[ควินซ์]
ผมว่าวันนี้นับหนึ่งทำตัวแปลกมาก
แปลกไปจากทุกวัน
ตอนแรกก็ยังพอไม่สนใจได้บ้าง
แต่ว่า...
"ควินซ์ ดูหนังกัน"
ฮะ ใครชวนใครดูหนังนะ
ยอมรับเลยว่าตกใจมากถึงมากที่สุดแต่สีหน้าของผมกลับเรียบเฉยไม่ได้แสดงอาการตกใจออกไป ผมบอกปฏิเสธไปและไล่ให้มันไปอาบน้ำแล้วก็นอน
"แต่กูยังไม่ง่วง" นับหนึ่งไม่ยอมง่ายๆ และพูดอย่างเอาแต่ใจ"ไปดูหนังกับกู"
แต่กูง่วงครับเพื่อน
ในเมื่อมันอยากดูหนังนัก ผมก็เสนอหนังผีที่มันไม่กล้าดู ผมคิดว่ามันต้องรีบกลับห้องไปพักผ่อนและไม่ดูหนังแน่ๆ แต่นับหนึ่งกลับบอกจะดู ซึ่งผิดคาดไปมาก
และถ้าเพื่อนอยากดู ผมก็ไม่ขัด อืม อยากเห็นคนกรี๊ดแตกอยู่เหมือนกัน ผมน่าจะนอนหลับฝันดีแน่ๆ
หลังจากตกลงกันเรียบร้อยแล้วก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำห้องใครห้องมัน ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนักก็เสร็จแล้ว ออกมาแต่งตัวใส่เสื้อผ้าแล้วก็เดินไปห้องครัวเพื่อหาขนมมากินระหว่างดูหนัง
ผมเปิดตู้หาป๊อปคอร์น ป๊อบ ซีเคร็ตที่เคยซื้อมาแล้วเอาไปใส่ไมโครเวฟ จากนั้นก็เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบไส้กรอกกับนักเก็ตไก่ออกมาทอด
คนกินก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ผมเองนี่แหละ ผมเป็นพวกดูหนังและกินขนมไปด้วย...
ติ้ง...
เอาของออกจากตู้เย็นเสร็จก็เป็นเวลาเดียวกันที่ป๊อปคอร์นเวฟเสร็จพอดี ผมละมือจากพวกไส้กรอกแล้วไปเดินดูป๊อปคอร์น เห็นว่ามันพองตัวแตกตัวดีแล้วก็เอาไปเทใส่ชาร์ม
แล้วก็เดินกลับมาเปิดกระทะ...
กำลังยืนทอดไส้กรอกเพลินก็มีคนเดินเข้ามาในห้องครัว นับหนึ่งคงเดินหาผมล่ะมั้ง หรือไม่ก็มาหาน้ำกิน ผมตั้งหน้าตั้งตาทอดของกินไปโดยไม่ทันได้รู้สึกตัวว่ามีคนเดินมาซ้อนหลัง
"ทำอะไรกินน่ะ" เสียงทุ้มต่ำแหบแห้งนิดๆ เอ่ยถามใกล้ๆ กับใบหูของผม ลมหายใจกระทบผิวเนื้อผมจนทำให้ขนลุกซู่
ผมสะดุ้งสุดตัวแล้วก็เริ่มรู้สึกว่าท่าทางของพวกเราในตอนนี้มันพิกลน่าดู นับหนึ่งกับยืนซ้อนหลังผมในระยะที่แผงอกเขาชนกับแผ่นหลังของผมและเอามือจับเอวผมแล้วชะโงกหน้าข้ามไหล่มาดูของในกระทะ
นี่มันอะไร
"อะไรควินซ์" นับหนึ่งทำหน้างงๆ
ผมหยุดสนใจของในกระทะแล้วหันมาดูเพื่อนตัวเองที่...
"แล้วเสื้อมึงไปไหน"
ร้อยวันพันปีไม่เคยจะเดินเปลือยให้ผมเห็น
แต่วันนี้มันเดินโชว์เปลือยท่อนบนให้ผมสองรอบแล้วนะ
คิดจะทำอะไร
หรือแค่อยากอวดซิกซ์แพ็ก์
ถุย ตอนนี้ไม่ลงพุงก็บุญแล้วเถอะ
หุ่นก็งั้นๆ ยังจะมาโชว์อีก
-----
"อยู่ในตู้" นับหนึ่งตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ "มันร้อน เดี๋ยวค่อยใส่ก็ได้"
"เออ แล้วแต่มึงเลย" ห้องมัน ตัวมัน อยากจะใส่ตอนไหนก็แล้วแต่มัน แต่ทว่า... "แล้วมือมึงเนี่ย อะไร"
ไล่สายตาลงมาที่เอวของตัวเอง ในเวลานี้มีมือคู่ใหญ่จับไว้หลวมๆ นับหนึ่งมองตามสายตาผมแล้วหลุบตามองมือตัวเองอย่างแปลกใจแล้วค่อยๆ ดึงออกอย่างไม่รีบร้อน
"เผลอไปหน่อย"
ผมขมวดคิ้ว "ถอยไปห่างๆ"
มายืนชิดอะไรขนาดนี้ จะสิงร่างกันรึไง
นับหนึ่งขยับถอยไปอย่างว่าง่าย เปลี่ยนมายืนกอดอกพิงสะโพกกับขอบโต๊ะมองดูของทอดในกระทะ "อะไรกัน ยังไม่อิ่มอีกเหรอ"
"อิ่มแต่ก็อยากกินขนมเวลาดูหนัง" ผมตอบพลางใช้ตะหลิวผัดพลิกทอดไส้กรอกกลับด้าน "ไปเตรียมน้ำสิ"
"แค่จะดูหนังต้องเตรียมอะไรขนาดนี้เลยเหรอ"
"ดูหนังแบบไม่มีอะไรกินเลย มันก็หยาบกระด้างเกินไปมั้ง" ควินซ์หันมาสั่ง "ไปหยิบจานมาให้ด้วย" เมื่อกี้ดูเหมือนผมจะลืมหยิบมา
"สรุปจะให้ทำอะไรกันแน่" นับหนึ่งขมวดคิ้ว "จะให้ไปเตรียมน้ำหรือหยิบจาน"
"หยิบจานมันยากจนต้องใช้เวลาเป็นสิบนาทีเลยรึไง" มันถามอะไรโง่ๆ อีกเนี่ย "ไปหยิบจานมาก่อนแล้วก็ไปเตรียมน้ำ"
ต้องให้บอกทุกขั้นตอนเลยมั้ย เดินไปสามก้าว เปิดลิ้นชักที่สามนับจากทางซ้ายแล้วหยิบจานใบสีเขียวมิ้นท์ออกมาหนึ่งใบ ต้องให้ผมพูดแบบนี้มั้ย เฮอะๆ
"มึงก็รู้ว่ากูไม่รู้ว่าของมันอยู่ตรงไหน" นับหนึ่งบ่นอุบอิบแล้วเดินไล่เปิดลิ้นชักเปิดตู้แทบทุกอันที่มีในห้องครัวเพื่อหาจานให้ผม
ก็จริง ข้าวของในคอนโดนี้ส่วนใหญ่ ผมก็เป็นคนจัดให้มัน ออกแบบห้องและบิวท์อินก็เป็นผมอีกนั่นแหละที่จัดการ ตอนนับหนึ่งซื้อห้องที่นี่ก็สุ่มๆ เลือก ให้ผมจัดการต่อเอาเอง
ตอนย้ายมาอยู่คอนโดนี้ ผมก็เป็นคนจัดการดูแลย้ายของจัดของให้อีก ไม่แปลกที่ไอ้เพื่อนตัวดีเจ้าของห้องจะไม่ค่อยรู้ว่าของอะไรอยู่ตรงไหน ยิ่งห้องครัวนี่ยิ่งไม่เคยเข้า
คุณชายของแท้เลยจริงๆ
"ลิ้นชักทางซ้ายของมือมึง" สุดท้ายก็ทนไม่ไหวบอกออกไปหลังจากที่มันหาจานไม่เจอสักที
นับหนึ่งเปิดตามที่ผมบอกแล้วหยิบจานออกมาหนึ่งใบส่งให้ผม "เอ้า จาน"
เมื่อส่งจานให้ผมเสร็จแล้ว คุณเพื่อนเจ้าของห้องก็เดินไปเปิดตู้เย็นนหาเครื่องดื่ม
"ควินซ์ น้ำแข็งไม่มี"
"เอาแค่น้ำอัดลมก็ได้" ผมจำได้ว่าตัวเองซื้อพวกน้ำอัดลมกระป๋องมานะ และมันน่าจะยังเหลืออยู่
นับหนึ่งรับคำแล้วหยิบโค้กออกมาสองกระป๋อง ผมปิดเตาแก๊สแล้วตักไส้กรอดทอดใส่จาน ตอนแรกว่าจะทอดนักเก็ตไก่แต่คิดว่าแค่ไส้กรอกก็น่าจะพอ
เดินไปหยิบถ้วยเล็กมาใส่ซอสแล้ววางไว้บนจานไส้กรอกก่อนจะหันมาเก็บของใส่ตู้เย็นดังเดิม
"เสร็จแล้วใช่มั้ย" นับหนึ่งมองจานใส้กรอกกับชามป๊อปคอร์นเล็กน้อย
"ดูมึงอยากดูหนังเหลือเกินนะ" ผมว่าแล้วก้าวเดินไปห้องดูหนัง
"เปล่า" มันตอบแต่สายตาดูหลุกหลิกชอบกล "แค่ยังไม่ง่วงเลยต้องหาหนังดูเผื่อจะง่วง"
ผมเลิกคิ้ว "คิดว่าหนังผีมันจะทำให้มึงง่วงมั้ย"
"..." นับหนึ่งเม้มปากไม่ตอบ "ก็อาจจะง่วงก็ได้"
ระหว่างมันหลับระหว่างดูหนังผีกับกรี๊ดแตกตอนดูหนังผี แน่นอนว่าต้องเป็นอย่างหลังแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ผมส่ายหัวแล้วเอาจานไส้กรอกกับป๊อปคอร์นวางบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาตัวยาวที่สามารถปรับให้เป็นเตียงได้ และมันก็นั่งๆ นอนๆ ได้ถึงสามสี่คน
"แน่ใจนะว่าจะดูหนังผี" ผมหันไปถามย้ำกับคนกลัวผีอีกรอบในตอนที่กำลังจะเดินมาเปิดโปรเจกเตอร์และเปิดโน้ตบุ๊คเพื่อเชื่อมต่อระบบและเปิดหนัง
นับหนึ่งนอนพิงโซฟาเหยียดขายาว "เออ เปิดมาเลย กูไม่กลัวหรอก"
"เหอะๆ ให้มันจริง" ผมกลั้วหัวเราะแล้วพรมนิ้วลงบนแป้นพิมพ์กรอกชื่อหนังผีสุดสยองขวัญของไทยอย่างชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ อืม เรื่องนี้ผมเองก็ยังไม่ได้ดู เป็นหนังที่นานมากแล้วแต่ค่อนข้างโด่งดังในเรื่องความสยองขวัญเลย
หลังจากเปิดเชื่อมต่อหนังขึ้นโปรเจกเตอร์ได้แล้วผมก็เดินไปปิดไฟและใช้แค่ไฟหรี่เท่านั้น
"ปิดไฟทำไม!" นับหนึ่งสะดุ้งโหยงว่าหน้าตาตื่น
"ดูหนังใครเขาเปิดไฟ" ผมหยิบรีโมทสำหรับเล่นหนังมาถือแล้วเดินมาใกล้นับหนึ่งเพื่อนั่งโซฟาบ้าง "อะไรกัน ยังไม่ทันได้เริ่มก็ตกใจแล้วเหรอวะ"
"ไม่ใช่สักหน่อย"
"หวังว่าคงไม่ตกใจแล้วกอดกูนะ" ผมว่าขำๆ แล้วก็ยื่นมือไปตบแก้มเพื่อนสนิทอย่างหยอกๆ "หรือกูให้กอดดีนะ แต่คิดค่ากอดแล้วกัน กอดครั้งละพันดีมั้ย"
จำได้ว่าตอนสมัยมัธยม พวกเราดูหนังกันเป็นกลุ่มใหญ่ ไอ้หนึ่งนี่กอดผมกลมดิ๊กไม่ปล่อยตลอดทั้งเรื่องเลย มันไม่อยากให้เพื่อนคนอื่นรู้ว่ากลัวผีขึ้นสมองก็เลยกอดผมไว้ซุกหน้าอยู่กับหลังผม
"กอดครั้งละพัน?" นับหนึ่งทวนคำพูดผม
"ล้อเล่นหน่า" ผมโบกมือยิ้มน้อยๆ แล้วเดินผ่านมันเพื่อไปนั่งแต่วืดครับ ผมเหวอเมื่อข้อมือถูกฉุดกระตุกอย่างแรงจนเซไปด้านหลังและล้มลงไปนั่งทับตัวนับหนึ่ง
พอจะลุกขึ้นก็ถูกกอดเอวแน่นจนผมย่นคิ้ว
"กอดกูทำไมเนี่ย" ผมทำหน้าไม่เข้าใจ
นับหนึ่งว่าหน้านิ่ง "ก็มึงบอกกอดได้"
มึงก็เลยกอดเนี่ยนะ กวนตีนแล้ว ไอ้ห่า
"อ่ะ งั้นถือว่ามึงกอดกูหนึ่งครั้งแล้ว จ่ายมาเลยพันหนึ่ง" เออ งั้นผมคงไม่ผิดที่เก็บตังค์มันนะ กวนตีนมาก็กวนตีนกลับแล้วกัน เหอะๆ
"กูเหมาจ่ายแล้วกัน" มันว่าหน้าตายสนิทแล้วจับผมให้นั่งนิ่งๆ และวางคางบนไหล่ของผม
หา
"กอดทั้งเรื่อง ห้าแสน"
"...!"
"โอเคนะ"
อะไรของมึงเนี่ย ไอ้ป๋า!