หลังจากการร้องเพลงและการเต้นอาวะโอโดริประกอบเพลงยุคเก้าศูนย์ผ่านพ้นไปอย่างเหน็ดเหนื่อย ช่วงท้ายของงานเลี้ยงรุ่นของเราก็มาถึง ตอนนี้เสียงเพลงอันเร่าร้อนได้ถูกเปลี่ยนเป็นเพลงคลาสสิคบรรเลงอยู่เบาๆ เราต่างผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนยืนจับกลุ่มคุยกันกระจัดกระจายทั่วห้องจัดเลี้ยง
จนแล้วจนรอดฉันก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับก้อง ก็คุณเซนเขาประกบฉันแจ ตาเรียวๆนั่นจับจ้องฉันตลอดเวลา แถมยังเอาใจใส่ฉันเป็นที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่มเธอบริการเสิร์ฟฉันอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง พ่อหนุ่มเสื้อชมพูได้ทำหน้าที่แฟน(ปลอมๆ)ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดแล้วในค่ำคืนนี้
และถึงแม้คุณเขาจะร้องเพลงได้อย่างน่าเศร้าใจ และไม่สามารถที่จะแดนซ์แบบทันสมัยได้ แต่กระนั้นคนตาเรียวก็ยังคงสามารถเข้าครอบครองหัวใจของบรรดาสาวๆแก๊งเพื่อนสนิทของฉันได้อย่างไม่เคอะเขิน
"จำได้ทุกคนสิฮะ นี่คุณนุ่น ถัดไปคุณแพรวา แล้วก็คุณแอมมี่" คุณเซนเธอผายมือไปยังแต่ละคนพร้อมทวนชื่ออย่างมั่นใจเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดได้ไม่หยุด
"แล้วลูกสาวของคุณนุ่นชื่อน้องจำไม ลูกชายคุณโสรยาชื่อน้องเต๋ สามีคุณแพรวาชื่อคุณป๊อก แฟนของคุณแอมมี่ชื่อคุณโอ๋ครับ"
การละเล่นเกมทายชื่อดำเนินไปอย่างเผ็ดร้อน พวกนี้ไม่รู้อะไรซะแล้ว คุณเซนเธอเบอร์หนึ่งเรื่องการจดจำชื่อคน หรือจะว่าไปเธอเป็นคนความจำดี คนอะไร สามารถจำท่าเต้นอาวะโอโดริจากในวัยเด็กได้เกือบทุกท่า
"อร๊าย ทำไมคุณเซนความจำดีขนาดนี้" "นี่จำเรื่องทุกอย่างของยัยลินได้ด้วยสิคะ" "เริ้ดอ่า" เสียงชื่นชมเซ็งแซ่ดังอยู่เรื่อยๆ
แก๊งเพื่อนสนิทของฉันเขามากันทั้งครอบครัวบ้าง มากับลูกเดี่ยวๆบ้าง บางคนก็มากับแฟน จะมีก็แต่วิสกี้เพื่อนรักของฉันที่ฉายเดี่ยวโดยไม่แคร์คำครหาของใคร คือยังไงรายนั้นเค้าก็ไม่เคยคิดจะเปิดตัวใครอย่างเป็นทางการอยู่แล้ว แฟนของกี้เค้าเยอะ ต้องคอยสับรางกันให้วุ่นวาย ส่วนฉันก็โชคดีที่มีคุณเซนควงมาด้วย ทำให้ฉันไม่ต้องกังวลว่าจะต้องคอยตอบคำถามใครเรื่องชีวิตรัก
แต่เดี๋ยวนะ ทำไมไปๆมาๆกลับกลายเป็นตาคนเสื้อชมพูคนข้างๆนี่ที่ชวนคนอื่นคุยเรื่องความรักของเราแทน
"ลินเค้าเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากครับ ผมตกหลุมรักเค้าตั้งแต่แรกเห็น"
โอย คุณเซนนนนนน!
"เธอทำให้โลกของผมสว่างไสว"
ไม่พูดเปล่า พยายามจะป้อนถั่วเขาปากฉันอีก นี่ไม่คิดจะเขินตัวเองบ้างเลยหรือไง อีกนิดฉันจะอ้วกพุ่งแล้วนะ
"นี่กว่าผมจะจีบเค้าได้นะครับ ผมถอดใจไม่รู้กี่รอบแล้วครับ ใช่ไหมครับลิน แต่ยังไงๆเซนก็ยังสู้นะครับ"
คราวนี้หันมาทำตาหวานหยาดเยิ้มใส่ฉัน เอามือข้างขวามาโอบฉันไว้ แล้วเอื้อมมือข้างซ้ายมาเขี่ยปลายผมของฉันเล่นด้วย
คุณเสื้อชมพูคะ คุณจะเล่นละครเก่งเกินไปไหมคะ เชื่อแล้วค่าว่าเป็นเซียนช่องเจ็ด
และฉันก็คิดว่าพวกเพื่อนๆฉันคงเกือบสำลักความเลี่ยนนี้ด้วยเช่นกัน แต่ละคนทำหน้าปูเลี่ยนๆ จะขำก็ไม่ใช่จะหมั่นไส้ก็ไม่เชิง คงคิดกันอยู่ล่ะสิว่าจะผสมโรงช่วยสร้างความฮอตให้ฉันดีไหม หรือควรจะแฉความเป็นจริงให้โลกได้รู้
"อยากรู้จังว่าสมัยเรียนลินเค้าฮอตมากเหมือนสมัยนี้ไหมครับ" ยัง ยังจะไปต่ออีก
"ฮอตอะไรกันฮะ ลินเค้ารักเดียวใจเดียวกับใครบางคนจะตายไป ตัวติดกันเป็นปลากระป๋อง ว่าไงลิน ไม่เจอกันตั้งนานนะเธอ"
แล้วเสียงคุ้นๆจากทางด้านหลังของฉันก็ดังขึ้นยุติสถานการณ์อันน่ากระอักกระอ่วนนั้น แต่ก็ทำเอาฉันใจหายวาบ ความน่ากลัวกว่ากำลังเข้ามาเยือนฉันและเพื่อนๆแล้ว!
"อ้าว โอดี้ หวัดดีจ้ะ"
ฉันจำยอมต้องหันไปทักทายโอดี้คู่รักคู่ชังในตำนาน โคตรซวย ณ จุดจุดนี้ ความลับในสมัยวัยเรียนของฉัน จะต้องพรั่งพรูออกมาให้คุณเซนได้รับรู้แน่ๆ ความจริงฉันเห็นโอดี้ตั้งแต่หัวค่ำแล้วล่ะ แต่แสร้งทำเป็นไม่เห็นและพยายามอยู่ไกลๆเข้าไว้
โอดี้เคยเป็นอดีตหนุ่มน้อยหนึ่งเดียวของสมาชิกเกิร์ลแก๊งของเราสมัยมอต้น ส่วนวิสกี้น่ะฉันเพิ่งมาสนิทด้วยตอนสมัยมอปลายเพราะเราเรียนห้องศิลป์ด้วยกัน
แล้วตอนนี้วิสกี้หายไปไหนเนี่ย
"เอ้อ โอดี้ นี่คุณเซน" ฉันจำใจต้องทักทายโอดี้ไปตามมารยาท
"แหม แฟนหล่อนะจ๊ะ ไม่นึกเลยนะว่าพอเธอเลิกกับก้องไป เธอจะมีโอกาสได้แฟนหล่อๆอีก"
โอ้ เฉียบ! โอดี้เขาพุ่งเข้าตรงประเด็นมาก ไม่มีบทเกริ่นนำเลยสักนิด
ณ จุดจุดนี้ เงียบกริบกันไปทั้งบาง คุณเซนเองก็คงนึกไม่ถึงสินะว่าฉันจะถูกโจมตีอย่างรวดเร็วปานนี้ในยามช่วงท้ายของค่ำคืน
"แก๊งนี้นะฮะคุณเซน ตอนเด็กๆร้ายมากฮะ พวกนี้เค้าคิดว่าตัวเองสวยและเรียนเก่ง เค้าเลยชอบแกล้งพวกเพื่อนที่หัวอ่อนฮะ" โอดี้ปรายตามองหน้าตาเลิ่กลั่กของแต่ละคน โอดี้เขาคงไม่อยากโจมตีฉันให้ได้โดดเด่นอยู่คนเดียว เขาเลยเล่นทั้งแก๊ง
"เอ้อ ก็ตอนนั้นเป็นเรื่องของเด็กๆมั้งครับ" คุณเซนเริ่มได้สติและเริ่มต้นการปกป้องพวกเรานิดๆ
"จริงนะโอดี้ เรื่องมันนานมากแล้ว ชั้นจำไม่เห็นจะได้เลย" แอมมี่เริ่มตั้งหลักได้เป็นคนถัดมา
"พวกเธอจำไม่ได้ แต่ฉันจำได้แม่นเลย คุณเซนรู้ไหมฮะ ผมพยายามจะขอเข้ากลุ่มพวกเขา แต่พวกนี้ก็ผลักไสให้ผมไปอยู่กับกลุ่มพวกเด็กผู้ชายแมนๆ แต่พวกนั้นมันก็ไม่ยอมรับผม ชอบแกล้งผมบ่อยๆ กว่าพวกผู้หญิงจะรับผมเข้ากลุ่ม ผมก็ถูกพวกผู้ชายแกล้งแทบแย่"
คือแม้ยี่สิบปีจะผ่านไปแต่ความหลังนั้นยังคงฝังใจกับโอดี้อยู่ไม่รู้ลืม
"จริงอะ ก็ฉันไม่รู้นี่ว่าเธออยากเข้ากลุ่มกับพวกเด็กผู้หญิงอย่างฉัน" ฉันรู้สึกผิดกึ่งไม่แน่ใจ
ก็ตอนนั้นพวกฉันไม่รู้จริงๆว่าโอดี้เขามีจิตใจค่อนมาทางผู้หญิง และต้องการจะเข้าร่วมกลุ่มกับเรา เขาไม่ได้บอกอะไรพวกฉันตรงๆนี่นะ ใครจะไปรู้ แล้วสมัยนั้นสังคม LGBT เค้าก็ยังไม่เปิดเผยหรือเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนสมัยนี้
"ไม่รู้ล่ะ พวกเธอนิสัยไม่ดี ชอบใช้อำนาจกับผู้อ่อนแอกว่า ชอบแกล้งหลอกให้เพื่อนๆหัวอ่อนบางคนทำอะไรที่น่าอาย ทำอะไรตลกๆงี้"
โอดี้… ทำไมเธอช่างความจำดีเยี่ยงนี้
พวกฉันเริ่มหน้าจ๋อย จะพูดอะไรออกไปก็เหมือนเป็นการแก้ตัว
"เอาจริงเรื่องมันก็เกือบจะยี่สิบปีแล้วนะ เธอยังจำฝังใจอยู่เหรอเนี่ย" แต่นุ่นเค้าเริ่มจะไม่ยอมบ้างแล้ว
จริงของนุ่น นี่คือฉันจำอะไรสมัยนั้นไม่ได้เลย รู้แต่ว่ากลุ่มของเราค่อนข้างกล้าๆซ่าส์ๆและมีพาวเวอร์ในการทำกิจกรรมต่างๆของโรงเรียน ฉันเองก็ได้รับเลือกเป็นประธานนักเรียนเนื่องจากเป็นที่รักของเพื่อนและมีพรรคพวกมากมาย ฉันเข้าได้กับทุกก๊กทุกแก๊ง และหลังจากฉันได้รับเลือก ฉันก็สมนาคุณผู้ที่สนับสนุนฉันอย่างงดงามด้วยตำแหน่งสำคัญต่างๆในคณะสภาของโรงเรียน
"ลิน เธอมันชอบเล่นพรรคเล่นพวก" โอดี้ไม่สนนุ่น และหันมากล่าวหาฉันเดี่ยวๆต่อไป
เอ้อ... ที่โอดี้พูดมาก็มีส่วนจริง ...มั้ง หรือเปล่า ชักไม่แน่ใจ
"พวกเธอไม่รู้ตัวหรอก ว่าพวกเธอทำลายความสวยงามในวัยเด็กของชั้นไปหมดแล้ว" โอดี้หันไปมองรอบๆ ตอนนี้แก๊งฉันหน้าตาสำนึกผิดกันเป็นแถวๆ โอดี้เค้าแค้นฝังหุ่นจริงๆ
"ไปล่ะนะ แฟนฉันเขามาด้วย เดี๋ยวฉันต้องไปเทคแคร์เขาหน่อย เขาเป็นถึงผู้บริหารของบริษัทใหญ่ยักษ์ด้านการเงินเลยนะ"
แล้วจู่ๆโอดี้เขาก็หันหลังเดินจากไปอย่างไม่มีเยื่อใยหลังจากทิ้งระเบิดไว้ตูมใหญ่มาก
"เอ่อ... เอ้อ ผมรู้สึกคอแห้งมากครับ ใครอยากดื่มอะไรไหมครับ เดี๋ยวผมเอามาเสิร์ฟ บอกความต้องการของแต่ละคนมาได้เลยครับ ผมจำได้หมดครับ" คุณเซนเธอพยายามจะทำลายบรรยากาศอันน่าสลดนั้นด้วยข้อเสนอที่ทุกคนต่างปฏิเสธไม่ลง
เสียงจ้อกแจ้กจอแจสั่งเครื่องดื่มจึงดังขึ้น
"นี่เซนเพิ่งรู้นะครับเนี่ย ว่าตอนเด็กๆลินนิสัยไม่ดี" ก่อนจะเดินจากไปที่บาร์เครื่องดื่ม พ่อเสื้อชมพูเขายังหันมากระซิบกันฉันด้วยสายตายิ้มๆ
"เอ้อ..." ฉันไม่รู้จะพูดอะไรต่อดีเลย ตอนเด็กๆฉันนิสัยไม่ดีเหรอวะ นี่ก็เพิ่งรู้ตัวเอง
"แต่ถึงร้ายก็รักน้า" คนพูดทำตากรุ้มกริ่ม
เดี๋ยวๆคุณเซนคะ ไม่ต้องแสดงแล้วค่ะ โอดี้เค้าจากไปแล้ว…
ฉันรู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อยหลังจากได้สัมผัสลมแผ่วๆที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฉันกำลังยืนอยู่ที่ระเบียงด้านนอกที่ต่อออกมาจากห้องจัดเลี้ยง อากาศยามดึกของกรุงเทพในค่ำคืนนี้ก็ไม่เลวนัก คิดถูกที่บอกคุณเซนตอนที่เขาไปเอาเครื่องดื่มว่าจะขอตัวออกมาสูดอากาศนอกห้องแอร์เสียหน่อย
คำพูดของโอดี้ทำเอาฉันรู้สึกไม่ค่อยดี ฉันควรจะต้องไปขอโทษโอดี้ถึงเรื่องในอดีตใช่ไหม แต่ฉันก็ไม่รู้ตัวจริงๆนี่นาว่าฉันได้ทำร้ายจิตใจเพื่อนขนาดนั้น มิน่า โอดี้ถึงได้แสดงอาการเป็นคู่รักคู่แค้นกับฉันเสมอมา นี่ก็เพิ่งรู้นะว่ามันเป็นปมใหญ่ของชีวิตเพื่อน เป็นบาดแผลในใจที่โอดี้ไม่ยอมลบมันออกไป
โอย นี่ตอนเด็กๆฉันมีนิสัยชอบบูลลี่เพื่อนด้วยเหรอวะ โคตรรู้สึกผิดเลย
แต่ในขณะที่ฉันกำลังกังวลใจเรื่องของโอดี้อยู่ และกำลังตัดสินใจจะหันหลังกลับเข้างานเพื่อไปขอเคลียร์กับโอดี้นั้น กลับกลายเป็นว่า ช่วงเวลาที่ฉันรอคอยมาตลอดทั้งคืนก็มาถึงโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว
ก้องกำลังเดินเข้ามาหาฉัน...
"ก้อง..."
ฉันชะงักไป มองคนตัวใหญ่ผิวสีแทนนั้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก หลังจากที่ฉันเล่นเกมดูเชิงอยู่ฝ่ายเดียวทั้งคืน ในที่สุดก้องก็เป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาฉันก่อน
"ลินสบายดีนะ"
ก้องเอนตัวไปพิงราวระเบียงริมน้ำนั้นด้วยท่าทีสบายๆ ในมือมีแก้วไวน์อยู่
"อื้อ"
พอถึงเวลาจริงๆฉันกลับพูดไม่ออก ก่อนจะมางานฉันอุตส่าห์เตรียมคำถามคำพูดเอาไว้มากมาย เตรียมกระทั่งจะทักทายก้องคำแรกยังไง จะหันหน้าไปด้านไหนตอนยิ้ม แต่จู่ๆก็ลืมสิ่งที่เตรียมมาพวกนั้นไปเสียสิ้น
คือ... ยอมรับว่าหลังจากที่คุณเซนเธอขึ้นไปร้องเพลงบนเวที สายตาของฉันที่เคยจับจ้องอยู่ที่ก้องแทบจะตลอดเวลา ก็เปลี่ยนมาจับที่คุณเซนแทน ก็คุณเซนเธออุตส่าห์พลีชีพเสียลุคส์ซะขนาดนั้นอะนะ
"ลินไม่เปลี่ยนไปเลย ยัง... เอ่อ น่ารักเหมือนเดิม"
คำพูดนุ่มๆนั้นทำเอาฉันอึ้งไป นึกไม่ถึงว่าก้องจะเป็นฝ่ายเริ่มประโยคหวานแบบนี้อย่างรวดเร็ว แปลว่าสิบกว่าปีที่เราไม่เจอกัน ภาพความทรงจำของฉันที่เขายังมีมาโดยตลอด คือฉันน่ารัก...
"ก้องก็..." เอาไงดีวะ อวยอะไรกลับไปดี โอ๊ย คลังคำพูดที่เมื่อคืนอุตส่าห์นั่งเตรียมไว้ทั้งคืนมันหายไปไหนหมด!
"ก้องก็ดูสุขภาพดียังแข็งแรงเหมือนเดิมนะ" อุ้ย มาสายสุขภาพได้ไงวะเนี่ย
แล้วรอยยิ้มอันอบอุ่นก็คลี่ออกมาจากริมฝีปากหนานุ่มนั้น แฟนเก่าของฉันเขาเป็นคนปากอิ่มนุ่ม ฉันยังจำความรู้สึกตอนจูบกับก้องได้แม้เวลาจะล่วงเลยไปเป็นสิบปีแล้ว คริ คริ
ตอนนี้เราสองคนยืนเอามือเท้าระเบียงหันหน้าเข้าชมแม่น้ำกันแล้ว ลมแม่น้ำยังคงพัดมาปะทะใบหน้าและผิวกายของสองเราอย่างแผ่วเบา
อา... สมหวังแล้วฉัน
ไม่คิดว่าจะได้คุยกับก้องในบรรยากาศที่โรแมนติกอย่างนี้ สมกับที่รอคอยมาทั้งคืน คุยกันตรงนี้ดีกว่าคุยในห้องจัดเลี้ยงที่เสียงดังขนาดนั้นเป็นไหนๆ
ความรู้สึกคิดถึงวันวานของเราสองคนค่อยๆกลับขึ้นมาในใจของฉัน ดีใจจังเลย
"ก้องเห็นลินมีความสุข ก้องก็ดีใจนะ" เสียงนุ่มนั้นทำเอาฉันเคลิ้ม
มีความสุขสิจ๊ะก้อง ได้กลับมายืนข้างๆกันแบบนี้ ลินฟินนนนน
"เค้าคงดูแลลินดี ลินถึงได้ดูมีความสุขมากขนาดนี้" ก้องยังคงเป็นฝ่ายพูดต่อไปเรื่อยๆ
"เค้า?" เอ๊ะ…
"ก็... แฟนลินไง ก้องดูก็รู้ว่า ผู้ชายคนนั้นเขาคลั่งไคล้ลินขนาดไหน ก้องเห็นสายตาของเขามองมาที่ลินตลอดเวลาเลย"
ห้ะ เดี๋ยวนะ คุณเซนเล่นละครเก่งขนาดนั้นเชียวรึ แล้วทำไมน้ำเสียงของก้องไม่ได้แสดงอาการหึงหวงอะไรเลย เหมือนจะยินดีกับฉันเสียด้วยซ้ำ
โธ่ แผนของฉันกับวิสกี้พังยับหรือนี่ โอ๊ย เซ็ง!
หากประโยคถัดมาของก้อง ทำเอาฉันกลับใจเต้นตึกตักขึ้นมาใหม่
"ก้องเป็นห่วงลินนะ" คราวนี้ก้องหันมามองฉันตรงๆด้วยสายตาอันอบอุ่น และน้ำเสียงนั้นก็ช่างอบอุ่นเหลือเกิน
"ก้อง… ก้องเป็นห่วงอะไรลินหรือจ๊ะ" ฉันพึมพำ จะซึ้งก็ยังไม่แน่ใจ เพราะไม่รู้ว่าก้องเค้าหมายความว่าอย่างไร
"ก้องรู้เรื่องแล้วนะ วิสกี้เค้าเล่าเรื่องผู้ชายคนนี้ให้ก้องฟังแล้วล่ะ ก้องก็ว่าเค้าก็ไม่เหมาะกับลินนะ ดูไปดูมาเค้าก็ดูไม่จริงใจจริงๆแหละ" ก้องมองฉันด้วยแววตาอ่อนโยน แต่ฉันกลับงงงวย
อ้าว สรุปว่าคุณเซนเธอแสดงเก่งหรือไม่เก่งกันแน่ แสดงยังไงให้คนจับได้ หรือก้องเค้าจะมีเซ้นส์ว่าทุกอย่างมันปลอมเพราะเค้าเองก็รู้จักฉันดี แต่ที่แน่ๆ คุณวิสกี้เพื่อนฉันเค้าไวมากนะคะ อ่อ ที่เห็นหายตัวไปตอนโอดี้ถล่มพวกเรา คงเพราะกำลังไปคุยกับก้องนี่เอง
"คือ… ลินกับเค้าก็ยังเป็นแค่คนคุยๆกันอยู่ ลินยังไม่ได้คิดจริงจังอะไร" ฉันอ้อมแอ้มตอบไป แปลกที่ไม่ได้มีความรู้สึกเหมือนตอนแรกๆที่อยากจะใส่ไคล้คุณเซนเพื่อเรียกร้องความสนใจจากก้อง
"อื้อ ก้องก็คิดว่าอย่างนั้นนะ ลินคงไม่ชอบผู้ชายแบบนั้นจริงๆหรอก ก้องว่าเค้าดูมือไวด้วยนะ เอะอะอะไรก็โอบลิน เอะอะก็เอาหน้าเข้าไปใกล้ๆลิน ก้องว่าเค้าไม่ค่อยให้เกียรติลินนะ"
ใช่ ก้อง ลินก็ไม่ชอบผู้ชายแบบนี้เลย ขี้หลีชะมัด ทำจู๋จี๋ต่อหน้าผู้คน น่าอายจะตายไป
ฉันตอบก้องไปในใจ ความจริงหากตามแผนเดิมฉันควรจะมารยาใส่ก้องไปเช่นนั้นไม่ใช่รึ ฉันต้องทำเป็นไม่ชอบคุณเซน ทำเป็นรำคาญ
คือ… คุณเซนเค้าก็ทำอย่างที่ก้องว่าจริงๆ แต่... ทำไมฉันไม่ได้รู้สึกรำคาญในสิ่งที่คุณเซนทำเลยแฮะ...
จู่ๆฉันก็หน้าแดงขึ้นมากับคำวิจารณ์ของก้องที่มีต่อคุณเซน ฉันรู้ดีว่าคุณเซนเค้าไม่ใช่คนนิสัยแบบนั้น ในที่ทำงานคุณเซนเธอวางตัวเฉยมากกับพนักงานผู้หญิงทุกคน หน้าตาเธอแทบจะไม่ยิ้มเลย จะมีก็แต่ป้าผ่องแม่บ้านของออฟฟิศเท่านั้นแหละที่เธอยิ้มให้บ่อยๆ แล้วก็อีกคนที่คุณเซนเธอยิ้มให้ ก็คือฉันเอง แต่ก็ยิ้มให้นอกเวลางานล่ะนะ
"ไม่ไหวนะลิน ผู้ชายมือปลาหมึกแบบนี้ใช้ไม่ได้ แล้วอีกอย่างร้องเพลงก็เพี้ยนซะขนาดนั้น ลินทนได้ยังไงกัน"
ปกติก้องเองก็ไม่ใช่คนที่จะมีอคติกับใครหรือพูดจาว่าร้ายใครง่ายๆ ก้องเป็นผู้ชายซื่อๆและใจดี แสดงว่ายัยวิสกี้ไปใส่ความอะไรโหดๆเกี่ยวกับคุณเซนไว้ที่ก้องแน่ๆ
"เอ่อ... อันที่จริงคุณเซนเค้าก็ไม่ขนาดนั้นนะ" ฉันตะกุกตะกักออกไป
"ลินไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวก้องจะช่วยกันเค้าออกไปจากชีวิตลินให้เอง"
คำสัญญานั้นหนักแน่น ฉันรู้ว่าเมื่อก้องตั้งใจจะทำอะไรแล้ว ก้องเป็นคนทำจริง ดูอย่างไร่ไวน์นั่นไง ก้องฝันมานานแล้วว่าอยากจะบุกเบิกไร่ไวน์ในพื้นที่ของครอบครัวที่จังหวัดเลย แล้วก้องก็ทำสำเร็จจริงๆ ก้องเป็นคนจริงจังกับทุกเรื่อง ที่สำคัญแฟนเก่าคนนี้ดูท่าทางเป็นห่วงเป็นใยฉันมาก
สิบปีผ่านไป ก้องยังคงห่วงลินอยู่ใช่ไหม
"เอ่อ... ขอบคุณนะก้อง" ฉันยิ้มรับ ใจหนึ่งก็ดีใจที่ดูเหมือนก้องจะยังมีเยื่อใยกับฉัน
แต่อีกใจกลับรู้สึกแปลกๆ...
"ลินครับ เซนอยากกลับบ้านแล้ว"
แล้วฉันได้ยินเสียงเหมือนเด็กเอาแต่ใจดังขึ้นจากทางด้านหลัง เป็นน้ำเสียงเดียวกับที่เค้าใช้ตอนที่อยากจะออกจากเลี้ยงที่หัวหิน ที่หายไปคือคำว่า คุณ กับ ผม กลายมาเป็นคำว่า ลิน กับ เซน แทน
"อ้าว คุณเซน เอ่อ นี่ก้องค่ะ" ฉันหันไปยิ้มให้คนที่กำลังเดินเข้ามาหาเราทั้งคู่ที่ระเบียง พลางทำเป็นแนะนำเขาให้กับแฟนเก่าของฉันเมื่อเขาเข้ามาใกล้ ซึ่งคุณเซนเค้ารู้มาชาติหนึ่งแล้วล่ะว่าผู้ชายคนนี้ชื่อก้อง
"สวัสดีครับคุณก้อง" คุณเซนทำหน้าตาสดใส ทักทายก้องที่ยืนอยู่ข้างๆเหมือนไม่ใส่ใจนัก พ่อหนุ่มตาเรียวโอบฉันแนบชิดเข้าลำตัว แล้วก้มหน้าลงมาใกล้ๆทำสายตาออดอ้อน
"ลินกลับกันเถอะนะ เซนอยากกลับไปนอนหนุนตักลินเปิดเน็ตฟลิกซ์ดูจะแย่อยู่แล้ว"
"..."
ฉันกับก้องอึ้งไปกับคำพูดอันเปิดเผยแสดงความสนิทสนมโดยไม่คิดจะแคร์ใครนั้น
ฉันขมวดคิ้วหันไปมองใบหน้าเรียวขาวนั่น นี่คุณเซนเค้าไม่คิดจะเขินตัวเองบ้างเลยหรือไงนะ จะว่าเมาก็ไม่ใช่ วันนี้คุณเซนไม่ได้แตะแอลกอฮอล์เลย เขาบอกตั้งแต่ตอนเข้ามาในงานเลี้ยงแล้วว่าคืนนี้เขามาทำงานให้ฉัน และเขาเป็นคนที่ไม่แตะต้องแอลกอฮอล์ในเวลางาน และมีหน้าที่ต้องพาคนเมากลับบ้านด้วย
"ลินเขาอาจจะอยากอยู่คุยกับเพื่อนๆต่อน่ะครับคุณเซน เดี๋ยวผมไปส่งลินเขาให้เองครับ" และจู่ๆก้องก็แสดงบทเพื่อนที่แสนดี
"อ่อ คงไม่ต้องรบกวนคุณก้องหรอกครับ เค้าว่าตัวเองก็เหนื่อยแล้วใช่ม้า" คุณเซนเธอพูดกับก้อง หากนัยน์ตาเรียวก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของฉัน เท่านั้นไม่พอยังเอามือปัดไรผมออกจากหน้าผากของฉันอย่างอ่อนโยน
"ตัวเองกลับกับเค้านะ นะ" ท่าทางออดอ้อนนั้นช่าง...
โอว นี่ฉันควรจะรู้สึกอย่างไร ขำ? จะอ้วก? หรืออบอุ่นใจ?
"เอ้อ..." เอาไงดี อยากจะอยู่ต่อเพื่อคุยกับก้องก็อยากอยู่ แต่จะให้คุณเซนกลับไปคนเดียวก็ดูจะใจร้าย แต่คุณเซนเค้าก็ไม่น่าคิดมากป่าววะ น่าจะดีใจที่จะได้รีบๆกลับรีบๆหนีไปจากบรรยากาศยุคเก้าศูนย์นี่เสียที
"เซนกลับเลยค่ะ เดี๋ยวลินให้ก้องไปส่งได้" ฉันตัดสินใจพูดออกไป พยายามพยักหน้าขยิบตาให้คุณเซนทำนองว่าแผนของฉันสำเร็จแล้ว เหมือนฉันจะได้ก้องมาครอบครองแล้วจังหวะนี้
แต่เหมือนคุณเซนจะไม่รับรู้สัญญาณที่ฉันส่งให้ ยังคงทำเสียงอ้อนออดต่อไป
"ลินครับ ลินมากับเซน ลินก็ต้องกลับกับเซนสิครับ เซนมีหน้าที่ต้องพาลินไปส่งให้ถึงบ้านนะครับ"
และเหมือนจะเป็นคำพูดปั้นแต่งชวนเอียน แต่มีแวบหนึ่งที่ฉันรู้สึกอบอุ่นขึ้นในใจเมื่อสบตาเรียวคู่นั้น นานเท่าไหร่แล้วหนอที่ฉันไม่ได้มีความรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกที่มีคนอยากพาเราไปส่งบ้านอย่างปลอดภัย
"ไม่รู้ล่ะ ลินต้องกลับกับเซน ไปครับกลับกัน บายนะครับคุณก้อง"
มาขัดจังหวะฉันกับแฟนเก่ายังไม่พอ จู่ๆคุณเซนก็ทำตัวเหมือนเด็กน้อยเอาแต่ใจ โบกมือร่ำลาก้อง แล้วก็จูงมือฉันเดินออกมาจากที่ระเบียงริมน้ำนั่นหน้าตาเฉย
แล้วฉันก็ขัดใจหนุ่มน้อยเอาแต่ใจตัวเองคนนี้ไม่ได้ซะด้วย
เอ่อ ขัดใจไม่ได้ หรือไม่อยากจะขัดใจกันแน่นะ…
ระหว่างนั่งรถแท็กซี่กลับบ้านกัน คุณเซนนั่งเงียบมาตลอดทาง ไม่ร่าเริงเหมือนตอนนั่งรถขามา ฉันแอบมองใบหน้าคมนั้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เค้าเป็นอะไรของเค้า...
หนุ่มเอาแต่ใจที่ถูกฉันแอบมองกำลังนั่งนิ่งเอนซบอยู่ที่ประตูรถอีกด้าน สายตาเขาเหม่อมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ริมฝีปากถูกเม้มเป็นสัน เสี้ยวหน้าเรียวด้านข้างนั้นขาวเด่นออกมาในความมืดของรถ
คุณเซนเค้าเหนื่อยหรือเปล่า หรือหงุดหงิดที่ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์?
วันนี้คุณเซนเธอเล่นใหญ่ทำหน้าที่แฟนได้เกินเบอร์ไปมาก ที่ฉันคิดไว้ก็คือพ่อคนเสื้อชมพูเค้าคงแค่มานั่งเก๊กหล่อเฉยๆ แต่นี่อะไรกัน เธอแสดงความเอาอกเอาใจฉันทุกอย่างตั้งแต่ต้นงานจนจบงาน แถมยังกล้าออกไปร้องเพลงทั้งๆที่เสียงก็... เอ้อ... ช่างมันเถอะ
ผู้ชายที่กล้าทำอะไรให้ผู้หญิงป้าป้าคนหนึ่งโดยที่ตัวเองไม่ได้รักไม่ได้ชอบผู้หญิงคนนั้น ฉันยกให้เป็นผู้ชายที่น่ารักคนหนึ่งเลยนะ
ฉันเผลอมองเสี้ยวหน้าขาวๆนั่นอย่างเพลิดเพลิน คืนนี้เค้าเหมือนหนุ่มน้อยเจ้าเสน่ห์ ขี้เล่น และเอาแต่ใจ หรือนี่จะเป็นคุณเซนตัวปลอม มาดเข้มขรึมยามอยู่ที่ทำงานนั้นหายไปไหนหมดน้อ
"งอนเหรอ"
และหลังจากนิ่งเงียบกันมาพักใหญ่ ฉันก็อดรนทนไม่ได้ ถามออกไปอย่างยิ้มๆ
"ปล้าว" คนน่ารักรีบหันหน้ามาตอบราวกับว่ากำลังรอให้ฉันถามอยู่พอดี แม้ใบหน้าขาวๆนั่นจะดูเรียบเฉย แต่นัยน์ตานั้นกลับดูท้าท้ายอย่างไรชอบกล
"อ้าว ว้า เสียดายจัง นึกว่างอน จะได้ง้อซักหน่อย" ฉันตอบอ้อนๆยิ้มๆ ตอนนี้คนเสื้อชมพูเขาหันตัวนั่งหลังพิงประตูรถแล้วกอดอกจ้องฉันตาเขม็ง
"ง้อล่วงหน้าได้เลยครับ ตอนนี้ยังไม่งอน แต่อีกหน่อยไม่แน่" ตาเรียวคู่นั้นดูมีเลศนัย
"เอ๊ แล้วคาสโนว่าตัวท้อปอย่างคุณเซนนี่ต้องง้อยังไงดีคะ โปรดชี้แนะแนวทางด้วย"
"เดี๋ยวๆครับคุณลิน ผมเนี่ยนะ คาสโนว่า?" เสียงโวยวายตอบกลับมา
"อ๊ะ อ๊ะ อย่ามา คืนนี้ชั้นแอบเห็นนะ คุณเซนแอบโปรยสายตาเจ้าเสน่ห์ไปทั่วเลย"
"นี่คุณลินแอบจับตามองผมด้วยเรอะ นึกว่ามัวแต่คุยฟุ้งน้ำลายแตกฟอง" ว่าแล้วพ่อหนุ่มก็ยิ้มเห็นแก้มบุ๋มเลย
"คุณเซน! ปากจัดนะเราเนี่ย" ฉันอยากจะเข้าไปหยิกแก้มบุ๋มนั้นเหลือเกิน มาว่าฉันขี้โม้
"แล้วนี่หายงอนแล้วเหรอคะ"
"ปล้าว ไม่ได้งอน แต่แค่อยากให้ง้อ" น้ำเสียงนั้นจะทอดอ่อนไปไหน
"อ้าว" แต่ฉันก็อดหัวเราะน้อยๆไม่ได้กับคำสารภาพตรงๆนั้น "เอาแต่ใจตัวเองจริงๆนะเราน่ะ โอเคค่ะ ง้อก็ง้อ แล้วจะง้อยังไงดีคะ"
"อือม์..." คนเอาแต่ใจทำท่าครุ่นคิด
"ผมอยากกินบัวลอย เราไปแวะกินบัวลอยกันก่อนกลับบ้านได้ไหมครับ ผมเคยเห็นในซอยแถวๆบ้านคุณลินเค้าตั้งร้านอยู่ริมฟุตบาท โต้รุ่งเลยมั้ง"
"นี่คุณเซนยังไม่อิ่มอีกหรือคะ เห็นในงานก็กินไม่ใช่น้อยนะคะ" จู่ๆมาชวนกินบัวลอยอีกตอนเที่ยงคืนเนี่ยนะ อารมณ์ไหนของเค้า
"ก้อ... ผมว่าคืนนี้อากาศดี ได้นั่งกินบัวลอยอีกซักถ้วยน่าจะฟิน" ตาเรียวๆนั่นยิ้มประกอบคำพูด
ไม่รู้เป็นอะไร ฉันไม่เคยขัดใจหนุ่มน้อยนิสัยเอาแต่ใจตัวเองตรงหน้าได้สักที...
และแล้วเดทแรกของการเป็นแฟนปลอมๆระหว่างเราสองคนก็จบลงที่ร้านบัวลอยโต้รุ่ง แม้ชุดที่เราใส่อยู่ทั้งคู่จะไม่เข้ากันกับบรรยากาศของโต๊ะเหล็กพับได้และเก้าอี้พลาสติกริมถนนในซอยสุขุมวิท แต่ฉันกลับรู้สึกถึงความสบายอกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
คืนนี้กรุงเทพอากาศกำลังสบายอย่างที่คุณเซนว่าไว้จริงๆ เรากินบัวลอยพลางคุยเรื่องสัพเพเหระกันไป ทั้งเม้าท์มอยเพื่อนๆของฉันที่คุณเซนเจอในงาน เรื่องการร้องเพลงเสียงหลงของคุณเซน เรื่องรสชาติอาหารในงาน ไปจนกระทั่งนินทาวินมอเตอร์ไซค์ที่แล่นผ่านไปผ่านมา แปลกที่เราสามารถสรรหาเรื่องไร้สาระมาตอบโต้กันได้เรื่อยๆโดยไม่จำเป็นที่ต้องวกมาที่เรื่องอาชีพการงาน หรือเรื่องชีวิตส่วนตัวของฉัน หรือเรื่องชีวิตส่วนตัวของเขา
"ขอบคุณนะคะคุณเซน สำหรับเดทที่เพอร์เฟคในค่ำคืนนี้" ฉันยิ้มหวานให้หนุ่มเสื้อชมพูตรงหน้า มันคงจะเป็นเดทแรกและเดทสุดท้ายระหว่างเราที่ฉันจะเก็บไว้ในใจตลอดไป
"ยินดีครับ" คู่เดทของฉันยิ้มแก้มบุ๋มตอบกลับมา ขณะเอาช้อนของตัวเองมาตักบัวลอยจากถ้วยของฉัน แล้วยื่นช้อนมาจ่ออยู่ที่ริมฝีปากของเจ้าของถ้วย
"อ้ำ เดี๋ยวเค้าป้อนลินเองน้า กินเยอะๆนะครับที่รักของเซน"
"เลิกเล่นได้แล้วค่ะ เลยเที่ยงคืนแล้ว หมดเวลางานแล้ว ซินเดอเรลล่ากลับลงจากรถฟักทองแล้วค่ะ" ฉันแอบตีมือเรียวขาวนั้นเบาๆ แต่ก็ยอมอ้าปากงับเจ้าบัวลอยก้อนสีชมพูจากช้อนนั้นแต่โดยดี
ณ จุดจุดนี้ ฉันลืมเรื่องของก้องไปชั่วครู่
และรู้สึกว่าบัวลอยถ้วยนี้รสชาติหวานกลมกล่อมกำลังดีเลยทีเดียว...