมคุณป้าเหลือเกิน
"อ้อ คุณเซนคะ เห็นคุณพิเชษฐ์บอกว่าอยากคุยกับคุณเซนด้วยค่ะ ท่านอยู่ด้านในตรงมุมสระว่ายน้ำด้านโน้นนะคะ เชิญคุณเซนกับคุณลลินตามสบายเลยนะคะ เดี๋ยวดิฉันขอตัวไปรับแขกทางโน้นก่อนค่ะ"
ผมพยักหน้ายิ้มให้เธอก่อนที่คุณผู้จัดการจะจากเราไปเพื่อต้อนรับแขกสำคัญคนอื่นต่อไป คุณพิเชษฐ์คือเจ้าของโรงแรมที่เป็นเป้าหมายสำคัญของผมในคืนนี้ เขาจะเป็นสะพานเชื่อมเราไปถึงคุณวาเลนติโน่ผู้มาจากบาหลี
"ดูเหมือนคุณผู้จัดการเค้าจะชอบคุณนะครับ รู้จักกันมาก่อนหรือครับ" ผมหันกลับมาทางคุณลิน
"ก็รู้จักกันตอนชั้นได้มาทำงานนี้ล่ะค่ะ ตอนนั้นชั้นมาที่นี่บ่อยมากเลยรู้จักกับหลายๆคนที่นี่" คุณลินเธอเริ่มพูดคุยกับผมเป็นปกติ ก่อนที่เราจะพากันออกเดินสำรวจบริเวณงาน
คงจะลืมไปว่ากำลังงอนผมอยู่ นอกจากขี้งอนแล้ว คุณป้ายังขี้ลืม
"ช่วงนั้นชั้นมาหัวหินเกือบทุกอาทิตย์เลยมั้งคะ มาคุยกับผู้คนแถวนี้ ทั้งคุยกับคนของโรงแรม แล้วก็คุยกับผู้คนที่อาศัยอยู่รอบๆบริเวณ มาเก็บไอเดียน่ะค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าวันนี้มันเสร็จสมบูรณ์แล้ว" สายตาของคุณลินเธอเหม่อมองไปรอบๆอย่างภาคภูมิใจ
"มันจำเป็นที่ต้องมาที่นี่บ่อยๆด้วยหรือครับ เราออกแบบอยู่ที่ออฟฟิศก็ได้นี่นา ถ้าทางโครงการมีความคืบหน้าอะไร เราก็ส่งคนมาถ่ายรูปกลับไปให้ดูก็ได้"
ผมยังมองไม่ออกว่าทำไมคุณลินเธอต้องทุ่มเทขนาดนั้น ความจริงมาดูสถานที่ด้วยตัวเองแค่ครั้งเดียวก็น่าจะเพียงพอแล้ว
คราวนี้เธอหยุดเดินแล้วหันหน้ามาหาผม แล้วคนตาโตก็ตั้งใจพูดอย่างช้าๆ
"คุณเซน มันสำคัญมากนะคะที่ต้องมาเพื่อซึมซับบรรยากาศ จริงอยู่ค่ะที่ธีมรวมๆของการออกแบบมันต้องเสร็จก่อนตั้งแต่ตอนร่างโครงการ แต่ระหว่างการลงรายละเอียดเราก็ต้องพิถีพิถัน ชั้นมาที่โรงแรมนี้ตั้งแต่ตอนยังเป็นพื้นดินโล่งๆ ตอนลงเสาเข็มต้นแรก ตอนเริ่มโบกปูนทาสีตึก จนกระทั่งถึงวันที่เรานำโปรดักต์ของเรามาส่ง วันที่เราเอาหมอนอิงเอาโซฟาเข้าไปไว้ตามห้องต่างๆ เราต้องมีความรู้สึกให้ได้ก่อนค่ะว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ แล้วงานของเราถึงจะออกมาดีที่สุด"
ผมมองคุณลินนั้นด้วยความทึ่ง ดวงตากลมโตคู่นั้นดูจริงใจกับทุกถ้อยคำที่เธอเอ่ยออกมา คำพูดของคนญี่ปุ่นที่ว่า 'อิจิโกะ อิจิเอะ' ลอยกลับเข้ามาในหัวผมอีกแล้ว คุณลินเธอทำเสมือนประหนึ่งว่างานนี้จะเป็นงานชิ้นสุดท้ายที่เธอจะได้ทำ
แต่กะอีแค่งานออกแบบหมอนอิงและโซฟานี่ คุณป้าเขาถึงกับต้องมีความอินในงานด้วยเลเวลที่สูงมากไปจนถึงขั้นอินกับไซต์งานก่อสร้างด้ววเลยเหรอวะ…
"Mi piace molto la città di Siana"
"C'è la mia città natale"
"จริงหรือคะคุณวาเลนติโน่ ว้าว อิจฉาคุณวาเลนติโน่จังเลย นี่ชั้นหลงรักเมืองนี้เลยนะคะ เซียน่าเป็นเมืองที่ชั้นชอบที่สุดในทัศคานีแล้ว ชั้นชอบเมืองเล็กๆที่เก่าแก่น่ะค่ะ"
นี่เขาสองคนจะคุยกันถึงเรื่องเมืองต่างๆในอิตาลีอีกนานไหมฮะ
จริงของคุณป้าเขานะฮะ พอเราสองคนได้รับการแนะนำให้รู้จักกับคุณวาเลนติโน่ปุ๊บ คุณป้าก็เปิดยิ้มสดใสปั๊บและก็ยิ้มไม่หยุดเลยในเวลาถัดมา พอรู้จากคุณพิเชษฐ์ว่าคุณวาเลนติโน่เป็นคนอิตาเลียน คุณลินเธอก็เริ่มต้นทักทายคุณหุ้นส่วนใหญ่ด้วยภาษาอิตาเลียนก่อนเลย จากนั้นเธอก็พลิ้วมากในการชวนหนุ่มใหญ่คนนี้คุยเรื่องสัพเพเหระ ทักษะการเข้าสังคมของคุณป้านี่ขั้นสูงมากจนผมต้องยกนิ้วให้
คุณวาเลนติโน่เป็นชาวอิตาเลี่ยนซึ่งไปอาศัยอยู่บนเกาะบาหลีแล้วทำธุรกิจใหญ่โตที่นั่น คุณเค้าน่าจะรุ่นแก่กว่าคุณป้านิดหน่อย ผมสีดอกเลาที่ขึ้นแซมๆอยู่นั่นทำให้คุณหุ้นส่วนใหญ่คนนี้ดูภูมิฐานไม่หยอก หูตาแกก็ระยิบระยับแพรวพราวน่าดู ตามสไตล์หนุ่มอิตาเลี่ยนนั่นล่ะ คงถูกใจคุณป้าเค้ามั้ง ก็วัยใกล้เคียงกันนี่
"คุณลลินมีความรู้รอบตัวดีจังเลยนะครับ ผมชื่นชมผู้หญิงอย่างคุณจังเลย"
คนอิตาเลี่ยนนี่แม่งปากหวานอย่างที่ร่ำลือจริงๆ คุณป้ากับคุณสปาเกตตีเขาดูคุยกันถูกคอในเวลาอันรวดเร็ว ผมรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินยังไงไม่รู้ แม้คุณวาเลนติโน่เขาจะมีมารยาทในการพูดคุยกับผมถึงเรื่องโครงการของโรงแรมใหม่ๆที่กำลังจะสร้างที่บาหลีหลายแห่ง แต่ผมก็สังเกตได้ว่าสายตาของเขาแอบจับจ้องอยู่ที่คุณป้าแทบจะตลอดเวลา
"ชั้นว่าเมืองเซียน่าคล้ายๆเมืองอูบุดนะคะ เป็นเมืองเล็กๆที่มีวัฒนธรรมเก่าแก่ ชั้นก็รักอูบุดเป็นที่สุดเหมือนกันค่ะ เลือกไม่ถูกเลยล่ะค่ะ ระหว่างวัฒนธรรมบาหลีและวัฒนธรรมอิตาเลี่ยน…"
แววตาคุณป้าเขาระยิบระยับตลอดเวลาของการพูดคุย ไปๆมาๆผมเองก็ชักจะเคลิ้มกับรอยยิ้มที่โชว์ฟันสวยเรียงเป็นระเบียบนั่น โหมดร่าเริงมีเสน่ห์ของคุณป้าแบบนี้ผมยังไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
"ชั้นรู้ค่ะว่าดอกลั่นทมเป็นสัญลักษณ์ของบาหลี แต่เราก็เห็นกันทุกที่อยู่แล้ว…"
และหลังจากสนทนากันเรื่องบรรดาเมืองต่างๆทั้งในอิตาลีและในบาหลีกันพอหอมปากหอมคอ คุณลินเธอก็เริ่มไทอินเข้าเรื่องการตกแต่งโรงแรมใหม่ที่บาหลีอย่างเนียนๆ คนยิ้มฟันสวยคนนี้ถือโอกาสโชว์งานออกแบบคร่าวๆในไอแพดขนาดเล็กกะทัดรัดที่เธอพกมาด้วยในกระเป๋าราตรีใบเล็กนั่น
"ชั้นสังเกตว่าชาวเมืองบาหลีเค้าจะจัดดอกไม้ไปไหว้พระกันทุกเช้าโดยใช้ดอกเข็ม เพราะฉะนั้นเราจึงใช้ดอกเข็มนี้ในการทำลวดลายของหมอนหนุนนอน เสมือนประหนึ่งว่าเราวางสิ่งที่เคารพไว้เหนือหัว ส่วนหมอนอิงที่โซฟาเราก็ใช้เป็นลวดลายของต้นตาลที่เราพบเห็นตามทุ่งนา และสีของโซฟาเราจะไล่สีเขียวอ่อนเป็นชั้นๆ เลียนแบบทุ่งนาเป็นขั้นๆที่มีชื่อเสียงของเมืองอูบุด…"
คุณป้าเค้าคล่องแคล่วมาก
"ไอเดียดีมากเลยครับ ผมชักอดใจไม่ไหวที่จะได้เห็นโรงแรมของเราตกแต่งด้วยฝีมือการออกแบบของคุณแล้ว" ส่วนคุณสปาเกตตีเค้าก็รักษาระดับความปากหวานได้คงเส้นคงวามาก
"ชั้นยินดีมากค่ะที่จะเข้าร่วมคุยกับทีมอินทีเรียดีไซน์ของบริษัทคุณ ไม่ทราบว่าจะเป็นทีมเดียวกับที่ทำให้โรงแรมที่หัวหินนี่หรือเปล่าคะ ถ้าใช่ก็เพอร์เฟคเลยค่ะ เราทำงานร่วมกันได้ดีมาก…"
ผมปล่อยให้คุณลินได้พรีเซนต์ไอเดียกับคุณวาเลนติโน่อย่างเต็มที่ ความจริงผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องจะมาคุยงานที่ปาร์ตี้ในคืนนี้หรอก ขอแค่ได้มีโอกาสเปิดตัวทีมงานออกแบบของเรากับหุ้นส่วนใหญ่ก็เท่านั้น แต่ปรากฏว่าคุณลินเธอตั้งอกตั้งใจจัดเต็มมามากกว่าที่ผมคิดไว้
"งานออกแบบของบริษัทจากต่างประเทศเช่นจากเมืองไทย จะทำให้บรรยากาศของโรงแรมในบาหลีมีความเป็นอินเตอร์เนชั่นเนล แต่ในขณะเดียวกันเราก็มีความเป็นเอเชียเหมือนกัน ซึ่งเราเข้าใจวัฒนธรรมของกันและกันเป็นอย่างดี ใช่ไหมคะ…"
ตลอดเวลาของการสนทนากับคุณหุ้นส่วนใหญ่ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่ไม้ประดับยังไงก็ไม่รู้ แต่เอาเถอะ ถ้ามันจะทำให้บริษัทของเราได้งาน ผมก็ต้องยอม
แม้ในใจลึกๆจะรู้สึกตงิดๆกับสายตาหวานเยิ้มของคุณสปาเกตตีที่จ้องมองคุณป้าตลอดเวลา…
แล้วนอกจากจะคุยกับคุณวาเลนติโน่ได้ถูกคอแล้ว เหมือนคุณลินเขาจะรู้จักกับทุกคนในงานนี้ แล้วก็คุยถูกคอกับทุกคนในงานด้วย คุณป้าเธอทักทายกับคนโน้นคนนี้ตลอดเวลา หรือไม่ก็มีคนปราดเข้ามาหาเธออยู่เนืองๆ
"น้องลิน ดีใจจัง เจอตัวพอดีเลย พี่มีเรื่องจะปรึกษาค่ะ พี่เผลอทำไวน์แดงหกใส่โซฟาของน้อง เนี่ยพี่กลุ้มใจมากเลย ว่าจะโทรถึงน้องลินอยู่เลยนะเนี่ย"
อย่างเช่นคุณสาวรุ่นใหญ่ผู้ปราดเข้ามาขวางทางเราไว้ขณะที่ผมกับคุณลินแยกตัวออกมาจากคุณวาเลนติโน่แล้ว และกำลังเดินตรงดิ่งกันไปยังซุ้มอาหาร
"อ้าว สวัสดีค่ะคุณพี่ติ๋ม โซฟาของคุณพี่ติ๋มที่เป็นรุ่นลายดอกลิลลี่ีสีขาวพื้นเหลืองใช่ไหมคะ อ๋อ นั่นต้องใช้น้ำยาซักแห้งชนิดพิเศษนะคะ ที่เราแถมให้ไปตอนซื้อน่ะค่ะ คุณพี่ติ๋มยังเก็บไว้อยู่ไหมคะ แต่ถ้าหาไม่เจอไม่เป็นไรนะคะ เดี๋ยวลินให้แผนกเซอร์วิสจัดส่งขวดใหม่ไปให้คุณพี่เองค่ะ"
และหลังจากเคสของคุณพี่ติ๋ม เราก็ได้รับแจ้งเคสจากแขกคนอื่นๆตลอดเวลาที่ผมกับคุณลินอยู่ในงาน ไม่ว่าจะเป็นขณะที่เรากำลังตระเวนหาของอร่อยตามซุ้มต่างๆ หรือหาไวน์หลากชนิดดื่ม หรือยืนโซ้ยผัดไทยกันอยู่ริมสระว่ายน้ำ
"คุณลินครับ โซฟาแบบกางเป็นเตียงได้น่ะครับที่เราซื้อยี่ห้อของคุณลิน ตอนนี้สปริงมันติดขัดกางไม่ค่อยจะออก ผมจะทำไงดีครับ"
"อ๋อ เดี๋ยวส่งทีมเซอร์วิสไปดูให้ที่บ้านนะคะคุณประสาน ลินจะเช็คให้ด้วยค่ะว่ายังอยู่ในประกันหรือเปล่า ถ้ายังอยู่ในประกันคือซ่อมฟรีค่ะ แต่ถ้าหมดประกันแล้วก็ต้องขอค่าแรงให้ทีมเซอร์วิสเค้าหน่อยนะคะคุณประสาน"
"นี่คุณลินรู้จักลูกค้าของเราทุกคนเลยเหรอครับ" ผมกระซิบกับคุณป้าเมื่อคุณประสานพออกพอใจกับคำตอบแล้วก็จากไป
"ก็พอจะรู้จักค่ะ" เธอตอบมาสั้นๆ
ดูเหมือนว่าตอนนี้คุณป้าเธอเริ่มจะโฟกัสกับอาหารหลากหลายชนิดมากกว่าที่จะฟังผมพูด
โอเคครับ คงถึงเวลาตะลุยกินของคุณป้าเค้าแล้ว…
และหลังจากที่ผมกับคุณป้าได้เพลิดเพลินกับการชิมอาหารจนครบทุกซุ้มทุกเมนู ชิมไวน์จนครบทุกประเภท เล่นสนุกให้คะแนนจัดอันดับกันเองกับความอร่อยของหวานและความนุ่มของไวน์ และทักทายกับคนทั้งงานแล้ว เราก็มาหยุดยืนในวงสนทนากลุ่มใหญ่ริมชายหาด
"พวกเราเป็นลูกค้าของครอบครัวนี้ทั้งของคุณแม่และคุณลูกล่ะค่ะคุณเซน เคยไปตัดเสื้อกับคุณลลนาแล้วได้นั่งคุยกันบนโซฟาที่น้องลินออกแบบ นั่งสบายมากก็พากันติดใจ แล้วบอกต่อๆกันนี่ล่ะค่ะ"
"อ้อ ครับ" ผมพยักหน้าหงึกหงักไปกับคำบอกเล่าของคุณรัศมีไฮโซชื่อดังของกรุงเทพ ชื่อนี้คุณลินเขากระซิบบอกมา
"นี่คุณเซนต้องเพิ่มเงินเดือนให้น้องลินแล้วนะคะ น้องลินเธอไม่ใช่แค่ดีไซเนอร์นะคะ เธอทั้งเป็นมาร์เก็ตติ้ง เป็นพีอาร์ เป็นอาฟเตอร์เซลล์เซอร์วิส เป็นทุกอย่างให้บริษัทคุณเลยนะคะเนี่ย" คราวนี้เป็นคุณพิไลลักษณ์ที่เอ่ยชื่นชม ชื่อนี้คุณลินเขาก็กระซิบบอกผมมาอีก
"แหม พวกพี่ๆก็พูดเกินไปค่ะ ก็แค่ลินเชื่อแล้วก็ภูมิใจว่าโซฟาที่ทีมของลินออกแบบมันนั่งนุ่มจริงๆนี่นา ลินก็เลยอยากให้พวกพี่ๆได้ใช้ของดีๆกัน" คุณป้าเธอก็ผสมโรงถือโอกาสไทอินโปรดักต์เราไปอีก
"แล้วช่วงนี้กิจการเป็นไงบ้างครับคุณเซน ผมว่าบริษัทเฟอร์นิเจอร์ใหม่ๆก็เกิดขึ้นเยอะอยู่นา" คุณนัธุรกิจคนข้างๆผมเขาชวนคุย
"ครับ ก็ยากนิดนึงครับ เรากำลังหาวิธีใช้กลยุทธ์ใหม่ๆอยู่" ผมตอบแบบกว้างๆกลับไป
นอกจากคุณลินที่เหมือนจะทำงานอยู่ตลอดเวลาทั้งๆที่เราอยู่ในงานปาร์ตี้ ผมเองก็ต้องทำงานเช่นกัน ผมถือว่าการเข้าสังคมและการสนทนาเรื่องเกี่ยวกับทางธุรกิจล้วนเป็นการทำงานอย่างหนึ่ง ซึ่งแม้ผมจะทำได้ดีพอสมควร แต่ใจจริงผมโคตรจะเกลียดการเข้าสังคมจอมปลอมนี่จริงๆเลย ผมก็คงนิสัยเหมือนพ่อผมนั่นล่ะ
ผมเริ่มจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมพ่อต้องอาศัยคุณลินในช่วงระยะเวลาที่ผ่าน…
และก็เป็นดังคาด หลังจากเวลาผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง ผมก็เริ่มรู้สึกทนไม่ไหวอีกต่อไปกับบรรยากาศอันเก๋ไก๋ของงานปาร์ตี้นี้ ไม่รู้เป็นเพราะผมเริ่มอยากมีเวลาเงียบๆของผมแล้ว หรือเป็นเพราะผมรู้สึกไม่สบอารมณ์นักกับอาการตาหวานของมิสเตอร์สปาเกตตีที่ส่งมาถึงคุณป้าแทบจะตลอดเวลากันแน่
"คุณลินครับ เรากลับกันเถอะครับ" ผมแตะข้อศอกคุณป้าแล้วเอนตัวกระซิบข้างหูเธอ
"คะ?" ท่าทางเธอไม่ได้สนใจผม สายตาเธอยังคงเชื่อมไปถึงคุณวาเลนติโน่ที่กำลังยืนอยู่อีกด้านวงสนทนากลุ่มใหญ่ที่เราสองคนกำลังยืนร่วมอยู่
"ผมอยากกลับแล้วครับ" ผมยืนยันคำเดิม
"คุณเซนกลับก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวชั้นกลับกับรถโรงแรมได้" เธอหันหน้ามากระซิบตอบกลับ ก่อนจะรีบหันหน้ากลับไปหัวเราะกับมุกฝืดๆของไฮโซหนุ่มคนข้างๆสลับกับการสบตากับมิสเตอร์สปาเกตตีต่อไป
"มากับผมหน่อยครับ" ผมถือวิสาสะดึงแขนคุณป้าเดินพาตัวเค้าออกมาจากกลุ่มนั้น
ผมรู้ว่าคุณวาเลนติโน่แกเป็นคนสำคัญของโรงแรมนี้ และเค้าก็มีส่วนที่จะทำให้เราได้งานในบาหลีด้วย แต่ผมคิดว่าวันนี้คุณป้าได้ส่งสายตากับหนุ่มใหญ่สายสปาเกตตีมามากพอควรแล้ว
"ผมว่าจะเดินกลับ อยากเดินรับลมทะเลสักหน่อย บ้านผมกับโรงแรมคุณลินก็ไม่ไกลจากที่นี่ คุณลินเดินกลับกับผมนะครับ"
"คงไม่ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวชั้นให้รถโรงแรมไปส่งได้ ชุดเดรสสั้นกับรองเท้าส้นสูงอย่างนี้เดินไม่ถนัด คุณเซนกลับก่อนเลยค่ะ เดี๋ยวชั้นอยู่โปรโมทบริษัทต่อให้เองค่ะ"
ครับ ผมรู้ครับว่าป้าสายปาร์ตี้ แต่ผมอยากมีคนเดินกลับเป็นเพื่อนครับป้า
"คุณลินรอผมตรงนี้แป๊บนึงนะครับ แป๊บเดียวเท่านั้น อย่าเพิ่งหนีไปไหน" ผมรีบพูด ก่อนจะทิ้งให้คุณป้ายืนเก้ๆกังๆรออยู่ตรงนั้นชั่วหนึ่งอึดใจ
แล้วผมก็เดินกลับมาพร้อมชูขวดไวน์สองขวดในมือทั้งสองข้างขึ้น
"คุณเซน! นี่ไปซื้อไวน์ของโรงแรมเค้ามาหรือคะเนี่ย หรือไปขโมยมา! ตายแล้ว!"
"ผมไปขอเค้ามาครับ อยากเดินจิบไวน์ริมทะเล เดินคนเดียวมันไม่ฟิน อยากมีเพื่อนเดินด้วย" ผมทำเสียงอ้อนแกมบังคับ และคิดว่าข้อเสนอนี้คุณป้าน่าจะสนใจ
แต่คุณป้าเธอกำลังทำหน้าประหลาด คงนึกไม่ถึงล่ะสิว่า ระดับผู้บริหารอย่างผมจะกล้าไปขอไวน์ฟรี
"คุณลินไม่สนจริงๆหรือครับ นี่ผมลงทุนขนาดนี้แล้วนะครับ นี่เป็นไวน์ชนิดที่คุณลินให้คะแนนสูงสุดในคืนนี้ด้วย นะ เดินกลับกับผมนะครับ"
"แต่…" เธออึกอักลังเล
"นะ นะครับ" ผมพยายามทำเสียงสอง เสียงอ้อนที่สุดเท่าที่เคยทำมาในชีวิต เชี่ย นี่ผมเป็นอะไรไปวะ
"ผมไม่อยากเดินกลับคนเดียว กลัวเป็นอันตรายกับชาวประมง"
"ฮ่า ฮ่า โอเค ยอมค่ะยอม" คุณป้าเธอหัวเราะออกมาในที่สุด
ผมแอบยิ้มในใจ
ชุดสีครีมที่เผยแผ่นหลังอันนวลเนียนของคุณลินมันอันตรายต่อใจมาก ผมจะปล่อยให้เธอกลับโรงแรมคนเดียวได้อย่างไรกัน
จู่ๆผมก็มีความรู้สึกอยากเดินจิบไวน์ชมดาวริมชายหาดขึ้นมาซะงั้น…