งานศพของบุ๊กถูกจัดขึ้นแบบเงียบ ๆ แต่มันก็เงียบได้แค่วันแรก ๆ เท่านั้น พอซัทมางาน ทุกอย่างก็ดูครึกครื้นขึ้นทันตา เพราะเรื่องราวดราม่าที่พึ่งเกิดขึ้นนั่นแหละ วันที่พลูโตมางานก็มีนักข่าวมารอเช่นกัน โดยที่พลูโตกับซัทหลีกเลี่ยงที่จะมาวันเดียวกัน ส่วนหนึ่งก็เป็นการทำตามแผน อีกส่วนก็อยากจะให้เกียรติบุ๊กกับครอบครัวของเธอด้วย
อีกคนหนึ่งที่ถูกรุมทึ้งด้วยฝูงนักข่าวก็คือรองประธานรุจ เพราะนี่เป็นศพที่สองแล้ว ที่ผู้ตายเกี่ยวข้องกับซีรีส์เรื่องนักฆ่าใจกล้า โดยที่รองประธานปฏิเสธเรื่องราวอาถรรพ์ต่าง ๆ ในกองถ่าย พร้อมทั้งจะเดินหน้าถ่ายทำต่อไปหลังเสร็จพิธีศพ โดยได้มีการหาคนมาทำหน้าที่แทนบุ๊กไว้แล้ว และทางบริษัท ยินดีจ่ายเงินค่าตัวเต็มจำนวนของบุ๊กให้กับทางครอบครัวของเธอด้วย
งานศพของบุ๊กเสร็จสิ้นในวันที่ 7 พฤษภาคม โดยมีคนบันเทิงแวะเวียนกันมามากมาย โดยเฉพาะคนที่เกี่ยวข้องกับซีรีส์นักฆ่าใจกล้าที่กำลังจะเปิดกล้องในเร็ววันนี้ ทว่าสื่อสังเกตเห็นว่ามีคนหนึ่งไม่ได้มาร่วมงานเลยสักวันนั่นก็คือวี ที่ส่งสามีของเธอมาแทน โดยคุณทีปได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ภรรยาของเขาป่วยหนักมาไม่ได้
แต่ความจริงก็อย่างที่เขารู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าวีถูกขังอยู่ในบ้าน โดยที่เกือบจะถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอกแล้ว ถ้าไม่มีทีวีให้เธอดูข่าว ซึ่งอาการของเธอก็ไม่สู้ดีนัก เมื่อต้องเสียบุ๊กไป แต่ต่อให้เธอจะไม่ถูกขัง เธอก็คงอยู่ร่วมงานศพนานไม่ได้ เพราะเท่าที่ทุกคนรู้ เธอกับบุ๊กรู้จักกันแค่ผ่าน ๆ และที่สำคัญคือ ร่องรอยการถูกทุบตีของเธอมันยังไม่จางลงไป ยังไงเธอก็ไปพบสื่อไม่ได้หรอก
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนที่พวกเขาวางไว้แล้ว แต่การสูญเสียบุ๊กไปนั้นไม่ได้อยู่ในแผน ครั้นจะนัดเจอกันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อมีสายตามากมายจับจ้องไปที่ซัทกับพลูโต พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกมากนัก ต้องปล่อยให้การแสดงดำเนินต่อไป
ในช่วงงานศพของบุ๊ก รองประธานมีโอกาสได้เจอกับพลูโตตัวเป็น ๆ โดยไม่ผ่านทนาย เขาจึงใช้โอกาสนี้บอกกล่าวกับพลูโตว่า
"ไม่ว่านายจะต้องการอะไร ฉันให้นายได้มากกว่าไอ้สมาคมนั่นอีก"
นั่นคือคำพูดของรองประธานที่แอบกระซิบใส่พลูโต ตอนที่นั่งฟังพระสวดศพ
นั่นเป็นตอนที่พลูโตรู้ได้ทันทีว่า หมดเวลาเล่นตัวแล้ว เย็นวันนั้นเขาจึงหยิบนามบัตรที่รองประธานฝากไว้ออกมา แล้วกดโทรหาเขาทันที
รองประธานบอกกับพลูโตว่าวันที่ 8 พฤษภา ตอนสาย ๆ จะส่งคนไปรับ ในทีแรกพลูโตก็แปลกใจว่า จะส่งคนมารับได้ยังไง ในเมื่อนักข่าวปักหลักอยู่หน้าบ้านของเขา ไม่ยอมไปไหนมาหลายวันแล้ว แต่เมื่อถึงวันและเวลานัด พลูโตจึงเข้าใจว่ารองประธานทำได้อย่างที่พูดจริง ๆ เพราะตอนนี้ไม่มีนักข่าวอยู่ที่หน้าบ้านเขาเลยสักคน มีก็แค่รถหรูคันหนึ่งมาจอดรอ พลูโตเดาว่าน่าจะเป็นคนของรองประธาน เขาจึงขึ้นรถคันนั้นไป ซึ่งระหว่างทาง รถคันนั้นก็ขับวนไปวนมารอบเมืองอยู่เป็นชั่วโมง ก่อนที่จะพาเขามาส่งยังบริษัทเฟทที่เขาคุ้นเคย
พลูโตนั่งเผชิญหน้ากับรองประธานอยู่ในห้องทำงานของท่านรอง ในระยะห่างกันแค่โต๊ะทำงานที่คั่นกลางอยู่เท่านั้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดเป็นอย่างมาก เพราะรองประธานเอาแต่นิ่งเงียบและจ้องหน้าเขาเพียงอย่างเดียว จนพลูโตเริ่มอดรนทนไม่ไหว
"ถ้าคุณไม่มีอะไร งั้นผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า"
พลูโตพูดแล้วทำท่าจะลุกขึ้นยืน แต่รองประธานห้ามเอาไว้
"ใจเย็นก่อน ผมแค่อยากจะรู้เฉย ๆ ว่า เด็กหนุ่มที่ดูธรรมดาอย่างคุณเนี่ย ทำอีท่าไหนถึงได้ไปลึกซึ้งกับจอมมารได้"
ได้ยินดังนั้นพลูโตก็เอาแต่นิ่งเงียบทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าท่านรองพูดเรื่องอะไร
"ไม่เอาน่า ผมรู้ความจริงหมดแล้ว เรื่องความสัมพันธ์ของคุณกับเขาน่ะ เพราะข้อมูลที่ผมพึ่งได้รับมา กับข้อมูลที่คุณชายสายเผือกพึ่งปล่อยเมื่อกี้มันตรงกัน คุณปิดบังผมไม่ได้หรอกยอมรับความจริงมาเถอะ"
สีหน้าของพลูโตแสดงอาการตกใจออกมาอย่างชัดเจน แต่น่าจะเป็นคนละเรื่องกับที่รองประธานเข้าใจ พลูโตจึงพยายามกลบเกลื่อนมันต่อไป
"ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณพูด"
"ยังจะดึงเชิงอยู่อีกเหรอ ผมรู้หมดแล้ว ว่าคุณสองคนแอบกิ๊กกันจริง ตอนไปทะเลก็มีตาวิเศษเห็นว่า พวกคุณเล่นน้ำกันกะหนุงกะหนิง ที่ไชน่าทาวน์ก็เช่นกัน เห็นว่าจูงมือกันไปเดินกิน เดินเล่นกันทั่วทั้งถนน แถมไปต่อกันในงานวัดอีก วิธีที่คุณเรียกเขาก็เหมือนกัน คุณเคยหลุดเรียกเขาว่าพี่ ต่อหน้าคนอื่นด้วย"
พอฟังรองประธานพูดจนจบ สิ่งที่พลูโตรู้สึกก็มีแต่ความอึ้ง ดูเหมือนว่า คนของรองประธานจะมีมากมายเสียเหลือเกิน แต่แม้ข้อมูลจะถูกต้องเพียงใด พลูก็ยังทำเงียบ ไม่ยอมรับหรือปฏิเสธอะไรใด ๆ จนรองประธานเริ่มมีน้ำโหนิดหน่อย
"เลิกทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้สักทีเถอะ บอกมาว่าคุณต้องการอะไร จะได้จบ ๆ ไปสักที"
"ผมต้องการ...ทำให้วงการ..."
"หยุดเลย ไม่เอาคำตอบที่สร้างภาพ ตอนนี้ทั้งห้องนี้ มีแค่คุณกับผม ผมจะถามคุณอีกครั้งว่าคุณต้องการอะไร ถ้าคำตอบของคุณมันยังปลอมอยู่อีก ก็เป็นอันพอกันแค่นี้"
หลังจากพูดจบรองประธานก็นิ่งเงียบไป ทำให้บรรยากาศอึดอัดมากขึ้นกว่าเดิม พลูโตเองก็เงียบไม่พูดอะไรกลับไปเช่นกัน จนเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง พลูโตก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สีหน้าแววตาของเขาก็เปลี่ยนไป มันดูดุดันเคร่งขรึมขึ้น เช่นเดียวกับน้ำเสียงของเขา
"ก็เหมือนทุกคน เงินทอง ชื่อเสียง อำนาจ"
"แบบนี้ค่อยน่าฟังหน่อย"
"แล้วคุณล่ะ ต้องการอะไรรองประธาน"
"ผมอยากปราบจอมมาร"
"คุณเลยต้องการให้ผมมาเป็นผู้กล้า"
"ก็คงงั้น เรามาตกลงกันดีกว่า คุณเสนอมาเลยผมพร้อมสนอง"
"ผมอยากให้คุณทำตามคำเรียกร้องของสมาคม..."
"ไม่มีทาง ต่อให้บริษัทเราทำ บริษัทอื่น ๆ ก็คงไม่ยอมหรอก"
"ผิดแล้วถ้าบริษัทใหญ่อย่างเฟททำ บริษัทอื่นคงทำตามแน่ คุณก็แค่ให้ทีมงานนักแสดงในสังกัด รับแต่งานที่ชั่วโมงทำงานเหมาะสมเท่านั้นก็พอแล้ว มันดีต่อภาพลักษณ์ ของบริษัทและต่อผมด้วย"
"อย่างนี้นี่เอง คุณจะรับบทฮีโร่ผู้เปลี่ยนแปลงวงการบันเทิงงั้นสินะ แล้วจากนั้นจะเอาไงต่อ จะมารับตำแหน่งผู้บริหารของเฟทเลยไหมล่ะ"
"ไม่ล่ะขอบคุณ ทำแบบนั้นมันน่าสงสัยนะ ขอกลับไปทำตำแหน่งเดิมดีกว่า แน่นอนว่าขอขึ้นเงินเดือนด้วยนะ"
"ดูเหมือนคุณจะคิดมาเป็นอย่างดีเลยนะ ทั้งหมดนี่คิดเองรึเปล่า"
"แน่นอนผมวางแผนเองทั้งหมด ตั้งแต่ผมถูกจอมมารหักหลังนั่นแหละ"
"ดูเหมือนว่า ทำงานด้วยใจรัก มันจะส่งผลดีไม่เท่าทำด้วยแรงแค้นงั้นสินะ ก็เอาสิ แต่ผมไม่คิดว่าพ่อจอมมารของเราจะอยากทำงานกับคุณอีกครั้งหรอกนะ เพราะเขาเขี่ยคุณทิ้งแล้ว"
"เรื่องนั้นไม่ต้องย้ำก็ได้ครับ ส่วนจะให้ผมทำงานกับใครนั้น..."
ก๊อก ๆ ๆ มีเสียงเคาะประตูแทรกขึ้นมาระหว่างที่พลูโตกำลังพูด
"บอกแล้วไม่ใช่เหรอคุณคิมว่าห้ามกวนน่ะ"
รองประธานตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความไม่พอใจ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล เพราะสิ้นเสียงของเขาประตูก็ได้ถูกเปิดออก เผยให้เห็นวีกับสามีเดินเข้ามาในห้อง
"ท่านนั่นเอง ทำไมมาไม่บอกไม่กล่าวกันสักหน่อยล่ะครับ"
เมื่อเห็นว่าใครมารบกวน ท่าทีของรองประธานก็เปลี่ยนไปทันที
"มีเรื่องด่วนนิดหน่อยน่ะ แล้วนั่นใครหน้าตาคุ้น ๆ"
คุณทีปพูดแล้วเหลือบไปมองพลูโต
"ผู้จัดการดาราที่ดังที่สุดในสยามเวลานี้ไงล่ะครับ"
"งั้นเหรอแล้วคุยอะไรกันอยู่"
"เรากำลังทำข้อตกลง 'ลับ' กันอยู่"
รองประธานพูดเน้นคำว่าลับ
"แล้วเขาไว้ใจได้ขนาดไหน"
"เรื่องนั้นผมก็ยังไม่รู้เลยครับ"
"งั้นเหรอดูเหมือนทุกอย่างจะลงตัวพอดีเลยนะ ที่ฉันมาก็เรื่องนี้แหละ"
คุณทีปพูดกับรองประธานก่อนจะหันหน้าไปหาพลูโต
"ไอ้หนุ่มโอกาสพิสูจน์ตัวเองมาถึงแล้ว นายต้องมาเป็นผู้จัดการให้เมียฉัน แล้วต้องรายงานทุกฝีก้าวว่าเมียฉัน วัน ๆ หนึ่งทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ย้ำว่าต้องรายงานทุกอย่าง ถ้านายทำได้นายจะสบายไปทั้งชาติ ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมท่านรอง ถ้าให้เขามาขึ้นตรงกับผม"
"ถ้าท่านต้องการแบบนั้นผมก็ไม่มีปัญหา ดีเสียอีกที่ได้เขาไปทำงานใกล้ชิดท่าน เพราะเขากำลังจะเป็นฮีโร่ของคนทั้งวงการแล้ว งั้นก็ตกลงตามนี้นะ ทั้งคู่ออกไปได้แล้ว ฉันอยากคุยกับคุณทีปเสียหน่อย"
สิ้นเสียงของรองประธาน พลูโตกับวีก็เดินออกมาจากห้องนั้น
"คุณวี..."
"ทำงานกับฉัน ถ้าฉันยังไม่สั่งให้พูดก็ไม่ต้องพูด"
พลูโตพยายามจะพูดอะไรบางอย่างกับเธอ แต่ก็ถูกเธอดุเอาเสียก่อน
พลูโตกำลังจะอ้าปากพูดคำว่า ครับ แต่พอเห็นเธอทำตาดุใส่ เขาจึงหยุด แล้วพยักหน้าเป็นการตอบรับแทน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันที่ 9 พฤษภา ช่วงบ่ายมีงานแถลงข่าวใหญ่ของเฟท ว่าพวกเขาจะเข้าร่วม และให้การสนับสนุนสมาคมคนแรงงานบันเทิง เพื่อเปลี่ยนแปลงชั่วโมงทำงาน เพิ่มค่าแรงให้เหมาะสม เพิ่มสวัสดิการต่าง ๆ ให้กับคนเบื้องหลัง และสัญญาว่าจะคอยดูแล ทั้งคนเบื้องหน้า เบื้องหลังอย่างเท่าเทียม ไม่ให้มีเหตุการณ์แบบที่ซัททำเกิดขึ้นอีก
ซึ่งทนายจากสมาคม ที่เป็นตัวแทนให้กับพลูโตก็ยืนยันว่า พลูโตตัดสินใจไม่ฟ้องซัทแน่นอน แล้วทุกอย่างก็ดูเหมือนจะจบลงด้วยดี นักข่าวไปที่บ้านพลูโตน้อยลงไปทุกวัน ทุกวัน แล้วทุกคนกลับมาใช้ชีวิตตามปรกติได้ดังเดิม ท่ามกลางข่าวลือที่ยังแพร่สะพัดต่อไป โดยไม่มีใครมายืนยันความจริง
ในวันเดียวกันนี้ ในช่วงเวลาใกล้ ๆ กันนั้นเอง คุณทีปก็มีการแถลงข่าวเช่นกัน เขาประกาศว่าจะลงเลือกตั้งสมัยหน้า ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมชูนโยบายปฏิรูปวงการบันเทิง เป็นนโยบายหลักของพรรค แน่นอนว่าในงานนี้ ภรรยาของเขาอย่างวีก็ไปให้กำลังใจด้วย โดยมีพลูโตยืนอยู่หลังเวที
หลังจากนั้นทุกอย่างก็ดูเหมือนจะกลับเข้าสู่สภาวะปรกติของการทำงานช่วงใกล้จะถ่ายทำ และเนื่องจากปัญหามากมาย คนตายไปสองศพ ก็ทำให้กำหนดการคลาดเคลื่อนไปประมาณหนึ่ง ซึ่งมันจึงไปลดเวลาประชุมลง เหลือเพียงวันเดียว ประชุมเสร็จแล้วก็ถ่ายทำกันเลย
การประชุมการอ่านบทเริ่มขึ้นในวันพุธที่ 11 พฤษภาคม 2022 เหล่าหัวเรือใหญ่อย่างพวก ผู้กำกับ นักแสดงนำ นักเขียน ต่างก็เข้ามารวมกันอยู่ในห้องเดียวกันนับสิบคน และนั่นเป็นครั้งแรกที่ซัทกับพลูโตได้เจอกัน นับตั้งแต่มีดราม่าเกิดขึ้น ซึ่งทั้งสองไม่สบตาหรือพูดจากันเลยสักคำ ส่วนการประชุมอ่านบทนั้นเป็นไปอย่างราบรื่นกว่าที่คิด
ส่วนเรื่องการทำงานในฐานะผู้จัดการของพลูโตนั้น ก็ดูจะราบรื่นเช่นกัน เขารายงานทุกอย่างให้คุณทีปฟังทั้งหมด โดยที่วีก็ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไร แต่มันมีสิ่งหนึ่งที่คาใจพลูโตมาตลอด ก็คือแม้ว่าบุ๊ก คุณชายสายเผือกตัวจริงจะตายไปแล้ว แต่เพจยังอัปเดตตามปรกติ เขาคิดว่าคงเป็นวีที่มาสานงานต่อ แต่เขาไม่แน่ใจว่าวี ลงเรือลำเดียวกันกับเขารึเปล่า ครั้นจะถามจะคุยอะไรสักอย่าง แค่อ้าปากก็ถูกดุแล้ว เขากับวีเลยทำงานด้วยกันเงียบ ๆ แบบถ้าวีต้องการอะไร เขาก็แค่ทำให้ งานของเขาทั้งหมดมีแค่นั้นจริง ๆ
การถ่ายทำวันแรกเริ่มในวันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม 2022 พลูโตต้องขับรถไปสตูดิโอของเฟทตั้งแต่ตีห้ากว่า ๆ เพื่อพาวีไปส่งและเตรียมตัว เมื่อไปถึงเขาก็พบกับความวุ่นวายตามประสามนุษย์กองถ่าย ที่กำลังเตรียมงานกันอยู่ ทีมนั้นวิ่งไปทีมโน้นวิ่งมากันมั่วไปหมด เหล่าทีมงานต้องเตรียมการให้เสร็จ ก่อนที่การถ่ายทำจะเริ่มต้นในเวลา 6 โมงเช้าตามกำหนดการ
การถ่ายในวันนี้จะเป็นการถ่ายตัวอย่างเฉย ๆ เพราะจนถึงตอนนี้มีการโปรโมท มีการแถลงข่าวไปบ้างแล้ว แต่คนดูกลับยังไม่เห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยแม้แต่น้อย จะมีก็แค่ฉากที่ทำเสร็จมาเป็นเดือน ๆ แล้วก็เท่านั้น
การถ่ายทำเริ่มขึ้นช่วงหกโมงกว่า ๆ ที่วีไม่มีบทจึงมาช้าได้กว่าคนอื่นนั่นแหละนะ มันเป็นการถ่ายฉากแอคชั่นต่าง ๆ ทั้งดวลปืน สู้มือเปล่า ระเบิดภูเขาเผากระท่อม ใช้นักแสดงตัวประกอบ กับเอฟเฟคไปมากมาย มีการต่อสู้ตัวต่อตัวของซัทกับชีคด้วย มีการออกแบบคิวบู๊ ไหนจะต้องซ่อมฉากเซตฉากกันอีก แค่การถ่ายในส่วนนี้เสร็จก็หมดเวลาไปหลายชั่วโมงแล้ว และถึงแม้ในช่วงเวลานั้นวีจะไม่มีบทก็ตาม แต่เธอก็รอ นั่งท่องนั่งซ้อมบททำสมาธิอย่างใจเย็น แม้ว่าจะมีเสียงระเบิดดังตูมตามดังแทรกขึ้นมาบ้างก็ตาม
หลังจากพักเบรกในช่วงเกือบ ๆ เที่ยงการถ่ายทำก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง และคราวนี้ตัวละครหลักทั้งสามก็มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเสียที
มันเป็นฉากที่ตัวร้ายอย่างซัทจับนางเอกมาเป็นตัวประกัน สถานที่เกิดเหตุคือบริเวณริมแม่น้ำ แน่นอนว่ามันเป็นฉากที่เตรียมไว้นั่นแหละ จริง ๆ ก็แค่อยู่ในสระที่สร้างขึ้นมา แล้วดูเหมือนว่าฉากนี้ซัทจะต้องถูกยิงแล้วตกลงไปในแม่น้ำด้วย เพราะก่อนการถ่ายจะเริ่ม พลูโตเห็นซัทใส่อุปกรณ์อะไรบางอย่างไว้ รวมถึงในสระก็มีเจ้าหน้าที่รออยู่เต็มไปหมด
เมื่อพูดคุยจนแน่ใจว่าทีมงานทุกฝ่ายพร้อมแล้ว ผู้กำกับก็ให้สัญญาณ หลังจากนั้นทุกคนก็เงียบ ตากล้องกดบันทึกภาพ มือสเลตยกมันเข้ามาบังกล้อง เมื่อผู้กำกับสั่งแอคชั่น มือสเลตก็ตีมันดังปัก หลังจากนั้นทุกอย่างก็นิ่งเงียบ ไร้การเคลื่อนไหว อยู่ราว ๆ 5 วิ ก่อนที่การแสดงจะเริ่มต้นขึ้น
มันก็เหมือนกับฉากใกล้ ๆ จะจบเรื่องของหนังแอคชั่นทั่วไป ที่ตัวร้ายจับนางเอกเพื่อล่อพระเอกออกมา พอพระเอกยอมออกมาตามคำขู่ ตัวร้ายก็เอาแต่พูดมาก ไม่ลั่นไกฆ่าพระเอกเสียที จนสุดท้ายเสียท่า ถูกพระเอกยิงก่อน แล้วตายลงอย่างอนาถ
แต่ทว่านี่เป็นการถ่ายตัวอย่างเฉย ๆ เขาคงไม่เอาฉากจบมาใส่หรอก เพราะตัวร้ายอย่างซัทก็แค่ถูกยิงตกน้ำไป ในเรื่องเต็มดูทรงแล้วเขาคงไม่ตายหรอก เขาคงกลับมาวุ่นวายในชีวิตพระเอกต่อไปตามบทบาทของตัวร้าย แต่นั่นก็เป็นแค่เรื่องราวที่ถูกปรุงแต่งขึ้นเท่านั้น ในความเป็นจริงไม่มีใครคาดคิดเลยว่า ในช่วงเวลานั้น จะมีการสูญเสียครั้งที่สามเกิดขึ้น
ในช่วงบ่ายกว่า ๆ ของวันเดียวกันนี้ มีข่าวใหญ่ข่าวด่วนเกิดขึ้น เมื่อมีอุบัติเหตุปืนลั่นคากองถ่ายแห่งหนึ่ง ก่อนจะมีการเฉลยว่า เป็นกองถ่ายซีรีส์เรื่องนักฆ่าใจกล้า และคนที่ลั่นไกคือชีคที่เป็นพระเอก ส่วนคนที่ถูกยิงคือซัทที่เป็นตัวร้าย เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันที การผ่าตัดกินเวลาไปหลายชั่วโมง และในช่วงเย็นของวันนั้น ก็มีการยืนยันว่า ซัทได้เสียชีวิตลงแล้ว ซึ่งข่าวนี้สร้างความตกใจให้กับคนทั่วทั้งโลกเป็นอย่างมาก เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในกองถ่ายในลักษณะนี้พบได้น้อยมาก
ข่าวการจากไปของซัทสร้างความเสียใจให้กับคนเป็นจำนวนมาก ผู้คนต่างก็ไปรวมตัวกันที่หน้าบริษัทเฟท รวมถึงสตู และบริษัทอื่น ๆ ในเครือ เพื่อไปวางรูป กับดอกไม้เพื่อไว้อาลัยให้กับซัท พร้อมทั้งยังตั้งคำถามถึงมาตรการการรักษาความปลอดภัยในกองถ่ายด้วย ซึ่งสื่อเองก็เล่นประเด็นนี้เช่นกัน โดยที่ทางเฟทไม่ได้แถลงข่าวใด ๆ ตอบแค่เพียงว่า ทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนของตำรวจ
หลังจากนั้น 7 วัน ทางตำรวจก็อนุญาตให้ครอบครัวนำศพของซัทไปประกอบพิธีทางศาสนาได้ เพราะหลังจากการชันสูตรพลิกศพแล้ว ทางตำรวจไม่ติดใจสาเหตุการตาย รวมถึงครอบครัวของซัทก็ไม่ติดใจเช่นกัน งานศพของซัทยิ่งใหญ่กว่างานศพของสองคนก่อนหน้านี้
แน่นอนว่าพวกคนหิวแสง หิวเรตติ้งก็มากันเพียบ แฟนคลับของซัทเองก็มาร่วมงานมากมายเช่นกัน ข่าวทุกช่องมีการรวบรวมประวัติในแง่ดีต่าง ๆ มากมายของซัทออกมาเผยแพร่ แม้ว่าช่องนั้นจะเคยโจมตีเขาว่าแย่ ว่าชั่วขนาดไหนก็ตาม ดั่งคำกล่าวที่ว่า
"เมื่อคุณตายผู้คนจะรักคุณมากขึ้น"
คำกล่าวนี้ได้รับการพิสูจน์มาหลายครั้งแล้ว ว่าเป็นจริง ตามนั้น...
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
การสืบสวนคดีนี้อาจจะใช้เวลานานหลายวัน แต่ก็ไม่นานจนทำให้ประชาชนพอใจ เพราะผลสรุปของคดีนี้ออกมาเรียบง่ายกว่าที่เขาคิด ประชาชนคิดว่ามันมีเบื้องหน้าเบื้องหลังมากกว่านั้น ในขณะที่ตำรวจแถลงข่าวสรุปคดีในวันที่ 1 มิถุนา ว่ามันเป็นอุบัติเหตุจริง ๆ
อย่างไรก็ดี แม้ผลสรุปจะเป็นเช่นนั้น แต่ก็มีผู้ทำผิดในข้อหา ทำการประมาทจนเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย อยู่ 3 ฝ่ายด้วยกัน ฝ่ายแรก หรือคนแรกก็คือชีคผู้เป็นคนลั่นกัน ฝ่ายที่สองคือทีมงานที่คอยดูแลอาวุธปืน ซึ่งจากการสอบสวนตำรวจพบข้อมูลเพิ่มว่า ทีมงานที่ดูแลนั้น ไม่มีความเชี่ยวชาญมากพอ ทำให้ผู้กระทำความผิดฝ่ายที่สามก็คือบริษัทที่จ้างทีมงานชุดนี้มานั่นก็คือเฟทนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ประธานของเฟท ที่เป็นครอบครัวของผู้ตายจึงประกาศลาออกจากตำแหน่งโดยมีผลทันที รองประธานรุจจึงขึ้นมารับตำแหน่งประธานแทน ซึ่งเขามีแผนที่จะสู้คดีจนถึงที่สุด
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ภายในห้องเยี่ยมนักโทษ นอกจากชีคกับประธานรุจ ที่นั่งอยู่คนละฝั่งอยู่กันสองคนแล้ว ภายในห้องนั้นไม่มีใครอื่นเลย ผู้คุมเองก็ยืนอยู่ไกล ๆ ไม่มีญาติไม่มีนักโทษคนอื่น ๆ เลยสักคน มันดูเป็นห้องเยี่ยมส่วนตัวมากกว่าปรกติ จะมีก็แค่กล้องวงจอดปิดที่คอยสังเกตการณ์ทั้งคู่อยู่เท่านั้น ซึ่งต้องบอกตามตรงว่า มันไม่ได้กำลังบันทึกภาพอยู่แต่อย่างใด
"ทำไมคุณถึงทำกับผมแบบนี้"
ชีคกล่าวด้วยความโมโหสุดขีด
"ไม่เอาน่า แกทำอะไรไป แกรู้ดีอยู่แก่ใจ"
"ผมไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น"
ชีคตอบกลับอย่างมั่นใจ จนประธานรุจหลุดขำออกมา
"จำรางวัลแห่งความภักดีได้ไหมล่ะ ฉันแอบใส่เครื่องดังฟังลงไปไง"
ได้ยินแบบนั้น ความมั่นหน้าของชีคก็หายไปจนหมดทันที
"แกคิดว่าฉันจะไว้ใจแกเหรอชีค ไม่สิไอ้โชค เมื่อก่อนแกก็แค่แมงดา นักต้มตุ๋น หลอกชาวบ้าน ฉันไม่มีทางไว้ใจคนอย่างแกหรอก แล้วก็ไม่ต้องเรียกหาฉันอีกนะ แกควรเอาเวลาโทรหาฉันไปโทรหาทนายดีกว่า"
พูดจบรองประธานรุจก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้องนั้นไป ทิ้งให้ชีคนั่งหน้าถอดสีอยู่ตรงนั้น จนผู้คุมเข้ามาลากตัวเขาไป
"อย่าลืมข้อตกลงของเราล่ะคุณตำรวจ"
"เออ ฉันไม่ลืมหรอกน่า"
ชีคกระซิบกระซาบกับผู้คุม ที่ใบหน้าคล้ายคลึงกับซัท เพราะแท้จริงแล้วผู้คุมคนนี้คือตาณนั่นเอง
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในคืนเดียวกันนั้น ณ บาร์หรูหราแห่งหนึ่ง พลูโตนั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์ข้าง ๆ ประธานรุจ ทั้งสองกำลังนั่งจ้องหน้า จ้องตากันอยู่
"นายดูโทรม ๆ นะ ตานายเองก็ดูแดง ๆ ฉันเห็นมาสักพักแล้ว"
ประธานรุจเอ่ยถาม
"ผมป่วยนิดหน่อยน่ะครับ"
พลูโตตอบเสียงแข็ง
ว่าแล้วประธานก็ยื่นบางอย่างให้กับพลูโต มันเป็นกล่องใบเล็ก ๆ
"นี่เป็นรางวัลให้กับการทำงานหนัก เปิดดูสิ"
พลูโตทำตามที่ประธานรุจบอก เขาจึงเปิดกล่องนั้นออกดู แล้วก็พบเข้ากับ เครื่องประดับชิ้นเล็ก ๆ รูปปลาดาว
"นับตั้งแต่วันนี้นายเป็นส่วนหนึ่งของมัจฉาดาราแล้ว"
"ขอบคุณครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ อย่างที่บอกผมป่วยอยู่นิดหน่อย"
ประธานรุจรับฟังอย่างเข้าใจ ก่อนจะยักไหล่ และผายมือเป็นการบอกว่าพลูโตออกไปได้
หลังจากพลูโตเดินหายลับออกไป บาร์เทนเดอร์ก็วางเครื่องดื่มให้รองประธาน แล้วพูดว่า
"เด็กนั่นไม่เนียนเลยนะครับ"
ประธานฟังแล้วหยิบเครื่องดื่มมาไว้บนมือ
"ก็นะ ถ้าเป็นคนทั่วไปก็คงถามแล้วว่ามันคืออะไร เอาไปทำอะไรได้ การที่เห็นมันแล้วรับไว้โดยไม่ถามเนี่ย แสดงว่ารู้อยู่แล้วว่ามันคืออะไร และเอาไว้ใช้ทำอะไร"
ประธานรุจพูดจบก็กระดกแก้วขึ้นจิบนิดหน่อย
"แล้วมันจะไม่เสี่ยงไปเหรอครับ ที่ให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของพวกเรา"
"ไม่เลย เขามีประโยชน์อยู่นะ เห็นสภาพเขาไหมล่ะ ดูเหมือนจะเสียใจร้องไห้หนักอยู่ทีเดียว แค่นั้นก็ยืนยันได้แล้วว่า จอมมารของเราได้จากไปแล้วจริง ๆ แล้วก็นะ ต่อให้เขาจะหักหลังเรา ก็ไม่ใช่ปัญหา ยังไงเสียคนที่ส่งของก็คือเขา หลังจากนั้นก็มีคนแอบเอาไปสลับกับของประกอบฉาก จากนั้นชีคก็ปัง..."
พูดจบประธานก็กระดกจนหมดแก้วอย่างสบายใจ
"แบบนี้นี่เอง ถ้าเขากล้าหักหลังพวกเรา เขาก็จะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการพิชิตจอมมารงั้นสินะครับ"
"ก็คงงั้น"
.......โปรดติดตามซีนต่อไป.......