webnovel

ปฏิญญาค่าแค้น

หลินหลัน ทะลุมิติมาเกิดใหม่ในคราบของหญิงสาวชาวบ้านที่แสนลำบากยากจน แต่โชคยังดีที่ความสามารถด้านการแพทย์และประสบการณ์รักษาผู้คนที่สั่งสมมาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดนั้นติดตัวมาด้วย อีกทั้งครอบครัวในชาติภพนี้ก็ดีกับนางมิใช่น้อย กระนั้นเคราะห์ร้ายก็ยังคืบคลานเข้ามา เมื่อพี่ชายผู้เป็นที่พึ่งพาเดียวของนางนั้นใสซื่อจนไม่อาจตามทันเล่ห์กลของพี่สะใภ้ที่แสนโลภมาก สุดท้ายแล้วหลินหลันก็ถูกนางบีบบังคับให้ต้องออกเรือนแต่งงานไปเป็นนางบำเรอจนได้ ด้วยเหตุนี้นางจึงต้องดึงตัว หลี่ซิ่วฉาย ชายหนุ่มรูปงามผู้มีเบื้องหลังเป็นปริศนาในหมู่บ้านเข้ามาช่วยแก้สถานการณ์ ทั้งสองได้ตกลงทำสัญญาขึ้นมาหนึ่งฉบับ เขาช่วยนางให้หลุดพ้นจากการคลุมถุงชน ส่วนนางจะช่วยเขาแก้แค้นและทวงทุกสิ่งอย่างที่ถูกพรากไปกับคืนมาภายในระยะเวลาสามปี ทว่าแผนการช่วยเหลือเขาให้บรรลุเป้าหมายนั้นกลับไม่ง่ายดายอย่างที่คิดนี่สิ…

จื่ออี281 · ย้อนยุค
เรตติ้งไม่พอ
339 Chs

ตอนที่ 259 คำสั่งเสีย

ตอนที่ 259 คำสั่งเสีย

หลังมื้อค่ำ หลินหลันบอกกล่าวให้ข้ารับใช้ในจวนมารวมตัวกันเพื่อพูดคุยเรื่องสำคัญ ซึ่งหลี่หมิงเจ๋อก็มาด้วยเช่นกัน

“เหล่าไท่ไทคงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ดังนั้นผ้าห่อและโลงศพก็เตรียมไว้แต่เนิ่นๆ เถอะ แม่เหยา เครื่องบูชาเซ่นไหว้ทั้งหมดเช่นธูป เทียน กระดาษเงิน น้ำมันตะเกียงอะไรพวกนี้ เตรียมไว้พร้อมแล้วหรือไม่” หลินหลันเอ่ยถาม

แม่เหยากล่าวตอบด้วยความเคารพ “เตรียมไว้ครบถ้วนแล้วเจ้าค่ะ”

หลินหลันพยักหน้าเล็กน้อย “เมื่อถึงเวลา สิ่งของที่นำออกและนำเข้าแต่ละอย่างต้องบันทึกลงสมุดให้เรียบร้อย ผู้ใดนำออกจากห้องเก็บของไปผู้นั้นก็ต้องนำกลับมาคืน ใครรับผิดชอบหน้าที่อันใด ก็ต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตนเองให้เรียบร้อย ห้ามมิให้ผู้อื่นใดมากแทรกกลางระหว่างปฏิบัติหน้าที่นั้นๆ แม่เหยา พรุ่งนี้ตระกูลเยี่ยจะส่งหัวหน้าสาวใช้จำนวนหนึ่งมาช่วยเหลือ ถึงตอนนั้นทั้งหมดจะรับฟังการจัดสรรปันส่วนงานจากเจ้า”

แม่เหยาส่งเสียงขานรับ “เจ้าค่ะ”

หลินหลันมองไปยังหญิงวัยกลางคนสามสี่คนซึ่งประจำอยู่ฝ่ายโรงครัว “หน้าที่ของพวกเจ้าฝ่ายโรงครัวก็สำคัญยิ่งเช่นกัน ไม่ว่าจะน้ำชาหรืออาหารจำเป็นต้องตระเตรียมให้ทันการณ์ ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป กุ้ยซ่าวจะไปช่วยพวกเจ้า นางมีประสบการณ์มาก่อน เมื่อถึงตอนนั้น พวกเจ้าก็ฟังการจัดสรรหน้าที่จากนางแล้วกัน”

สาวใช้วัยกลางคนเหล่านั้นส่งเสียงขานรับอย่างพร้อมเพรียง

หลินหลันเอ่ยถามนายจางผู้ดูบ้าน “เรื่องซุ้มกลางแจ้งพร้อมแท่นวางโลงศพ และผู้ดำเนินการสร้างเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วหรือไม่”

ผู้ดูแลจางเป็นผู้ที่เข้ารับหน้าที่ใหม่ เมื่อก่อนเขาเป็นผู้ช่วยของผู้ดูแลจ้าว คอยตามหลังผู้ดูแลจ้าว ซึ่งถือว่ามีความสามารถไม่น้อยทีเดียว “ผ้าขาว ไม้ไผ่ ไม้กระดาน ล้วนเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วขอรับ ช่างสีก็ติดต่อไว้แล้วเช่นกัน พร้อมมาทำการประกอบให้ได้ทุกเมื่อขอรับ” ผู้ดูแลจ้าวกล่าวตอบ

หลินหลันครุ่นคิดว่ายังมีอะไรต้องเตรียมพร้อมไว้อีกหรือไม่ นางไร้ประสบการณ์ทางด้านนี้ ล้วนเป็นแม่โจวที่ช่วยชี้แนะนาง โดยยึดปฏิบัติตามธรรมเนียมปฏิบัติในตอนที่มารดาของนายหญิงชราตระกูลเยี่ยเสียชีวิต “อ้อ” จริงสิ ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญยิ่ง

“พี่ใหญ่ พระและแม่ชีสำหรับสวดมนต์ ติดต่อไว้แล้วหรือไม่เจ้าคะ”

หลี่หมิงเจ๋อกล่าว “ติดต่อพระของวัดกุยอวิ๋นและท่านอาจารย์แห่งฉือหนิงอันไว้เรียบร้อยแล้ว ข้าขอความคิดเห็นจากท่านลุงใหญ่เกี่ยวกับการดำเนินพิธีศพตามแบบฉบับโบราณให้เหล่าไท่ไท ทั้งยังวางเงินมัดจำลงไปเรียบร้อยแล้วด้วย”

“เช่นนั้นก็ดีเจ้าค่ะ ท่านลุงยังมีความประสงค์อันใดอีกหรือไม่” หลินหลันเอ่ยถาม

หลี่หมิงเจ๋อยิ้มขมขื่น ลุงใหญ่ไม่สนใจว่าทางเมืองหลวงนี่จะจัดพิธีศพเช่นไร ลุงใหญ่สนใจแค่ทางด้านบ้านเกิดเขาจะจัดเช่นไร พูดไปพูดมาก็วนกลับมาที่ว่าต้องการเงินอีกอยู่ดี

หลินหลันพอเข้าใจได้ทันทีเมื่อมองดูสีหน้าของพี่ใหญ่ จึงไม่ถามอะไรให้มากความ อย่างไรก็ตาม หน้าที่ของนางเพียงแค่จัดการทางด้านนี้ให้เรียบร้อยก็เป็นพอ

นายจูผู้ดูแลทางห้องบัญชีลุกขึ้นยืนและกล่าว “ต้าเส้าเหยีย เอ้อร์เส้าหน่ายนายขอรับ สามพันตำลึงเงินก่อนหน้านี้ใช้จ่ายไปเกือบหมดแล้วขอรับ”

หลี่หมิงเจ๋อกล่าว “เจ้าคำนวณมาทีว่ายังขาดอีกประมาณเท่าใด”

นายจูกล่าว “ข้าน้อยคำนวณมาแล้วขอรับ อย่างน้อยๆ ก็ต้องการอีกสามพันตำลึงเงินขอรับ”

หลี่หมิงเจ๋ออดขมวดคิ้วไม่ได้ ยังต้องใช้อีกมากมายเพียงนี้เชียวหรือ! เขานำเงินที่พอมีอยู่ในมือออกมาจนเกือบหมดแล้ว ร้านใบชาก็เพิ่งนำใบชาเข้ามาใหม่เมื่อช่วงก่อนหน้าและยังไม่ได้ขายออกไปเลย! ภายใต้สถานการณ์ขับคันเช่นนี้ จะไปเอาเงินจากที่ไหนมาได้หรือ

หลินหลันเผยรอยยิ้มเล็กน้อย “นายจู ขาดเงินอีกเท่าใด นำบัญชีมาคิดกับทางข้า เงินที่จำเป็นต้องใช้จ่ายก็ใช้จ่ายไปเถอะ”

นายจูรีบกล่าวทันควัน “ไว้เดี๋ยวข้าน้อยจะนำสมุดบัญชีไปมอบให้เอ้อร์เส้าหน่ายนายนะขอรับ”

หลี่หมิงเจ๋อกล่าวด้วยความเกรงใจ “รอใบชาชุดใหม่ของข้าขายออกแล้ว จะรีบนำเงินไปคืนให้น้องสะใภ้ทันที”

หลินหลันกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน “เรื่องของเหล่าไท่ไทมิใช่เรื่องของพี่ใหญ่คนเดียวสักหน่อยเจ้าค่ะ เงินนี่หมิงอวินก็ควรออกส่วนหนึ่งด้วยเช่นกันเจ้าค่ะ”

“ต้าเส้าเหยีย เอ้อร์เส้าหน่ายนาย แย่แล้วเจ้าค่ะ เหล่าไท่ไทแย่แล้วเจ้าค่ะ...” ชุ่ยจือวิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น

หลี่หมิงอวินและหลินหลันต่างตกตะลึง รวดเร็วเพียงนี้เชียวหรือ

หลินหลันรีบบอกกล่าวทันที “ทุกคนรีบไปตระเตรียมไว้”

ทุกคนจึงรีบถอยออกไป เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ของตนเอง หลินหลันและหลี่หมิงเจ๋อเร่งรีบมุ่งไปยังโถงจาวฮุยด้วยความร้อนใจ

หลี่จิ้งอี้สองสามีภรรยากำลังร้องไห้โฮ ร้องจนหลินหลันคิดว่าหญิงชราสิ้นลมไปเสียแล้ว อวี๋เหลียนก็กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นเช่นกัน หลินหลันเข้าไปใกล้ๆ เพื่อสังเกตดู เห็นเพียงใบหน้าหญิงชราที่ซีดเผือด ลมหายใจแผ่วเบา ริมฝีปากยังคงขยับ ดูเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง

หลินหลันเดือดดาลอย่างยิ่ง คนทั้งคนยังไม่เสียชีวิตเลยด้วยซ้ำ! ก็ร้องห่มร้องกันขนาดนี้ นี่ไม่เท่ากับยิ่งเร่งให้คนเขาด่วนจากไปหรอกหรือ

“ท่านลุงท่านป้าสะใภ้ พวกท่านโปรดสงบเงียบหน่อยนะเจ้าคะ เหล่าไท่ไทต้องการพูดอะไรบางอย่างเจ้าค่ะ” หลินหลันหันไปกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

นางอวี๋กลับตำหนิหลินหลัน พลางร้องไห้กระซิก “ตัวเจ้าเองไม่ปวดใจ แต่ข้าปวดใจนี่ เหล่าไท่ไทดูแลข้าเสียยิ่งกว่าแม่แท้ๆ ของข้า ตอนนี้เหล่าไท่ไทจะไม่ไหวอยู่แล้ว เจ้ายังบอกให้ข้าห้ามร้องไห้อีกหรือ”

หลี่จิ้งอี้จ้องเขม็งใส่หลินหลัน และเอ่ยขึ้นทีละประโยค “ก็รู้อยู่แล้วว่าพวกเจ้ามันแสร้งทำเป็นห่วงใย เหล่าไท่ไทตกอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้ว พวกเจ้ากลับไม่เศร้าเสียใจเลยสักนิด...”

หลินหลันสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่เพื่อสงบสติ คนเขายังไม่เสียชีวิตเลย! ก็เริ่มประกาศศึกสงครามเสียแล้ว

หลินหลันคร้านจะสนใจพวกเขา จึงหันไปกล่าวต่อแม่จู้ “แม่จู้ ท่านรีบฟังดูสิว่าเหล่าไท่ไทต้องการพูดอันใด”

แม่จู้ปาดน้ำตาที่หนองหน้า จากนั้นเคลื่อนใบหูเข้าไปใกล้บริเวณปากของเหล่าไท่ไท

ครานี้คู่สามีภรรยาหลี่จิ้งอี้กลับหยุดร้องไห้ทันที และมองไปยังหญิงชราอย่างจดจ่อ ไม่รู้ว่าหญิงชราจะพูดอะไรออกมาบ้าง

“เอ้อร์เส้าเหยีย?” แม่จู้เขยิบเข้าไปใกล้หูของหญิงชราและกล่าวด้วยเสียงบางเบา “เอ้อร์เส้าเหยียยังปฏิบัติหน้าที่ครั้งสำคัญที่ชายแดนเจ้าค่ะ เมื่อทำสำเร็จแล้ว ตระกูลหลี่เราก็จะมีความหวังแล้วเจ้าค่ะ...”

เหล่าไท่ไทอ้าปากขึ้นมาอีกครั้ง แม่จู้จึงรีบเคลื่อนใบหูลงไปแนบใกล้ๆ จากนั้นพยักหน้าและกล่าว “เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ เหล่าไท่ไทท่านอยากบอกว่า ภายภาคหน้าตระกูลหลี่คงต้องพึ่งพิงเอ้อร์เส้าเหยียแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ”

หญิงชราพยักหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง นางลืมตาขึ้นแล้วมองไปยังหลินหลัน หลินหลันจึงรีบก้าวเดินขึ้นไป หญิงชราขยับปลายนิ้วมือ หลินหลันจึงกอบกุมมือของหญิงชราเอาไว้ “ท่านย่า ท่านมีอันใดสั่งการมาได้เลยนะเจ้าคะ หลานสะใภ้จะจัดการให้ตามที่ท่านบอกกล่าวเจ้าค่ะ”

หลี่จิ้งอี้รีบส่งสายตาให้นางอวี๋ทันที นางอวี๋จึงรีบเข้าไปเบียดอยู่บริเวณหน้าเตียงพร้อมกับปั้นหน้าเศร้าสลด “เหล่าไท่ไท ลูกสะใภ้ก็อยู่นี่ด้วยนะเจ้าคะ!”

หญิงชราชำเลืองตามองนางแวบหนึ่ง จากนั้นสายตาก็กลับไปอยู่บนเรือนร่างหลินหลันอีกครั้ง พร้อมกับน้ำเสียงแผ่วเบาที่เค้นออกมาจากริมฝีปากสั่นระริก

แม่จู้เผยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้สดับรับฟัง จากนั้นรีบลุกไปเปิดตู้และถือกล่องขนาดเล็กเดินกลับมา และวางมันลงข้างมือหญิงชรา

หญิงชราจับมือของหลินหลันแล้ววางลงบนกล่องขนาดเล็ก

แม่จู้สะอึกสะอื้น พลางเอ่ยถามด้วยเสียงบางเบา “เหล่าไท่ไท ท่านต้องการนำสิ่งนี้มอบให้เอ้อร์เส้าหน่ายนายหรือเจ้าคะ”

หญิงชราปิดเปลือกตาลงด้วยความอ่อนล้า จากนั้นพยักหน้าอย่างอ่อนแรง

ครานี้ ใบหน้าของนางอวี๋และหลี่จิ้งอี้พร้อมใจกันซีดเผือด ไม่ต้องคาดเดาให้ยุ่งยาก นี่คือทรัพย์สินส่วนตัวของหญิงชราเป็นแน่ จริงๆ แล้วหญิงชรามีทรัพย์สินส่วนตัวจำนวนเท่าใดกันแน่ พวกเขาล้วนไม่ทราบแน่ชัด รู้เพียงว่าเป็นจำนวนที่น่าดึงดูดไม่น้อยทีเดยวเชียว ทุกๆ ปีหลี่จิ้งเสียนจะให้เงินเพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูต่อหญิงชราจำนวนไม่น้อย ซึ่งหญิงชราล้วนเก็บซ่อนมันไว้ด้วยตนเอง! และที่ดินแปลงนาภายใต้นามของหญิงชราก็มีจำนวนไม่น้อยด้วยเช่นกัน ไม่แน่ว่า โฉนดที่ดินทั้งหมดอาจอยู่ในกล่องขนาดย่อมนั่นก็เป็นได้

“เหล่าไท่ไท จี้งอี้ก็อยู่ที่นี่ด้วยนะเจ้าคะ!” นางอวี้กล่าวย้ำเตือน หญิงชรากำลังจะสิ้นลม คนทั้งคนจึงเลอะเลือนไปแล้ว ถึงได้ลืมไปว่าบุตรชายของตนเองก็อยู่ตรงหน้าด้วยเช่นกัน มิเช่นนั้น เหตุใดถึงนำกล่องนั่นมอบให้หลินหลันแทนที่จะมอบให้บุตรชายตนเอง

หญิงชราพยายามขยับปาก โดยมีแม่จู้สดับรับฟังอยู่ “เหล่าไท่ไท ท่านว่า...ไม่ไว้ใจหรือเจ้าคะ”

ใบหน้าของนางอวี๋ซีดเผือดถึงขีดสุด หลี่จิ้งอี้พุ่งเข้ามาเบื้องหน้าอย่างพลีพลาม จากนั้นดึงหลินหลันออกไป และกล่าวเสียงดัง “ท่านแม่ ท่านว่าอันใดหรือ”

นางอวี๋ตกอยู่ในความรู้สึกผิดหวังอย่างยิ่ง แต่กลับพยายามตั้งสติขึ้นขึ้นมาโดยเร็ว แล้วกล่าว “เหล่าไท่ไท ท่านว่า ท่านไม่ไว้ใจหลินหลันหรือเจ้าคะ”

หญิงชราลืมตาขึ้นฉับพลัน ดวงตาที่เดิมทีเต็มไปด้วยความพร่ามัว กลับแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวกว่าครั้งไหนๆ ขณะจ้องมองนางอวี๋อย่างดุดัน

นางอวี๋ถึงกับร่นถอยหนึ่งฝีก้าวด้วยความตระหนกตกใจเมื่อเห็นดังกล่าว นางหลุบสายตาลงและไม่กล้ามองไปที่ดวงตาของหญิงชราอีก

หญิงชราพยายามส่งเสียงผ่านลำคอ จังหวะลมหายใจถี่ขึ้น แต่กลับมีเพียงลมหายใจพ่นออก ไร้การสูดลมหายใจเข้า

แม่จู้ส่งเสียงร้องเรียกด้วยความร้อนรนใจ “เหล่าไท่ไท เหล่าไท่ไทเจ้าคะ...”

ดวงตาหญิงชรากำลังจ้องเขม็ง ลำคอแข็งทื่อ แข็งทื่ออยู่เช่นนั้นชั่วครู่ ชั่วครู่ถัดมาลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็ถูกพ่นออกมา จากนั้นคนทั้งคนจึงอ่อนระทวยลง

หลินหลันรับรู้ว่าหญิงชราจากไปแล้ว ภายในใจรู้สึกย่ำแย่อย่างยิ่ง ไม่ว่าเมื่อก่อนหญิงชราเคยกระทำเรื่องอันใดที่ไม่ถูกต้อง หรือปฏิบัติต่อนางอย่างไรก็ตาม ทว่าหญิงชราก็ยังเป็นย่าแท้ๆ ของหมิงอวิน

แม่จู้มือสั่นสะท้านขณะยื่นไปจ่อใต้จมูกของนายหญิงชราเพื่อตรวจสอบ แต่แล้วสีหน้าของนางก็เผยให้เห็นถึงความเศร้าสลด ฝ่ามือสั่นสะท้านเอื้อมไปปิดดวงตาของนายหญิงชรา หลังปิดดวงตาของนายหญิงชราเป็นที่เรียบร้อย จึงกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เหล่าไท่ไท สิ้นลมแล้วเจ้าค่ะ...”

ทันใดนั้น หลี่จิ้งอี้และนางอวี้พุ่งเข้าไปขอบเตียง และแข่งกันตะเบ่งเสียงร้องห่มร้องไห้ขึ้นมา

หลี่หมิงเจ๋อก็เริ่มส่งเสียงเรียกด้วยความโศกเศร้าเช่นกัน “ท่านย่า...”

ภายในห้องเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้ระงม

หลินหลันปาดน้ำตา จากนั้นบอกกล่าวชุ่ยจื่อทั้งเสียงสะอึกสะอื้น “เรียกคนมาเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหล่าไท่ไท”

นางอวี๋ร้องห่มร้องได้ พลางจ้องมองกล่องขนาดย่อมใบนั้นที่อยู่ข้างกายหญิงชราพร้อมกับมือยื่นออกไป ทางด้านแม่จู้แม้จะเศร้าเสียใจ ทว่าวันนี้ นางได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้แต่เนิ่นๆ แล้ว นายหญิงชรามีชีวิตอยู่ก็ได้รับความทุกข์เช่นกัน แม้จะเสียชีวิตไปแล้ว แต่กลับเป็นการได้หมดทุกข์หมดโศกเสียที ขณะมองเห็นมือของนายหญิงใหญ่เตรียมจะคว้ากล่องขนาดเล็กนั่น แม่จู้โยนมือไปคว้ากล่องขนาดย่อมนั้นขึ้นมา แล้วเดินไปเบื้องหน้านายหญิงสะใภ้รอง ก่อนกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าโศก “นี่คือสิ่งที่เหล่าไท่ไทสั่งไว้ว่าให้มอบให้แด่เอ้อร์เส้าหน่ายนาย เอ้อร์เส้าหน่ายนายรับเอาไว้เถอะเจ้าค่ะ!”

นางอวี๋กัดฟันแน่ด้วยความเคียดแค้น จากนั้นพุ่งเข้ามาชี้หน้าตำหนิแม่จู้ “แม่จู้ ก่อนเหล่าไท่ไทสิ้นลมไป ยังพูดไม่ชัดเจนแม้แต่คำเดียวด้วยซ้ำ เจ้ามีสิทธิ์อันใดมากล่าวว่าเหล่าไท่ไทต้องการนำกล่องนี้ให้เอ้อร์เส้าหน่ายนาย? อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าเจ้ามีใจเอนเอียงไปทางเอ้อร์เส้าหน่ายนาย ก็เลยจงใจบิดเบือนความหมายของเหล่าไท่ไท นายท่านใหญ่เป็นบุตรชายแท้ๆ ของเหล่าไท่ไท เป็นคนที่เหล่าไท่ไทไว้เนื้อเชื่อใจมากที่สุด ไอ้เรื่องประเภทที่ว่าไม่นำสิ่งสิ่งของมอบให้บุตรชายตนเอง แต่กลับมอบให้หลานสะใภ้ประเภทนี้ ใต้หล้านี้เขามีที่ไหนทำกัน”

แม่จู้ปาดน้ำตาอย่างแรงแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นกล่าวด้วยนางอวี๋อย่างสงบนิ่ง “บ่าวปรนนิบัติข้างกายเหล่าไท่ไทมายี่สิบเจ็ดปี ต่อให้เหล่าไท่ไทไม่เอ่ยปาก บ่าวก็รู้เช่นกันว่าเหล่าไท่ไทนึกคิดเช่นไร บ่าวไม่เคยเข้าข้างผู้ใดมาแต่ไหนแต่ไร เพราะบ่าวจงรักภักดีต่อเหล่าไท่ไทเท่านั้น เมื่อครู่เหล่าไท่ไทเป็นคนนำกล่องนี่มอบให้เอ้อร์เส้าหน่ายนายด้วยมือตนเอง ฮูหยินใหญ่ท่านก็เห็นแล้วเช่นกัน บ่าวเพียงแค่ถ่ายทอดความหมายของเหล่าไท่ไท เหล่าไท่ไทพยักหน้า ท่านก็เห็นแล้วเช่นกัน บ่าวคิดว่า คนที่มีตาในห้องนี้ทุกคนล้วนเห็นแล้วเช่นกัน ส่วนที่ว่าเหตุใดเหล่าไท่ไทถึงไม่นำสิ่งของมอบให้นายท่านใหญ่หรือฮูหยินใหญ่ แต่กลับมอบให้เอ้อร์เส้าหน่ายนาย คงต้องถามสาเหตุจากตัวพวกท่านเองแล้วละเจ้าค่ะ แม้เหล่าไท่ไทล้มป่วยอยู่ เอ่ยปากพูดจาไม่ได้ ทว่าภายในจิตใจล้วนเข้าใจทุกอย่างดี”

นางอวี๋ตะคอก “เจ้าว่าอันใดแล้วก็ต้องหมายความเช่นนั้นหรือ คนบ้าเท่านั้นที่เชื่อ ใครจะรู้ว่าเจ้าถูกนางซื้อตัวไปแล้วหรือไม่” นางอวี๋ชี้นิ้วไปยังหลินหลันที่ยืนอยู่หน้าประตู

ชั่วชีวิตนี้หลินหลันยังไม่เคยถูกคนชี้หน้าด่าทอมาก่อน จึงแทบอยากระเบิดอารมณ์สวนกลับไป ทว่าคิดๆ ดูแล้วหญิงชราเพิ่งสิ้นลมไป เนื้อตัวยังไม่ทันเย็นด้วยซ้ำ การทะเลาะเบาะแว้งเช่นนี้ จะเป็นการไม่ให้ความเคารพเกินไป นางจึงสะกดกลั้นอารมณ์ฉุนเฉียวเอาไว้

หลี่หมิงเจ๋อไม่อาจทนฟังต่อไปได้ เขาเอื้อมมือดึงหลินหลัน แล้วเข้ามายืนขวางเบื้องหน้านาง จากนั้นกล่าวด้วยความเสียใจทั้งน้ำตาที่เอ่อคลออยู่ในดวงตา “ท่านป้าสะใภ้ เหล่าไท่ไทเนื้อตัวยังไม่ทันเย็น ท่านก็โวยวายเยี่ยงนี้เสียแล้ว ไม่เกรงว่าเหล่าไท่ไทจะตายตาไม่หลับบ้างหรือไร”

นางอวี๋ถูกหลานชายตำหนิ หลี่จิ้งอี้จึงไม่ขอรักษาหน้าอีกต่อไป เข้าพุ่งเข้ามาและกล่าวด่าทอ “ข้าว่าคนที่ไม่รู้จักเคารพมันคือพวกเจ้ามากกว่า คิดหาวิธีเพื่อครอบครองสิ่งของของเหล่าไท่ไทจนได้ หากฉลาดหน่อยก็รีบเอามาเสีย หรือไม่ก็ให้กฎหมายระบบสายสัมพันธ์ทางสายเลือดเป็นตัวตัดสินความผิดของพวกเจ้า...”