webnovel

ปฏิญญาค่าแค้น

หลินหลัน ทะลุมิติมาเกิดใหม่ในคราบของหญิงสาวชาวบ้านที่แสนลำบากยากจน แต่โชคยังดีที่ความสามารถด้านการแพทย์และประสบการณ์รักษาผู้คนที่สั่งสมมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดนั้นติดตัวมาด้วย อีกทั้งครอบครัวในชาติภพนี้ก็ดีกับนางมิใช่น้อย กระนั้นเคราะห์ร้ายก็ยังคืบคลานเข้ามา เมื่อพี่ชายผู้เป็นที่พึ่งพาเดียวของนางนั้นใสซื่อจนไม่อาจตามทันเล่ห์กลของพี่สะใภ้ที่แสนโลภมาก สุดท้ายแล้วหลินหลันก็ถูกนางบีบบังคับให้ต้องออกเรือนแต่งงานไปเป็นนางบำเรอจนได้ ด้วยเหตุนี้นางจึงต้องดึงตัว หลี่ซิ่วฉาย ชายหนุ่มรูปงามผู้มีเบื้องหลังเป็นปริศนาในหมู่บ้านเข้ามาช่วยแก้สถานการณ์ ทั้งสองได้ตกลงทำสัญญาขึ้นมาหนึ่งฉบับ เขาช่วยนางให้หลุดพ้นจากการคลุมถุงชน ส่วนนางจะช่วยเขาแก้แค้นและทวงทุกสิ่งอย่างที่ถูกพรากไปกับคืนมาภายในระยะเวลาสามปี ทว่าแผนการช่วยเหลือเขาให้บรรลุเป้าหมายนั้นกลับไม่ง่ายดายอย่างที่คิดนี่สิ…

จื่ออี281 · ย้อนยุค
เรตติ้งไม่พอ
339 Chs

ตอนที่ 322 ไม่ชอบมาพากล

ตอนที่ 322 ไม่ชอบมาพากล

หลี่หมิงอวินมั่นใจแล้วว่า วันนี้เยี่ยซินเอ๋อร์หลอกเขามา ครั้งก่อนหลันเอ๋อร์เตือนเขาแล้ว เขายังทำเป็นว่าคงไม่มีเรื่องอะไรหรอก เห็นทีสตรีจะเข้าใจสตรีด้วยกันมากกว่าจริงๆ เขาประเมินความนึกคิดของลูกพี่ลูกน้องสาวผู้นี้ต่ำเกินไปแล้ว ในเมื่อมองทะลุปรุโปร่งแล้ว หากยังเดินคล้อยตามเจตจำนงของน้องสาว เช่นนั้นขืนตกลงสู่กับดักก็คงได้แต่บอกตนเองว่าสมน้ำหน้า

หลี่หมิงอวินเผยรอยยิ้มเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นน้ำใจของเปี่ยวเหม่ย...ตงจึ เจ้าตามเปี่ยวเสี่ยวเจี่ยะไปรับของขวัญมาไว้ ข้าเองก็มีเรื่องต้องการพบผู้ดูแลบ้านอยู่พอดีเชียว อีกประเดี๋ยวเจ้าไปรอข้าที่ปากประตูจวนแล้วกัน” หลี่หมิงอวินไม่ให้โอกาสเยี่ยซินเอ๋อร์ได้เอื้อนเอ่ยใดๆ อีก เขายกสองมือขึ้นระดับหน้าอกในท่าคารวะ และกล่าว “เปี่ยวเหม่ย ข้าขอตัวก่อนละ” เมื่อกล่าวจบ ก็เตรียมสาวเท้าเดินจากไป

คาดไม่ได้ถึงว่าเยี่ยซินเอ๋อร์จะไวยิ่งกว่า นางเข้ามาขวางทางหลี่หมิงอวินไว้ แววตาเผยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจและขุ่นเคืองกว่าครั้งไหน แทบจะร้องไห้แล้วก็ว่าได้ “เปี่ยวเกอ ท่านรังเกียจข้าเพียงนี้เลยหรือ มองข้าเป็นสัตว์เดรัจฉานที่ตกบ่อโคลนจนอยากหลบหลีกหนีหน้าแทบแย่ เมื่อก่อนท่านไม่ใช่เช่นนี้ ทั้งๆ ที่ตอนแรกท่านก็รู้ว่าข้าคัดค้านการแต่งงานก็เพื่อท่าน บัดนี้หย่าร้างกับคนตระกูลหร่วนแล้วก็เพื่อท่าน ชั่วชีวิตนี้ข้าอยากใช้ชีวิตอยู่กับท่านเท่านั้น ข้ามิได้ร้องขอว่าท่านต้องแต่งข้าเป็นภรรยา และไม่วาดหวังว่าในใจท่านจะมีข้า ขอเพียงได้อยู่ข้างกายท่าน ได้พบเห็นท่านอยู่เสมอข้าก็พึงพอใจแล้ว เปี่ยวเกอ ข้ามีความคิดต่ำต้อยเพียงนี้ ท่านไม่สงสารเห็นใจข้าบ้างเลยหรือ ท่านจะใจจืดใจดำกันเพียงนี้เชียวหรือ จะมองดูข้าทุกข์ระทมชั่วชีวิตใช่หรือไม่”

ตงจึจ้องมองแม่นางเยี่ยซินเอ๋อร์อย่างตกตะลึง นางก็ช่างกล้าพูดออกมาได้! นี่มันช่าง...ช่างไร้ยางอายเกินไปแล้ว

หลี่หมิงอวินชักสีหน้าเคร่งขรึมจนน่าเกรงขาม เขาจ้องมองเยี่ยซินเอ๋อร์อย่างเย็นชาและกล่าว “เปี่ยวเหม่ย ความรักสองคำนี้ มันหมายถึง เจ้ารักข้า ข้ารักเจ้า หากข้าต้องสงสารทุกคนที่มีใจรักข้า เกรงว่าคงไม่ตกมาถึงลูกพี่ลูกน้องอย่างเจ้าหรอก เปี่ยวเหม่ยก็อย่าพูดอีกเลยว่า ทั้งหมดนี้เพื่อข้า ทุกวันนี้ถึงได้เดินมาถึงขั้นนี้ เจตจำนงที่หนักอึ้งเช่นนี้ข้ารับไว้มิไหวหรอก ตามจริงเจ้าทำเพื่อตนเองมาโดยตลอด เพื่อตัวเองเจ้าไม่แม้แต่จะสนใจหน้าตาชื่อเสียงของบิดา ไม่สนใจผลประโยชน์ของวงศ์ตระกูล ไม่สนใจว่าข้าจะลำบากใจหรือไม่ แน่นอนว่าการกระทำเพื่อตนเองก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร ที่ผิดคือเจ้าดื้อรั้นในสิ่งที่ไม่ควรดื้อรั้น วันนี้ คำพูดที่เจ้าเอื้อนเอ่ย ข้าจะถือเสียว่าไม่ได้ยินแล้วกัน เปี่ยวเหม่ย ทำเพื่อตนเองไปเถอะ!”

เดิมทีเยี่ยซินเอ๋อร์คิดว่าตนเองพยายามสะกดกลั้นความโกรธเคืองไว้เช่นนี้แล้ว ทั้งยังอ้อนวอนลูกพี่ลูกน้องชายอย่างน่าสงสาร ก็จะทำให้เขาใจอ่อนได้ คาดไม่ถึงว่าเขาจะเด็ดขาดเพียงนี้ ไม่แม้แต่จะให้โอกาสหรือเหลือจุดยืนไว้ให้นางเลยด้วยซ้ำ ทันใดนั้น นางรู้สึกถึงความอับอายปนโกรธเคือง เคียดแค้น เศร้าโศก และผิดหวัง หลากหลายความรู้สึกก่อตัวขึ้นมา ทำลายสติความนึกคิดอย่างมีเหตุผลที่นางพอมีอยู่น้อยนิด นางจึงคิดขึ้นมาว่า หากพลาดครั้งนี้ไปก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว

เยี่ยซินเอ๋อร์กระโจนเข้าไปยังทิศทางลูกพี่ลูกน้องชายอยู่ นางไม่สนใจชื่อเสียงอันดีงามหรือการเคารพในศักดิ์ศรีตนเองอะไรนั่นอีกแล้ว นางคิดเพียงแค่ต้องการจับคนตรงหน้า คนที่นางเฝ้าคะนึงถึงในจิตใจอยู่ตลอดหลายปี หากไม่อาจครอบครองได้ นางยอมตายเสียดีกว่า

หลี่หมิงอวินคาดไม่ถึงว่าเยี่ยซินเอ๋อร์จะกระโจนเข้ามา เพราะระยะห่างที่ใกล้ เขาแทบจะตั้งรับไม่ทัน ขณะมองเห็นเยี่ยซินเอ๋อร์ที่กำลังกระโจนเข้ามาถึงตัวเขา จู่ๆ ก็มีร่างคนผู้หนึ่งเข้ามาแทรก บดบังเบื้องหน้าเขาไว้

“เปี่ยวเสี่ยวเจี่ยะขอรับ ท่านอย่าพึ่งผลีผลามไปเลยขอรับ เอ้อร์เส้าเหยียของพวกเราพูดเยี่ยงนี้ก็เพราะหวังดีต่อท่าน...” ตงจึขัดขวางเยี่ยซินเอ๋อร์ไว้ และไม่สนว่าจะเป็นการกระทำที่ผิดหรือไม่ ชื่อเสียงอันดีงามของคุณชายรองนั้นสำคัญยิ่ง เขาจึงกอดรัดแม่นางซินเอ๋อร์ไว้ พลางดึงไปด้านข้าง เพื่อเปิดเส้นทางให้ผู้เป็นนายได้มีโอกาสหนี

เมื่อหลี่หมิงอวินได้โอกาสแล้ว จึงรีบออกไปอย่างรวดเร็ว

“เจ้าปล่อยข้านะ ไอ้ข้าทาสสารเลว กล้าดีอย่างไรมาขัดขวางข้า...” เยี่ยซินเอ๋อร์ถูกตงจึโอบกอดไว้อยู่หมัด นางเดือดดาลแทบแย่ ขณะมองดูลูกพี่ลูกน้องชายเดินจากไป

“เปี่ยวเสี่ยวเจี่ยะขอรับ ท่านอย่าโวยวายไปเลยขอรับ ท่านใจเย็นหน่อย ใจเย็นๆ ไว้ขอรับ...” ตงจึโอบรัดพร้อมกับดันตัวนางให้นั่งลงบนเก้าอี้ จากนั้นถึงสาวเท้ายาวถอย แล้ววิ่งหนีทันที

นายบ่าวสองคนหนีออกมาจนพ้นประตู โดยมีเสียงของหล่นแตกดังเพล้งตามหลังมา คาดว่าแจกันโบราณเหล่านั้นที่อยู่ในห้องหนังสือท่านลุงใหญ่คงไม่เหลือแล้ว

ทั้งสองสาวเท้าเดินโดยไม่หยุดพัก ระหว่างทางในจวนเยี่ย ข้ารับใช้ทักทายพวกเขา ทว่าหลี่หมิงอวินหาได้สนใจไม่ เมื่อพ้นจวนเยี่ยแล้ว หลี่หมิงอวินจึงกระโดดขึ้นรถม้า โดยมีตงจึตามขึ้นไปติดๆ จากนั้นเร่งเร้าผู้คุมรถม้าให้ออกรถโดยเร็วไว

“เอ้อร์เส้าเหยียขอรับ เมื่อครู่ช่างอันตรายจริงๆ ขอรับ เล่นเอาข้าน้อยตกอกตกใจจนเหงื่อท่วมตัว” ตงจึหายใจหอบอย่างตื่นตระหนกไม่หาย ไม่ลืมที่จะปาดเหงื่อขณะบอกกล่าว ชีวิตนี้ของเขาไม่เคยกล้าหาญเสมือนวันนี้มาก่อน ที่ถึงขั้นโอบกอดแม่นางเยี่ยซินเอ๋อร์ไว้

หลี่หมิงอวินเองก็เหงื่อตกท่วมตัวไม่แพ้ก้น เมื่อครู่หากถูกเยี่ยซินเอ๋อร์กอดรั้งไว้ได้จริงๆ แล้วนางไปพูดใส่สีตีไข่อีกหน่อย เช่นนั้นต่อให้เขามีปากเต็มตัว ก็ไม่อาจอธิบายให้กระจ่างแจ้งได้อยู่ดี

“เอ้อร์เส้าเหยียขอรับ เรื่องนี้ท่านจะต้องบอกกล่าวนายท่านลุงไว้ด้วยนะขอรับ มิเช่นนั้นจากนี้พวกเราคงไม่กล้าไปบ้านตระกูลเยี่ยอีก” ตงจึกล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

หลี่หมิงอวินถอนหายใจ แล้วกล่าว “ไว้อีกพักหนึ่ง เจ้าให้คนไปถามไถ่ท่านลุง บอกเขาว่า วันนี้ให้ฉางเซิ่งมาหาข้ามีเรื่องอันใดหรือ ส่วนอย่างอื่นก็ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ ท่านลุงเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายผู้หนึ่ง”

“นั่นมิเท่ากับเสียเปรียบนางหรอกหรือขอรับ” ตงจึยังคงหงุดหงิดไม่หาย วันนี้ชื่อเสียงของคุณชายรองเกือบเสียหายในเงื้อมมือของลูกพี่ลูกน้องหญิง หากไม่ให้บทเรียนแก่แม่นางซินเอ๋อร์อย่างสาสม นางคงไม่เข็ดหลาบ

หลี่หมิงอวินยิ้มเจื่อน นี่ไม่ใช่เรื่องน่าฟังอะไรสักหน่อย เยี่ยซินเอ๋อร์ไม่สนใจใดๆ ทั้งสิ้น ท้ายที่สุดฝ่ายที่ขายหน้าก็ยังเป็นตระกูลเยี่ยและภาพลักษณ์ของท่านลุงใหญ่ มิใช่หรือ ท่านลุงใหญ่คงอับอายไม่น้อยเลยทีเดียว!

“ตงจึ วันนี้เจ้าทำได้ดีมาก ไว้กลับไปเราจะตบรางวัลใหญ่ให้ ทว่าเรื่องนี้อย่าให้เอ้อร์เส้าหน่ายนายรับรู้จะดีกว่า ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์ จะให้หงุดหงิดโมโหไปมิได้” หลี่หมิงอวินย้ำเตือนตงจึ เพื่อที่เขาจะได้ไม่หลุดปากพูดออกไป แทนที่จะให้เป็นเรื่องเป็นราว ไม่สู้อย่าให้เป็นเรื่องขึ้นมาจะดีกว่า

ตงจึเม้มริมฝีปาก แล้วกล่าวพึมพำ “นี่มันเป็นสิ่งที่ข้าน้อยพึงกระทำขอรับ อีกอย่าง นี่มิใช่การเข้าไปขวางมีดเสียหน่อย แต่ต่อให้มีด ข้าน้อยก็จะไม่ลังเลใจที่จะทำเช่นกันขอรับ”

หลี่หมิงอวินหัวเราะเบาๆ ได้รับบทเรียนครั้งสำคัญค่อยจำขึ้นใจหน่อย จากนี้เขาคงต้องระมัดระวังให้มากแล้วจริงๆ

วันนี้หลินหลันรอคอยหลี่หมิงอวิน รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่กลับมาเสียที ที่ผ่านมา หากหลี่หมิงอวินมีภาระงานต้องล่วงเลยเวลา ก็จะให้ตงจึมาบอกกล่าวล่วงหน้าเสมอเพื่อให้นางสบายใจ

“เกรงว่าเอ้อร์เส้าเหยียคงงานยุ่ง จนลืมดูเวลากระมังเจ้าคะ! หรือไม่ ส่งคนไปสอดส่องดูแถวๆ กรมคลังดีไหมเจ้าคะ” หรูอี้กล่าวในแง่ดี

หลินหลันโบกมือ แล้วกล่าวอย่างเกียจคร้าน “ไม่ต้องหรอก คุณชายรองเจ้ากลับบ้านตรงเวลา จะไปไหนมาไหนล้วนบอกกล่าวทางบ้านเสมอ เดิมทีก็มีคนพูดนินทาไร้สาระลับหลังมากพอแล้ว หากข้าส่งคนไปถามหาเขาอีก จะมิเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไปใหญ่หรือ”

หรูอี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “นั่นเพราะเอ้อร์เส้าเหยียห่วงใยเอ้อร์เส้าหน่ายนาย เอ้อร์เส้าหน่ายนายคะนึงถึงเอ้อร์เส้าเหยีย นี่ก็เป็นความห่วงใยเอ้อร์เส้าเหยียเช่นกัน จะไปสนใจคนอื่นทำไมล่ะเจ้าคะ ปากอยู่บนใบหน้าคนอื่น พวกเขาต้องการพูดนินทา ถึงอย่างไรก็ต้องสรรหาเหตุผลมาพูดอยู่ดีเจ้าค่ะ

หลินหลันชำเลืองตามองนาง “เจ้าเด็กสาวนี่ รู้จักปลอบใจคนในคิดในแง่ดีกับเขาด้วย”

หรูอี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าน้อยแค่พูดความจริงเท่านั้นเองเจ้าค่ะ”

ขณะพูดคุย อวี้หลงพาคนผู้หนึ่งเข้ามา ซึ่งก็คือรั่วเอ๋อร์ สาวใช้ข้างกายเผยจื่อชิ่งนั่นเอง

หลินหลันรีบให้หรูอี้ประคองนางลุกขึ้นมา ทันทีที่เห็นรั่วเอ๋อร์ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น “นายหญิงตระกูลเจ้าจะคลอดแล้วใช่หรือไม่”

รั่วเอ๋อร์คารวะ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เรียนเอ้อร์เส้าหน่ายนาย คุณชายตระกูลข้าน้อยให้ข้าน้อยมาส่งข่าวคราวเจ้าค่ะ นายหญิงตระกูลข้าน้อยเริ่มปวดท้องคลอดเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ยามเซินสิบห้านาทีก็คลอดบุตรสาวออกมาอย่างราบรื่นเจ้าค่ะ

หลินหลันพ่นลมหายใจออกมาหนึ่งเฮือก พลางตบหน้าอกเบาๆ แล้วกล่าว “เช่นนี้ก็ดี ดีแล้ว หลายวันนี้ข้ากำลังเป็นกังวลอยู่ด้วย นับๆ วันดูก็น่าจะคลอดได้แล้ว ว่าแต่ปลอดภัยทั้งแม่ลูกใช่หรือไม่

รั่วเอ๋อร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ปลอดภัยทั้งแม่และลูกเจ้าค่ะ คุณหนูน้อยคลอดออกมาราวกับถอดแบบนายหญิง คุณชายตระกูลข้าน้อยหลงใหลได้ปลื้มเสียยิ่งอะไรดีเลยเจ้าค่ะ”

หลินหลันหันไปบอกกล่าวอวี้หลงทันที “รีบนำของขวัญแสดงความยินดีที่ข้าเตรียมไว้ส่งไปให้ทีสิ แล้วก็ส่งคนไปบอกกล่าวต้าเส้าหน่ายนายให้ทราบด้วย”

รั่วเอ๋อร์กล่าว “มีคนไปบอกกล่าวแล้วเจ้าค่ะ ทางด้านเอ้อร์เส้าหน่ายนาย คุณชายตระกูลข้าน้อย ให้ข้าน้อยมาบอกกล่าวด้วยตนเองเจ้าค่ะ”

หลินหลันพยักหน้า แล้วกล่าวต่อรั่วเอ๋อร์ “เจ้ากลับไปบอกกล่าวคุณชายและนายหญิงตระกูลเจ้าทีว่า ข้าและใต้เท้าหลี่จะไปแสดงความยินดีที่จวนในวันพรุ่งนี้”

รั่วเอ๋อร์คารวะให้อีกครั้ง แล้วกล่าวขอบคุณแทนนายตระกูลตน

หลังรั่วเอ๋อร์เดินออกไป หลินหลันยกสองมือขึ้นพนม พลางรำพึงรำพันในใจ ขอบคุณฟ้าดิน เห็นทีว่าเผยจื่อชิ่งจะไม่ได้เผชิญความโชคร้ายอันใด

จิ่นซิ่งมาถามไถ่ “เอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าะ ให้จัดโต๊ะอาหารก่อนเลยหรือไม่เจ้าคะ

หรูอี้มองดูเวลา ซึ่งเป็นเวลายามซวีสี่สิบห้านาทีเข้าไปแล้ว จะให้นายหญิงสะใภ้รองท้องหิวอยู่ไม่ได้เชียว จึงกล่าว “เอ้อร์เส้าหน่ายนายเจ้าคะ รับประทานอาหารก่อนเถอะเจ้าค่ะ! ไม่รู้ว่าเอ้อร์เส้าเหยียจะกลับมาเมื่อใด ไว้เอ้อร์เส้าเหยียกลับมาแล้ว ค่อยให้ทางห้องครัวนำข้าวปลาอาหารไปอุ่นร้อนอีกทีก็ได้เจ้าค่ะ”

หลินหลันลูบคลำท้อง นางรู้สึกหิวขึ้นมาเล็กน้อยแล้วจริงๆ ระยะนี้อาการแพ้ท้องไม่รุนแรงเพียงนั้นแล้ว ความยากอาหารเพิ่มขึ้นมาทีละนิด รู้สึกหิวอยู่บ่อยครั้ง สมกับที่ในครรภ์มีเด็กน้อยสองคนอยู่ คนหนึ่งกับสามปากท้อง ดังนั้น หลินหลันจึงพยักหน้าตกลง

หรูอี้ให้จิ่นซิ่วรีบจัดวางโต๊ะอาหารทันที

มื้ออาหารเย็นยังคงถูกจัดวางไว้ในห้องด้านตะวันตกเช่นเดิม หลินหลันเพิ่งถือชามและตะเกียบขึ้น หลี่หมิงอวินก็กลับมาพอดี ยังไม่ทันที่หลินหลันจะได้บ่นใส่เขา ก็ได้ยินหรูอี้พูดอยู่ด้านนอก “เอ้อร์เส้าเหยียกลับมาแล้ว! เอ้อร์เส้าหน่ายนายเป็นกังวลแทบแย่เจ้าค่ะ”

หลี่หมิงอวินขมวดคิ้วนิ่วหน้า พลางถอนหายใจ “วันนี้ในฝ่ายงานมีเรื่องต้องจัดการมากมายเป็นพิเศษ พอยุ่งขึ้นมาก็เลยลืมดูเวลาไปเสียสนิท จนกระทั่งท้องร้อง ถึงได้รู้ว่ามันมืดค่ำเพียงนี้แล้ว ข้าไปเปลี่ยนชุดก่อนละ เข้าไปคอยปรนนิบัตินายหญิงเถอะ อีกเดี๋ยวข้าตามไป”

หลี่หมิงอวินเร่งรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาไม่อาจมั่นใจได้เลยว่าบนเรือนร่างตนเองจะปราศจากกลิ่นฉุนของน้ำจันทน์ที่เยี่ยซินเอ๋อร์ใช้วันนี้ติดมาด้วย หลันเอ๋อร์จมูกไวเป็นพิเศษ หากไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน เขาคงไม่กล้าเข้าใกล้หลันเอ๋อร์เช่นกัน

หรูอี้มองดูคุณชายรองด้วยความสงสัย เพราะนางได้กลิ่นหอมชนิดพิเศษบนตัวคุณชายรอง กลิ่นหอมนี่ นางรู้ดีว่า มันค่อน้ำจันทน์หอมที่เป็นที่นิยมในเมืองหลวงระยะนี้ ครั้งก่อนคุณหนูหมิงจูออกเรือน นางได้กลิ่นจากฮูหยินและคุณหนูหลายท่านที่มาเยือน แล้วยังได้ยินพวกนางคุยโวโอ้อวดกันด้วย

อีกทั้งที่ผ่านๆ มา เมื่อคุณชายรองกลับมา มักไปพบนายหญิงก่อน แล้วจึงไปเปลี่ยนชุด ทว่าวันนี้กลับมุ่งตรงไปห้องน้ำทันที หรูอี้จึงยิ่งเคลือบแคลงใจหนักกว่าเดิม นางเลยตั้งใจว่าจะออกไปหาตงจึ เพื่อถามไถ่ดู

หลี่หมิงอวินอยู่ในห้องน้ำพักหนึ่ง เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งตัวในตัวนอก แล้วยังล้างหน้าล้างมือ เมื่อมั่นใจว่าบนร่างกายสะอาดสะอ้านแล้ว ถึงเดินออกมา

ยามที่เขาเดินออกมา หลินหลันรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว และกำลังนั่งรอเขาอยู่ตรงนั้น

“เจ้าทำอันใดหรือ ถึงได้อยู่ในนั้นนานเนเพียงนั้น” หลินหลันจ้องมองหลี่หมิงอวินเป็นพักๆ

หลี่หมิงหวินหย่อนตัวลงนั่ง ถือชามข้าวขึ้น ลงมือคีบผักแล้วเริ่มรับประทานอาหาร พลางกล่าว “หิวจะแย่แล้ว ตงจึนี่ไม่รู้จักเตือนข้าบ้าง ช่างเป็นข้ารับใช้ที่ไม่เอาไหนจริงๆ”

หลินหลันมองดูท่าทีของเขาที่ดูหิวจนตะกละตะกลาม ก็รู้สึกถึงความผิดปกติทันที หลี่หมิงอวินที่สง่างามมาแต่ไหนแต่ไร ต่อให้หิวท้องกิ่วมาสามวัน เขาก็ไม่กลืนกินอย่างมูมมามเช่นนี้ น่าแปลกเหลือเกิน ต้องมีอะไรผิดปกติเป็นแน่