webnovel

้Chapter 6.3

[ควินซ์]

น้องน้อย...นับสองน่ะเหรอ

ใบหน้าของผมซับสีแดงทีละนิดอย่างอับอาย สมองคล้ายหยุดทำงานไปชั่วขณะมึนเบลอไปหมดอย่างทำอะไรไม่ถูก ปากพูดอะไรไม่ออกสักคำ

สีหน้าแปลกประหลาดกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของผมเหมือนจะทำให้นับหนึ่งรู้สึกเป็นต่อขึ้นมา

"นี่มึงเข้าใจผิดเรื่องนับสองกี่รอบแล้ว"

ก็น่าจะเยอะอยู่...

"ใครใช้ให้มึงพูดไม่ชัดเจนเอง" เรื่องอะไรที่ผมจะยอมรับว่าตัวเองหน้าแหกกัน "ทุกครั้งเป็นเพราะมึงพูดไม่เคลียร์เองรึเปล่า"

เสียงบ่นอุบอิบที่ดังพอจะกระแทกหูผมว่าขึ้น "มึงก็ฟังไม่เคลียร์แล้วชอบมโนเองปะวะ"

อ้าว นี่มันว่าผมขี้มโนเหรอ

ตรงไหนที่ผมขี้มโนกัน ไม่มี!

"ตกลงนี่มึงจะมาขอโทษกูหรือมาแขวะกูกันแน่" ตอนนี้ผมรู้สึกว่าอารมณ์เย็นขึ้นมาบ้างแล้วแต่ยังคงโกรธคำพูดของมันเมื่อวานอยู่ "กูถามจริงนะ กูไม่ดีเหรอวะ มึงถึงมาตัดเพื่อนกับกู"

เออ ผมอยากรู้ว่าผมทำอะไรผิดเหมือนกัน

ถึงขั้นจะเลิกคบกันเลยนะ

"กูไม่ได้ตัดเพื่อนแบบนั้น" นับหนึ่งขมวดคิ้วยุ่ง

"แต่มึงเป็นคนพูดเอง หน้ามึงจริงจังไม่ได้ล้อเล่นด้วย!" ผมอยู่กับมันมาเป็นสิบยี่สิบปี มันโกหกหรือมันล้อเล่นทำไมผมจะดูไม่ออก

ตอนนั้นมันคิดที่จะตัดเพื่อนจริงๆ

"มันก็เออใช่ แต่ตัดเพื่อนในความหมาย.."

ผมโวยวายลั่นห้อง "เนี่ย มึงพูดว่ามึงจะตัดเพื่อนจริงๆ"

"โอ๊ย ฟังกูให้จบก่อน ไอ้เวร!" นับหนึ่งตะโกนใส่หน้าผมอย่างเหลืออดแล้วตรงเข้ามาตะครุบไหล่ผมทั้งสองอย่างแรงแล้วเขย่าตัวผมจนหัวสั่นหัวคลอน "มึงอย่าเพิ่งมโนไปก่อนได้มั้ย ชอบว่านับสองมโน มึงก็มโน ไอ้เหี้ย"

"ปล่อย!"

"ไม่ปล่อยจนกว่ามึงจะฟังกู!" นับหนึ่งถลึงตามองจ้องผมราวกับจะกลืนกินผมลงท้องยังไงยังงั้นทำเอาผมขนลุกจนเผลอมองค้าง

นับหนึ่งเป็นคนที่เข้มงวดมากทำให้บรรยากาศรอบตัวมักดูเป็นคนดุๆ เป็นประธานเฮี้ยบๆ เนี้ยบระเบียบจัด พนักงานบริษัทไม่กล้าหย่อนยาน ขนาดนับสองยังรู้สึกกลัวและเกรงนับหนึ่งมากกว่าไอศูรย์ออสตินแต่ผมที่เป็นเพื่อนกับมันมานมนาน เห็นความบ้าบอของมันมาก็เยอะเลยไม่เคยรู้สึกหวาดกลัว

แต่ตอนนี้กลับรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ ยังไงไม่รู้

แววตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองผมนิ่งใบหน้าเรียบตึงดูคาดเดาอารมณ์ไม่ออก ผมเผลอสบตาเข้าแล้ว็ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ

"มึงฟังกูนะ ควินซ์"

นับหนึ่งพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ คล้ายกำลังสงบสติอารมณ์และพยายามปรับโทนเสียงให้นุ่มนวลขึ้น ผมปิดปากเงียบไม่พูดอะไรเพื่อรอฟังมันพูด

แต่พอรอฟังมันพูดก็เสือกเงียบนานอีก

"มีอะไรก็พูดสิ" ผมเร่งมัน

"กูบอกว่าเราเลิกเป็นเพื่อนกันใช่มั้ย"

"เออ" ผมนิ่วหน้า

"ใช่ เลิกเป็นเพื่อน"

"..."

"แล้วให้มึงมาเป็นแฟนกู"

"...!"

"กูจะเป็นผัวมึง เข้าใจยังควินซ์!"

--------------

อะไรนะ...

ผมว่าผมได้ยินไม่ค่อยชัด ไม่สิ ผมว่า...ผมต้องหูฝาดหูเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ

"มึง...พูดว่าอะไรนะ" เสียงของผมคล้ายแหบแห้งอย่างเห็นได้ชัดและตื่นตระหนกสุดขีด

นับหนึ่งกุมไหล่ของผมแน่นขึ้นเหมือนตัวเองมันเองนั้นก็ทั้งเขินทั้งตื่นเต้น สังเกตได้จากใบหูและลำคอที่แดงก่ำแดงเถือกแล้วก็อึ้ง

เดี๋ยวๆ ไอ้อาการสาวน้อยเขินแตกนี่มันอะไรกัน

มันกำลังเขินผมอยู่จริงดิ

บ้าน่า ไม่น่าเป็นไปได้!

"มึงก็ได้ยินแล้ว" นับหนึ่งเม้มปากแน่นแล้วจ้องตาผมไม่กะพริบ "กูพูดชัดมากเลยนะ"

"มึงกำลังล้อเล่นเหรอวะ"

"กูกำลังจริงจัง!" มันตะโกนใส่หน้าผมแล้วเขย่าตัวผมอีกรอบ "เรื่องนี้มันใช่เรื่องตลกเหรอ!"

"ไม่"

ถ้าไม่ได้ล้อเล่นก็แปลว่าจริงจัง

ผมยังคงมีสีหน้าสับสนและสมองก็รวนไม่น้อย การจัดลำดับความคิดจึงช้ามาก ค่อยๆ ทบทวนคำพูดเมื่อกี้อย่างช้าๆ เพื่อให้ตัวเองเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง

"มึงบอกว่าให้กูไปเป็นแฟนมึง"

เอ่ยอย่างไม่แน่ใจ

นับหนึ่งพยักหน้า "ใช่"

"แฟนที่แปลว่า เอ่อ... คนรักอย่างงั้นเหรอ" เอ่ยตะกุกตะกักด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

"ทำไม? หรือคราวนี้มึงจะแปลคำว่าแฟนเป็นพัดลมอีก" แล้วทำไมต้องแขวะกันด้วยวะ!

ผมหน้าแดงวาบ "ไม่ใช่แบบนั้น!"

"แล้วมันยังไง" นับหนึ่งไล่ต้อนผมไม่หยุด "หรือกูยังพูดไม่ชัดอีก"

"ไม่ๆ ชัดแล้ว ชัดแล้ว!" ผมรีบพูดก่อนที่มันจะทำอะไรบ้าๆ ไปมากกว่านี้

นับหนึ่งได้ยินแบบนั้นแล้วก็ฉีกยิ้มกว้างราวกับฤดูใบไม้ผลิทันที แววตาคมกริบอ่อนโยนขึ้นและเปล่งประกายเจิดจ้าซะจนผมพูดอะไรไม่ออกแต่ดีที่ตอนนี้มันเลิกจิกไหล่ผมสักที

"มึงเข้าใจแล้ว? เข้าใจแล้วใช่มั้ย?" ถามอย่างตื่นเต้นคล้ายเด็กห้าขวบที่ได้ของเล่นไม่มีผิด "มึงไม่เข้าใจผิดแล้วใช่มั้ย!"

ผมนิ่วหน้านึกอยากด่านับหนึ่ง... มึงคิดว่ากูเป็นคนชอบเข้าใจผิดรึไง!

เอ่อ แต่ผมก็ชอบเข้าใจผิดจริงๆ นั่นแหละ

แต่มันก็ไม่ได้ผิดที่ผมมั้ย

เพราะไอ้หนึ่งชอบพูดไม่ชัดเจนตั้งแต่แรกเถอะ!

"อืม เข้าใจแล้ว" ผมพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ

"งั้นแปลว่ามึงตกลงเป็นแฟนกูแล้วใช่มั้ย" นับหนึ่งว่าอย่างระริกระรี้ท่าทางเหมือนหมาไซบีเรียนแสนร่าเริงไม่ผิด

ผมย่นคิ้วเข้าหากันแล้วปัดมือนับหนึ่งออกจากไหล่ตัวเองด้วยสีหน้าเรียบนิ่งทำให้อาการดีใจของนับหนึ่งหยุดชะงักและเพิ่งสังเกตสีหน้าผมที่ไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ไปมากกว่าตกใจ

"มึงประสาทปะ"

คนฟังอึ้งอ้าปากพะงาบๆ "มึง มึงว่ากูเหรอ"

"เออ มึงบ้าปะ"

ผมหัวเราะหึแล้วผลักอกมันอย่างแรง สีหน้าของนับหนึ่งมึนงงงเหมือนไม่เข้าใจสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น

"มึงคิดว่ามึงจะให้กูเป็นแฟน"

"..."

"แล้วกูต้องตอบตกลงงั้นเหรอ"

นับหนึ่งอึ้งเหมือนไม่คาดคิดมาก่อนว่าตัวเองจะถูกปฏิเสธ

"มึง มึงไม่ได้ชอบกูเหรอ"

อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงจริงๆ

"มึงมั่นหน้าไปรึเปล่า ไอ้ป๋า"

"..."

"คิดว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างที่มึงต้องการทุกอย่างเหรอ"

"..."

"กูถึงบอกไง มึงมันประสาท"

มันชอบผม

แล้วผมต้องชอบตอบเหรอ

ก็บอกแล้วไง

เลิกชอบมานานแล้ว เหอะ