webnovel

Chapter 3.5

[นับหนึ่ง]

"กูยังกอดมึงไม่ครบสองชั่วโมง มึงต้องชดเชยมานอนกับกูคืนนี้"

พะ พูดออกไปแล้ว!

ผมตีหน้านิ่งแล้วจ้องหน้าควินซ์แบบไม่ละสายตาไปไหนเพราะอยากรู้ทุกความเคลื่อนไหวและอารมณ์บนใบหน้าของเพื่อนคนนี้ทั้งหมด ไม่อยากให้หลุดรอดสายตาไปแม้แต่นิดเดียว

ควินซ์ขมวดคิ้วยุ่ง "เอาเปรียบกูไปมั้ยเนี่ย"

"กูเอาเปรียบตรงไหน" ทำหน้าไม่รู้เรื่อง

"ตามที่ตกลงคือกอดครบสองชั่วโมง มึงกอดกูไปประมาณหนึ่งชั่วโมงยี่สิบนาที เหลืออีกสี่สิบนาที" คนตรงหน้าคำนวณอย่างรวดเร็วแล้วยิ้มบางๆ "ขาดสี่สิบนาทีแล้วให้ไปชดเชยนอนเป็นเพื่อนมึงหกเจ็ดชั่วโมง"

"อ้อ"

"มึงไม่คิดว่ากูโดนเอาเปรียบอยู่เหรอ ไอ้บอสหน้าเลือด!"

ผมหน้าเลือดตรงไหน อย่ามาใส่ร้ายกันสิควินซ์

"สรุปมึงจะไปนอนกับกูมั้ย" เริ่มจะง่วงขึ้นมาจริงๆ แล้วนะ

สีหน้าควินซ์บ่งบอกว่ามึงยังจะถามอีกเหรอ เห็นแบบนั้นแล้วก็แอบคิ้วกระตุกเหมือนกันนะ

"คิดตามเปอร์เซ็นแล้ว กูให้มึงกอดไปแล้ว 66.7 เปอร์เซ็น และเวลาที่ขาดไปสี่สิบนาทีคิดเป็น 33.3 เปอร์เซ็น และกูจะโอนคืนมึงชดเชยตามเวลาที่ขาดซึ่งก็คือ 166,500 บาท"

"..." มึงเอาเวลาตอนไหนไปคิด!

ควินซ์ยักคิ้ว "ตามนี้นะ แยกย้ายไปนอนได้แล้ว"

เรื่องเหรอ!

"งั้นกูให้มึงอีกห้าแสน" รีบพูดอย่างรวดเร็วเพราะอีกฝ่ายตั้งท่าจะเดินกลับห้องแล้ว

ควินซ์ชะงักเล็กน้อย "อะไรของมึงอีก"

"อีกห้าแสน ไปนอนกับกู"

"มึงกลัวผีขนาดนั้นเลยเหรอวะ" ยกมือขึ้นเกาหัว "หนังผีก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นนะ"

มันน่ากลัวขนาดนั้นแหละ!

"ก็กูกลัว มึงจะทำไม" เออ คนเราจะกลัวผีมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

"เออๆ เดี๋ยวกูไปนอนเป็นเพื่อนก็ได้" ควินซ์ถอนหายใจอย่างปลงๆ "แล้วก็ไม่ต้องโอนเงินมานะ"

ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ "ทำไม"

"กูเพื่อนมึงนะ แค่ไปนอนเป็นเพื่อนแค่นี้จะให้เงินกันทำไม" คนตัวเล็กกว่าเดินมาใกล้ๆ แล้วยกมือขึ้นดีดหน้าผากผมอย่างแรง "จะให้กูล้านหนึ่งในวันเดียว อยากให้กูหัวใจวายตายรึไง"

"โอ๊ย เจ็บนะ!" ผมยกมือขึ้นจับหน้าผาก

"ดีดให้เจ็บไง ไม่เจ็บแล้วจะทำไม"

"แล้วมึงจะดีดหน้าผากกูทำไม" ถามอย่างไม่เข้าใจพลางลูบๆ หน้าผากไปด้วย

"เรียกสติมึงมั้ง ใช้เงินสะเปะสะปะไปแล้ววันนี้ คิดว่ารวยมากรึไง"

ก็รวยนะ พี่ชายคนโตก็โคตรรวย พี่คนรองก็เงินไม่ใช่ย่อย ผมก็มหาเศรษฐีต้นๆ ของแถบเอเชีย น้องคนเล็กเหรอ อยู่เฉยๆ ก็รวย สรุปคือรวยกันทั้งบ้าน

"รวยนะ รวยมากด้วย"

เออ รวยพอจะเลี้ยงมึงไปทั้งชีวิตเลยด้วย

เลี้ยงยันชาติหน้าก็ได้

อยากพูดออกไปแต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้...ผมคิดว่ายังนั้นนะ

"ฮึ หมั่นไส้" กระแทกเสียงใส่แล้วเดินนำไปห้องนอนผม "ไปนอน"

ผมทำเป็นหน้าหงิกหน้างออย่างไม่พอใจแต่พอควินซ์ไม่ได้มองมาก็หลุดยิ้มออกมานิดๆ...

ทำไมควินซ์น่ารักจังวะ

-----------------

เช้าวันต่อมา

"ไอ้ป๋า ไอ้คนเหี้ย"

"ด่ากูทำไม"

"มึงนอนทับแขนกูทั้งคืน" ควินซ์มองผมตาขวางแล้วขยับแขนนวดแขนนวดหัวไหล่ไปด้วย "เตียงแม่งตั้งกว้างจะมานอนทับกูเพื่อ"

"...." ผมที่นอนกอดมัน

"ถ้าจะนอนกินพื้นที่ขนาดนี้ทีหลังไม่ต้องลากกูไปนอน"

กูนอนกอดมึง ไอ้เหี้ย!

ผมรู้สึกพูดไม่ออกได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไอ้อารมณ์สดใสตั้งแต่ตื่นนอนจนตอนนี้เรียกได้ว่าสูญสลายไปหมดแล้ว ผมมองบนนิดนึงแล้วหลุบตามองเนคไทบนคอตัวเอง ทำเป็นใส่เนคไทไม่สนใจเสียงบ่นของควินซ์

"ไม่ฟังกูเลย" กระแทกเสียงอย่างหงุดหงิดแล้วเดินผ่านหน้าผมไปทางห้องครัว "เช้านี้จะกินอะไร"

"แซนวิชทูน่าไข่ดาว อ้อ กาแฟด้วย"

ตะโกนสั่งไล่หลังไปแล้วเดินไปเปิดทีวีเพื่อดูข่าวช่วงเช้า ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงสิบห้า จากคอนโดไปบริษัทก็สิบห้านาที ยังไงวันนี้ผมก็ไปทันเข้าประชุมช่วงเช้าแน่นอน

ทรุดตัวนั่งบนโซฟาแล้วดูข่าวสารเรื่องหุ้นและข่าวเศรษฐกิจ มันเป็นกิจวัตรประวันจำของผมไปแล้วที่ต้องมานั่งดูข่าวสารความเป็นไป

ดูข่าวเพลินจนกระทั่งควินซ์ทำอาหารเช้าเสร็จแล้วนำมาวางที่บนโต๊ะตรงหน้าผมถึงจะรู้สึกตัว มองถ้วยกาแฟร้อนๆ กับแซนวิชทูน่าไข่ดาวสองชิ้นแล้วก็เอื้อมมือไปหยิบขึ้นมา

"มึงไม่กินเหรอ" ผมถามควินซ์เพราะเห็นเจ้าตัวถือแค่แก้วกาแฟไม่มีอย่างอื่น

"ไม่หิวเท่าไร" ตอบเสียงเอื่อยๆ

"ทำไมดูไม่สดชื่น" วันนี้ควินซ์ดูมึนๆ ง่วงๆ

ยกกาแฟขึ้นจิบก่อน "นอนไม่พอ เจ็บแขน" นั่น ยังมองค้อนมาทางผมอีก

"ขอโทษได้มั้ยอ่ะ" ว่าแล้วก็หยิบแซนวิชอีกชิ้นส่งให้ควินซ์ "กินเข้าไปเดี๋ยวต้องทำงานอีกยาว"

วันนี้มีประชุมลากยาวถึงเที่ยงไม่รู้ว่าจะได้พักเบรกตอนไหน แต่ปกติก็ไม่ค่อยพักเท่าไร ควินซ์รับแซนวิชไปกินอย่างว่าง่ายแล้วหันไปดูข่าวบนทีวีบ้าง

ความเงียบสงบแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย แอบเหล่มองดูคนข้างๆ แล้วก็พยายามกลั้นยิ้ม...

เชี่ย เรานี่เหมือนคู่สามีภรรยากันจริงๆ อย่างที่นับสองบอกเลย

ทำไมผมเพิ่งรู้สึกตัววะ

ยิ่งคิดยิ่งกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่

"เออ มึง" ควินซ์พูดขึ้น

ผมขานรับอย่างอารมณ์ดี "ว่าไง"

"เย็นนี้ไม่มีนัดลูกค้าใช่มั้ย" ถามทำไมวะ

"ไม่มีนะ วันนี้กูว่าจะกลับเข้าบ้านด้วย" จะไปดูนับสองสักหน่อย แล้วก้ว่าจะซื้อขนมเข้าไปฝากด้วย "จะเข้าไปบ้านกูมั้ย"

ควินซ์ส่ายหน้า "ไม่มีนัดก็ดี กูจะได้ไปธุระของกูบ้าง"

"งั้นก็ไปทำธุระไป" พูดมาว่าธุระแล้วผมจะไปกล้าถามต่อเหรอว่าธุระอะไร "เย็นนี้คงไม่มีอะไรแล้ว เลิกงานปกติ"

คนเรามันก็ต้องมีเรื่องส่วนตัวและธุระเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น ผมต้องให้พื้นที่ส่วนตัวกับควินซ์ อย่าเพิ่งไปทำให้มันรู้สึกอึดอัด ผมยกกาแฟหอมกลมกล่อมขึ้นดื่มอย่างพออกพอใจ

ควินซ์นี่ชงกาแฟถูกใจผมตลอดจริงๆ

แปลว่าควินซ์ต้องใส่ใจผมมากสินะ เขินว่ะ

"ก็ดี กูจะได้ไปนัดเดตสักที"

"...!" ว่าไงนะ!

"รีบๆ หาเจ้าสาว แม่จะได้เลิกบ่นสักที เฮ้อ"

ควินซ์เหลือบมาเห็นผมที่จะอ้าปากพูดก็ตัดบทขึ้นมา

"มึงไม่ต้องมาบอกว่ามีนัดลูกค้าเลยนะ ถ้ามี มึงก็ไปคนเดียว"

แม่งเอ๊ย! เมื่อกี้ผมไม่น่ารีบพูดเลยว่าไม่มีงานต่อ

ไม่ได้ๆ ผมต้องหาทางขัดขวาง

เจ้าบ่าวมึงนั่งหัวโด่อยู่เนี่ย!

ยังจะกล้าไปหาเจ้าสาวอีกแหรอ