webnovel

บทที่ 19 : แอ็กนัสผมสีเงินคนนั้น

"จริงสิ ฉันได้ของดีมาจากลิชตัวนั้นด้วยนะ" ขัตติยะนึกขึ้นได้แล้วนำเคียวยักษ์ออกมาจากช่องเก็บของ

"ตัวที่นายสู้ด้วยคือลิชเหรอ?"

"ใช่ ทำไมเหรอ?"

"ไอ้บ้า! นั่นมันตัวอันตรายระดับ A เลยนะ ยังจะมาทำหน้าซื่อตาใสอยู่อีก แถมถือเคียวแบบนี้ด้วยแล้วก็คงระดับ A+ เลยนั่นแหละ" ศัสตราตบหัวขัตติยะไปหนึ่งทีอย่างอดไม่ไหวจริงๆ

อันตรายระดับนั้นถึงจะเทียบได้กับแมงป่องในหุบเหว แต่มันก็ยังต่างกันอยู่ดี

ลิชเป็นมอนสเตอร์ที่มีสติปัญญา แม้ว่าค่าสถานะจะเท่ากันก็ใช่ว่าจะขนาดได้นะ!

ทำไมชอบทำให้เป็นห่วงจังไอ้คนนี้!!

"แต่มันก็ตายไปแล้วนี่นา ไม่งั้นฉันจะเอาเคียวมาได้ยังไงกันเล่า" ขัตติยะเบ้ปาก อย่าห่วงไม่เข้าเรื่องเลย ตัวเขามันโกงมาตั้งแต่ต้น ที่น่าห่วงคือพวกนายต่างหาก

คิดดูสิระหว่างสู้กับลิชยังมีเวลาไปบัฟให้เลยนะ

ห่วงขนาดนี้ทำไมไม่สังเกตเห็นบ้าง

"เอาเคียวมาแล้วเอาแก่นพลังเวทมาด้วยรึเปล่าคะ?" เซเรียถาม

"...อ๊ะ!"

"ไม่ได้เอามาสินะ"

"ลืมสินะคะ"

สองหนุ่มสาวแอ็กนัสผมสีทองมองขัตติยะด้วยสายตาอย่างเอือมระอา

"ไม่ใช่อ่ะ คือโดนแสงศักดิ์สิทธิ์เข้าไปเป็นขี้เถ้าไปหมดเลย"

"ขี้เถ้า?" ศัสตรามุมปากกระตุด

"หมดเลย?" เซเรียหน้าเสีย

"อือ..."

"สกิลบ้าบออะไรเป่ากระทั่งแก่นพลังเวทเป็นขี้เถ้าไปด้วยกันห๊า!!!" ศัสตราอดไม่ได้ที่จะจับคอเสื้อขัตติยะแล้วเขย่าสุดแรง แต่แรงกายของคนเลเวลสิบห้าจะเขย่าคนเลเวลยี่สิบให้คอหลุดได้ยังไง

ความต่างของเลเวลก็มีส่วนนะ

"สงสัยเพราะแก่นพลังเวทมีธาตุความมืดปะปนอยู่เยอะล่ะมั้ง โดนแสงศักดิ์สิทธิ์เข้าไปก็เลยเป็นขี้เถ้าไปด้วย... อ้อ แต่โครงกระดูตัวอื่นที่ฉันฆ่าไปก็เก็บมาอยู่นะ" ขัตติยะพูดก่อนจะเอาโครงกระดูกมากกว่าห้าสิบตัวลงมากองตรงหน้าพร้อมแก่นพลังเวทระดับ B-C อีกหลายสิบอัน

"นายยังมีเวลาไปเก็บของพวกนี้ด้วยเหรอ" ศัสตราคิ้วกระตุก เขาฆ่าไปได้ไม่กี่ตัวก็จริงแต่แทบไม่มีเวลาเก็บอะไรเข้าช่องเก็บของเลยนะ

ถูกรุมขนาดนั้นยังเก็บของได้อย่างสบายใจ นายยังเป็นคนอยู่ไหม!?

"เริ่มสงสัยว่าพี่ตินเป็นนักบุญได้ยังไงกันคะ" เซเรียก็คิดแบบเดียวกับศัสตรา

เธอเองก็ได้เก็บซากโครงกระดูกมาบ้างด้วยความเร็วที่มีอยู่ในสายอาชีพของเธอ และเก็บมาเผื่อศัสตราด้วย แต่ตรงที่ขัตติยะสู้เธอไม่ได้เข้าไปยุ่งเลยสักนิดเพราะมันวุ่นวายและอันตรายมาก

แต่ขัตติยะที่ฟาดฟันดายอย่างสนุกสนานยังหันมาใส่ใจเก็บของได้ คนแบบนี้ไม่น่าเป็นนักบุญจริงๆ นั่นแหละ

บางทีอาชีพโจรหรือนักฆ่าน่าจะเหมาะมากกว่า

แต่เอาเถอะ ได้ของกลับมาครั้งนี้ก็ไม่ขาดทุน ในบานะที่เซเรียดูแลเรื่องการเงินของกลุ่ม เธอจึงรับของพวกนั้นไปขายทั้งหมด

ส่วนเคียวของลิช...

"พี่ตินจะขายเคียวนั้นหรือเปล่าคะ?" เซเรียมองเคียวอย่างไม่วางตา ถึงจะยังไม่ได้ตรวจสอบคุณสมบัติแต่มันต้องเป็นของดีแน่ๆ

"ไม่หรอก นี่เป็นอาวุธคุณภาพดีนะ เก็บไว้ใช้เองจะดีกว่า เผื่อในอนาคตแอ็กนัสของเราจะมีสายอาชีพที่มันเหมาะกับอาวุธอันนี้" ขัตติยะมองเซเรียแล้วเอียงคอเล็กน้อย "เธอมีอาชีพที่ไม่เหมาะกับเคียวหรอก อย่าพยายามฝืนใช้จะดีกว่านะเซเรีย"

"...เข้าใจแล้วค่ะ" เมื่อขัตติยะว่าอย่างนั้นเซเรียก็ไม่คิดจะเอามันไปใช้

เคียวนี้เลยเป็นอาวุธของกลางชุดแรกของกลุ่ม

ส่วนอาวุธและชุดเกราะที่ได้มาจากโครงกระดูกในดันเจี้ยนเก่าเกินไป แต่โลหะที่หลอมมันขึ้นมาก็แข็งแรง ถ้าเอาไปขายให้พวกสายผลิตแล้วหลอมขึ้นมาใหม่ อาจจะมีคุณภาพเพิ่มขึ้นก็ได้

เพราะโลหะในดันเจี้ยนไม่เหมือนกับโลหะใดบนโลก ความแข็งแรงทนทานและความพิเศษของมันที่สามารถนำไปใช้ได้ก็มีแต่ฮันเตอร์สายผลิตเท่านั้น

หรือถ้ามีนักวิจัยที่ไม่ใช่ฮันเตอร์สายผลิตพวกเขาก็สามารถทำได้ แต่มันเป็นไปได้ช้ากว่าอย่างมาก

ฮันเตอร์สายผลิตจึงมีความสำคัญมากในปีหลังๆ เมื่อสภาวะโลกเริ่มเสถียร

ที่ร่ำรวยที่สุดในโลกตอนนี้ไม่ใช่นักลงทุนหรอก แต่เป็นฮันเตอร์สายผลิตต่างหาก

พวกเขาแค่งานยุ่งไม่มีเวลามาอวดรวยเฉยๆ

"ตอนนี้ก็หมดเรื่องแล้ว..." ขัตติยะพูดขึ้นแล้วมอง แต่ศัสตราและเซเรียไขว้มือทำท่ากากบาท เรื่องยังไม่หมด

"ยังมีปัญหาอยู่อีกครับคุณติน นายโชว์พลังไปขนาดนั้นคิดว่าตัวเองจะได้อยู่อย่างสบายๆ เหรอ ป่านนี้ข่าวเรื่องแอ็กนัสผมเงินบู๊มอนสเตอร์ตายเป็นฝูงในดันเจี้ยนล็อกคงดังกระฉ่อนแล้ว" ศัสตรานวดขมับด้วยความเครียด

แต่เห็นแค่พวกเขาก็ช่างเถอะ แต่เจตนาของขัตติยะคือต้องการซ่อนไม่ใช่เหรอ

"นายเป็นห่วงเรื่องนั้นเหรอ?"

"ไม่ห่วงได้เหรอพี่ติน!" เซเรียอยากเข้าไปเขย่าคอชายหนุ่มบ้าง "พี่ต้องการซ่อนความสามารถเรื่องที่มอนสเตอร์ไม่โจมตีก่อนไว้ แต่เล่นไปสู้กระจายแบบนั้นมันจะซ่อนยังไง"

"ก็ซ่อนได้สิ เพราะมอนสเตอร์ตีฉันก่อนฉันก็เลยสู้กลับ ปกติจะตาย"

ขัตติยะยังคงไม่เข้าใจ ไม่สิ เขาคิดมากเกินไปจนคิดว่าทั้งสองจะเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดต่างหาก

"ปกติก็แย่แล้ว!!" สองแอ็กนัสตะโกนออกมาพร้อมกัน

"ใจเย็นๆ ทั้งสองคน เรื่องสกิลมอนสเตอร์ไม่โจมตีน่ะยังไม่แตกหรอก สิ่งที่จะออกไปก็คือแอ็กนัสผมสีเงินที่แข็งแกร่งปรากฏในดันเจี้ยนล็อกต่างหาก ในจังหวะที่มีคนสู้หรือซ่อนตัวอยู่พวกเขาคงไม่ได้สนใจจะมองตอนมอนสเตอร์โครงกระดูกไม่โจมตีฉันด้วยซ้ำ จำนวนมันบังวิสัยทัศน์นี่นา หลังจากนี้ที่พวกเขาจะตามหาน่ะคือแอ็กนัสผมสีเงิน"

ขัตติยะจับปลายผมดานหน้าของตัวเองแล้วขยี้เบาๆ

ตอนนี้ทั้งสองคนเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว เมื่อคิดดู สภาพในตอนนั้นที่ต้องพยายามเอาชีวิตรอดเหลือห้าร้อยคนสุดท้ายให้ได้ ใครจะมาสนใจแอ็กนัสที่นั่งมองคนอื่นเฉยๆ กัน

แต่ตอนต่อสู้ต่างหากที่เรียกสายตาทุกคู่ให้หันมอง

หลังจากนี้กลุ่มคนมีอำนาจต่างๆ จะเริ่มตามหา 'แอ็กนัสผมสีเงินคนนั้น' กันอย่างขะมักเขม้นเลยล่ะ

ตอนนี้กลายเป็นว่าต้องจับตัว 'แอ็กนัสผมสีเงิน' คนนี้ไปซ่อนแล้วสินะ?

"อย่าได้คิดจะเอาฉันไปซ่อนเชียวนะ!" ขัตติยะมองสายตาของทั้งสองออกและเดาความคิดได้ทันที ถึงจะไม่ได้เป็นพยาธิในท้องแต่สายตาพวกเขามันฟ้องมาก

บอกเลยนะ ไม่ยอมถูกขังเด็ดขาด!

"แต่แอ็กนัสผมสีเงินมีไม่มากนะติน สักวันพวกนั้นจะต้องเจอนายแน่" ศัสตราพูดอย่างเคร่งขรึม ขัตติยะไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ

"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงไปหรอกน่า บนโลกนี้ยังมีสิ่งที่เรียกว่าวิกผมอยู่ ฉันไปหาซื้อวิกผมสีทองมาใส่ก็สิ้นเรื่อง"

"เอ่อ... นั่นก็เป็นไปได้" เซเรียคิด

ปกติแอ็กนัสย้อมสีผมได้แต่วันเดียวก็หาย แต่ถ้าเป็นใส่วิกผมมันก็อีกเรื่องหนึ่ง

"แต่ทำไมไปซื้อสีทองมาใส่ล่ะติน เป็นสีดำหรือน้ำตาลแบบคนธรรมดาไม่ดีกว่าเหรอ?"

จะอำพรางทั้งทีก็เอาให้มันธรรมดาไปเลยสิ ยังจะแสดงตัวเป็นแอ็กนัสอยู่ทำไม

ศัสตราคิดว่าขัตติยะอาจจะคิดทำเรื่องไร้สาระอีก

"จะให้เป็นคนธรรมดาทำไม เป็นแอ็กนัสก็ดีอยู่แล้วนี่นา อีกอย่างฉันคบกับพวกนายที่เป็นแอ็กนัสอยู่นะ ถ้าปลอมเป็นคนธรรมดาเขาก็ต้องจับพิรุธได้อยู่แล้วสิ ไหนๆ ก็จะปลอมแล้วก็เอาแค่สีผมพอ ส่วนเรื่องเป็นแอ็กนัสก็ยังเป็นต่อไปไง"

"อื้ม ที่พี่ตินพูดมาก็มีเหตุผล..." เซเรียเริ่มเชื่อ แต่ศัสตราไม่

"แล้วเหตุผลจริงๆ คืออะไร?"

"ผมสีทองมันเท่กว่าอ่ะ ผมสีทองกับพลังนักบุญโคตรเข้ากันเลยไม่ใช่เหรอ บางทีฉันอาจจะหล่อขึ้นไปอีกถ้ามีผมสีทอง" ขัตติยะพูดอย่างมั่นใจในหน้าตาตัวเองว่าสีผมสีทองคำต้องเหมาะกับเขามากกว่าสีเงินอย่างแน่นอน

เดี๋ยวหาซื้อคอนแทคเลนส์สีน้ำเงินมาใส่ด้วย คงจะดูเป็นเทวดาแสนดีสุดๆ

แค่คิดก็รู้สึกอยากจะรีบออกซื้อของ

เอ๊ะ เขามีอาชีพอื่นด้วยนี่นา ควรเลือกเสื้อผ้ากับคอนแทคเลนส์ให้เหมาะกับอาชีพอื่นด้วยสินะ โอ้ย ตัวเลือกเยอะเลยต้องกลับไปลิสต์รายการไว้ก่อนแล้ว

ขัตติยะหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี

ส่วนศัสตรากับเซเรียต่างยืนมองขัตติยะด้วยความเงียบอย่างประหลาด

ความเชื่อว่าอีกฝ่ายฉลาดและดูมีเหตุผลช่างเป็นอะไรที่เพ้อเจ้อจริงๆ

แต่ความเพ้อเจ้อนี้ก็ไม่ได้ขัดกับสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้นพวกเขาจึงรับมันไว้อย่างตั้งใจ

เซเรียนอนค้างที่คอนโดมิเนียมของศัสตราหนึ่งคืนก่อนจะกลับไปทำงานของตัวเองและเริ่มวางโครงสร้างกลุ่มใหม่อีกครั้ง

เพราะไม่รู้ว่าครั้งหน้าขัตติยะนึกอยากจะเก็บใครขึ้นมาอีกแล้วเป็นคนที่ต้องไปช่วย

เธอยังไม่ลืมว่าจะต้องไปกระจายข่าวเรื่องของกฎซ่อนเร้นที่ห้ามเด็กอายุต่ำกว่าสิบหกปีเป็นแอ็กนัสด้วย

ข่าวนี้คงพอจะช่วยกลบกระแสเรื่องของแอ็กนัสผมสีเงินไปได้บ้างส่วนหนึ่ง

พวกที่แอบซื้อเด็กจากประเทศอื่นมาเพื่อจะใช้เป็นแอ็กนัสคงต้องคิดให้ดีก่อนแล้วเพื่อไม่ให้สุญเสียแอ็กนัสไปมากกว่านี้

จริงสิ... เซเรียและศัสตราคิดขึ้นมาได้ในเวลาเดียวกันแต่คนละสถานที่

ขัตติยะรู้เรื่องกฎที่ซ่อนอยู่ของดันเจี้ยนล็อกได้ยังไงกัน?

เพราะมัวแต่พูดคุยเรื่องอื่นทำให้ลืมถามในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

ในเอกสารการศึกษาดันเจี้ยนล็อกและแอ็กนัสทั่วโลกไม่เคยมีระบุกฎเหล่านี้ไว้ก่อนเลย แม้แต่เหตุที่ทำให้เซฟโซนทั้งสองแตกออกก็เป็นเพราะว่าไม่มีแอ็กนัสเข้าไปสังเวยเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกว่าการที่เอาเด็กเข้าไปจะทำให้ดันเจี้ยนล็อกง่ายขึ้น

แต่ข้อเสียคือถ้าเด็กตายดันเจี้ยนจะโหดร้ายมากขึ้น

ครั้งนี้โชคดีที่มีขัตติยะอยู่จึงไม่มีเรื่องน่าเศร้าอะไรนอกจากสุญเสียแอ็กนัสไปสองร้อยกว่าคน แต่นั่นไม่ใช่การสูญเสียที่สำคัญ เพราะจำนวนแอ็กนัสที่เสียชีวิตในดันเจี้ยนล็อกมีมากกว่าสองพันขึ้นไปตั้งนานแล้ว

และข่าวนี้ควรกระจายออกไปให้เร็วที่สุดเพื่อให้พวกเขาตื่นตัวและปกป้องเด็กจากกุญแจแห่งพันธสัญญา

แล้วก็... เด็กหนุ่มธันดานั่นบอกว่าได้รับกุญแจมา ไม่ใช่การหยิบขึ้นมาเอง

หมายความว่ามีคนที่สามารถถือกุญแจแห่งพันธสัญญามอบให้กับคนอื่นได้ด้วยเหรอ

คนที่จับกุญแจแห่งพันธสัญญามีแต่ต้องทำสัญญาในทันที ถ้าเป็นฮันเตอร์ก็ต้องเลือกในทันทีเช่นกัน

แม้แต่แอ็กนัสก็ถือกุญแจซ้อนไว้ได้เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น

ไม่มีทางเก็บไว้รอจนมอบให้คนอื่นได้

เรื่องนี้คงต้องสืบดู

ถึงขัตติยะที่เป็นหัวหน้าจะไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้แต่ทั้งเซเรียและศัสตราก็คิดเอาไว้แล้วว่าจะจัดการยังไงกับเรื่องนี้

พวกเขานั้นคิดมากกว่าที่ขัตติยะคิดซะอีก

แต่ถ้าคิดจะให้หัวหน้าอย่างขัตติยะสั่งการมันก็...

พวกเขาคิดว่าตัดสินใจเองดีกว่า

เพราะใกล้ชิดกันมาขึ้นก็เลยกลายเป็นว่าทั้งสนิทใจและวางใจกันและกันไปเองจนหมด ไม่ได้คิดถึงการทรยศหักหลังกันเลยสักนิด

รู้สึกว่าน่าสนุกดีด้วยซ้ำ

ตอนนี้วงการแอ็กนัสแห่งเซฟโซนประเทศไทยกำลังจะสั่นสะเทือน

ก่อนที่จะประกาศเปิดตัวกลุ่ม 'มิวแทนท์'

พวกเขาต้องมีกำลังมากพอที่จะจัดการกับกลุ่มต่อต้านทั้งหลายและรีบแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุด

ไม่ว่าจะทั้งการเงิน อำนาจและพลัง!

ขัตติยะที่กลับมาที่บ้านและเป็นคนที่น่าจะสบายใจที่สุดเปิดเว็บช็อปปิ้งออนไลน์สั่งซื้อของต่างๆ อย่างสนุกสนาน เสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำลงที่นอน

ทำเหมือนว่าทุกอย่างไม่มีอะไรทำให้เขากังวลได้

แต่ใครจะรู้ว่าขัตติยะกังวลแทบตาย

"โชคดีที่พวกนั้นไม่มีใครถามเรื่องที่ว่าฉันรู้กฎที่ซ่อนอยู่ของดันเจี้ยนล็อกได้ยังไงนะ" ขัตติยะพึมพำอย่างอ่อนแรงแต่ก็โล่งใจ

[เพราะสกิล 'โอ้~ เพื่อนรัก' ทำให้อีกฝ่ายมีความไว้วางใจต่อโฮสต์อย่างมาก เรื่องคำถามจึงทำให้ลืมไปเองอย่างไม่ตั้งใจหรืออาจตั้งใจ]

แฟร์ตอบให้ขัตติยะหายข้องใจ

สกิลนี้ถึงจะดูเหมือนไร้ประโยชน์แต่มันมีผลต่อความสัมพันธ์ดังนั้น ขัตติยะที่ใช้สกิลนี้กับแอ็กนัสคนอื่นก็เหมือนกับทำให้อีกฝ่ายมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อตัวเขามากขึ้น ยิ่งอยู่ด้วยกันมาเท่าไหร่ยิ่งซื่อสัตย์และเชื่อใจมากเท่านั้น

"งั้นเหรอ ถ้าเป็นแบบนั้นทุกครั้งที่ฉันหลุดข้อมูลไปก็จะดีนะ" ขัตติยะหัวเราะเบาๆ

เขาจะทำหน้าซื่อตาใสบอกว่า 'อ้าว ฉันยังไม่เคยบอกเหรอ' อยู่เรื่อยไปก็ไม่ได้ซะด้วยสิ

[โฮสต์ดูเหมือนไม่เจ้าเล่ห์แต่ก็แอบร้ายนะ]

"นี่กำลังชมฉันเหรอแฟร์"

[ถ้าโฮสต์คิดว่าเป็นคำชมมันก็คือคำชม]

"...ตอบได้ดี"

แต่ฟังแล้วเหมือนกำลังประชด

แต่ขัตติยะไม่คิดมาก เพราะเขาก็ต้องยอมรับด้วยว่าตัวเองน่ะเจ้าเล่ห์

เขาวิญญาณอายุเท่าไหร่แล้ว แต่มาทำตัวเป็นเด็กอายุสิบเก้าปีได้อย่างไม่มีใครสงสัย ส่วนหนึ่งอาจเพราะความฝันวัยเด็กเป็นจริง อีกส่วนก็คือทักษะการแสดง

คนอายุเยอะแล้ว ประสบการณ์ก็ไม่น้อย การเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการเขาไม่แสดงออกทางสีหน้าและท่าทางให้เห็นกันโต้งๆ หรอก

แต่จะหลอกเด็กเหล่านั้นไปได้นานขนาดไหนกันนะ

ขัตติยะเริ่มรู้สึกสนุก

ศัสตราอาจจะพอรู้ว่าขัตติยะเจ้าเล่ห์บ้าง แต่เซเรียน่ะยังไม่คุ้นเคย และแอ็กนัสอีกมากที่กำลังจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มก็ยังไม่มีใครรับรู้

นี่จะกลายเป็นปริศนา

หัวหน้ากลุ่มมิวแทนท์เป็นแกะหรือหมาป่ากันนะ?